http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
 
มีนาคม 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
28 มีนาคม 2548
 
All Blogs
 
วิศุทธิ์ พรนิมิตร: everybodyeverything – น้ำตาสีรุ้งแสนสวย

โดย merveillesxx



ชื่อของ ‘ตั้ม’ วิศุทธิ์ พรนิมิตร น่าจะเป็นที่คุ้นหูใครหลายๆ คนในฐานะนักเขียนการ์ตูนเรื่อง hesheit (ฮี-ชี-อิท)
การ์ตูนที่บางคนด่าว่า มันคือการ์ตูนที่ลายเส้นห่วยที่สุดในโลก!
แต่บางคนบอกว่า มันคือการ์ตูนปรัชญา!
สำหรับผม…ผมว่ามันคือทั้งสองอย่างนั่นแหละ

เท่าที่จำความได้ผมพบกับ hesheit ครั้งแรกในนิตยสาร a day จำได้ว่าอ่านไปก็ด่าไป “การ์ตูนอะไรวะ อ่านยากชิบเป๋ง ลายมือห่วยแตก แถมยังมีขีดฆ่าด้วย”…แต่ครั้นอ่านไปอ่านมาหลายๆ เล่มเข้าก็ชักติดใจในเนื้อหาเพี้ยนๆของมัน ก็เลยมองข้ามเรื่องลายเส้นยุ่งเหยิงไปได้บ้าง ประจวบเหมาะกับไปเดินร้านหนังสือแล้วเห็น hesheit รวมเล่มเก่าๆพอดี (ฉบับรุ่นก่อนที่ออกมา 4 เล่ม 4 สี) ก็เลยทำใจเสี่ยซื้อเหมามาหมดเกลี้ยง เปิดอ่านเล่มแรกคำด่าว่า ‘ห่วย’ ก็แล่นกลับมาประจำตำแหน่งที่สมองอีกครั้ง เนื่องจากงานช่วงแรกๆของเขานั้น เส้นมันเหลือรับจริงๆ สัดส่วนกายวิภาคของมนุษย์ผิดเพี้ยนไปหมด (เช่น พระเอกตอนแรกๆอาจจะมีแขนใหญ่เท่าขา แต่วันดีคืนดีแขนก็ดันใหญ่กว่าขาขึ้นมา!) แต่พอไปอ่านเรื่อยๆ ก็เข้าสู่ตรรกะเดิมๆ นั่นคือ ความหงุดหงิดที่เกิดจากภาพที่สุดแสนจะปั่นป่วนจะทุเลาลงไปเรื่อยๆ เพราะ ‘ไอเดีย’ สุดบรรเจิดของการ์ตูนเรื่องนี้นั่นเอง

จากข้อสังเกตของผมแล้ว hesheit ในยุคแรกๆ จะมีเนื้อหาอยู่ 2 แนว หากไม่เพี้ยนหลุดโลกไปเลย (เช่น ขนมจีบไส้อึ, ชายหญิงที่จูบกันแล้วเอาปากไม่ออก!) ก็จะเป็นเรื่องรักปนขมของชายหญิงที่อ่านแล้วอาจจะนิ่งอึ้งไปหลายวัน (ส่วนตัวแล้วผมโปรดตอน ‘นาฬิกา’ มาก) และในที่สุดแล้วผมก็ปวารณาตัวเองเป็นแฟนพันธุ์แท้ของการ์ตูนเรื่องนี้จนได้ จากที่ติดใจในเนื้อหา ก็เริ่มมองสไตล์ภาพของเขาด้วยใจที่เปิดกว้างขึ้น และพบว่ามันช่างมีเสน่ห์เหลือล้น มันคือส่วนผสมของความดิบ ความบริสุทธิ์และลูกบ้า! (ก็ใครจะเขียนการ์ตูนโดยที่เขียนผิดแล้วขีดฆ่าทิ้งเลยบ้างล่ะ?)

