http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
เมษายน 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
1 เมษายน 2549
 
All Blogs
 
ตะลุยงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 34 (เมษายน 2549)

โดย merveillesxx




งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 34 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วจ้า
จัดที่ศูนย์สิริกิตติ์ วันที่ 29 มี.ค. - 9 เม.ย. เวลา 09.00-21.00 (ยกเว้นวันที่ 7 และ 8 เม.ย. เป็น 09.00-23.00)
รายละเอียดดูที่ //www.bangkokibf.com/index_thai.php

ช่วงนี้อากาศแปรปรวน มีพายุเข้า อยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมา
อย่าลืมพกร่มติดตัวก่อนออกจากบ้าน และก่อนออกจากงานก็ใส่หนังสือในถุงพลาสติกดีๆ ไม่งั้นเดี๋ยวหนังสือเปียกหมด เศร้าเลย





30 มีนาคม 2549

ช่วงซัมเมอร์ไอ้หญิงไม่อยู่ ไปตามหาสามีในอนาคตที่อเมริกา ผมก็เลยไปงานหนังสือคนเดียวอีกครั้ง เพราะไม่คิดว่าจะสามารถทนไปกับคนอื่นได้ เพราะอาจมีตบหรือจับทุ่มกันกลางงาน

(หากงงว่า “ไอ้หญิง” นี่มันคือใครกันหว่า?? ก็ย้อนไปอ่าน ที่นี่ นะจ๊ะ)

คราวนี้รีบไปตั้งแต่วันที่สองของงาน เพราะขี้เกียจไปเจอคนเยอะๆ ประกอบกับสัปดาห์หน้าก็จะเริ่มฝึกงานแล้ว (เพี้ยง! ขอให้เจอเด็กมหาลัยอื่นสวยๆ ถ้าไม่สวยไม่ว่า ขออย่าแอ๊บเป็นพอ) ซึ่งก็มีข้อเสียเหมือนกันเพราะนักเขียนยังไม่ค่อยมา และบางบูธก็ “กั๊ก” หนังสือไว้ออกวันท้ายๆ

ตอนแรกกะว่าจะไปถึงงานสัก 11.00 แต่ไปถึงจริงๆ ก็เที่ยงกว่าๆ มาทางรถใต้ดิน เจอหนุ่มหล่อคนนึง ยืนพิงผนังนิ่งไม่ขยับเลย แอบมองอยู่ตั้งนาน (สงสัยเค้านิ่งเพราะกลัวเราป่าวหว่า) อุตส่าห์ลุ้นให้เค้าไปงานหนังสือเหมือนกัน ปรากฏว่ามันดันไม่ลงสถานีศูนย์สิริกิตติ์ซะงั้น …ชิ! ไม่ง้อหรอก! ว่าแล้วเราก็เดินลงรถไป พร้อมเชิดใส่มันด้วยการสะบัดหน้า 130 องศา (กรุณาอย่าคิดภาพตาม อาจฮาตายคาจอคอมพิวเตอร์)

ตอนเดินเข้าไปในงาน เด็กแนวกลุ่มนึง (พวกแบบแต่งตัวประมาณว่ามองไกลๆ จากระยะ 300 เมตรก็รู้แล้ว ว่ามันแน๊วแนววว) เดินเต๊ะจุ๊ยขวางทางเราอยู่นั่นแหละ(พวกมันนึกว่าตัวเองเป็น แบ็คสตรีทบอย หรือยังไง??) ไอ้เราก็รีบเดินเพราะฟ้ามันมืดๆ เหมือนฝนจะตก อยากจะกระโดดถีบเหมือนกัน แต่เห็นว่ามันเป็นพวก “เด็กแนวใฝ่ดี” ก็เลยละเว้นให้ (แต่ตอนหลังไปเจออีกทีในงาน ไม่เห็นพวกมันจะหนังซื้อสักกะเล่มเลย??)

