|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตะลุย มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 10 (ตุลาคม 2548)
โดย merveillesxx
ถ้าสมองผมไม่เลอะเลือนจนเกินไป ผมจำได้ว่าผมไปงานหนังสือครั้งแรกช่วง ม.3 ครับ (ประมาณปี 1999) และจากนั้นมาผมก็ต้องไปศูนย์สิริกิตติ์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ติดต่อกันมา 6 ปีเต็มไปแล้ว
6 ปีที่ผ่านไป มีหลายสิ่งครับที่เปลี่ยนแปลง อย่างแรกก็คือ หนังสือที่ซื้อ ช่วงปีแรกๆ ผมจะหนักไปทางการ์ตูนเสียมากกว่า ถัดมาก็จะเป็น นิยาย (โดยเฉพาะตระกูล JBOOK) พอมาเดี๋ยวนี้ก็เริ่มลองดีไปพวก หนังสือปรัชญา และพวก นักเขียนท่านๆ ทั้งหลาย และล่าสุดก็จะซื้อพวกหนังสือที่เกี่ยวกับ ภาพยนตร์
อย่างที่สองก็คือ เรื่องของ คนที่ไปเดินด้วยในงาน จำได้ว่าครั้งแรกสุดผมไปกับแม่ครับ (เพราะตอนนั้นยังไปศูนย์สิริกิตติ์เองไม่เป็น) แม่ไม่ได้ซื้อหนังสือสักเล่มเดียว สิ่งที่แม่ทำก็คือ เดินตามลูก แล้วก็ นั่งคอยลูกเลือกหนังสือ ผมเห็นใจแล้วนึกขอบคุณแม่อยู่ในใจเพราะเรื่องในวันนั้นมานาน แต่ก็เพิ่งได้ตอบแทนแม่เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมานี้เอง โดยผมซื้อหนังสือ กูไม่แน่ (ของ ดร.สาธิต เจ้าของแนวคิด ชีวจิต) ไปฝากแม่ ซึ่งน่าจะเป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่ซื้อให้แม่
หลังจากครั้งแรกแล้ว ส่วนใหญ่ผมก็จะไปเดินคนเดียวครับ มีบ้างที่เดินกับเพื่อนหรือแฟน แต่ยังไงการเดินในงานหนังสือ คนเดียว ก็ยังเป็นสิ่งที่ผมสบายใจที่สุดและคิดว่าดีที่สุด ผมค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องนี้พอสมควรนะ เพราะมันต้องเลวร้ายที่สุดสำหรับผมแน่ๆ ถ้าเดินไปแค่ 3 บูธแล้วคนๆนั้นก็เริ่มบ่นขึ้นมาว่า โอ๊ย คนเยอะจัง โอ๊ย เหนื่อย โอ๊ย กลับเถอะ ฯลฯ
แต่วันนี้ผมก็ไม่ได้ไปเดินคนเดียวหรอกนะครับ ผมไปกับเพื่อนคนนึง เธอชื่อว่า หญิง
ไอ้หญิงเป็นเพื่อนในมหาลัยไม่กี่คนที่ยังทนคบกับผมได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มันเป็นคนที่เข้าใจว่า ถ้าผมไม่รับโทรศัพท์เป็นเรื่องปกติ, ไม่โทรกลับเป็นเรื่องธรรมดา, ปิดมือถือนี่ตลอดเวลา จนวันนั้นมันโทรมาแล้วผมรับภายใน 3 ตื๊ด มันยังตะโกนใส่เลยว่า แกรีบรับทำไมวะ! ชั้นจะฟังเพลง! (ตอนนี้ Calling Melody ของผมคือเพลง ฤดูที่ฉันเหงา ของ Flure มีโอกาสเพียงแค่ 0.1% เท่านั้น ที่คนจะโทรมาแล้วได้ยินเพลงนี้ฮา)
ว่าไปแล้วก็เหมือนชะตาลิขิต เพราะผมกับหญิงเริ่มคุยกันมากๆ ก็เพราะ หนังสือ จำได้ว่าตอนปี 1 ผมเอาหนังสือ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ของวินทร์ เลียววาริณไปพรีเซนต์หน้าชั้น พอมันเห็นผมหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาบนโต๊ะ มันก็ชวนคุยเลยว่า อ้าว อ่านเล่มนี้ด้วยเหรอ
