http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
15 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
ตามรอย 'อีดอกนรก' (Aku no Hana)



Aku no Hana (The Flowers of Evil) (2009-2014) มังงะของ Shuzo Oshimi ว่าด้วยเด็กหนุ่มชื่อคาสึกะที่แอบเอาชุดพละของดาวโรงเรียน ซาเอกิ กลับบ้าน แต่เพื่อนสาวร่วมห้องนาม นากามูระ มาเห็นเข้า หลังจากนั้นชีวิตของคาสึกะก็ชิบหายทันที (การ์ตูนมีฉบับลิขสิทธิ์ในชื่อ 'รักโรคจิต' โดยวิบูลย์กิจ)

เนื่องจากเราคลั่งการ์ตูนเรื่องนี้มากๆ ตอนไปญี่ปุ่นเมื่อเมษายน 2015 จึงทำทริปตามรอยการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย โดยแบ่งเป็น 2 Part ด้วยกัน Part แรกนั้นจะไปยังเมือง Kiryu จังหวะ Gunma อันเป็นสถานที่เกิดเหตุของเนื้อเรื่องช่วงครึ่งแรก ส่วน Part สองไปยังเมือง Choshi จังหวัด Chiba อันเป็นเมืองที่นากามูระย้ายไปในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง





PART 1 : Kiryu, Gunma

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสถานีรถไฟที่ใกล้กับเมือง Kiryu นั้นมีสองสถานีครับ คือ Shin-Kiryu กับ Kiryu ซึ่งสถานีหลังจะใกล้กับสถานที่ในเรื่อง Aku no Hana มากกว่า แต่เนื่องจากการเดินทางโดยรถไฟไปยัง Shin-Kiryu ดูจะง่ายกว่า นั่งต่อเดียวถึง ผมเลยนั่งไปลงที่ Shin-Kiryu ครับ

โดยวิธีไปสถานี Shin-Kiryu ก็นั่งรถไฟจากสถานี Asakusa โดยนั่งรถไฟสาย Tobu ที่ชื่อว่า Ryomo ใช้เวลาประมาณ 97 นาที ค่าโดยสาร 2230 เยน (รถไฟด่วนของสาย Tobu จะบังคับ reserved seat ครับ คือตั๋วจะ fix ที่นั่งมาให้เลย) ตอนซื้อตั๋วก็ไม่ยาก ผมใช้วิธีเขียนใส่กระดาษยื่นให้พนักงาน เป็นอันจบ (ส่วนถ้าใครอยากไปลง Kiryu เลย ก็ลองค้นหาเส้นทางจากเวบ hyderdia จ้ะ ไม่ยาก)



ออกมาจากสถานี Shin-Kiryu แล้วก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความบ้านนอก 555 ก็เหวอๆ นิดหน่อย จากนั้นก็เดินเข้าเมืองโดยเดินไปทางสถานี Kiryu (เปิด google maps เอานะจ๊ะ) ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร (ไปช่วงเมษา ฤดูใบไม้ผลิเลยเดินไหวจ้ะ ใครไปหน้าร้อน ไปลง Kiryu เลยเถอะ)




ระหว่างทางก็จะเจอแม่น้ำ Watarase แม่น้ำสายสำคัญของเมืองนี้ เป็นสถานที่นัดพบของคาสึกะกับนากามูระนั่นเอง

พอเดินเข้าเมืองแล้วยังไงต่อ? ต้องบอกก่อนว่าการตามรอย Aku no Hana มันจะไม่ได้มี landmark อะไรชัดเจน แต่เนื่องจาก Kiryu เป็นเมืองบ้านเกิดของผู้เขียน แกก็เลยใส่บรรยากาศของเมืองลงไปในเรื่อง บางสถานที่ก็แทบจะ sketch มาจากของจริง หรือจะเห็นได้ชัดมากๆ จากภาคอนิเมะ เพราะทีมงานไป sketch จากสถานที่จริงเลย แถมตัวแอนิเมชั่นก็ใช้เทคนิค rotoscope ด้วย ดังนั้นภาพของจริง vs. ภาพในอนิเมะมันเลยออกมาเหมือนกันแบบเด๊ะๆ

วิธีเดินสำรวจเมือง Kiryu มีบล็อกนี้เขียนไว้อย่างดีครับ //magiclanternoid.blogspot.com/2013/04/blog-post.html  เขามีทั้งเปรียบเทียบภาพจริง vs อนิเมะ และทำเป็นเส้นทางใน google maps ไว้เลย แต่บล็อกเป็นภาษาญี่ปุ่นอาจจะต้องใช้ google translate ช่วยหน่อย

ผมทำเส้นทางแบบลวกๆ ในกรณีที่เดินจากสถานี Shin-Kiryu จะได้ประมาณนี้ครับ (เส้นสีแดง)



สิ่งที่เจอระหว่างทาง ก็ประมาณนี้ครับ




บริเวณนี้ปรากฏในอนิเมะด้วย ถูกถอดออกมาเด๊ะๆ เลย (ลองดูภาพเปรียบเทียบครับ //3.bp.blogspot.com/-4DYsHZwNVks/UWXNHSAw8bI/AAAAAAAABm4/JKhupfjEJks/s1600/%E3%82%AD%E3%83%A3%E3%83%97%E3%83%81%E3%83%A315.jpg )