เดินตรงไปเอาแผนที่ ปีนี้แปลกดีเพราะเจ้าหน้าที่บอกว่า “แผนที่ใช้เสร็จกรุณาเอามาคืนด้วยนะคร้าบ” เอ้อ ดีแฮะช่วยประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ …แต่แบบว่าหนูเก็บแผนที่ไว้เป็นที่ระลึกทุกปีอ่ะค่ะ เลยไม่ได้เอาไปคืน อย่าโกรธหนูเลยนะค้าาาา

มองไปรอบๆ งานแล้ว คนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไร รีบลุยเลยดีกว่า…

วันนี้ไปตัวคนเดียวก็เลยกลับมาใช้วิธี “เดินถึก” เหมือนสมัยก่อน ก็คือเดินไล่ไปทีละบูธ A 1 2 3 B 1 2 3 …แบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้รู้ตัวว่าตัวเองแก่แล้ว เพราะเดินไปแค่ครึ่ง Plenary Hall ก็ต้องควักยาดมขึ้นมาซู้ดทีนึง มีความคิดแว่บเข้ามาว่าชักอยากกลับบ้านแล้วง่ะ แต่ด้วยสปิริตผู้สำส่อนทางการเสพวรรณกรรม ก็ต้องลุยต่อไป สู้เว้ย!

เดินไปได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของสาวๆ ก็รู้ทันทีโดยไม่ต้องแหงนหน้ามองว่านี่คือบูธ BLISS PUBLISHING แน่นอน กว่าจะฝ่าฟันเข้าไปได้ก็เหนื่อยเอาการ แล้วก็ต้องเซ็งเพราะมี J-BOOK อีกหลายเล่มที่จะตามมาช่วงหลัง ก็เลยซื้อ “มิเกะเนะโกะ” เล่มใหม่แก้ขัดไปก่อน จริงๆ ไม่ค่อยอยากซื้อเท่าไรหรอกนะ เพราะหลังๆ มันไม่สนุกเลยอ่ะ

พอเดินต่อมาก็ตกใจ เจอบูธอะไรไม่รู้กลุ่มสาวๆ ยืนออกันหยั่งกะหนังสือแจกฟรี พอเพ่งดูเห็นชื่อว่าเป็นบูธแจ่มใส อิชั้นก็วิ่งหนีทันที …มองหน้าปกหนังสือค่ายนี้ทีไรแล้วขนลุกทุกที (ฮา)

มาถึงบูธเจ้าประจำที่ต้องเสียตังค์ให้ทุกปีของคุณวินทร์ เลียววาริณ เฮียแกขยันอ่ะ แบบว่าออกเล่มใหม่ทุกงานหนังสือเลย คราวนี้ก็ไม่ได้ลายเซ็นคุณวินทร์อีกแล้ว (คราวที่แล้วก็ไม่ได้) ถามคนในบูธก็ได้ความว่าคุณวินทร์มาทุกวัน แต่มาช่วงเย็นๆ …อ้อ ความผิดกูเองที่มาแต่เช้า

แล้วก็มา สำนักพิมพ์ผีเสื้อ ตอนที่เลือกๆ หนังสืออยู่กับมีแฟนคู่นึงอยู่ใกล้ๆ

ชาย: “เอ้อ..เล่มนี้น่าสนใจดี” (ชี้ไปที่หนังสือของบัลซัค)
หญิง: “โอ๊ย อ่านหมดแล้วล่ะ ของบัลซัคเนี่ย อ่านแล้วจะหลับ”

ชาย: “แล้วเล่มนี้ล่ะ” (ชี้ไปเล่มไหนไม่รู้)
หญิง: “เคยอ่านแล้วย่ะ อ่านฉบับภาษาฝรั่งเศสด้วย”
(mer: เริ่มหมั่นไส้และหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง)

ชาย: “งั้นซื้อนาร์เนียดีมะ”
หญิง: “นี่เธอจะบ้าเหรอ โตป่านนี้แล้ว ไม่เอาหรอก เด๊กกกเด็ก”
(mer: ……….)

ชาย: “อ๊ะ ปรัชญาชีวิต” (เอื้อมมือไปหยิบ “ปรัชญาชีวิต” ของคาลิล ยิบราน)
หญิง: “โอ๊ยยยยย เล่มนี้ก็เคยอ่านเป็นชาติแล้ว นี่เธอยังไม่ได้อ่านอีกเหรอ”
(mer: ………………………………………)
.
.
.
โอ๊ย! อี DOKKKKKKK เก่งจริงนะมึ๊งงงงงงงงงงง รู้ไปหมดเล้ยยยยยยยยย แต่ขอกูเลือกหนังสือเงียบๆ ด้ายม้ายยยยย กูรำคาญญญญญ …แล้วอีผู้ชายน่ะ มึงทนเป็นแฟนกับอีนี่ได้ยังง้ายยย เลิกเถอะมึง ขอบอก ไม่งั้นมึงจะเซ็กส์เสื่อมตายยยยยยยยยยย