วิสุทธิ์หยุดงานเขียนไปช่วงหนึ่งใน a day พอกลับมาอีกครั้งก็ดูเหมือนว่างานของเขาจะดูสุขุม ลุ่มลึกกว่าเดิมยิ่งขึ้น (พูดให้เห็นภาพก็ประมาณ คิมดีดุค-ผู้กำกับเกาหลีที่กำลังมาแรง-ยุคดิบเถื่อนถ่อย จนไปเป็นพี่คิมยุคหลังที่เข้าทางพระทางเจ้าแล้ว) เรื่องราวของ hesheit ยุคหลังดูเหมือนจะเป็น ‘นามธรรม’ มากขึ้น และมีอะไรให้เราขบคิดต่อเสมอหลังจากอ่านจบ (จากแต่เดิมที่อ่านแล้วจะถามว่า ‘มันคิดได้ไง(วะ)’) แต่ที่สำคัญก็คืองานของเขาดูจะมองโลกในแง่ดี (Positive Thinking) มากขึ้นด้วย (แต่ก็ยังมีหลุดตอนเพี้ยนๆมาบ้าง เช่น ตอนคนสะสมคอเลคชั่นอึ--อึอีกแล้ว?)

หนังสือเล่มแรกของวิศุทธิ์ออกประมาณปี พ.ศ. 2546 ในชื่อ ‘ควันใต้หมวก’ งานชิ้นนี้ดูมีความคลี่คลายมากขึ้น ลายเส้นคมชัดจับต้องง่าย ฉากหลัง (Background) ที่ดูมีตัวตนจริง (แต่ก่อนจะเหมือนไม่ตั้งใจวาด--ฮา) ไร้ซึ่งการขีดฆ่าคำพูดอีกต่อไป เรื่องราวนั้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ ชายหนุ่มตัวเล็ก หญิงสาวสูงเพรียว บุหรี่ หมวก และการเดินทางข้ามเวลา (เริ่มเข้าข่าย ‘มันคิดได้ไง’ แล้วใช่มั้ยครับ) อ่านจบแล้วผมรู้สึกจุกอกนิ่งอึ้งไปหลายนาทีอยู่เหมือนกัน การ์ตูนเรื่องนี้เหมือนเป็นการเอานิยายของฮารูกิ มูราคามิและฟิล์มหนังของหว่องกาไวเข้าเครื่องปั่นไฟฟ้าด้วยกัน

everybodyeverything เป็นหนังสือเล่มที่สองของวิศุทธิ์ ที่เพิ่งออกสดๆร้อนๆ หนังสือมีดีกรีไปตีพิมพ์ที่ญี่ปุ่นมาแล้ว ซึ่งพอผมอ่านไปถึงตอนสอง ‘วันแห่งความรัก’ ก็ได้กลิ่นตุ่ยๆของปลาดิบโชยเข้าจมูกเลยทีเดียว พฤติกรรมหรือฉากของตอนนี้ดู ‘ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น’ เหลือเกิน (เช่น ตกใจจนตาถลนหรือกระโดดไปชนกระจก, ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกบาลเมื่อรู้สึกผิดหวัง) เห็นแล้วก็รู้สึกตกใจมาก พลางคิดในใจ “พี่ตั้มเปี๋ยนไป๊ ซะแล้ว” แต่คิดเองเออเองว่าเขาใช้วิธีการแบบนี้เพื่อให้ชาวญี่ปุ่นเกิดความคุ้นชินและสัมผัสงานของเขาได้มากขึ้น ประกอบกับเนื้อหาในตอนนี้ยังจี๊ดใจผมอยู่ เพราะฉะนั้นผมก็เลยตัดสินใจอ่านตอนต่อๆไป

