|
เธอ...เขา...และรักเรา 2 ตอนที่ 1
ที่สนามบินนานาชาติเกาหลีใต้
ฮวางโบหยิบกระเป๋าเดินทางของตัวเองออกจากสายพานลำเลียงกระเป๋าภายในสนามบิน และมุ่งหน้าตรงไปยังประตูทางออกของผู้โดยสารขาเข้า หลังจากที่เธอต้องเดินทางจากเกาหลีไปถึง 2 สัปดาห์ และตอนนี้เธอก็กำลังดีใจสุดๆ...ที่สุดท้ายเธอก็ได้กลับมาถึงบ้านเกิดของตัวเองซะที....
“เฮ้อออออ!!~~....ในที่สุด...ฉันก็ได้กลับบ้านแล้ว ดีใจจังเลยยย” ฮวางโบบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างมีความสุข
และทันทีที่เธอมาถึงที่รถที่ทางบริษัทจัดเตรียมมารับเธอ...เสียงข้อความบนโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น....
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ...ที่รักของผม”
ฮวางโบได้แต่ยิ้มเป็นประกายออกมาอย่างมีความสุขทันทีเมื่อได้อ่านข้อความบนมือถือนั้น และเธอก็กำลังพิมพ์ข้อความตอบกลับข้อความนั้นไป...แต่แล้ว...จู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา....
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ...ฮวางโบ...ทุกอย่างที่ไต้หวันเรียบร้อยดีมั้ย?” ประธานลีกล่าวทักทายเธออย่างเป็นกันเองทันทีที่เธอกดรับสายเขา
“ฮ่าฮ่า...อย่าห่วงเลยค่ะ ทุกอย่างที่นั้นราบรื่นดีและฉันก็ได้ติดต่อเซ็นสัญญากับทางนั้นอีกเป็นเวลา 1 ปีเรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ อ้อ...แล้วก็....ตอนนี้ฉันก็กำลังอยู่ระหว่างทางที่จะไปบริษัทแล้วนะค่ะ ถ้าคุณมีอะไรจะพูดกับฉันอีก....เดี๋ยวเอาไว้เราค่อยพูดกันหลังจากที่ฉันไปถึงที่บริษัทแล้วก็แล้วกันนะค่ะ” ฮวางโบตอบกลับประธานลีทันที
“วิเศษมาก...ฮวางโบ....นี่ผมไม่รู้จริงๆ นะเนี่ย....ว่าผมจะสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้รึเปล่าถ้าไม่มีผู้ช่วยแสนสวยและมากความสามารถอย่างคุณอยู่ข้างๆ ผมแบบนี้” ประธานลีพูดชมเธออย่างภาคภูมิใจ
“ฮ่าฮ่า...ขอบคุณที่ชมค่ะ...และคุณก็ไม่ต้องทำอะไรมากนักหรอกนะค่ะ..แค่คุณทำตัวและทำใจให้สบายๆ ก็พอ อย่าลืมซิค่ะว่าคุณนะ...เป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดของบริษัท DSP เมื่อ 2 ปีก่อน เพราะฉะนั้นยังไงฉันก็ต้องอยู่ช่วยคุณไปอีก 2 ปี...ตามที่สัญญานั้นมันระบุไว้ ถูกต้องมั้ยล่ะค่ะ....ฮ่าฮ่าฮ่า....” ฮวางโบพูดกับเขาอย่างเป็นกันเอง โดยไม่คิดมากและไม่เห็นว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่เห็นแก่เงินเหมือน 2 ปีก่อนอีกแล้ว เพราะตอนนี้...สำหรับเธอแล้ว...เขาเป็นเหมือนเพื่อน...เหมือนคนในครอบครัวของเธอไปซะแล้ว
“ฮ่าฮ่า...เข้าใจแล้ว...เข้าใจแล้ว...งั้นเดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันต่อนะหลังจากที่เธอกลับมาถึงที่ออฟฟิศก็แล้วกันนะ อ้อ...แล้วอีกเรื่องนึง...เกี่ยวกับเรื่องของพวกเด็กๆ นะ ตอนนี้พวกเขายังคงบินไปทำงานตารางงานของพวกเขาอยู่ใช่มั้ย” ประธานลีพูดกับเธอ