เฮ้อ…มนุษย์หนอมนุษย์

หลังจากผ่านอีผัวเมียเปรตคู่นั้นมาได้ ก็เดินออกมาจาก Plenary Hall ด้วยสภาพสองถุงเต็มมือ (นี่เพิ่งเคลียร์ไปโซนเดียวนะเนี่ย!) ก็เลยไปนั่งพักจัดข้าวของแป๊บนึง แล้วก็เอาหนังสือไปฝากที่เคาท์เตอร์รับฝากของ

จากนั้นก็ลุยต่อ เดินไปโซน Atrium เพื่อไปบูธ Alternative Writer โดยเฉพาะ (ถ้าใครอยากได้หนังสือของ BIOSCOPE ก็บูธนี้นะจ๊ะ) ปีนี้อุตส่าห์ย้ายโซนมา (แต่ก่อนจะอยู่โซน C) แต่บูธก็ยังแคบเป็นหอยเหลนมดเหมือนเคย

ตรงโซน Atrium นี้จะมีพวกบูธหนังสือผู้ชายแบบ MAXIM หรือ FHM ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจหรอก เพราะไม่ชอบหนังสือพวกนี้เลย (มันถ่ายรูปนางแบบออกมาหยั่งกะเมียเก็บในคอนโดเสี่ย ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมคนถึงชอบซื้อกันจ๊างงง) แต่ไปสะดุดที่สาวเฝ้าบูธ FHM แบบว่า…แบบว่า…สวยจังเลยง่าาาาาาาาาาาาาาาาา สวยกว่านางแบบหนังสือบางคนอีก ไปยืนอ้าปากค้างอยู่หน้าบูธอยู่ครึ่งนาที แล้วก็เดินออกมาอย่างปลงๆ

ถ้าพูดถึง “สาวสวย” แล้ว สาวๆ บูธ BLISS ก็น่ารักใช่เล่น แต่อยู่นานๆ แล้วหูจะแตก เพราะพวกเธอเชียร์แขก เอ๊ย! เชียร์หนังสือเก่งเหลือหลาย …จริงๆแล้วบูธที่สาวๆเยอะที่สุด (ทั้งคนซื้อและคนขาย) อยู่ที่แจ่มใสนะ แต่ทว่า…เอ้อ อย่าพูดถึงเลยดีกว่า

ส่วนด้าน หนุ่มหล่อ ประจำบูธหาไม่ค่อยมี ถ้ามีก็จะเป็นคนที่เดินในงานมากกว่า แต่ส่วนใหญ่จะหนีบแฟนมาด้วย โอ…ฉันล่ะเซ็ง

เดินผ่านแฟนคู่หนึ่ง แอบได้ยินผู้ชายกระซิบกับผู้หญิงว่า “ถ้าเบื่อแล้ว ก็บอกนะ” แล้วนึกถึงตัวเองสมัยก่อนที่ไปงานหนังสือกับผู้หญิง (ถึงจะพยายามสุดชีวิตที่จะไม่พาเธอไปด้วยแล้วก็ตาม) ถ้าจำไม่ผิดจะชื่อ “น้องแอน” ตอนนั้นเดินไปซักครึ่งชั่วโมง น้องแอนก็ทำหน้ามุ่ยๆ งอแงอยากกลับบ้าน แล้วก็บ่นว่า “งานอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นมีอะไรเลย มีแต่หนังสือ” ……………….อ้าว! น้องขาก็นี่มันงานหนังสือนี่คะ จะให้มีคุณยายมานั่งสานตะกร้าโอทอปให้คุณน้องเหรอไงคะ โถ..ที่แท้ชื่อแอน นี่ก็ย่อมาจาก “แอนนิมอล” นี่เอง

(ณ ปัจจุบันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องแอนไปไถนาอยู่ที่จักรวาลไหนแล้ว แต่ขออย่าให้เจอกันอีกเลยนะจ๊ะ)

เฮ้ย…ออกนอกเรื่องไปไกลแล้ว กลับมาที่งานหนังสือต่อ …จากโซน Atrium แล้วก็เข้าไปตรงโซน Plaza แล้วก็ออกมาลุยตรงโซน C …อ้อ! โซน C มีบูธของ Workpoint และหนังสือ “สารกระตุ้น” ด้วย อยู่ที่โซน C1 บูธ O11 นะจ๊ะ (นั่น…ขายของอีกแล้ว)