พออ่านตอน ‘รถไฟ’ และ ‘วงดุริยางค์’ ผ่านไปก็ใจชื้นขึ้นมาเยอะ เนื้อหาทั้งสองตอนพออ่านแล้วก็รู้สึกถึงการอิงบริบทสังคมไทยที่ชัดเจนมาก (ตอนนี้กลิ่นปลาดิบเริ่มเปลี่ยนเป็น ‘ปลาทู’แล้ว) โดยเฉพาะเรื่องของรถไฟฟ้าในตอนรถไฟที่อ่านแล้วฮาชนิดตกเก้าอี้ …ตอน ‘รถไฟ’ นั้นว่าด้วยคนกลุ่มใหญ่ที่ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วไปพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตอนนี้ดูจะแปลกไปจากงานชิ้นก่อนๆ ของวิศุทธิ์อยู่เหมือนกัน เพราะโดยปกติแล้วงานของเขามักจะพูดถึงความสัมพันธ์ของชายหญิง ‘เขา’ และ ‘เธอ’ กับ ‘มัน’ (ซึ่ง ‘มัน’ ในที่นี้ก็มักจะเป็นตัวแทนของความรักหรือความสัมพันธ์ในหลากรูปแบบ) แต่คราวนี้เขาหันมาจับความสัมพันธ์ของกลุ่มคนที่ซัดทอดกันไปเรื่อย แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนมีจุดร่วมกันคือการเป็น ‘คนในเมืองใหญ่’ (เหมือนหนังของหว่องกาไว โดยเฉพาะเรื่อง Fallen Angels) ที่มักจะเป็นคนเหงาหรือคนแบบใช้ชีวิตแบบซังกะตายอยู่เรื่อยไป บรรยากาศแบบนี้เจืออยู่ในงานของวิศุทธิ์อยู่บ่อยครั้ง และชัดเจนที่สุดใน ‘ควันใต้หมวก’

ส่วนตอนของ ‘วงดุริยางค์’ นั้น วิศุทธิ์กลับมาใช้ตรรกะแบบ he-she-it อีกครั้ง สังเกตได้ว่าตัวละครชายของเขามักจะเป็นฝ่ายตกหลุมรักหญิงสาวแสนสวยอยู่เสมอ (สาวในฝันของวิศุทธิ์นั้นเหมือนนางฟ้า-ที่มีตัวตนอยู่จริง-มาก ตอนที่อ่านเรื่อง ‘โลกของจอม’ ของทินกร หุตางกูร ผมก็แทนภาพของตัวละคร ‘ปารตี’ ด้วยผู้หญิงในเรื่อง hesheit นี่แหละครับ) และเธอก็จะมีอิทธิพลขนาดทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะทีเดียว (คล้ายกับหนังของชุนจิ อิวาอิ) สิ่งที่ผมชอบก็คือวิศุทธิ์มักไม่ให้บทสรุปรักลงเอยแบบชัดเจนให้กับตัวละคร แต่มักจะเป็นบทสรุปคลุมเครือที่จินตนาการต่อเองแล้วมีความสุขกว่าฉากจบที่พระนางทั้งสองวิ่งให้โผกอดกันเป็นยิ่งนัก (ให้ลองคิดถึงตอนจบของการ์ตูนเรื่อง Whisper of the Heart ของจิบลิสตูดิโอนะครับ)

พอผมเริ่มถวิลหาความเพี้ยนแบบงานเก่าก่อน ตอนของ ‘สับปะรด’ ก็วิ่งปรี่เข้ามาสนองความต้องการผมทันที แต่คราวนี้เป็นความเพี้ยนชนิดครอบครัวเสียด้วยนะ เพราะมันว่าด้วยมนุษย์ต่างดาวสับปะรดอัจฉริยะที่ตามหาแม่ของตัวเองด้วยการประดิษฐ์เครื่องมือพิศดารจากสมการคณิตศาสตร์ (โอ..ฟังแล้วงงดีทีเดียว) ต่างออกไปที่ว่างานชนิดเพี้ยนๆ ของเขาในสมัยก่อนนั้นมักคลุมด้วยบรรยากาศที่หลุดโลก ไม่น่าไว้วางใจ และน่าขยะแขยงในบางที แต่คราวนี้สับปะรดลูกเพี้ยนนี้กลับแสนหวานฉ่ำ ด้วยตอนจบที่น่าประทับใจเป็นสุดแสน