ไอ้โคมไฟสีส้มๆ เขียวๆ นี่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของถนนในเมือง Kiryu เลย (ในอนิเมะก็เห็นเรื่อยๆ)




โรงเรียนของพวกคาสึกะ แต่ปัจจุบันเหมือนกลายเป็นที่ทำการเขตอะไรสักอย่าง




ร้านหนังสือเก่าที่คาสึกะชอบไป มีอยู่จริงจ้าาาา ร้านยังเปิดอยู่ เจ้าของร้านเป็นคุณลุงแก่ๆ

โดยสรุปแล้ว Kiryu เป็นเมืองเงียบๆ สงบดีครับ ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร แต่เดินแล้วก็ชิลล์ๆ ที่จริงคงมีสถานที่เที่ยวบ้าง แต่ผมเดินตามรอยอีดอกนรกทั้งวัน ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เดินเยอะมาก น่าจะเดินเยอะกว่าตอนอยู่ไทยสามปีรวมกัน 5555 แถมไม่ได้กินข้าวที่นี่เลยด้วย เพราะไม่อยากเสียเวลาเที่ยว ใช้วิธีพกข้าวปั้นมากิน (รันทดจริงๆ) อ้อ แต่ที่นี่หามินิมาร์ทยากหน่อยนะครับ คือมี แต่ไม่ถี่มาก แต่ตู้กดน้ำนี่ถี่มาก ชอบญี่ปุ่นก็ตรงนี้แหละนะ

ส่วนขากลับเดินกลับไปสถานี Shin-Kiryu ไม่ไหวแล้ว เลยขึ้นรถจากสถานี Kiryu ครับ ผมใช้วิธีนั่ง JR Ryomo line จากสถานี Kiryu ไปลงสถานี Tochigi จากนั้นก็นั่ง Tobu Skytree Line สาย rapid มาลงที่ Asakusa ครับ มีข้อเตือนว่าเวลาออกมาบ้านนอกแบบนี้รถไฟจะวิ่งไม่ค่อยถี่ บางสายวิ่งชั่วโมงละคัน ยังไงเช็คเวลาล่วงหน้าจาก hyperdia ด้วยครับ พลาดรถไฟคันนึงนี่ยุ่งเลยนา







PART 2 : Choshi, Chiba

ทริปที่สองไปเมือง Choshi จังหวัด Chiba ครับ เป็นสถานที่ที่นากามูระย้ายไปอยู่กับแม่ในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง ถ้าใครจำได้ตอนที่คาสึกะกับโทคิวะไปหานากามูระที่เมืองนี้ โดยไปลงที่สถานี Tokawa (อย่าสับสนกับ Togawa นะครับ คนละอันกันเด้อ) ต้องนั่งรถหลายต่อมากๆๆๆ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ สถานีนี้อยู่ไกลมากๆ อยู่สุดขอบด้านตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น คืออีกนิดก็จะตกทะเลแล้ว 555




ทำไมนากามูระต้องไปอยู่เมืองนี้ สถานีนี้? อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าคนเขียนแกมีความหลังอะไรกับเมืองนี้หรือเปล่า แต่คิดแล้วมันก็ make sense ในเชิงภูมิศาสตร์ครับ ประมาณว่านากามูระหนีไปอยู่สุดขอบโลก แต่คาสึกะก็ตามไปหาจนได้ (ว่าไปนั่น 555)

ส่วนการไปสถานี Tokawa ต้องนั่งรถไฟสองต่อครับ ต่อแรกเริ่มจากสถานี Tokyo ให้นั่งรถไฟด่วนสาย Shiosai ไปลงสถานี Choshi ใช้เวลา 107 นาที ค่าตั๋ว 4130 เยน สำหรับสาย Shiosai จะมีให้เลือก reserved seat (fix ที่นั่ง) กับ unreserved seat (ขึ้นไปหาที่นั่งเอาเอง) ตอนพนักงานถามผมว่า "รีฮีเบิพซีท?" นี่ผมงงแดร๊กส์ไปพักใหญ่ ต้องฟังอยู่สามสี่รอบกว่าจะเก็ท รถไฟสายนี้เข้าใจว่าถ้านั่งตอนเที่ยงๆ บ่ายๆ คนไม่เยอะ จองแบบ unreserved ก็ได้ครับ แต่ถ้าจอง reserved โบกี้จะว่างเลยครับ เหมือนทั้งโบกี้มีแค่เรา (จริงๆ ส่วนต่างก็ไม่เยอะ ราวๆ 500 เยน อะไรงี้) อ้อ แต่ข้อควรระวังคือรถ Shiosai วันนึงมีไม่เยอะ 2-3 ชั่วโมงออกที