“อ๋อ...ใช่ค่ะ...และตอนนี้ฉันก็คิดว่าพวกเขาก็น่าจะอยู่บนเครื่องบินแล้วมั่งค่ะ” ฮวางโบตอบกลับเขาไปทันทีเช่นกัน
--------------------------------------------------------
ในช่วงเวลาหลังจากที่เธอหย่าขาดกับฮยอนจุงเมื่อ 2 ปีก่อนนั้น...ฮวางโบได้ตัดสินใจที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าและพยายามเก็บซ่อนความเจ็บปวดของตัวเองเอาไว้ให้ลึกที่สุด...โดยก้าวแรกที่เธอเริ่มก้าวต่อไปข้างหน้า...คือการเปิดตัวอัลบั้มใหม่อัลบั้มแรกของเธอที่ออกภายใต้สังกัดของ DSP นั่นเอง และดูเหมือนว่าอัลบั้มใหม่อัลบั้มนี้จะได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ของเธอเป็นอย่างดีซะด้วย ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเกาหลีหรือในญี่ปุ่นก็ตาม ทั้งหมดก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนถึงขนาดที่ต้องมีการจัดงานแฟนมีทติ้งให้กับเธอเลยทีเดียว และแฟนคลับที่เดินทางมาเข้าร่วมงานก็มีถึงเกือบ 2,000 คนเลยด้วย
ย้อนกลับไปในเหตุการณ์วันนั้นเมื่อ 2 ปีก่อน
หลังเวทีงานแฟนมีทติ้งของฮวางโบ
“คุณฮวางโบค่ะ....แฟนคลับของคุณมารอดูคุณอยู่ด้านนอกนั้นอย่างล้นหลามเลยนะค่ะ...ดูซิค่ะ” ผู้จัดการของเธอพูดกับเธอด้วยความตื่นเต้น
“เอ่อ...จริง...จริงหรือค่ะ? แต่....” แต่ฮวางโบกลับรู้สึกแตกต่างไปจากผู้จัดการของเธอ เพราะเธอพูดมันออกมาด้วยท่าทีที่ดูเป็นกังวลเอามากๆ...
“พี่สะใภ้ฮะ!!!!~~” เบบี้ส่งเสียงเรียกเธอด้วยน้ำเสียงสดใสและร่าเริงเช่นเคย
“โอ๊ะ...นี่พวกเธอ 4 คนก็มาที่นี่ด้วยหรือจ๊ะ?” ฮวางโบถามกลับพวกเขาอย่างดีใจและเป็นกันเองเช่นกัน
“ก็ใช่นะซิครับ....ยังไงวันนี้พวกเราก็ต้องมาให้กำลังใจพี่ให้ได้ เพราะมันถือเป็นการมีทติ้งกับแฟนๆ ครั้งแรกของพี่หลังจากย้ายค่ายไงฮะ!!!” คยูจงพูดกับเธออย่างอ่อนน้อมและอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“พี่ขอบใจพวกเธอมากนะจ๊ะ และก็...อีกเรื่องนึง...ยังไงตอนนี้พี่กับฮยอนจุงเราสองคนก็หย่าขาดจากกันแล้วนะ เพราะฉะนั้นมันจะดีมากๆ เลยถ้าพวกเธอจะกลับมาเรียกพี่ว่า.... ‘พี่สาว’ หรือไม่ก็ ‘พี่ฮวางโบ’ อีกครั้ง เพราะมันคงจะทำให้พี่รู้สึกอึดอัดน้อยลงกว่านี้หน่อยนะจ๊ะ” ฮวางโบพูดกับพวกเขาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก
“เอ่อ...ผมขอโทษฮะ...แต่ไม่ว่ายังไง...ผมก็จะเรียกพี่ว่า ‘พี่สะใภ้’ แบบนี้ต่อไปนั่นแหละ และก็ไม่มีใครสามารถมาห้ามผมได้ด้วย เพราะยังไงผมก็ไม่สามารถ....(ยอมรับว่าพี่สองคนหย่าขาดกันแล้วได้)....” เบบี้พูดกับเธอเหมือนเด็กเอาแต่ใจ แต่...ก่อนที่เขาจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ได้ เขาก็ยองแซงพูดขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน
“ครับพี่...พวกเราเข้าใจแล้วครับ...แต่มันคงยากสำหรับพวกเด็กๆ ไปซะหน่อยที่จู่ๆ ก็ต้องเปลี่ยนกลับมาเรียกพี่ว่า ‘พี่สาว’ แบบปุบปับแบบนี้ แต่...พวกเราก็จะพยายามจำเอาไว้ฮะ...และ....เอ่อ...พี่ฮวางโบ...พี่โอเคนะฮะ? เพราะหน้าของพี่มันดูซีดจังเลย แถมยังมีเหงื่อออกมาอีกต่างหาก?” ยองแซงพูดและถามเธอด้วยความเป็นห่วง หลังจากเห็นอาการของเธอดูไม่ค่อยดีเลย
“เอ่อ...พี่ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ พี่แค่เหนื่อยนิดหน่อยเพราะตารางโปรโมทอัลบั้มใหม่ของพี่นะจ๊ะ มันไม่เคยแน่นขนาดนี้มาก่อนเลยนะ พี่ก็เลยไม่ค่อยได้มีเวลาพักผ่อนนะ” ฮวางโบพยายามพูดเพื่อให้พวกเขาทั้งหมดสบายใจ
“อ้อ...ฮะ...แต่ยังไงพี่ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะฮะ...อย่าหักโหมทำงานหนักมากเกินไปนักล่ะ” ยองแซงพูดกับเธอด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง
“โอเคค่ะ...คุณฮวางโบค่ะ...อีก 5 นาทีเราจะก็เริ่มงานมีทติ้งแล้วนะค่ะ” ผู้จัดการของเธอพูดขัดจังหวะขึ้นมา
ขาของฮวางโบเริ่มสั่นขึ้นมาทันทีเมื่อเธอเริ่มก้าวไปที่ประตูเพื่อขึ้นไปบนเวทีที่อยู่ด้านใน...เธอเริ่มงานแฟนมีทติ้งของเธอด้วยการร้องเพลงในอัลบั้มใหม่ของเธอเพื่อการสื่อสารระหว่างเธอกับแฟนๆ และการที่ได้มองดูเหล่าบรรดาแฟนคลับของเธอที่อยู่ตรงหน้านั้น มันก็ยิ่งทำให้เธออยากที่จะเดินเข้าไปใกล้ชิดกับพวกเขาให้มากขึ้นและโชว์ลีลาและพลังเสียงของเธอให้เต็มที่เพื่อแทนคำขอบคุณของเธอที่มีต่อแฟนเพลงของเธอนั่นเอง แต่แล้ว...เมื่อแฟนคลับของเธอเริ่มส่งเสียงกรี๊ดด้วยความดีใจ...มันก็ทำให้เธอถึงกับหัวหมุนติ้วและจิตใต้สำนึกของเธอก็บอกให้เธอก้าวถอยหลังออกมาจากกลุ่มแฟนคลับที่กำลังตื่นเต้นดีใจ และโบกโปสเตอร์ของเธอไปมา พร้อมกับส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจเธออยู่ขณะนั้น....
จนกระทั่ง....เมื่อเธอกำลังร้องเพลงที่ 3 ของเธออยู่นั้น เธอก็เริ่มเสียสมาธิในการร้องเพลงขึ้นมาอย่างช้าๆ เมื่อเธอมองเห็นว่าแฟนคลับของเธอกำลังเบียดกันเข้ามาและผลักกันเองโดยไม่ได้ตั้งใจ มันก็ยิ่งทำให้ใจของเธอลอยไปคิดถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่สนามบินเมื่อ 4 เดือนก่อนนั้นอย่างช่วยไม่ได้....
จนในที่สุด...ฮวางโบก็ควบคุมสติของตัวเองเอาไม่อยู่และส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดผวา จนทำให้ทุนคนที่อยู่ในงานนั้นต่างพากันตกใจไปทั่วทั้งงาน และพวกเขาทั้งหมดที่อยู่ที่นั้นก็ได้เห็นว่าฮวางโบกำลังตัวสั่นนั่งหมอบลงกับพื้นเวที และกำลังเอามือทั้งสองข้างของตัวเองยกขึ้นมาปิดหูด้วยความกลัว....ผู้จัดการของเธอที่เห็นอาการของเธอเป็นแบบนั้นก็รีบขึ้นมาบนเวทีและช่วยพาเธอกลับลงไปด้านหลังเวที และพิธีกรอยู่ในงานแฟนมีทติ้งนั้นก็ออกมาพูดปิดงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า....