ทีเด็ดของหนังสือเล่มนี้คือสองตอนสุดท้ายอย่าง ‘พี่ชาย’ และ ‘มะม่วงกับมะนาว’ ที่เล่นงานผมจนเกิดอุทกภัยในดวงตาชนิดซ้ำซ้อนสองต่อ …กับตอนหลังนั้นผมไม่แปลกใจนักเพราะเนื้อเรื่องเกี่ยวกับสุนัขนั้นได้ใจและน้ำตาของผมอยู่เสมอ (สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดเดียวที่ผมเคยมีครับ) แต่จริงแล้วก็น่าแปลกเพราะเนื้อเรื่องมันแสนจะใสสะอาดปราศจากฉากสะเทือนใจ แต่มันก็ฉกฉวยน้ำตาไปจากผมจนได้ แต่สิ่งที่น่าประหลาดที่สุดก็คือการที่ผมเสียน้ำตาให้กับตอน ‘พี่ชาย’ เพราะผมไม่มีพี่ชายอะไรกับเขาเลย (ผมเป็นลูกคนเดียวมาทั้งชีวิตครับ) แต่วิศุทธิ์ก็สามารถทำให้ผมเกิดอาการ ‘ม่านตาพร่ามัวชั่วขณะ’ ไปพร้อมๆ กับตัวละครน้องชายในเรื่อง มันน่าอัศจรรย์ใจมากที่ผมร้องไห้จังหวะและช่องเดียวกับที่ตัวละครร้องไห้พอดี มันเป็นเรื่องของความแม่นยำที่ผมคิดว่าไม่ใช่แค่ความบังเอิญ อ่านจบเรื่องนี้แล้วเผลอตะโกนในใจว่า “ตั้ม นายแน่มาก”

สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดียิ่งขึ้นก็คือ หมายเหตุท้ายเล่ม ที่เขาระบุว่าในแต่ละตอนนั้นเขาเขียนขึ้นเพื่อใคร นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้ถึงที่มาของเรื่องราวต่างๆ ในหนังสือของวิศุทธิ์ อย่างเช่น ตอน ‘เกม’ เขาน่าจะเขียนให้เพื่อนสมัยเด็กๆ …ตอน ‘วันแห่งความรัก’ เขาเขียนให้แด่ ‘ร้านสวีทคอร์เนอร์ โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนทัล’ ซึ่งมันก็สอดคล้องระหว่างการ์ตูนและโลกแห่งความจริง (ในการ์ตูนร้านคอฟฟี่ช็อปถูกทุบทิ้ง และในความจริงโรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนทัลกำลังจะกลายเป็นสยามพารากอน) มันจึงทำให้เราจินตนาการคาดเดาไปสุดแสนไกลว่าวิศุทธิ์น่าจะมีความทรงจำมากมายกับที่แห่งนี้…และตอน ‘พี่ชาย’ ที่เขาน่าจะเขียนแด่พี่ชายของเขาเอง

และบรรทัดสุดท้ายเขาก็ระบุไว้ว่า ‘หนังสือเล่มนี้ แด่ ทุกคน’ …ซึ่งผมก็คิดว่า everybodyeverything เป็นงานที่เราทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย มันเป็นการ์ตูนบริสุทธิ์ ที่จริงใจ มองโลกในแง่ดี และแฝงแง่คิดไว้มากมาย ที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าตอนนั้นจะตลก จะเศร้า จะซึ้ง หรือจะเพี้ยนแค่ไหนก็ตาม ‘ทุกคนทุกสิ่ง’ ในทุกตอนนั้นจะทำให้คุณอ่านจบแล้ว ‘รู้สึกดี’