แล้วหลังจากนั้นบทสนทนามากมายก็ตามมา
นอกจากนั้นหญิงยังชอบดูหนังเหมือนผมอีกด้วย ตอนเทศกาล Bangkok International Film Festival เมื่อต้นปีผมไปดูหนังด้วยกันกับมันเป็นสิบกว่าเรื่อง เรียกได้ว่าเห็นหน้ากันจนจะอ้วก
เรื่องดีอีกอย่างหนึ่งระหว่างผมกับหญิงก็คือ เราสองคนไม่มีทางเกิดอาการแบบ ไข่ย้อยกับดากานดา ในเรื่อง เพื่อนสนิท แน่นอน ซึ่งผิดวิสัยของผมที่มักเปลี่ยนสถานะ เพื่อนสนิท ให้กลายเป็น แฟน เป็นประจำ และสุดท้ายก็จะกลายเป็น แฟนเก่า ในที่สุด (ฮา) สเป็กของเราสองคนห่างไกลสุดกู่ประหนึ่งพรรครีพับลิกันกับเดโมแครต ผมมีความฝันสูงสุดอยากได้แฟนเป็นสาวญี่ปุ่น (แน่นอนหญิงไม่ใช่ผู้หญิงสไตล์นี้) แต่หญิงชอบผู้ชายถึกๆดำๆล่ำๆแมนๆ ยิ่งดำยิ่งชอบ (โชคดีของผมที่เกิดมาผิวออกเหลือง)
ผมกับหญิงไปถึงศูนย์สิริกิตติ์ประมาณ 11.30 คนเยอะมากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก
วิธีเดินงานหนังสือของหญิงในวันนี้ทำให้ผมเกิดพุทธิปัญญาขึ้นมากทีเดียว วิธีการของมันก็คือ ไปหยิบแผนที่มาก่อน แล้วมานั่งวงบูธที่สำคัญๆ (เช่น Bliss, นายอินทร์, เนชั่น, มติชน ฯลฯ) แล้วก็ไปเดินตามที่บูธวงไว้ จากนั้นก็เอาหนังสือไปฝากที่จุดรับฝากของ แล้วค่อยเดินเก็บบูธที่เหลือตอนหลัง
ส่วนผมจะใช้วิธี ลุยแหลก แผนที่นี่ไม่เคยสน ผมจะเดินรอบเดียวแบบไล่ทุกบูธไปเลย A 1 2 3 แล้วก็ B 1 2 3 พอเคลียร์ไปโซนนึงแล้ว ก็ไปอีกโซน ซึ่งลองคิดๆดูแล้วผมว่าแต่ละวิธีมันก็มีข้อดีในตัวของมันเอง อย่างวิธีของหญิงก็จะดีที่ว่า จะเก็บหนังสือที่ ฮ็อตๆ (ที่ประมาณว่าอ่านแล้วเอาไปคุยกับชาวบ้านเค้ารู้เรื่อง) ได้หมดโดยไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ก็อาจจะเงินหมดจนไม่เหลือไปซื้อหนังสือไม่ดังแต่เจ๋ง เพราะแค่บูธ JBOOK ก็ดูดเงินผมไป พันกว่าๆ แล้ว
ส่วนวิธีของผมบางทีก็จะได้พวกหนังสือ เซอร์ไพรส์ ระหว่างทาง แต่บางทีเงินก็หมด ก่อนที่จะไปถึงบูธดังๆ จนอดหนังสือฮ็อตๆไป แล้วก็จะคุยกับชาวบ้านไม่รู้เรื่อง แล้วก็จะไม่ค่อยมีเพื่อนอย่างผมนี่แหละ (ฮา)
วันนี้ผมเจอเพื่อนๆ หลายคนในงานหนังสือด้วย (ซึ่งแปลกมาก ปกติผมไม่เคยเจอเลย) คนแรกคือ หญิง (ซึ่งเป็นละคนกับหญิงที่ผมไปด้วย เผอิญสองคนนี้ชื่อซ้ำกัน) ตอนแรกนึกว่าหญิงมาเดินงานเฉยๆ แต่ดูไปดูมา เธอมาทำงานขายหนังสือประจำบูธนี่เอง เก่งจังเลยนะ ผมไม่สามารถทำงานประเภทนี้ได้เลยครับ ผมต้องตบลูกค้าเข้าสักคนภายใน 3 ชั่วโมงของการทำงานวันแรกแน่ๆ
คนที่สอง คือ ก้อง เพื่อนที่คณะที่รู้จักกันตั้งแต่รับน้องเพราะเต้นท่า ชี้ดาวตก ของ F4 ด้วยกัน ตอนเจอหน้ามันก็ถามว่า เฮ้ย มาทำไรวะ ก้อง อ๋อ ก็มาดูหนังสือไง ผม แหงสิ ก็นี่มันงานหนังสือนี่หว่า (นั่น...มิวายไปกวนตีนเค้าอีก)