แล้วก็เดินไปที่บูธของ a book เพราะซื้อ a day เล่มใหม่แล้วได้การ์ดสีเหลืองๆ ที่เอาไปแลกหนังสือฟรีได้เล่มนึง

mer: (โชว์การ์ดให้ดู) “เอ้อพี่ครับ อันนี้แลกหนังสือได้ทุกเล่มป่าวครับ”
พนักงาน: “อ๋อ ได้ทั้งหมดนี่เลยครับ” (พร้อมตีมือเป็นวงแคบๆ รอบหนังสือ ตรงข้ามกับว่า “ทั้งหมด” โดยสิ้นเชิง)

mer: (ขณะกำลังเลือกหนังสือ)
พนักงาน: “อ้อ แต่ยกเว้น 3 เล่มนี้นะครับ” (นั่น…ตัวเลือกกูน้อยกว่าเดิม)

mer: “งั้นเอาเล่มนั้นอ่ะครับ” (ชี้ไปที่ Genderism ของคุณโตมร ศุขปรีชา)
พนักงาน: “เล่มนั้นไม่ได้ครับ…ได้ทั้งหมดตรงนี้ครับ” (เอ๊ะ ทำไมมันตีมือเป็นวงแคบกว่าเดิมหว่า…)

เมื่อเพ่งมองลงไปอาณาบริเวณหนังสือที่สามารถเลือกได้แล้ว แต่เจอแต่หนังสือเก่าๆ เน่าๆ เยินๆ ในที่สุดก็เลยเลือก “เจ็ดเรื่องสั้นของฟ้า” มาแทน (จริงๆ อยากได้ Genderism ง่ะ)


ตอนที่เดินอยู่โซน C ก็รู้สึกได้เลยว่าคนเริ่มเยอะขึ้น แต่ก็รู้สึกดีใจอย่างหนึ่งว่า เดินงานหนังสือมาหลายปี ไม่เคยมีเรื่องตบตีกับคนในงานเลย ถึงจะมีเดินชนกันบ้าง เหยียบเท้ากันบ้าง (ซวยหน่อยก็เจอกระเป๋าลากทับตีน…เจ็บหลาย) ส่วนใหญ่ก็จะขอโทษกันดีๆ ยิ้มให้กัน แล้วก็เดินต่อ

ผู้คนมากมายขนาดนี้ก็ต้องเจอคนรู้จักเป็นธรรมดา …รายแรกเจอ “น้องดิ่วดิ๊ว” (นามสมมติที่ใกล้เคียงนามจริง) อดีต(เกือบจะเป็น)คู่ขาเก่าที่เป็นรุ่นพี่ของแฟนเก่าอีกที (งงมั้ย??) อีนังดิ่วดิ๊วมารับจ็อบขายหนังสือที่บูธสนพ.วงกลม เจอมันแล้วก็เซ็ง เพราะต้องอุดหนุนบูธมันซะหน่อยตามมารยาท ก็เลยบอกมันว่า “เออ เอามาเล่มนึง เล่มที่ถูกที่สุดน่ะ” (ฮา) แต่สุดท้ายก็ได้ “ปุชิตา” ของบินหลา สันกาลาคีรี เห็นความหนาแล้วท้อ ไม่รู้ชาตินี้จะได้อ่านมั้ย

คนที่สองเจอคุณพี่ grappa แบบงงๆ เพราะไม่เคยเจอตัวเป็นๆ กันมาก่อน ทั้งที่คุยผ่านตัวหนังสือกันมาเกือบปีนึงแล้ว วันนี้ใส่เสื้อของงานบางกอกฟิล์มปีล่าสุดไป พี่ grappa เลยเดาได้ว่าเป็นน้อง mer แถมยังแซวว่า “แหม ใส่เสื้อบอกยี่ห้อเชียวนะยะ”

สุดท้ายที่เจอเป็น แพ็คเกจสามหนุ่มสามมุม “จั๊ก-จุง-ต้น” (ใช่ชื่อนี่ป่าวหว่า…ไม่ค่อยได้คุยกัน) เพื่อร่วมคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ทักกันนิดหน่อย แล้วก็แยกกันไป แหม…แปลกใจเหมือนกันที่มาเจอพวกนี้ในงานหนังสือ ถ้าไปเจอในผับแถว RCA ก็ว่าไปอย่าง (เฮ้ย แซวเล่นนะ อย่าโกรธกัน)

แหม จริงๆแอบเซ็งนะ อุตส่าห์เปิดเผยโฉมหน้าในสารกระตุ้นไปแล้ว ไหงไม่ยักจะมีสาวๆ วิ่งเข้ามาทักบ้าง (เฮ้ย ตื่น! ไอ้ mer ตื่นเดี๋ยวนี้!)