ควันใต้หมวก บอกใบ้เราไว้ตั้งแต่หน้าปกสีขาวดำแล้วว่าคุณจะได้พบกับโลกหม่นเศร้าสีเทา และ everybodyeverything เป็นบอกใบ้ความรู้สึกดีๆ แบบนั้นไว้ตั้งแต่หน้าปกเช่นกัน มะม่วงกับมะนาว (เด็กสาวกับสุนัข) กำลังร้องไห้ แต่มีสายรุ้งทอดข้ามผ่านนัยน์ตาของทั้งสอง

…และมันก็เป็นน้ำตาสีรุ้งที่แสนจะงดงาม

ปล. หลังจากค้นพบความงดงามเจ็ดสีของสายรุ้งในหนังสือแล้ว อย่าลืมกางปกในทั้งสองด้านของหนังสือออกมาดูนะครับ แล้วคุณจะพบ ‘ความงามขาวดำ’ อีกด้วย




- หนังสือเล่มนี้เป็นผลิตผลของ ‘สำนักหนังสือไต้ฝุ่น’ โดย ปราบดา หยุ่น ครับ ลองไปเยี่ยมเยียนพวกเขาได้ที่ //www.typhoonbooks.com

- คุณ grappa เขียนถึงหนังสือเล่มนี้ไว้ที่นี่ครับ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=a-wild-sheep-chase&month=03-2005&date=20&group=1&blog=1



Create Date : 28 มีนาคม 2548
Last Update : 28 มีนาคม 2548 23:34:04 น. 24 comments
Counter : 4797 Pageviews.

 
ผมชอบหยังสือเล่มนี้มากกว่าhesheitมากๆ วิศัทธิ์เขียนได้อัจฉริยะอย่าเงหลือเชื่อ นับถือเลยอะ


โดย: คนหล่อ (ทำใจได้ ) วันที่: 28 มีนาคม 2548 เวลา:23:51:47 น.  

 
อยากอ่านเหมือนกันครับ


โดย: Mint@da{-"-} วันที่: 28 มีนาคม 2548 เวลา:23:56:36 น.  

 
ตั้มเขาสุขุมขึ้นมากนะคะ
อ่านตอน พี่ชาย และมะม่วงกับมะนาวจบแล้ว
รู้เลยว่าอาการ "แปลบๆ ในอก" แบบที่
คุณบานานา ยาชิโมโต้ บอกไว้ในคำนิยมนั้นเป็นอย่างไร



โดย: grappa วันที่: 29 มีนาคม 2548 เวลา:10:25:17 น.  

 
มาเพิ่มเติมข้อมูล งานของตั้ม ชุด hesheit มีที่สำนักพิมพ์สุดสัปดาห์สำนักพิมพ์เอามาพิมพ์อีก 8 เล่มด้วยค่ะ เอาที่เคยพิมพ์รวมเล่ม 4 เล่มรุ่นก่อนมาพิมพ์ครั้งที่สอง

(ชุดรุ่นก่อน 4 เล่มตัวเองมีหน้าปกสีชมพูแป๊ดเล่มเดียว แถมตอนนั้นก็อ่านชื่อหนังสือการ์ตูนไม่ออก ต้องถามคนที่เอามาให้ว่าอ่านว่าอย่างไร ค่าที่มันเขียนติดกันหมด จะให้อ่านว่าอย่างไรเนี่ยะ )

ชุด 8 เล่มนี้เอาที่เคยลงในอะเดย์มารวมเล่มเพิ่มด้วย เอาภาพหน้าปกมาวางเรียงกันแปดเล่มได้ภาพเก๋ไก๋หนึ่งภาพด้วย ไอเดียเริ่ดจริงๆ


โดย: grappa วันที่: 29 มีนาคม 2548 เวลา:11:04:47 น.  