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นค่ะ? คุณฮวางโบ....คุณโอเคมั้ยค่ะ?” ผู้จัดการของเธอถามเธอด้วยความเป็นห่วง
“ฉัน...ฉันหายใจ...ไม่ออก....ฉัน...ฉัน...ไม่สามารถ.....” ฮวางโบพยายามพูดกับผู้จัดการของเธอด้วยอาการเหนื่อยหอบและกำลังรู้สึกเวียนหัวสุดๆ เหมือนกับว่าโลกทั้งโลกกำลังหมุนอยู่รอบตัวเธออย่างรวดเร็ว
และก่อนที่เธอจะพูดอะไรต่อไปได้ เธอก็ต้องรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำและอาเจียนเอาอาหารที่เธอเพิ่งกินไปเมื่อกลางวันออกมาซะก่อน...
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่สะ...เอ้ยยย...ไม่ใช่...พี่ฮวางโบหรือฮะ?” จองมินที่วิ่งตามมาดูอาการของฮวางโบถามผู้จัดการของเธอทันทีด้วยความเป็นห่วง
“เอ่อ...ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ...แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมีอาการประหม่าแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนะค่ะ” ผู้จัดการของเธอตอบ ในขณะที่สายตายังคงมองไปที่ห้องน้ำด้วยความกังวล
และพวกเขาทั้งหมดก็ลงความเห็นกันว่า...นี่อาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าก็ได้ที่เป็นสาเหตุทำให้ฮวางโบมีอาการแบบนี้ แต่เมื่อฮวางโบมีอาการแบบเดียวกันนี้อีกในอีก 2 งานต่อมาที่ถูกจัดขึ้นในวันถัดๆ ไป โบรัมจึงแนะนำให้ฮวางโบไปพบจิตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาจากเขาดู....
ฮวางโบจึงได้ตัดสินใจไปพบกับจิตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรง เพื่อให้คุณหมอช่วยตรวจดูอาการของเธอที่เธอกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้....
--------------------------------------------------------
ที่คลินิกจิตแพทย์
“มันมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับฉันรึเปล่าค่ะ...คุณหมอ?” ฮวางโบถามคุณหมอด้วยท่าทีที่เป็นกังวล
“คุณไม่ได้มีอะไรผิดปกติหรอครับ เพียงแต่...ปัญหาของคุณมันต้องการเวลาในการช่วยรักษาก็เท่านั้นเองนะครับ” คุณหมออธิบายกับเธออย่างใจเย็น
“เอ่อ...คุณหมอหมายความว่าไงหรือค่ะ?” ฮวางโบถามกลับด้วยความสงสัย
“คืออย่างนี้ครับ...จิตใต้สำนึกของคุณมันยังไม่สามารถเอาชนะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคุณเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้ได้ และเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นมันได้ทิ้งเงาดำมืดไว้ในจิตใจของคุณด้วย มันเลยทำให้ตอนนี้คุณกลายเป็นคนขี้หวาดระแวงต่อฝูงชนที่มีจำนวนมากๆ ที่อยู่ต่อหน้าคุณยังไงล่ะครับ และเพราะอารมณ์ที่ถูกผลกระทบจากภายในจิตใจของคุณมันเลยทำให้คุณรู้สึกประหม่าและกระวนกระวายเพราะคุณคิดว่าคนพวกนั้นอาจจะมาทำให้คุณเจ็บปวดและเสียใจอีกครั้ง ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณมีอาการเหมือนคนสำลักและหายใจไม่ออก....” คุณหมออธิบายอาการของเธอ
“งั้น...ตอนนี้ฉันก็กลายเป็นคนโรคประสาทแล้วซินะค่ะ?” ฮวางโบถามคุณหมอต่อไปด้วยอาการหดหู่เมื่อรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตัวเอง
“ฮ่าฮ่า...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ก็อย่างที่ผมบอกคุณไปก่อนหน้านี้นะครับ....ว่าอาการของคุณมันต้องการเวลาในการรักษาและเอาชนะกับเรื่องนี้ และผมก็ได้วางแผนในการรักษาคุณเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย แต่มัน....จะใช้เวลาจริงๆ ในฟื้นตัวนานแค่ไหน มันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองนั่นแหละครับว่าเมื่อไหร่คุณจะพร้อมก้าวออกมาจากเงาดำมืดของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคันในตอนนั้น.....