สรุปแล้วใช้เวลาเดินในงานไปประมาณสามชั่วโมงครึ่ง (12.00-15.30) เดินทั่วแล้วก็หิวเหมือนกัน แต่ขี้เกียจลงไปฝ่าฟันกับผู้คนที่ Food Court ข้างล่าง (แถมไม่ค่อยอร่อยด้วยง่ะ) กลับไปกินมาม่าที่บ้านดีกว่า ว่าแล้วก็จัดข้าวของอีกรอบนึง แล้วลงรถใต้ดินกลับบ้านโลด

อุตส่าห์ดีใจลัลล้าว่าคนในรถใต้ดินไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่พอโผล่ขึ้นมาข้างบนก็ต้องช็อก เพราะฝนดันเทตู้มลงมาซะงั้น! ก็เครียดเลยทีนี้ เพราะร่มก็ไม่ได้เอามา จะเดินลุยกลับบ้านก็ไม่ได้ เพราะหอบหนังสือเต็มมือ โชคดีว่าฝนเพิ่งเริ่มตก ก็เลยมีแท็กซี่มาจอดรอ ว่าแล้วก็กอดถุงหนังสือ วิ่งลุยน้ำ กระโดดขึ้นแท็กซี่ไปเลย

สุดท้ายก็กลับมาถึงบ้านได้โดยที่ได้หนังสือไม่เปียกสักเล่ม …แต่ว่าเจ้าของหนังสือ "เละ" ค่ะ

ขึ้นมาห้องตัวเอง ขณะกำลังเช็คหนังสือที่ซื้อมา มือถือก็ดัง …พี่เต้ bioscope โทรมา พอรับปุ๊บ แกก็พูดเสียงใสมาเลยว่า

“ไปงานหนังสือกันม้ายยยยยย”

mer: (ตอบเสียงอ่อยๆ) “เอ่อพี่ ผมเพิ่งกลับมาจากงานหนังสือเลยอ่ะ”

แป่ววววววววววววววววว!!!

…สิ้นประโยคนั้นเองก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บแค้นมาจากปลายสาย (ฮ่าๆๆๆๆๆๆ)





รายชื่อหนังสือที่น้อง mer ซื้อมา (ชาตินี้ก็อ่านไม่หมด)





1. Kira Kira เป็นประกาย (1991, Kaori Ekuni) Bliss Publishing

ความสัมพันธ์ของหญิงหนึ่ง ชายสอง …มุทสึกิแต่งงานกับโชโกะ แต่เขาก็เป็นเกย์และมีคู่ขา หนังสือเล่มนี้เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว (อยากได้หนังสือเล่มนี้มานานแล้ว เพิ่งจะได้ซื้อก็คราวนี้เอง)



2. มิเกะเนะโกะ โฮล์มส์ แมวสามสียอดนักสืบ ตอนที่ 8 ปราสาทอัศวิน (1983, Akagawa Jiro) Bliss Publishing

คราวนี้คาตายามากับโฮล์มส์บินไปสืบคดีไกลถึงปราสาทในยุโรป แต่เชื่อได้เลยว่าพอพระเอกไปถึงคนจะยิ่งตายเยอะขึ้น (ฮา) และเขาก็จะต้องเจอผู้หญิงมายั่วยวนใส่เช่นเคย (เชื่อเถอะ จริงๆหมอนี่มันเป็นเกย์ แต่มันไม่รู้ตัวเอง)



นอกจากนั้นบูธ Bliss Publishing จะมีหนังสือตามมาในวันหลังๆ ได้แก่

-- Lake Side: ฆาตกรรมทะเลสาบ (ออก 5 เม.ย. / หน้าปกสวยมากๆ)

-- DIVE เล่ม 2 (ออก 6 เม.ย. / ผู้เขียนคือ Eto Mori คนเขียนเรื่อง “เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม”)

-- Himitsu: ความลับ (ออก 7 เม.ย. / เข้าใจว่าเป็นอันเดียวกับหนังที่ เรียวโกะ ฮิโรสุเอะ เล่นเป็นนางเอก)


Bliss Publishing : Plenary Hall C11

เวบไซต์ //www.blisspublishing.co.th







3. ฝนตกตลอดเวลา (2005, ปราบดา หยุ่น) สำนักหนังสือไต้ฝุ่น

นวนิยายลำดับที่ 3 ของปราบดา หยุ่น หลังจาก “ชิตแตก” และ “แพนด้า” ว่าด้วยชายหนุ่มที่ตื่นขึ้นมาในสภาพล่อนจ้อน ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และตัวเองเป็นใคร สิ่งที่รู้คือข้างนอกหน้าต่าง…ฝนกำลังตก