 
ดีใจแทนพี่ตั้มจริงๆ เลยค่ะ


โดย: foneko IP: 61.91.78.48 วันที่: 29 มีนาคม 2548 เวลา:17:37:00 น.  

 
คุณตั้มเขามายืนยันแล้วว่าตอน 'พี่ชาย' นี่เป็นเรื่องจริง อ่านที่นี่เลยครับ //www.typhoonbooks.com/webboard/showQAnswer.asp?qNo=320&nickname=


โดย: merveillesxx วันที่: 30 มีนาคม 2548 เวลา:14:39:45 น.  

 
ข้าน้อยเคยอ่าน ใน hesheit ใน a day ขอรับ ตอนแรกก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยอ่านหลายๆครั้ง จนเข้าใจมากขึ้น ชอบมากจริงขอรับคุณวิศุทธิ์

อ่านแล้วจะว่าผ่อนคลายก็ดี อบอุ่นก็ดี แบบไหนก็ชอบ

ไปหา everybodyeverything มาอ่านดีกว่า


โดย: evil_kun วันที่: 30 มีนาคม 2548 เวลา:20:37:54 น.  

 
ชอบงานเขามาตั่งแต่อยู่กับkatchแล้ว
อ่านตอนแรกรู้สึกเรื่องขนบจีบอึนี่หละ
ตังแต่นั้นก็พยายามติดจามมาตลอด
แต่ว่าช่วงนี้ไม่ได้ซื้อadayเลยไม่ได้อ่าน
ยากอ่านอีกจัง
รู้สึกว่างานช่วงหลังๆจะเข้าใจได้มากกว่าแต่ก่อนนะ


โดย: มิ๊กกี้ IP: 61.90.106.170 วันที่: 30 มีนาคม 2548 เวลา:23:15:25 น.  

 
ตั้งแต่เลิกซื้อ A Day ไปปีกว่า ก็ไม่ได้อ่านอีกเลยครับ

แต่เล่มนี้ ปกน่ารักดี... ว่างๆ จะไปหามาอ่านบ้าง :D


โดย: it ซียู วันที่: 31 มีนาคม 2548 เวลา:11:11:16 น.  

 
ยินดีด้วยค่าา สำหรับผลโหวตที่ได้รับ ^^


...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 31 มีนาคม 2548 เวลา:18:00:03 น.  

 
น่าอ่านมากๆเลยครับ เดี๋ยวคงต้องไปหามาอ่านบ้างครับ ดูแล้วคงเนื้อหาแนวๆหนังเหงาๆนะครับ น่าสนใจมากๆครับ ขอบคุณนะครับที่เอาหนังสือดีๆน่าสนใจมาแนะนำกันครับ :)


โดย: Tempting Heart วันที่: 31 มีนาคม 2548 เวลา:19:44:18 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่ะ


โดย: โสมรัศมี วันที่: 14 เมษายน 2548 เวลา:15:13:32 น.  

 
วันเกิด 4 ปีที่แล้วได้มั้ง แฟนซื้อการ์ตูนรวมเล่ม hesheit มาให้
ได้รับปุ๊บเราโกรธมาก เพราะพลิกไปมา ซื้อมาได้งัยวะ ไม่เห็นน่าอ่านเลย
พออ่านถึงก็สนุกดี แต่บางตอนอ่านไม่ค่อยเข้าใจ
บังเอิญว่าใน a day เราอ่านไม่กี่คอลัมภ์ เมื่อก่อนในส่วนของการ์ตูนอ่ะ เราจะข้ามไปเลย
เรามองว่าเค้าเอาเปรียบผู้บริโภค เขียนมาได้งัยลายเส้นโคตรห่วย แต่ตอนนี้เริ่มชอบแล้วล่ะ


โดย: ช็อคชิป (ช็อคชิป ) วันที่: 21 เมษายน 2548 เวลา:14:27:48 น.  