คนสุดท้ายที่เจอคือ เดนท์ เดือนคณะสุดหล่อประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาลัยชื่อดังแถวสามย่าน ความสัมพันธ์ของเราสองในอดีตลึกซึ้งพอสมควร ถึงขั้นที่ว่าเดินจับมือกันกลางตลาดหัวหินมาแล้ว (ปล่าว
ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ตอนนั้นผมดันเสร่อทำแว่นตกทะเลจนตกอยู่ในสถานะผู้พิการทางสายตา ไอ้เดนท์มันก็เลยต้องคอยจูงๆลากๆ นำทางไม่ให้ถูกรถชนตาย)
ด้วยความที่ว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะ (แต่คนละสถาบัน) ผมก็เลยถามมันว่า เฮ้ย มีหนังสือเกี่ยวกับเสดสาดแนะนำบ้างมั้ยวะ แต่เดนท์ตอบว่า เฮ้ย มึงอย่าพูดเลย กูอยากซิ่วไปรัดสาดจะตายห่าอยู่แล้ว
อ้าวเป็นงั้นไป! พูดก็พูดเถอะนะ จนถึงตอนนี้ผมยังไม่เจอเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกับผม แล้วบอกว่าชอบแบบจริงๆจังๆ เลยเนี่ย เฮ้อ (แต่อย่าลืมว่าผมเพื่อนน้อย)
ระหว่างที่เดินในงาน ผมกับหญิงก็หยุดพักจัดข้าวของกันแป๊บนึง ระหว่างนั้นผมก็หยิบหนังสือ BLOG BLOG ของ อ.ปกป้อง จันวิทย์ ขึ้นมาอ่าน (เห็นชื่อหนังสือก็ต้องซื้อแล้ว เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวผมมากๆ) ต้องเล่านิดนึงก่อนว่า อ.ปกป้อง เป็นอาจารย์ที่คณะผมครับ วิชาที่อจ.สอนก็คือ Comparative Macroeconomics Theory ซึ่งผมตั้งใจไว้ตอนปี 2 ว่าพอขึ้นปี 3 แล้วจะลองลงวิชานี้ดู แต่อนิจจา
พอผมขึ้นปี 3 อจ.ก็ไปเรียนต่อเมืองนอกพอดี วิชานี้เลยก็เรียนปิดไปโดยปริยาย วัยรุ่นเซ็งเลยงานนี้
ส่วนหนังสือ BLOG BLOG เป็นรวมบทความที่ อจ.เขียนไว้ในบล็อก (ซึ่งผมแอบเข้าไปอ่านอยู่เรื่อยๆ) มีบทนึงที่ชื่อว่า Meet the Bloggers ชื่อน่าสนใจดี ก็เลยลองเปิดอ่านดู ปรากฏว่า อจ. มีเขียนถึงผมนิดนึงด้วย (เอ้า กรี๊ด) ดังนี้ครับ
blog ของคุณ grappa ยังเป็นประตูสู่โลกของหนังสือ หนัง และเพลง ที่น่าค้นหา เพราะเต็มไปด้วยสมาชิกในชุมชนที่น่าสนใจอีกจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ blog ของ merveillesxx นักศึกษาเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ปริญญาตรี ที่วิจารณ์หนัง เพลง และหนังสือ ได้อย่างยอดเยี่ยม นานๆ ทีจะเห็นนักเรียนเศรษฐศาสตร์เขียนหนังสือได้ดีปานนี้ น่าทึ่งมาก
วุ้ยยยย
อ่านแล้วเขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
(แต่แอบงอนนิดหน่อยในหนังสือ ชื่อผมและ url ดันกลายเป็น merveillexxx เสียได้ โธ่..สองเอ็กซ์ก็พอแล้ว นี่เพิ่มให้กลายเป็น ทริปเปิ้ลเอ็กซ์ เลย แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชินกับเรื่องประมาณนี้แล้ว)