--------------------------------------------------------
ที่บริษัท DSP
“ผมคิดว่า....ตอนนี้เราคงต้องหยุดให้คุณปรากฏตัวต่อหน้าสาธารชนแล้วล่ะ เพราะยังไง....สุขภาพของคุณก็ต้องสำคัญมากที่สุดและมาเป็นอันดับแรก” ประธานีลีพูดกับเธออย่างห่วงใย
“แต่....เราเพิ่งจะเปิดตัวอัลบั้มเองนะค่ะ.....” ฮวางโบพูดขัดขึ้นด้วยความห่วงงาน
“คุณฮวางโบครับ....คุณผ่านอะไรมามากพอแล้วนะครับ และผมเองก็เป็นเจ้านายของคุณเพราะฉะนั้นคุณต้องฟังผมซิครับ และนอกจากนี้...ยอดขายในอัลบั้มใหม่ของคุณมันก็ทะลุเป้าเกินกว่าที่เราคาดการณ์กันเอาไว้แล้ว และคุณเองก็ยังตารางงานที่ต้องทำตั้งหลายอย่าง....ทั้งรายการวิทยุและรายการโทรทัศน์ เพราะฉะนั้นแค่นี้มันก็พอแล้วล่ะครับ และเราก็ไม่จำเป็นต้องจัดงานแฟนมีทติ้งให้กับคุณมากนักก็ได้....” ประธานลีพยายามพูดปลอบเธอเพื่อให้เธอสบายใจ
“แต่...ฉัน...ไม่มั่นใจจริงๆ นะค่ะว่ามันต้องใช้เวลานานแค่ไหนที่ฉันจะสามารถเอาชนะความกลัวของโรคนี้ได้” ฮวางโบพูดกับประธานลีอย่างตรงไปตรงมา
“ก็ไม่เป็นไรนี่ครับ...จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ใช้ไปเถอะ...เพราะยังไงคุณก็ต้องอยู่กับผมต่อไปอีก 5 ปี จริงมั้ยล่ะครับ ฮ่าฮ่า....” ประธานีลีพูดกับเธออย่างอ่อนโยน และพยายามพูดให้มันตลกเพื่อให้เธอสบายใจ และตอนนี้เขาก็กำลังรู้สึกเห็นใจเธอมากๆ ที่ต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้
“แล้วก็เรื่องสัญญา 5 ปีนั้นด้วยค่ะ...ฉันตั้งใจว่าหลังจากที่เสร็จสิ้นการโปรโมทอัลบั้มนี้แล้ว ฉันจะขอยกเลิกสัญญานั้นกับทาง DSP ค่ะ” ฮวางโบพูดกับประธานลีอย่างจริงจัง
“หา...คุณว่าอะไรนะ?” ประธานลีถามเธอด้วยความตกใจ
“คือฉันมาคิดๆ ดูแล้ว...ฉันคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเมื่อไหร่ฉันจะสามารถเอาชนะโรคบ้าๆ ที่ฉันป็นอยู่นี่ได้ซะที และถ้าหากฉันไม่สามารถเอาชนะมันได้ล่ะ? แล้วอีกอย่างฉันจะอยู่ในวงการนี้ได้ยังไงถ้าหากฉันไม่สามารถแม้แต่จะใช้เวลาร่วมกับแฟนๆ ของฉันได้แบบนี้?” ฮวางโบพูดระบายความรู้สึกอึดอัดใจของเธอให้เขาฟัง
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปหลังจากที่ยกเลิกสัญญากับทางเราแล้วล่ะครับ? คุณจำเป็นจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางบริษัท DSP ของเรานะ แล้วนี่คุณจะทำอย่างนั้นได้หรือถ้ายกเลิกสัญญากับเราแล้ว?” ประธานลีถามเธอกลับอย่างใจเย็น
“ฉัน...เอ่อ...แต่...จะให้ฉันนั่งอยู่เฉยๆ เป็นศิลปินในสังกัดของ DSP ต่อไปได้ยังไงกันล่ะค่ะ โดยที่ไม่มีผลงานอะไรออกมาเลย?” ฮวางโบถามเขากลับอย่างหงุดหงิดและรู้สึกผิดหวังกับตัวเองสุดๆ
“งั้นผมมีไอเดียที่จะเป็นประโยชน์กับเราทั้งสองฝ่าย ทั้งทางบริษัท และกับตัวคุณเอง คือพอดีว่าผู้จัดการฝ่ายการตลาดของผมกำลังจะลาออกในสิ้นเดือนนี้ ผมเลยคิดว่าคุณน่าจะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากที่สุด...แล้วคุณล่ะครับ...เห็นว่ายังไง?” ประธานลีเสนอทางเลือกให้กับเธออย่างจริงใจ
นั้นคือตอนจบของเรื่องที่ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน
--------------------------------------------------------
กลับมาปัจจุบัน...ที่ออฟฟิศของบริษัท DSP
ฮวางโบได้เดินทางมาถึงหน้าประตูทางเข้าออฟฟิศเรียบร้อยแล้ว และเธอก็ได้ทักทายกับพนักงานต้อนรับของบริษัทอย่างเป็นกันเองเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา....
