Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
25 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
ตอนที่ 12 พาร์ท 1

***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นหรือไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย

ปล. เนื้อหาที่แปลอาจถูกปรับแต่งเพื่อความเหมาะสมและใส่อารมณ์ความรู้สึกของตัว ละครนั้นๆ ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความบันเทิง หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยด้วยนะค่ะ****



ภายในห้องประชุมของบริษัท DSP

“ฮยอน จุง!~ นี่นายรู้ตัวมั้ยว่านายทำอะไรลงไป!? นายรู้รึเปล่าว่าตอนนี้ข้างนอกนั้นมันกำลังวุ่นวายไปหมดเพราะเรื่องของนาย เพียงคนเดียว?” พี่ผู้จัดการของเขาพูดขึ้นทันทีอย่างหัวเสียเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาทำ

“พี่ ฮะ...แล้วพี่นอกใจพี่สะใภ้จริงๆ รึเปล่าฮะ” คยูจงถามเขาด้วยความสับสนและลังเล

“แน่นอนว่าไม่...ฉันไม่ทำแบบนั้น อยู่แล้ว” ฮยอนจุงตอบกลับคยูจงเสียงเข้ม

“งั้นก็บอกความจริงมาซิว่า มันเกิดอะไรขึ้น!” ผู้จัดการของเขายิงคำถามใส่เขาต่อทันที

และตอน นั่นเองท่านประธานลีก็เดินเข้ามาในห้องประชุม

“ตอนนี้สถานการณ์ข้าง นอกเป็นยังไงบ้าง?” ประธานลีถามขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว

“มันก็ไม่ ดีซักเท่าไหร่ครับ เพราะมันดันมีกลุ่มพิทักษ์สิทธิสตรีออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคุณ ฮวางโบ เพราะพวกเขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ และดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดจะยืนอยู่ข้างเธอด้วย และก็...ยังมีพวกนักข่าวและแฟนคลับจำนวนมากที่มายืนรอและเฝ้าอยู่ที่หน้า บริษัท และที่บ้านพักของพวกเขาด้วย ตั้งแต่มีข่าวเรื่องนี้ออกไป และผมก็คิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องยากถ้าหากจะพาพวกเขากลับไปที่บ้านพักในเช้า วันนี้ อ้อ...แล้วก็ยังมีอีเมลที่ส่งมาหาพวกเราเป็นจำนวนมากเพื่อขอให้พวกเราทำการ ชี้แจงเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดด้วยครับ เพราะถ้าไม่อย่างงั้น...ถ้าเราไม่ชี้แจงเรื่องโดยเร็วที่สุด พวกเขาทั้งหมดก็คิดว่าคุณฮวางโบสมควรจะหย่ากับ...เอ่อ...ฮยอนจุงซะ” ผู้จัดการของเขาบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับทุกคนในที่ประชุมฟัง

“พี่ ว่าอะไรน่ะฮะ? นี่มันบ้าที่สุด...พวกเขามีสิทธิอะไรมาบอกให้พวกเราสองคนหย่ากันแบบนี้?” ฮยอนจุงพูดขัดขึ้นอย่างหัวเสีย และรู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินว่ามีคนต้องการให้เขา หย่ากับเธอ...

“แล้วเรื่องสื่อต่างๆ ล่ะ พวกเขาว่ายังไงกันบ้าง?” ประธานลีถามต่อ โดยไม่สนใจอารมณ์โกรธที่กำลังพลุ่งพล่านของฮยอนจุง

“ทาง เราก็ได้รับโทรศัพท์จากพวกเขาไม่ขาดสายเลยครับ แต่พวกเราก็ได้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นไปแล้ว...เอ่อ...ท่านประธานครับ ผมเกรงว่า...ถ้าเราไม่รีบแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ผมกลัวว่ามันจะส่งผลกระทบกับอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะออกของพวกเขานะครับ”

“ฮยอน จุง...ฉันอยากฟังความจริงจากปากของนาย” ประธานลีหันไปพูดกับเขาด้วยท่าทีสงบนิ่ง

“เอ่อ...ผมขอโทษจริงๆ ฮะ ที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปหมดแบบนี้ แต่…มันไม่ใช่อย่างพวกคนข้างนอกนั่นเขาคิดกันหรอกนะฮะ เพราะความจริงแล้ว...คืนนั้นมันไม่อะไรเกิดขึ้นจริงๆ ระหว่างผมกับเธอ...”