ผมนั่งอ่านไป เขินไป ยิ้มไป จนไอ้หญิงมันคงหมั่นไส้อยากจะเอาถุงหนังสือฟาดกบาล มันก็เลยพูดขึ้นมาว่า แกก็เอาปากกาไฮไลท์ขีด ไว้เลยสิ! (เข้าใจหรือยังว่าทำไมเราสองคนถึงทู่ซี้คบกันมาได้จนถึงทุกวันนี้)
ผมกับหญิงคิดเอาไว้ว่า ถ้าผมพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปกว่านี้จนออกหนังสือทำนองนี้กับเค้าได้ ผมจะตั้งชื่อว่า บล็อกบ้า (ฮา)
**บล็อกของ อ.ปกป้อง อยู่ที่ //pinporamet.blogspot.com ลองเข้าไปดูกันนะครับ
งานหนังสือคราวนี้ผมตั้งงบไว้ที่ 3000 บาท ตามเคย (เป็นงบประจำของผมกับหญิง) เงินสามพันนี้ของผมกับหญิงหมดไปอย่างรวดเร็ว จนผมทนไม่ไหวต้องไปกดตังค์เพิ่มมาอีกพันนึง แล้วก็ใช้หมดไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา เบ็ดเสร็จก็ใช้ไปทั้งหมดประมาณ 4000 บาท ซื้อมา 26 เล่ม (กับ DVD 1 แผ่น)
เวลาผมบอกเพื่อนๆ ว่าใช้เงินในงานหนังสือไป 3-4 พัน ทุกคนจะทำหน้าตกใจมาก ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้ผมนั่งคุยกับหญิง พวกเรารู้สึกว่าเงิน 3 พันกับงานหนังสือเป็นสิ่งที่ปกติธรรมดามาก ไม่ใช่ว่าบ้านเรารวยล้นฟ้า แต่เพราะมันคือสิ่งที่เราชอบ เป็นเงินที่เราต้องเสียเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง แต่เราก็ไม่เคยคิดเสียดายเลย
ผมยังคงความเชื่อเดิมของตัวเองว่างานอดิเรก สำส่อนในการดูหนัง ฟังเพลง และเสพวรรณกรรม ยังเป็นเรื่องที่ดีสำหรับชีวิตผมอยู่ครับ
ปล.1 แต่สิ่งที่ผมหนักใจก็คือ ตอนนี้ผมดองหนังสือไว้ร่วมๆ 80 เล่มแล้วสิเนี่ย (กองไว้เหมือนในโปสเตอร์ข้างบนเลย) ไม่รู้ชาตินี้จะอ่านหมดมั้ย
ปล.2 แนะนำเล็กน้อย: ร้านอาหารที่ Food Court ในงาน ร้านที่ไม่อร่อยเลย คือ ร้านข้าวหน้าหมูทอดญี่ปุ่น กับร้านข้าวผัดอเมริกัน (เพราะมันทำไว้แล้ว ก็เลยเย็นๆชืดๆ) ส่วนร้านที่อร่อยคือ ร้านราดหน้า แต่จืดไปหน่อย ต้องปรุงเพิ่มด้วยนะ
ปล.3 หลังจากงานนี้ไปผมยังมีเวรกรรมต้องจ่ายเงินอีกก็คือ เทศกาลหนัง World Film และงาน FaT Festvial ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าเดือน ต.ค.-พ.ย. เป็นเดือนแห่งความยากจนของผมนั่นเอง วะ ฮะ ฮ่า
-รายชื่อหนังสือ งานหนังสือ ตุลาคม 2548-
หมวดหนังสือญี่ปุ่น
01. แล้วฉันจะกลับมา (2003, Ichikawa Takuji) Bliss-JBOOK
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่อะไรไกลอื่น มันคือนิยายของหนังญี่ปุ่นที่ฮิตที่สุดและฉายโรงนานที่สุดในปีนี้ของบ้านเรา Be With You (2004, Nobuhiro Doi, A-) นั่นเอง
น่าเสียดายที่หน้าปกดึงดูดน้อยไปหน่อย ถ้าหนังสือใช้โปสเตอร์ของหนังเป็นปกนี่รับรองบูมแน่ๆ (เข้าใจว่าอาจจะติดเรื่องลิขสิทธิ์อะไรประมาณนั้น)