 
โฮๆๆ
อ่านแล้ว...
จบลงพร้อมคราบนำตา

ขอบคุณคุณmerveillesxxเหลือหลายที่แนะนำหนังสือดีโคตรเล่มนี้
อบอุ่น...อ่อนโยน

เคยอ่านไดอารี่ของโยชิโมโต บานานา เค้าบอกว่า "I don't know why, but whenever I see mamuan-chan and her dog in his(วิศุทธิ์) cartoon I have to cry" อืม..เข้าใจแล้วล่ะ

แต่ตอนที่เราระเบิดนำตา ก็คือตอน "พี่ชาย" น่ะแหละ ทั้งๆที่เราก็เหมือนกับคุณ เกิดมาในชีวิตไม่เคยมีพี่ชายกะเขา

วิศุทธิ์ทำได้!


โดย: myrmidon IP: 203.150.84.108 วันที่: 23 เมษายน 2548 เวลา:22:17:51 น.  

 
เลิกดูถูกการ์ตูนที่ลายเส้น
ตั้งแต่ขำขี้แตกขี้แตนไปกับลัคกี้แมน


โดย: Oakyman วันที่: 30 พฤษภาคม 2548 เวลา:16:58:10 น.  

 
อ่านแล้วชอบครับ เป็นการ์ตูนที่ให้มากกว่ารูปภาพที่เห็น และก็ยังคงติดตาม HESHEIT ในADAY อยู่อย่างต่อเนื่องครับผม


โดย: BedRoom วันที่: 12 มิถุนายน 2548 เวลา:19:57:44 น.  

 
ขอบคุณทุกคนคร้าบ จะตั้งใจเขียนให้ดียิ่งๆขึ้นไป ไม่ให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน


โดย: ตั้ม IP: 61.192.88.235 วันที่: 27 มิถุนายน 2548 เวลา:22:27:56 น.  

 
เออ ตอนวันแห่งความรัก เขียนมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ไม่ได้เขียนใหม่นะคับ

เคยอ่านนานแล้ว


โดย: คิดคับ IP: 202.28.27.3 วันที่: 19 กรกฎาคม 2548 เวลา:17:07:02 น.  

 


โดย: 1 IP: 202.176.84.91 วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:14:52:42 น.  

 
แวะมาอ่านครับ .... ปล. สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังด้วยครับ


โดย: POL_US วันที่: 29 กันยายน 2548 เวลา:14:57:30 น.  

 
รอตั้มที่หาดใหญ่นะ


โดย: แน๊ต IP: 61.91.155.19 วันที่: 25 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:40:22 น.  

 
ชอบมาก


โดย: หยุง IP: 71.229.116.158 วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:12:19:48 น.  

 
พยายามที่จะอ่านให้รู้เรื่องค่ะ


โดย: ธิดาเทพ IP: 125.25.56.155 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:13:15 น.  

 
เราอ่านเล่มแรกคือเล่มที่มีผู้หญิง (สีฟ้า)
และเล่มที่มีผู้ชาย (สีส้ม) อ่านแทบไม่รู้เรื่อง
ก่อนจะได้พบมันเราเป็นพวกชอบอ่านการ์ตูนรูปภาพสวย เนื้อเรื่องลึกซึ้ง แฮ่ม..เห็นสองเล่มนี้มาวางไว้ตั้งนาน ไม่คิดจะอ่านหรอก มองหน้าปกก็..จะมีคนซื้อไม้เนี้ย
พอดีไม่มีอะไรจะอ่าน เลยลองเป็ดอ่านดู 2..3...4...5...เรื่อง แต่ละเรื่องเหมือนสอนการใช้ชีวิต เราต้องพบกับผู้คนแล้สังคม เป็นคติเตือนใจ ความมีนำใจ หน้าตาไม่สำคัญ ทำดีได้ดี อ่านแล้วซึ้งมักๆๆๆๆๆๆ (ลองไปอ่านดูทุกผลงาน)


โดย: ปิม IP: 61.7.252.67 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:10:52:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.