--------------------------------------------------------

ย้อนเหตุการร์กลับไปในคืนนั้น

ฮยอน จุงกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาฮวางโบ แต่แล้วกลับมีสายเรียกเข้าขึ้นมาขัดจังหวะการโทรของเขาซะก่อน

“ฮัล โหล...สวัสดีครับ” ฮยอนจุงพูดทักทายกับปลายสายหลังจากกดรับโทรศัพท์เรียบร้อย

“พี่ฮยอน จุง.....” ยองบินเรียกชื่อเขากลับด้วยเสียงสั่นเครือ

“โอ๊ะ!...หวัด ดี...นั่น...เอ่อ...ใช่เสียงของยองบินรึเปล่า? เกิดอะไรขึ้นน่ะ? นั่นเธอกำลังร้องไห้อยู่หรือ?” เขาถามเธอเป็นชุดทันทีหลังจากได้ยินเสียงของยองบินเหมือนคนกำลังร้องไห้

“ฉัน รู้ว่าฉันไม่ควรโทรมาหาพี่ แต่...ฉันอยากพูดเรื่องนี้กับใครซักคน..ฉันก็เลย...” ยองบินพูดไปร้องไห้ราวกับมีเรื่องทุกข์ใจแสนสาหัส

“โอเค...ไม่เป็นไร ยองบิน เธอพูดมาเถอะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไม...เธอมีเรื่องอะไรถึงทำให้เธอร้องไห้ได้แบบนี้?” ฮยอนจุงพยายามพูดปลอบใจเธอ

“คือว่า...พ่อของฉัน...ท่าน...ป่วย เป็น..มะเร็งปอด...ระยะสุดท้ายค่ะ และ...” ยองบินยิ่งพูดไปก็ร้องไห้ไปหนักขึ้นไปอีก เมื่อได้พูดมันออกมา

“ใจ เย็นๆ ก่อนนะยองบิน...ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? เดี๋ยวฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวแหละ...” เขาพูดกับเธอด้วยความเป็นห่วง

“ฉัน...ฉัน อยู่ใกล้ๆ กับอพาร์ทเมนท์ของพี่นี่แหละคะ” เธอพูดกับเขาในขณะที่ยังสะอื้นไม่หยุด

“งั้นเธอรออยู่ที่นั่น แหละ...เพราะฉันกำลังจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้” ฮยอนจุงพูดเสร็จก็กดวางสาย และรีบออกไปพบเธอทันที

นั่นคือเรื่อง ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้น...

--------------------------------------------------------

“หลัง จากนั้นผมก็พาเธอไปที่บ้านเพื่อรอให้เธอสบายใจและใจเย็นลง เรื่องทั้งหมดก็มีอยู่แค่นี้ล่ะฮะ...” ฮยอนจุงอธิบายความจริงต่อหน้าทุกคนอย่างสัตย์ซื่อ

“แล้วผู้หญิงที่ อยู่ในรูปคนนั้นเขาเป็นใครกันล่ะ?” ประธานลีถามเขาต่อ

“เอ่อ...ท่าน ประธานครับ...เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผมคนหนึ่ง...ผมก็เลยไม่อยาก เปิดเผยชื่อของเธอ…แต่เชื่อผมเถอะฮะ ว่าเรื่องทั้งหมดที่ผมเล่ามามันเป็นความจริงทุกอย่าง” ฮยอนจุงพูดกับประธานของเขาอย่างลำบากใจ

