การชันสูตรพลิกศพตามหลักการศาสนาอิสลาม (บทความพิเศษ)
ผลการศึกษาระบุ การชันสูตรพลิกศพตามหลักศาสนาอิสลาม " ทำได้" โดยการดำเนินการทุกขั้นตอนของการชันสูตรต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตที่จำเป็นและห้ามมิให้ล่วงเกินขอบเขตที่ได้รับอนุญาต ความยืดเยื้อของเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้คนไทยทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมสังเวยชีวิตไปแล้วนับพันรายเป็นความสูญเสียที่ยังคงต้องทำให้กระจ่างชัดรวมทั้งกระบวนการชันสูตรพลิกศพโดยเฉพาะกรณีผู้นับถือศาสนาอิสลามที่ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและเป็นไปอย่างถูกต้องชัดเจน ไม่กระทบหลักความเชื่อทางศาสนา
การศึกษาเรื่อง "ระบบการชันสูตรพลิกศพในประเทศมุสลิม" ตามโครงการศึกษาเพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางอาญาในประเทศมุสลิมโดยว่าที่ร้อยตรีพรินทร์ เพ็งสุวรรณ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า "การตายของคนเรานั้นแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี คือ การตายตามธรรมชาติหรือการตายทางพยาธิวิทยา และการตายผิดธรรมชาติหรือการตายทางนิติเวชวิทยา ซึ่งการตายแบบผิดธรรมชาติหรือการตายทางนิติเวชวิทยานี้เองที่ต้องใช้การชันสูตรพลิกศพเป็นวิธีการในการตรวจร่างกายผู้ตาย เพื่อค้นหาสาเหตุและพฤติการณ์ที่ทำให้เกิดความตายแก่บุคคลนั้น"
ในปัจจุบันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้กำหนดเหตุการณ์ตายที่ต้องทำการชันสูตรไว้ 5 ประการ ได้แก่ การฆ่าตัวตาย/การถูกผู้อื่นทำให้ตาย/การถูกสัตว์ทำร้ายตาย/การตายโดยอุบัติเหตุและการตายโดยยังไม่ปรากฏสาเหตุ
ระบบการชันสูตรพลิกศพ คือ วิธีหรือแบบแผนในการจัดการกับศพภายหลังจากการตายแล้วเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย ซึ่งในแต่ละประเทศจะมอบอำนาจให้แก่เจ้าหน้าที่ต่างกัน ดังนั้นระบบการชันสูตรพลิกศพจะเป็นระบบใดนั้น จะต้องพิจารณาจากอำนาจในการจัดการเกี่ยวกับการตายและการสั่งให้ทำการผ่าศพตรวจซึ่งในระบบการชันสูตรพลิกศพของประเทศต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 5 ระบบ ได้แก่ ระบบโคโรเนอร์ (Coroner System) ระบบแพทย์สอบสวน (Medical Examiner System) ระบบศาล (Court's System) ระบบตำรวจ ( Police System) และระบบผสม (Mixed System)
การชันสูตรพลิกศพตามหลักศาสนาอิสลาม จากหลักความเชื่อของศาสนาอิสลามที่ว่า "กรณีผู้นับถือศาสนาอิสลามเสียชีวิตให้รักษาศพไว้ในสภาพเดิม ห้ามให้มีการทำลายศพโดยเด็ดขาดและห้ามทำรุนแรง เพราะว่าหลักศาสนาอิสลามถือว่ามนุษย์ทุกคนที่พระอัลลอฮ์ทรงสร้างมาเป็นสิทธิของพระองค์ที่จะห้ามมิให้ใครมาทำลาย" ซึ่งจากความเชื่อดังกล่าว ในกรณีการตายโดยผิดธรรมชาติถ้าผู้ตายเป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม จะเกิดปัญหา ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 ประเด็นสำคัญ คือ
1) ผู้ตายนับถือศาสนาอิสลามซึ่งตายโดยผิดธรรมชาติเจ้าพนักงานสามารถทำการชันสูตรพลิกศพได้หรือไม่
2) ถ้าสามารถทำการชันสูตรพลิกศพได้จะมีขอบเขตการชันสูตรพลิกศพในระดับใด
แนวปฏิบัติในปัจจุบัน พบว่า การชันสูตรพลิกศพเป็นสิ่งต้องห้าม แต่จากหลักความจำเป็นและหลักประโยชน์ที่เหนือกว่าทำให้การชันสูตรพลิกศพที่เป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำได้ โดยดำเนินการทุกขั้นตอนของการชันสูตรต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตที่จำเป็น และห้ามมิให้ล่วงเกินขอบเขตที่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้จากการศึกษาการชันสูตรพลิกศพของประเทศมุสลิมอื่น ๆ พบว่า ประเทศอิหร่าน ใช้ระบบการชันสูตรพลิกศพแบบ ระบบแพทย์สอบสวน (Medical Examiner System)โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ สถาบันนิติเวช ( The Legal Medicine Organization-L.M.O.)
ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในการชันสูตรพลิกศพของประเทศทั้งระบบและมีหน่วยงานในสังกัดเรียกว่า ศูนย์นิติเวช (Medico Legal Centers ) จัดตั้งขึ้นตามระเบียบการจัดตั้งองค์กรเพื่อทำหน้าที่ในการชันสูตรพลิกศพ เรียกว่า L.M.Office's Regulation Rule บัญญัติขึ้นในปี ค.ศ. 1967 และมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมในปี ค.ศ.1993
การชันสูตรพลิกศพของประเทศอิหร่านจะกระทำต่อเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลใดตายโดยผิดธรรมชาติ หรือตายจากการถูกฆาตกรรมซึ่งผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการชันสูตรพลิกศพจะต้องเป็นแพทย์ที่ได้ใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข ถ้าเป็นกรณีการตายโดยผิดธรรมชาติ เช่น ฆ่าตัวตาย, ถูกผู้อื่นฆ่าตาย, ตายด้วยอุบัติเหตุ, ตายเพราะถูกสัตว์ทำร้าย หรือตายโดยไม่ปรากฏสาเหตุ แพทย์จะทำรายงานส่งให้ตำรวจ และในบางกรณีศาลอาจสั่งให้สถาบันนิติเวชหรือศูนย์นิติเวชทำการชันสูตรพลิกศพเพื่อค้นหาสาเหตุแห่งการตายและพฤติการณ์แห่งการตายได้
ประเทศอียิปต์มีระบบการชันสูตรพลิกศพแบบระบบโคโรเนอร์ ( Coroner System) ที่มีความคล้ายคลึงกับระบบชันสูตรพลิกศพของประเทศอังกฤษ โดยผู้ที่เป็นโคโรเนอร์ คือ พนักงานอัยการ (Procurator Fiscal ) ซึ่งจะทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนการตายที่เกิดจากการกระทำผิดทางอาญา
การชันสูตรพลิกศพของประเทศอียิปต์จะเกิดขึ้นในกรณีที่เป็นการตายโดยไม่ทราบสาเหตุ การตายจากอุบัติเหตุ, การตายจากคดีอาชญากรรม, การฆ่าตัวตายและการตายระหว่างการผ่าตัดหรือตายก่อนที่จะฟื้นจากยาสลบ โดยโคโรเนอร์จะสั่งให้สถาบันนิติเวชของรัฐบาลอียิปต์ ( The Egyptian Government'sMedico-Legal Institute) ทำการชันสูตร โดยมีพยาธิแพทย์ของสถาบันเป็นผู้ร่วมชันสูตรซึ่งจะมีการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ คือ การพิสูจน์รูปพรรณ จำแนกรอยแผลเป็น ข้อมูลทางทันตกรรม ระเบียนรูปถ่าย และรูปพรรณจากการพิมพ์ลายนิ้วมือ
สำหรับประเทศไทย มีข้อเสนอแนะจากการศึกษา คือ
1) เพื่อมิให้ขัดต่อหลักความเชื่อทางศาสนาอิสลาม การชันสูตรพลิกศพผู้นับถือศาสนาอิสลามจะเกิดขึ้นเมื่อไม่มีวิธีการอื่นที่จะค้นหาสาเหตุการตายได้เท่านั้น
2) แพทย์ต้องอธิบายให้ญาติของผู้ตายทราบถึงรายละเอียดและความจำเป็นในการชันสูตรพลิกศพ
3) การชันสูตรพลิกศพ จะต้องไม่กระทำในลักษณะที่เป็นการประจานศพ หรือไม่ให้เกียรติศพ
4) อำนาจหน้าที่ในการชันสูตรพลิกศพ รวมถึงอำนาจการตัดสินใจในการดำเนินการชันสูตรพลิกศพและผ่าศพพนักงานสอบสวนควรปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด
5) ควรจัดตั้งหน่วยงานอิสระขึ้นมารับผิดชอบงานทางด้านการชันสูตรพลิกศพที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางอาญา เพื่อให้เป็นหน่วยงานหลักในเรื่องนิติเวชศาสตร์ และเป็นกลไกในการตรวจสอบการทำงานของพนักงานสอบสวน
6) สำนักจุฬาราชมนตรีควรเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจให้กับผู้นับถือศาสนาอิสลามถึงเจตนารมณ์และความจำเป็นในการชันสูตรพลิกศพ
7) ควรจัดทำคู่มือสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในการชันสูตรพลิกศพและผ่าศพผู้นับถือศาสนาอิสลาม ได้แก่ ตำรวจ แพทย์ พนักงานอัยการ พนักงานฝ่ายปกครอง ผู้นำทางศาสนา ญาติผู้ตายและผู้นับถือศาสนาอิสลามตามบทบัญญัติทางศาสนา เพื่อให้แต่ละฝ่ายมีความรู้และความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตัวเองและสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า
Create Date : 26 มกราคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2553 18:32:58 น. |
Counter : 1591 Pageviews. |
|
|
|