นี่เป็นหนังสือเล่มแรกที่ผมซื้อในวันนี้ และตอนซื้อก็มีอะไรขำขำเหมือนกัน กล่าวคือโรคจิตลำดับที่ 38 ของผมคือ ชอบกวนตีนคนเชียร์หนังสือ (เน้น เชียร์ ไม่ใช่ ขาย) โดยเฉพาะถ้าคนเชียร์ยิ่ง สวย เธอจะยิ่ง ซวย เพราะผมจะยิ่ง กวน มาก (แต่อย่าดูถูกไป วิธีใช้จีบผู้หญิงได้ดีในระดับหนึ่งทีเดียว เน้นว่า ในระดับหนึ่ง)
ณ บูธ Bliss มุม JBOOK
คนเชียร์ - พี่ค้าาาา พี่คะ บี วิธ ยู ออกใหม่ค่าาาาาา ซื้อมั้ยคะ
mer - (ทำหน้ายิ้มรับแบบเฉยๆ แต่แอบเคืองเพราะถูกเรียกว่า พี่)
คนเชียร์ - พี่คะ พี่ได้ดูหนังเรื่องนี้มั้ยคะ
mer - อ่า ก็ดูอ่ะครับ
คนเชียร์ - ต๊ายยยย ชอบใช่มั้ยคะ แบบนี้ต้องยิ่งซื้อค่ะ แหมๆๆๆ ดูกับใครคะ ต้องดูกับแฟนแน่ๆเลยยยยย
mer - อ่า..ใช่ครับ..แต่เลิกไปแล้ว
(dead air 2 วินาที)
คนเชียร์ - อุ๊ย ไม่เป็นไรค่ะ แต่พี่รู้ใช่มั้ยคะว่าพระเอกนางเอกเข้าเป็นแฟนกันเพราะหนังเรื่องนี้ น่ารักเนาะ
mer - นั่นแหละครับ ที่ทำให้ผมหงุดหงิด
(dead air อีก 2 วินาที)
คนเชียร์ - งั้นพี่จำ ยูจิ (ตัวลูกชายในหนัง) ได้ใช่มั้ยคะ น่ารักนะคะ ชอบยูจิ รักยูจิ ต้องซื้อนิยายเล่มนี้เลยนะคะ
mer ผมเกลียดเด็ก
(dead air 5 วินาทีเต็มๆ)
แต่อย่างห่วงไปเลยครับ ในที่สุดผมก็ซื้อนิยายเล่มนี้มาครับ เพราะกลัวว่าเธอจะร้องไห้หรือไม่ก็กรี๊ดแตกสติขึ้นมากลางบูธเสียก่อน
อ่านกระบวนการกวนตีนของผมข้างบนแล้ว เดากันได้ใช่มั้ยครับว่า คนเชียร์หนังสือผู้โชคร้าย คนนี้ สวยขนาดไหน (ฮา)
*ตอนนี้ DVD เรื่อง Be With You ออกแล้ว แพ็คเกจสวยเหลือเชื่อ นักสะสมห้ามพลาดเด็ดขาด!*
02. นัดหมายในความมืด (2002, Otsu-ichi) Bliss-JBOOK
03. ZOO (2003, Otsu-ichi) เนชั่นบุ๊คส์
ช่วงนี้ตามเก็บงานของ โอตสึอิจิ อยู่ครับ เสียดายวันนี้บูธเนชันไม่มี GOTH มาขายเลย
04. dive (2000, Eto Mori) Bliss-JBOOK
งานของ โมริ เอโตะ ผู้เขียน สวรรค์ให้รางวัลผม หนังสือ ฟีลกู๊ด ไม่กี่เล่มที่ผมชอบที่สุดในชีวิต (ชอบที่สุดคือตัวละคร สาวไซด์ไลน์อายุ 12)
05. คินดะอิจิยอดนักสืบตอนที่ 2 หมู่บ้านแปดหลุมศพ (1971, Yokomizo Seishi) Bliss-JBOOK
06. คินดะอิจิยอดนักสืบตอนที่ 3 บทเพลงปีศาจ (1972, Yokomizo Seishi) Bliss-JBOOK
07. มิเกะเนะโกะ โฮล์มส์ แมวสามสียอดนักสืบ ตอนที่ 7 นิทรรศการฆาตกรรม (1982, Akagawa Jiro) Bliss-JBOOK
มาลุ้นกันดีกว่าว่าเล่มนี้จะคืนฟอร์มมั้ย หลังจากความสนุกของซีรี่ย์ชุดนี้กราฟดิ่งลงมาตลอดในช่วงหลัง
08. บันได 13 ขั้น ปริศนาจากแดนประหาร (2001, Takano Kazuaki) Bliss-JBOOK
นิยายเรื่องนี้เคยสร้างเป็นหนังแล้วในชื่อ Thirteen Steps (2003, Masahiko Nagasawa) นำแสดงโดย Takeshi Sorimachi ส่วน ผกก.Masahiko Nagasawa หนังล่าสุดของเขาคือ Way of Blue Sky (2005, A) ที่เพิ่งเข้าที่ลิโด้ไป
09. อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก (2001, Kyoichi Katayama) เนชั่นบุ๊คส์
หนังก็ดูแล้ว ละครก็ดูแล้ว ซาวด์แทร็กก็ซื้อหมดแล้วทั้งหนังใหญ่ ทั้งละคร แล้วจะพลาดฉบับนิยายไปได้อย่างไร
10. ไฟรักฤดูร้อน / Darkness in Summer (1983, Takeshi Kaiko) สนพ.บ้านหนังสือ
เห็นหนังสือปกสวยเล่มนี้มาตั้งแต่ตอนอยู่ปี 1 ที่ศูนย์หนังสือ มธ.รังสิต เพิ่งจะได้ฤกษ์ซื้อก็วันนี้แหละครับ
หมวดหนังสือสากล
11. สองดวงจันทร์ / Walk Two Moon (1994, Sharon Creech) มติชน
อันนี้ไอ้หญิงเพื่อนผมมัน recommend สุดชีวิต ไม่ซื้อก็เดี๋ยวจะเสียน้ำใจ แต่ถ้าไม่ดีแกซวยแน่
หึหึหึ
12. หอคอยทมิฬ / The Dark Tower (1983, Stephen King) Beast Publishing
13. แผ่นดินของเรา / Terre des Hommes (1938, Antonie de Saint-Exupery) สนพ.นาคร
งานของผู้เขียน เจ้าชายน้อย
14. นักพนัน / The Gambler (1866, Fyodor Dostoevsky) สนพ.บ้านหนังสือ
งานของฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี ผู้ได้สมญานาม ภูผาแห่งวรรณกรรมรัสเซีย ผมซื้อหนังสือของเขาเก็บไว้ 2-3 เล่ม แต่ยังไม่ได้อ่านเลยครับ
15. ผู้คนแห่งมหานครดับลิน / Dubliners (1914, James Joyce) สนพ.นาคร
16. ภาพชีวิตวัยเยาว์ของศิลปิน / A Portrait of the Artist as a Young Man (1916, James Joyce) สนพ.นาคร
เจมส์ จอยซ์ ผู้เลื่องชื่อในฐานะนักเขียนแนวกระแสสำนึก (stream of conciousness) และผู้แต่งเรื่อง Ulysses (เล่มนี้มีแปลไทยมั้ยครับ ใครทราบช่วยบอกด้วยครับ)
หมวดวินทร์ เลียววาริณ + หนังสือไทย
งานหนังสือทุกปีผมต้องได้หนังสือของคุณวินทร์ติดมือกลับบ้านไปครับ ปีนี้แปลกกว่าปีก่อนๆ เพราะไม่ได้ลายเซ็น (ปกติคุณวินทร์จะนั่งอยู่ที่บูธตลอด)
มีเรื่องตลกอันนึงที่จำได้แม่นยำก็คือ เด็กวัยรุ่นสองคนมายืนๆ ด้อมๆ หน้าบูธแล้วก็พูดกันว่า ไหนวะ คนไหนวะ วินทร์ อีกคน เออ ไม่เห็นมีเลย สงสัยไม่อยู่มั้ง ทั้งที่คุณวินทร์ก็นั่งหัวโด่อยู่ในบูธนั่นแหละ!
17. จรูญจรัสรัศมีพราว พร่างพร้อย (2005, วินทร์ เลียววาริณ)
ภาคต่อที่ทิ้งช่วงห่าง 10 ปีเต็มจาก เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว (นิยายวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งในประวัติศาสตร์วรรณกรรมไทย) ดีใจจนแทบร้องไห้ที่คุณวินทร์กลับมาเขียนแนวนี้อีกครั้ง
18. รอยเท้าเล็กๆ ของเราเอง (2005, วินทร์ เลียววาริณ)
รวมบทความจากเวบไซต์ //www.winbookclub.com เขาเขียนไว้ว่าเป็น หนังสือเสริมกำลังใจ
19. กล่องไปรษณีย์สีแดง (2000, อภิชาต เพชรลีลา) สนพ.นกดวงจันทร์
นิยายต้นฉบับของหนังเรื่อง เพื่อนสนิท (2005, คมกฤษ ตรีวิมล, A+) นี่คือหนึ่งในหนังสือที่ขายดีที่สุดในงาน และคนที่ถือหนังสือเล่มนี้เดินไปเดินมาในงานมักจะสวย!
