|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
การบาดเจ็บจากระเบิด (BLAST INJURY)
การบาดเจ็บจากระเบิด (BLAST INJURY)
การบาดเจ็บจากระเบิด แบ่งเป็น 4 ประเภท 1. Primary Blast injury เป็นการบาดเจ็บที่เกิดจากแรงอัดอากาศ มีลักษณะเป็นคลื่นที่มีความดันสูงอย่างรุนแรงและความดันต่ำเกิดขึ้นในทันทีส่งผลให้เกิดการอัดอากาศและการกระชากกลับอย่างรุนแรงสลับกัน ส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต โดยแปรผันตรงกับระยะห่างจากจุดกำเนิดระเบิด นอกจากนี้อวัยวะที่มีความแตกต่างของความหนาแน่น อันได้แก่อวัยวะที่มีอากาศหรือน้ำอยู่ภายใน ถือเป็นอวัยวะที่จะมีการบาดเจ็บได้ง่ายเป็นอันดับต้น ๆ เช่น แก้วหู ปอด ลำไส้ ตา เส้นเลือด เป็นต้น แต่หากผู้บาดเจ็บ หรือผู้เสียชีวิตอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับจุดระเบิดมากๆ ก็อาจทำให้เกิดการฉีกขาดออกจากกันของอวัยวะได้ (Body disruption) ขณะที่เยื่อบุแก้วหูมักเป็นอวัยวะที่ไวต่อการบาดเจ็บจากแรงระเบิดเนื่องจากแรงดันที่เพิ่มขึ้น ผู้บาดเจ็บจะมีอาการ หูดับ หูอื้อ เวียนศีรษะ การตรวจพบเยื่อแก้วหูทะลุจะช่วยบ่งชี้ได้ว่าผู้บาดเจ็บมีการบาดเจ็บอย่างมีนัยสำคัญจากแรงระเบิด (Primary blast injury) และมีโอกาสการเกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะอื่น ๆ โดยเฉพาะปอด และลำไส้ ปอดเป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบจาก แรงระเบิดเป็นอันดับสอง เกิดจากในช่องปอดมีถุงลมและ หลอดเลือดอยู่ชิดกันทำให้เกิด pulmonary edema, pneunothorax, hemothorax, pneumomediastinum, subcutaneous emphysema, systemic acute air embolism (เกิดจากการขาดออกจากกันของเนื้อปอด) นอกจากนี้มีข้อมูลยืนยันว่าการใส่เสื้อเกราะเหล็กเพื่อป้องกันกระสุน ไม่ได้ป้องกันการบาดเจ็บจากแรงระเบิด แต่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่รุนแรงขึ้นเนื่องจากคลื่นระเบิดสะท้อนไปมาในชุดเกราะ ลำไส้เป็นอวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บรองลงมา โดยลำไส้ใหญ่จะบาดเจ็บได้บ่อยกว่าลำไส้เล็ก ส่วนตับ ไตและม้ามนั้นเกิดการบาดเจ็บได้น้อย ถ้าจะบาดเจ็บมักจะเกิดจากต่อแรงระเบิดที่รุนแรงมาก ๆ การขาดของเส้นเลือด(mesenteric artery) สามารถเกิดได้เช่นกัน แต่อาการของโรคมักจะแสดงในวันหลังๆ ทำให้เกิดการวินิจฉัยล่าช้าเป็นเหตุให้ลำไส้เน่าและทะลุในภายหลัง การบาดเจ็บที่ตา เช่น การแตกของลูกตา (rupture of eye globe) และอาการเลือดออกในช่องหน้าลูกตา (Hyphema) พบได้แต่พบไม่บ่อย ส่วนมากมักเกิดจากการมีชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิดกระเด็นเข้าตา
2. Secondary Blast Injury เป็นการบาดเจ็บในรูปแบบที่เกิดจากการที่ระเบิดโดยส่วนใหญ่จะบรรจุเศษเหล็กหรือวัสดุที่มีความคมไว้ เมื่อเกิดระเบิดจะส่งผลให้เกิดบาดแผลฉีกขาดทะลุตามร่างกายของผู้บาดเจ็บ หรือผู้เสียชีวิต
3. Tertiary Blast Injury เป็นการบาดเจ็บที่เกิดจากการที่ร่างของผู้บาดเจ็บ หรือผู้เสียชีวิตกระเด็นออกจากจุดระเบิด ไปกระทบกระแทกกับวัตถุ หรืออาจถูกวัตถุดังกล่าวเสียบแทง
4. Quaternary Blast Injury เป็นการบาดเจ็บอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สามอย่างข้างต้น ได้แก่ แผลไหม้ การสูดสำลัก การขาดอากาศ เป็นต้น
Create Date : 21 มกราคม 2553 |
Last Update : 22 มกราคม 2553 23:31:58 น. |
|
12 comments
|
Counter : 3551 Pageviews. |
|
|
|
โดย: CSI-ไก่เล็ก IP: 115.67.241.72 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:2:21:24 น. |
|
|
|
โดย: ning IP: 202.28.62.245 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:8:33:11 น. |
|
|
|
โดย: n. IP: 202.28.62.245 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:9:16:23 น. |
|
|
|
โดย: เฮง IP: 202.44.130.23 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:10:27:29 น. |
|
|
|
โดย: เอด ร่วมกตัญญู IP: 124.120.120.162 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:10:58:04 น. |
|
|
|
โดย: paereal IP: 58.8.231.150 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:14:55:58 น. |
|
|
|
โดย: paereal IP: 58.8.231.150 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:14:57:29 น. |
|
|
|
โดย: ขอความกรุณาด้วยครับ IP: 192.168.182.149, 124.157.184.85 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:22:55:59 น. |
|
|
|
โดย: DR.MOO CAN DO (DR.MOO CAN DO ) วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:23:03:21 น. |
|
|
|
โดย: TonTon1977 วันที่: 24 มกราคม 2553 เวลา:14:32:12 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]
|
ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์ หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ ประวัติการศึกษา 1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล 2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3.ประกาศนียบัตร Crime Scene Investigation โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy 4.ประกาศนียบัตร การบริหารงานโรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ผลงาน 1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว. 2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ 3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ 4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร 5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข 6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ 9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร 11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล" 12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9" 13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline" 14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง 15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553 16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551 ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
|
|
|
|
|
|
|
|