“แล้วนายคิดว่าพวกคนข้างนอก นั้นเขาจะเชื่อเรื่องนี้อย่างงั้นหรือ...ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม เถอะ” ผู้จัดการของเขาพูดขัดขึ้นอย่างโมโห...กับความไม่คิดหน้าคิดหลังก่อนที่จะทำ ของฮยอนจุง

แต่แล้วในตอนนั่นเองโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องประชุมก็ดัง ขึ้น และมันเป็นสายเรียกเข้าที่ต้องการคุยกับผู้จัดการของเขานั่นเอง

“จริง หรือ? ฉันเข้าใจแล้ว ขอบใจนายมากนะที่ช่วยฉัน” ผู้จัดการของเขาพูดผ่านโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้นและดีใจ และหลังจากที่วางสายแล้ว เขาก็หันมาพูดกับทุกคนในห้องประชุมว่า....

“ผม โทรหาเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งที่เป็นนักข่าวและขอให้เขาช่วยตามเรื่องนี้ให้ หน่อย และเขาก็ตามเรื่องนี้ให้...จนรู้แน่ว่าคืนนั้นมีคนจงใจโทรไปบอกนักข่าวให้ไป แอบซุ่มถ่ายภาพของฮยอนจุงกับผู้หญิงคนนั้นได้ที่หน้าอพาร์ทเมนท์ของฮยอนจุ งนะครับ” ผู้จัดการของเขาเล่าเรื่องทุกอย่างที่ได้รับข้อมูลมาให้ทุกคนในที่ประชุมฟัง

“อืม...เข้า ใจแล้ว...แต่ไม่ว่ายังไง...เราก็ต้องจัดงานแถลงข่าวเพื่อตอบคำถามเรื่องนี้ กับสื่อต่างๆ และแฟนคลับของพวกเขาในวันพรุ่งนี้นะ” ประธานีลีพูดขึ้นกลางที่ประชุม

“หา...ท่านประธานว่าอะไรนะครับ? จัดงานแถลงข่าวงั้นหรือครับ แต่ว่า...เราจะตอบคำถามพวกเขายังไงดีล่ะครับ? ให้บอกพวกเขาตามที่ฮยอนจุงเล่าให้พวกเราฟังงั้นหรือครับ...ไม่มีทาง...ไม่มี ใครจะ....” ผู้จัดการของพูดอย่างกระวนกระวายเมื่อนึกถึงงานแถลงข่าวที่น่าเกิดความ วุ่นวายขึ้น

“คุณแค่ทำตามที่ผมบอกก็พอ...ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ ในวงก็ให้พวกเขากลับไปทำงานตามตารางเหมือนปรกติซะ และคุณก็อย่าให้เรื่องนี้มามีผลกระทบต่อการทำงานของคุณสิ” ประธานลีพูดขัดขึ้นก่อนที่ผู้จัดการของเขาจะพูดจบประโยค และหลังจากนั้นท่านประธานลีก็เดินออกจากห้องประชุมไป

“จะมีตารางงาน อะไรให้ทำอีกล่ะ? ก็ขนาดรายการวิทยุที่จะต้องไปในวันนี้ยังโทรมาขอยกเลิกคิวสัมภาษณ์เลย พวกนายพยายามอยู่แต่ในออฟฟิศนี่แหละ...จนกว่าคนพวกนั้นที่มายืนออกันอยู่ ข้างนอกนั่นจะสลายตัวกลับไป ฉันมีงานเยอะแยะที่จะต้องทำต่อ เพราะฉะนั้น...ฉันไปล่ะนะ” ผู้จัดการของเขาหันมาพูดกับสมาชิก SS501 ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมอย่างหงุดหงิดและโมโห เสร็จแล้วก็เดินออกไปจากห้องประชุมนั้น

“พวกนาย...เอ่อ...คือ...ฉัน ขอโทษนะที่ทำให้พวกนายต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยนะ” ฮยอนจุงพูดอย่างรู้สึกผิด