20. อะดม ๒ (2005, อุดม แต้พานิช) daypoets ภาคต่อของ อะดม (a day เล่มที่ 35 - ถ้าจำไม่ผิด) หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับ 1.คนเกลียดมุกควาย และ 2. คนเกลียดอุดม! (เวบไซต์ ผู้ดีจอมปลอม แห่งหนึ่งมักกล่าวว่า คนทั้งประเทศเกลียดอุดม แต่ผมใช้เวลา 9 ชั่วโมงในการต่อแถวซื้อบัตร เดี่ยวไมโครโฟน 6)
เราเตือนคุณแล้วนะ
หมวดวิชาการ
21. คนไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจ (2004, ปกป้อง จันวิทย์) openbooks
ความเรียงว่าด้วยเศรษฐศาสตร์นอกกระแสหลัก (คำโปรยหน้าปก)
22. BLOG BLOG (2005, ปกป้อง จันวิทย์) openbooks
เศรษฐกิจการเมืองอ่านสนุกจากมุมมองอดีตนักเรียนทุนฟุลไบร์ทไทยในอเมริกา ผู้สร้างชุมชนทางปัญญาผ่านเครือข่ายไซเบอร์สเปซ (คำโปรยหน้าปก)
23. มายาคติ / Mythologies (1957, Roland Barthes) โครงการจัดพิมพ์คบไฟ
ดีใจมากๆ เลยครับที่ได้หนังสือเล่มนี้ ผมพยายามหามานานมากๆ จนเกือบจะต้องไป Xerox เอาจากห้องสมุดที่มหาลัยแล้ว
คุณไกรวุฒิ จุลพงศธรเคยเขียนถึงเล่มนี้ไว้ใน BIOSCOPE ฉบับที่ 31 ว่า เล่มนี้ไม่เกี่ยวกับหนังโดยตรง แต่เกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่ซ่อนในบริบทของสังคม เล่มนี้น่าสนใจมากครับ
หมวดภาพยนตร์
24. โดน! 50 scenes selection (2002) Blackberry Publishing
25. หนังอันตราย (2003) Blackberry Publishing
บทความเชิงแนะนำและเป็นคำเตือนไปในตัวต่อหนัง บัญชีดำ ทั้งหลาย เช่น Battle Royale (2000, Kinji Fukasaku, A) Funny Games (1997, Michael Haneke, A+) Visitor Q (2001, Takashi Miike, A) และโดยเฉพาะ SALO (1975, Pier Paolo Pasolini, A+) ถ้าใจไม่แข็งพอ ห้ามดูเด็ดขาด เด็ดขาด และเด็ดขาด! (แต่ผมมีความเชื่อส่วนตัวว่าผมต้องหลงรักหนังเกือบทุกเรื่องในหนังสือเล่มนี้แน่นอน)
26. หนังพันลึก (2004, ประวิทย์ แต่งอักษร) Blackberry Publishing
ต้องสารภาพว่าผมไม่ค่อยได้อ่านบทวิจารณ์ของ อ.ประวิทย์ เท่าไร เพราะอจ.มักจะเขียนในนิตยสารที่ผมไม่ได้ซื้อ (แต่อาศัยยืนอ่านฟรี แหะแหะ) แต่ตอนที่ไปเรียนคอร์ส อบรมภาพยนตร์วิจักษณ์ ของมูลนิธิหนังไทย ผมประทับในตัว อจ. มากๆเลยครับ เพราะอจ.สอนสนุกมากๆ และตอนที่ผมเข้าไปขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการวิจารณ์หนัง อจ.ก็ช่วยให้คำแนะนำอย่างเต็มที่ด้วย ซึ้งใจจริงๆ T__T
หนังสือเล่มเป็นรวมบทวิจารณ์หนังคลาสสิกทั้งหลาย (บางคนเรียก หนังเทพ หรือ หนังปรมาจารย์) เช่น The Battleship Potemkin, Citizen Kane, Rashomon, Psycho ฯลฯ เห็นชื่อหนังก็รู้แล้วว่าหนังสือเล่มนี้คง ลึก น่าดู
27. DVD สารคดีข้างบ้าน #1 (2005, BIOSCOPE)
ดีวีดีรวม 4 สารคดีของคนทำหนังที่มาทำสารคดีด้วย ไอเดีย และ หัวใจ อยากให้ทุกคนได้ดูหนังทั้งหมดนี้ครับ โดยเฉพาะ My First Boyfriend (2004, อิสระ มณีวัต, A++++++++++++)
อันนี้แถมครับ
-10 หนังสือในดวงใจตลอดกาลของ mer- (ไม่ได้เรียงลำดับความชอบ / อัพเดทล่าสุด ส.ค. 2547)
01. วินทร์ เลียววาริณ: สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน (1999) 02. ชาติ กอบจิตติ: คำพิพากษา (1981) 03. ทินกร หุตางกูร: โลกของจอม (2002) 04. ปราบดา หยุ่น: ชิทแตก! (2002) 05. อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี: Le Petit Prince เจ้าชายน้อย (1943) 06. โมริ เอโตะ: Colorful เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม (1998) 07. อากูม่า ฮิเดโอะ: ปลาย่าง The Grilled Fish (1923) 08. ชุนจิ อิวาอิ: Lover Letter จดหมายรัก (1995) 09. ทิม เบอร์ตัน: The Melancholy Death of Oyster Boy เด็กชายหอยนางรม (1997) 10. โทมัส แฮร์ริส: Hannibal Lector Trilogy - Red Dragon, The Silence of the Lambs (1990), Hannibal (1999) (แถม - ทุกเรื่องทุกเล่มของ วินทร์ เลียววาริณ)