“อ้าว!!~~...คุณฮวางโบ ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ!!~” พนักงานต้อนรับคนนั้นทักทายเธออย่างเป็นมิตร
“บอกฉันหน่อยซิค่ะ...ว่าทำไมรอยยิ้มของคุณถึงได้ดูสดใสและมีชีวิตชีวาอยู่เสมอเลยนะ? แล้วก็...ดูเหมือนว่าตลอด 2 ปีมานี่คุณจะไม่เคยลางานเลยซักครั้ง!!!~ ฮ่าฮ่า....นี่ค่ะ ของฝากจากไต้หวัน ส่วนของพวกนี้ก็มันเป็นของพื้นเมืองของทางไต้หวันเขา...คุณช่วยเอาไปแจกให้กับพนักงานคนอื่นๆ ต่อด้วยนะ?” ฮวางโบพูดกับเธออย่างสดใสร่าเริง
“ขอบคุณนะค่ะ...คุณฮวางโบ...อ้อ..และก็นี่...ข้อความที่ส่งถึงคุณในระหว่างที่คุณไม่อยู่ค่ะ และส่วนอันนี้...ช่อดอกไม้ของคุณที่เพิ่งมาส่งให้คุณเมื่อซักครู่นี้เองค่ะ” พนักงานต้อนรับพูดกับเธอก่อนที่จะส่งข้อความและช่อดอกไม้นั้นให้กับเธอ
ฮวางโบยื่นมือไปรับดอกไม้ช่อนั้นพร้อมกับซองเอกสารที่มีข้อความทั้งหมดที่ส่งถึงเธอในระหว่างที่เธอไม่อยู่ที่เกาหลีมา จากนั้น...เธอก็เดินไปหยุดที่หน้าประตูห้องทำงานของเธอ และที่ประตูนั้นมันก็มีป้ายที่ระบุตำแหน่งว่า....
“ผู้จัดการฝ่ายการตลาด – ฮวางโบ ฮเยจุง”
และเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของเธอ...เธอก็เปิดอ่านข้อความในการ์ดที่แนบมาพร้อมกับดอกไม้ช่อนั้น....
“หวังว่าคุณจะชอบดอกไม้ช่อนี้นะครับ และเย็นนี้ผมจะมารับคุณไปทานดินเนอร์ด้วยกันนะครับ”
--------------------------------------------------------
โปรดติดตามต่อไป (เธอ...เขา...และรักเรา 2 ตอนที่ 2)
ปล. แป๋วเพิ่มความรู้สึกส่วนตัวไปเยอะมาก ยังไงก็อย่าเพิ่งว่ากันนะ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่ติดตาม และอยากให้ทุกคนเป็นกำลังให้แบบนี้ต่อไป (รักคนอ่านนะจุ๊บๆ เลี่ยนซะ ฮ่าฮ่าฮ่า...)
Create Date : 07 กันยายน 2553 |
Last Update : 7 กันยายน 2553 21:21:31 น. |
|
1 comments
|
Counter : 637 Pageviews. |
|
|
|
โดย: prongpawin IP: 27.130.26.112 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:22:02:38 น. |
|
|
|
| |
|
"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"
|
|
|
|
|
|
|
|
สู้ๆ