“ไม่ เป็นไรหรอกฮะพี่...พี่อย่าคิดมากไปเลย ทุกอย่างมันจะต้องผ่านไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอนฮะ” เบบี้พูดให้กำลังใจพี่ชายของเขาสุดความสามารถ

“เฮ้อออ...ผ่านไปด้วย ดีอย่างงั้นหรือ? นี่นายคิดได้อย่างไง...ฮ้าห์~...เบบี้...นายคิดถึงหัวอกของพี่สะใภ้บ้างรึ เปล่า ว่าตอนนี้เธออาจจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับเธออยู่ก็ได้นะ...” จองมินพูดขัดคอเบบี้อย่างหัวเสีย และคำพูดของจองมินก็เตือนให้สมาชิกทุกคนรู้ว่ายังมีอีกคนที่กำลังเจ็บปวดกับ เรื่องนี้อยู่ และคนๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...คือ...ฮวางโบภรรยาของฮยอนจุงนั่นเอง

“เออ ออ...ใช่...ฮยอนจุง ฉันคิดว่าตอนนี้นายน่าจะรีบโทรหาเธอนะ” ยองแซงพูดเตือนสติเขา

“ฉันโทรหาเธอตั้งแต่เช้าแล้ว...แต่เธอปิดมือ ถือนะสิ...” เขาพูดออกมาอย่างเซ็งๆ และหงุดหงิดที่กลับมาติดต่อเธอไม่ได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว

“งั้น ก็...ลองโทรหาผู้ช่วยของเธอสิฮะ...พี่นี่มัน...โง่จริงๆ เลยยยย” จองมินพูดโพล่งออกมาอย่างอารมณ์เสีย

“นี่...นายไม่ต้องมากบอกฉันหรอก !...ฉันโทรหาผู้ช่วยของเธอตั้งนานแล้ว...เขาบอกว่าตอนนี้เธอกำลังติดการฝึก อบรมอยู่...เข้าใจรึยัง” ฮยอนจุงตะโกนใส่หน้าจองมิน...พลางก็คิดในใจว่าอยากจะตั๊นหน้าไอ้หมอนี่ดูซัก ตั้งนัก โทษฐานที่ปากเสียและบังอาจมาว่าเขาแบบนี้

“ผมว่า...พี่สะใภ้ อาจยังไม่รู้ก็ได้นะฮะ” เบบี้พูดและพยายามคิดในแง่ดีสุดๆ

“นายนี่มัน โง่อีกคนหนึ่งแหล่ะ ข่าวมันออกจะดังและแพร่กระจายไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ตเร็วซะขนาดนี้! แล้วยังงี้พี่สะใภ้เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้ไงกันล่ะ? นายนี่มันชอบคิดอะไรตื้นๆ อยู่เรื่อยเลยนะ” จองมินพูดและยังไม่ยอมหยุดบ่นเป็นหมีกินผึ้งซะที

“แล้วทำไมล่ะ? ทำไมนายต้องมาว่าฉันโง่ด้วย? พี่สะใภ้อาจจะยุ่งจนไม่มีเวลาเช็คเมลหรือเล่นเน็ตก็ได้...ใครจะไปรู้ล่ะ” เบบี้เถียงจองมินคอเป็นเอ็นอย่างไม่ยอมแพ้

“หยุด...หยุดเถียงกันได้ แล้ว...ทั้งคู่นั่นแหละ” ยองแซงพูดขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าทอมกับเจอรี่คู่นี้ไม่ทางหยุดเถียงและทะเลาะ กันได้ง่ายๆ แน่ ถ้าขืนยังปล่อยไว้อย่างงี้

“พี่ฮะ...ผมขอถามอะไร หน่อยได้ไหมฮะ....ผมอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน? และ...เอ่อ..พวกเรารู้จักเธอรึเปล่าฮะ?” คยูจงยิงคำถามอย่างตรงประเด็นใส่เขา และเพราะคำถามนี้ก็ทำให้ทุกคนในห้องหันหน้ามามองฮยอนจุงเป็นตาเดียว