ซื้อหนังสืออะไรกันมา / อยากเชียร์-อยากแนะนำหนังสือ / หนังสือในดวงใจของทุกท่านคือเล่มไหนบ้าง เชิญเล่าสู่กันฟังนะครับ
Create Date : 14 ตุลาคม 2548 |
Last Update : 14 ตุลาคม 2548 5:58:24 น. |
|
36 comments
|
Counter : 9396 Pageviews. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:6:03:05 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:6:40:49 น. |
|
|
|
โดย: +KikKle+ วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:11:13:18 น. |
|
|
|
โดย: Tiktok IP: 58.11.98.38 วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:12:02:21 น. |
|
|
|
โดย: olive (tampuu ) วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:15:10:31 น. |
|
|
|
โดย: Calaglin วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:16:36:10 น. |
|
|
|
โดย: หนูชล วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:17:29:25 น. |
|
|
|
โดย: Nighty (Meroko ) วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:20:02:11 น. |
|
|
|
โดย: Nighty (Meroko ) วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:20:10:30 น. |
|
|
|
โดย: quin toki วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:20:32:56 น. |
|
|
|
โดย: sw IP: 202.76.140.244 วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:21:57:17 น. |
|
|
|
โดย: grappa IP: 61.91.110.226 วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:22:50:30 น. |
|
|
|
โดย: ปิ่น ปรเมศวร์ IP: 61.91.172.70 วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:0:29:55 น. |
|
|
|
โดย: foneko IP: 61.91.87.137 วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:1:40:29 น. |
|
|
|
โดย: azzurrini วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:13:09:30 น. |
|
|
|
โดย: โอตโจะ (โอตโจะ ) วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:22:24:21 น. |
|
|
|
โดย: princenobu IP: 58.10.53.123 วันที่: 16 ตุลาคม 2548 เวลา:23:52:44 น. |
|
|
|
โดย: melancholia IP: 203.188.52.248 วันที่: 20 ตุลาคม 2548 เวลา:20:41:30 น. |
|
|
|
โดย: badgirl IP: 203.107.189.66 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2548 เวลา:12:38:49 น. |
|
|
|
โดย: Ava7 IP: 203.188.35.101 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2548 เวลา:1:29:30 น. |
|
|
|
โดย: aomja IP: 61.91.226.177 วันที่: 16 มีนาคม 2549 เวลา:0:30:25 น. |
|
|
|
โดย: หนอนน้อย IP: 58.9.142.95 วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:13:54:38 น. |
|
|
|
โดย: หยาดฝน IP: 119.42.94.151 วันที่: 25 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:37:25 น. |
|
|
|
|
|
|
|
-- ขอแสดงความเสียใจกับท่านที่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่อง Stratosphere (A) นะครับ เพราะตอนนี้หนังออกจากลิโด้ไปแล้ว (เพิ่งเข้าได้อาทิตย์เดียวเอง) ...ขอไว้อาลัย
-- สัปดาห์นี้หนังเรื่อง 3-Iron (2004, คิมคีด็อค, A++++++) เข้าแล้วที่ Lido และ House ย้ำอีกทีว่า ห้ามพลาด ห้ามพลาด และห้ามพลาด นะจ๊ะ ...น้อง mer ขอบอก