พอมาถึงสถานี Choshi แล้ว ไม่ต้องออกนอกสถานีครับ ให้เดินไปปลายๆ สถานี จะเจอรถไฟสาย Choshi Electric Railway ไอ้นี่แหละครับที่เราจะนั่งไปสถานี Tokawa หน้าตามันดูหวานเย็นมาก อย่าตกใจนะครับ วิ่งได้จริง 555 แต่รถไฟสายนี้จะออกแค่ชั่วโมงละคัน (เพราะมันมีอยู่คันเดียว) ก็เช็คเวลาใน hyperdia มาดีๆ นะจ๊ะ




รถไฟสาย Choshi Electric Railway นี่ใช้บัตร Suica หรือ Passmo ไม่ได้ ตอนแรกผมก็งงเหมือนกันว่า อ้าว แล้วต้องทำไงวะ เอ๋อไปเลยพักนึง แต่สรุปว่าง่ายมากครับ มาถึงแล้วขึ้นไปนั่งรอบนรถไฟสวยๆ ได้เลย พอรถใกล้จะออกคุณพี่พนักงานแสนใจดี (ที่ทำทุกอย่างขายตั๋วยันขับรถไฟ) จะเดินมาขายตั๋วให้ผู้โดยสารทีละคนๆ เลย เพื่อความง่ายก็ซื้อตั๋ว One Day Trip ราคา 620 เยนไปเลยโลด จะนั่งกี่เที่ยวก็ได้ (อย่าทำตั๋วหายนา เค้าตรวจเวลาเข้าออกสถานี) ตั๋วนี้จะแถมโบรชัวร์แนะนำที่ท่องเที่ยวมาด้วย แถมยังมีคูปองที่เอาไปแลกขนมหรือน้ำตามสถานีต่างๆ แต่แน่นอนว่าญี่ปุ่นล้วน อ่านไม่ออก




ถึงแล้วสถานี Tokawa หน้าตาเหมือนในมังงะเด๊ะ

พอนั่งรถไฟมาไปถึงสุดขอบโลกสถานี Tokawa แล้ว แลนด์มาร์คสำคัญก็คือร้านข้าวของแม่นากามูระนั่นเอง (มันมีจริงครับ!) เดินจากสถานีไม่นาน ประมาณ 5 นาที จุดแดงๆ ตามแผนที่เลยจ้า






ตอนแรกกะมากินข้าวกลางวันที่ร้านนี้เต็มที่ แต่ปรากฏว่าร้านปิดซะงั้น จริงๆ ไม่เชิงปิด แต่เหมือนเลิกขายไปแล้วมากกว่า หน้าร้านยังมีพวกรูปอาหาร + ราคาโชว์อยู่ แต่ไม่มีวี่แววของการค้าขายอะไรเลย พอเปิดประตูเข้าไปได้ยินเสียงคนคุยงึมงำๆ แต่ไม่เห็นตัว (คนเปล่าววะ...) เลยรีบถอยออกมาทันที 555

หลังจากเฟลร้านแม่นากามูระไป ก็เลยเดินสำรวจเมืองไปเรื่อยๆ ตรงสถานี Tokawa นี่จะเดินไปทะเลโดยง่ายครับ ก็ไปเดินเล่นชายหาดได้ แต่นอกนั้นไม่ค่อยมีอะไร มีแต่บ้านคน จากนั้นก็นั่งรถไฟไปสถานี Inubo




จุดเที่ยวสำคัญแถวๆ สถานี Inubo คือประภาคาร Inubosaki Lighthouse ขึ้นไปบนสุดต้องปีนบันได 99 ชั้น เลยเอาหอบแฮ่ก แถมพอขึ้นไปลมแรงมากกกกกกกกกกก หนาวโคตรรรรรรรรรรรร อยู่ได้ 30 วินาทีก็ลงมา จบ. (โถว...)

แถวสถานี Inubo ดูจะคึกคักกว่าสถานี Tokawa ครับ มีพวกร้านอาหารทะเล เหมือนจะมีอควอเรียมด้วย (แต่ภายนอกดูร้างมาก ไม่น่าไว้ใจอย่างแรง) ถ้าใครอยากมาเที่ยวทะเล กินลมชมวิว และต้องการความสงบ คนไม่เยอะ อินดี้ เซอร์ๆ ร้างๆ ที่นี่ก็อาจจะเหมาะครับ

ทริปอีดอกนรกก็จบลงเพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าจ้า ^^






Create Date : 15 กรกฎาคม 2558
Last Update : 15 กรกฎาคม 2558 21:24:10 น. 1 comments
Counter : 11007 Pageviews.

 
ตามมาจาก facebook ค่ะ
น่าจะอัพที่ไปตามการ์ตูนชินจังด้วยนะคะ :)

ถึงสถานที่ตามรอยชินจังจะน้อย
แต่เวลานึกถึงการ์ตูนชินจัง จะนึกถึงที่คุณ merveillesxx เคยอัพในเฟซเลย
อยากอ่านอีก แต่ในเฟซบุ๊กก็จะหายาก ถ้ามาอัพในบล็อกด้วย คงจะดีนะคะ :D


โดย: พลอย IP: 27.145.82.73 วันที่: 24 กรกฎาคม 2558 เวลา:16:02:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.