“ใช่ ยองบินรึเปล่า?” ยองแซงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างรู้ทัน

ฮยอนจุ งพูดไม่ออกได้พยักหน้ารับงึกๆ

“ผมว่าแล้ว ว่ามันจะเป็นใครไปได้ ก็พี่มีเพื่อนสนิทๆ อยู่ไม่กี่คน และที่สำคัญที่สุดเพื่อนผู้หญิงที่พี่สนิทด้วยก็มีอยู่เดียวก็คือยัยนั่น” จองมินพูดออกมาอย่างเซ็งๆ เมื่อรู้ว่าผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุทำให้เรื่องทุกอย่างมันวุ่นวายเป็นหมดก็ คือแฟนเก่าที่ยังไม่ยอมเลิกวุ่นวายกับฮยอนจุงนั่นเอง

หลังจากนั้นพวก เขาก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวของตัวเอง ส่วนฮยอนจุงก็พยายามโทรหาฮวางโบอีกครั้ง และคราวนี้เขาก็โทรหาเธอสำเร็จ...

“ฮัล โหล...หวัดดีฮะ” ฮยอนจุงรีบพูดทันทีหลังจากที่เธอกดรับสายเขา

“อ้อ...ฮอยน จุงหรือจ๊ะ” ฮวางโบทักทายเขากลับเหมือนเป็นปรกติ

“เอ่อ...ทุกอย่าง ที่นู้นเรียบร้อยดีใช่ไหมฮะ” ฮยอนจุงถามเธออย่างกระอักกระอ่วน

“อืม มม...ทุกอย่างที่นี่เรียบร้อยดี แล้วทำไมเธอถึงถามฉันแบบนั้นล่ะ...มันจะมีเกิดขึ้นกับฉันงั้นหรือ...ฮยอนจุ ง?” ฮวางโบตอบคำถามเขาเสร็จก็ถามเขากลับทันทีด้วยความสงสัย

<นี่... แสดงว่าเธอจะยังไม่รู้เรื่องนี้สินะ> ฮยอนจุงคิดอย่างโล่งอกขึ้นมาทันที

“เอ่อ..ไม่... ไม่มีฮะ ถ้าทุกอย่างที่นั้นเรียบร้อยดีก็ดีแล้ว และก็..อีกอย่างที่ผมโทรมาหาคุณ เพราะผมอยากโทรมา ‘แฮบปี้เบิร์ทเดย์’ กับคุณนะฮะ” เขาตอบเธออย่างใจชื้นขึ้นมาทันที หลังจากที่คิดว่าเธอยังไม่รู้เรื่องข่าวนั้น

“จ๊ะ...แล้วก็ขอบคุณนะ สำหรับดอกไม้ช่อนั้น มันสวยมากเลย” เธอตอบเขาเสียงเรียบๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรฮะ...มันแค่เรื่องเล็ก น้อย...เราอย่าไปพูดถึงมันเลยนะฮะ...” ฮยอนจุงพูดกับเธอเสียงอ่อยๆ และไม่กล้ารับคำขอบคุณจากเธออย่างเต็มปากเต็มคำด้วย เพราะเขารู้ดีว่าดอกไม้ช่อนั้นเขาไม่ได้เป็นคนสั่ง หรือแม้แต่จะเป็นคนไปเลือกให้กับเธอ...

หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดคุย กันอยู่ครู่นึง ก่อนที่ฮยอนจุงจะต้องตัดใจวางสายจากเธอ เพราะเธอหมดช่วงเวลาพักแล้ว และต้องกลับเข้าไปฝึกอบรมการแต่งหน้าต่ออีกครั้ง

“ฮยอนจุง...พี่เขา ว่ายังไงมั่ง” ยองแซงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ดูเหมือนว่าเธอจะ ยังไม่รู้เรื่องข่าวนี้นะ ยองแซง....ฉันคิดว่าฉันต้องหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดแล้วล่ะ ...ก่อนที่เธอจะกลับมา....” ฮยอนจุงพูดกับยองแซงอย่างกระตือรือร้น

“ดี แล้วล่ะฮะ ที่พี่คิดได้อย่างงั้น...เพราะ... เอาจริงๆ เลยนะฮะ..ผมคิดว่าพี่สะใภ้นะเธอเป็นแม่ศรีเรือนในอุดมคติของใครหลายๆ คน เพราะฉะนั้นมันจะดีมากเลย...ถ้าหากว่าพี่จะพยายามรักษาและเก็บเธอไว้ให้อยู่ ข้างกายพี่ไปตลอดชีวิต เพราะไม่งั้นพี่อาจจะต้องเสียเธอไปให้กับผู้ชายมากมายที่กำลังต่อคิวรอให้ เธอไปเป็นภรรยาของเขาอยู่นะฮะ ถ้าหากพี่ยังเงอะงะและปล่อยให้พี่สะใภ้หลุดมือไปเพราะเรื่องแบบนี้ล่ะก็” จองมินพยายามพูดเตือนสติเขาเพื่อไม่ให้เขาทำร้ายจิตใจเธอ

“ฉันรู้ แล้วล่ะน่า...นายไม่ต้องมาเทศนาฉันหรอกนะ” ฮยอนจุงพูดกับจองมินอย่างรำคาญ แต่ลึกๆ ในใจเขา...กลับรู้สึกขอบคุณน้องชายคนนี้ที่คอยเตือนสติเขาอยู่เสมอ

< แล้วเธอจะยอมอยู่กับข้างกายฉันไปตลอดชีวิตรึเปล่านะ ถ้าฉันขอร้องให้เธออยู่กับฉัน? > ฮยอนจุงคิดกับตัวเองอย่างสับสน และถึงแม้ว่าเขาจะพูดต่อหน้าจองมินออกไปอย่างมั่นใจว่าเขาไม่ยอมไปเธอให้ หลุดมือไป แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามและข้อสงสัยมากมาย <ฉันจะทำแบบนั้นได้จริงๆ รึเปล่า แล้วเธอจะยอมให้เขาได้มีโอกาสได้ทำแบบนั้นเพื่อเธอไหม และเรื่องข่าวนี้..ถ้าเธอรู้เข้าเธอจะเจ็บปวดจนถึงขนาดขอหย่ากับฉันตามที่คน พวกนั้นยุยงรึเปล่านะ> ความคิดและคำถามมากมายแล่นเขามาในหัวสมองของเขาจนทำให้เขารู้สึกปวดหัว

วัน ต่อมา...นักข่าวจากทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นจากหนังสือพิมพ์ หรือจากสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ทุกคนต่างก็พากันมายังสถานที่จัดงานแถลงข่าวในครั้งนี้ และพวกเขาก็กำลังง่วนอยู่กับการติดตั้งกล้องและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้ได้ภาพจากมุมที่ดีสุดในการแถลงข่าวในครั้งนี้....

ส่วนแฟน คลับของพวกเขาถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมฟังการแถลงข่าวข้างใน แต่พวกเขาทั้งหมดก็ยังมายืนรออยู่ด้านนอก จึงทำให้ต้องมีการกั้นเขตตามแนวถนนเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาและคน อื่นๆ ด้วย

และในขณะที่สมาชิกทุกคนในวง SS501 กำลังเดินทางมายังสถานที่จัดงานแถลงข่าว...ฮยอนจุงก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ ของฮวางโบ ขณะที่เขานั่งอยู่ในรถตู้...

“โอ๊ะ!~ สวัสดีครับคุณแม่” ฮยอนจุงพูดอย่างสุดภาพขณะที่นั่งตัวตรง 90 องศาโดยไม่รู้ตัว

“ฮยอนจุ ง...เธอต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยนะ และอย่าทำให้เฮจุงต้องผิดหวังหรือเสียใจเป็นอันขาดล่ะ เธอเข้าใจที่ฉันพูดนะ” แม่ของฮวางโบพูดกับเขา

“ครับคุณแม่ ผมเข้าใจครับ และได้โปรดเชื่อใจผมเถอะนะครับ ว่าผมจะไม่มีทางและไม่มีวันทำให้เธอต้องเสียใจเป็นอันขาด” ฮยอนจุงรับปากแม่ของเธออย่างแข็งขัน และดูมุ่งมั่นที่จะทำอย่างที่พูดจากใจจริง

“ได้..ถ้าเธอพูดอย่าง นั้น...แม่ก็จะเชื่อใจเธอนะ” แม่ของเธอพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนและแฝงไปด้วยความจริงใจ...ก่อนที่จะวางสายไป

และ การที่เขาได้รับโทรศัพท์จากแม่ของฮวางโบ มันก็ทำให้เขารู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า หลังจากได้ยินคำพูดนั้นจากปากแม่ของเธอ

<ทำไมถึงได้มีคนมากมายรัก เธอมากขนาดนี้นะ ทั้งแม่ของเธอ น้องๆ ในวงของฉัน หรือแม้แต่พ่อแม่ของฉันเองก็เถอะ ยังรักเธอและเข้าข้างเธอมากขนาดนี้ แล้วนี่ถ้าอีกหน่อยพวกเขาทั้งหมดรู้ว่าเราสองคนจะต้องหย่าขาดจากกันในอีก 2 ปีข้างหน้า...พวกเขาจะรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?> ฮยอนจุงคิดกับตัวเองอย่างเศร้าๆ และหวั่นวิตกในเรื่องนี้ขึ้นมา

--------------------------------------------------------

โปรดติดตามตอนต่อไป (ตอนที่ 12 พาร์ท 2)

ตัวอย่าง บางช่วงบางตอน
“เธอเป็นเพื่อนสนิทของผมกับพวกน้องๆ ในวง SS501 นะครับ”
“ไม่ มีแน่นอนครับ เพราะพวกเราทั้งคู่ต่างก็เชื่อใจกัน และผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด...ผมไม่ได้ทำอะไรที่ถือเป็นการนอกใจเธอเลยซัก ครั้ง”
“ผมไม่ต้องพยายามทำอะไรเพื่อให้เธอเชื่อใจผมหรอกครับ...เพราะผม ไม่ได้ทำอะไรที่....”
“เขาไม่ได้นอกใจฉันหรอกค่ะ”
“เฮจุง...เรื่อง ทั้งหมดมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะฮะ...คุณช่วยฟังคำอธิบายจากผมหน่อยได้ไหม ฮะ....ผม.......”
“ฉันไม่อยากฟังคำอธิบายอะไรจากเธอทั้งนั้น และได้โปรดอย่ามายุ่งกับฉันได้ไหม...”
“เฮจุง...ได้โปรด...อย่าพูดแบบ นั้นได้ไหมฮะ”
“นั่นคุณกำลังจะไปไหนฮะ?” ฮยอนจุงถามเธอทันทีด้วยความตกใจ



Create Date : 25 กรกฎาคม 2553
Last Update : 25 กรกฎาคม 2553 19:10:21 น. 1 comments
Counter : 493 Pageviews.

 
ยองบินมาสร้างดราม่าให้จุงโบแล้ว....น่าสงสัย...น่าติดตามจัง...ขอบคุณคุณแป๋วมากๆเลยน้า เป็นกำลังใจให้จ้า ขอบคุณยายด้วย สู้ๆๆๆ


โดย: มินมิน IP: 125.25.36.14 วันที่: 25 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:22:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุคจ๋านาจาไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"

:: Online User
Friends' blogs
[Add อุคจ๋านาจาไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.