4. (เปิดไป) หน้าศูนย์ (2006, ปราบดา หยุ่น) สำนักหนังสือไต้ฝุ่น

รวมบทความจากนิตยสาร open และอื่นๆ ในช่วงปี 2547-2548 …ชอบคำนำหนังสือเล่มนี้จัง (อยากรู้ต้องอ่านเองนะจ๊ะ)





5. โลกนี้มันช่างยีสต์ (2005, แทนไท ประเสริฐกุล) สนพ.ระหว่างบรรทัด

เรื่องราวยีสต์ๆ (มันคืออะไร??) จากอาจารย์หนุ่มนมดำผู้พยายามปลอมบัตรคอนเสิร์ตโดยจ้างร้านทำนามบัตร, ตั้งคำถามว่า “ผู้ชายมีหัวนมไว้ทำไม”, ออกข้อสอบคะแนนช่วยโดยให้นักเรียน “วาดหมีแพนด้าเริงระบำมาให้เร้าใจที่สุด” (????) และอื่นๆ อีกมากมาย

แอบเปิดอ่านผ่านๆ แต่ขำจนแทบขาดอ็อกซิเจน …เพิ่งตระหนักได้ว่า “โอนิซึกะ” แห่งการ์ตูนเรื่อง GTO ไม่ใช่เพียงตัวการ์ตูน แต่เป็นคนจริงๆ! (แถมหัวนมดำด้วย!)



สำนักไต้ฝุ่นมีหนังสือน่าสนใจคือ “อย่างน้อยที่สุด” (สัมภาษณ์เป็นเอก รัตนเรือง โดย วรพจน์ พันธ์พงศ์)

ส่วน สนพ.ระหว่างบรรทัด มี “บทหนัง Invisible Waves” โดย ปราบดา หยุ่น (มีทั้งร่างแรก และร่างสุดท้าย อยู่ในเล่มเดียวกัน คุ้มมาก!)


บูธ Blue Scale (ขายหนังสือของ “ไต้ฝุ้น” และ “ระหว่างบรรทัด”) : Plenary Hall D19

เวบไซต์ (ไต้ฝุ่น)
//www.typhoonbooks.com







6. หลังอานบุรี (2002, วินทร์ เลียววาริณ)

หัสคดีการเมืองคลายเครียด ว่าด้วยเมืองสมมติ “หลังอานบุรี” (ที่คุณวินทร์ยืนยันว่าไม่ใช่เมืองไทย…จริงๆนะ) ที่ปกครองกันด้วยระบบ “สุนัขาธิปไตย” …ฉบับนี้เป็นปกใหม่ออกมาช่วยลดอุณหภูมิร้อนๆ ของการเมืองบ้านเราตอนนี้ (รึป่าวหว่า??)





7. ปั้นน้ำเป็นตัว (2003, วินทร์ เลียววาริณ)

“รวมเรื่องสั้น และเบื้องหลังงานเขียนแนวทดลอง วิธีการบิดเบือน โกหก หมกเม็ด และมั่วอย่างสร้างสรรค์”





8. ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85 (2006, วินทร์ เลียววาริณ)

“นวนิยายรักที่ Dak-Done เสียด-Colour และกวน-Teen ที่สุดในรอบปี”


นอกจากนั้นคุณวินทร์ยังมีหนังสือออกใหม่อีกเล่มคือ “โลกด้านที่หันหลังให้ดวงอาทิตย์” (รวมงานจากคอลัมน์ใน a day)

บูธวินทร์ เลียววาริณ : Plenary Hall F07

เวบไซต์ //www.winbookclub.com





9. ผู้ช่วยผู้กำกับ ศูนย์กลางของจักรวาล (2004, เชิดพงษ์ เหล่ายนตร์) Bioscope


10. เขียนบทหนังซัดคนดูให้อยู่หมัด (2004, ธิดา ผลิตผลการพิมพ์) Bioscope


หนังสือของ BIOSCOPE สามารถหาซื้อได้ที่

- บูธ Alternative Writer (Atrium W28)

- บูธ Bear Publishing (Plenary Hall F17)







11. LUSh ฉบับที่ 04 (มีนาคม 2549) สนพ.หวีกล้วย

นิตยสารเล่มเล็กออกรายไม่ประจำ (หรือเรียกว่ารายตามใจตัวเองนั่นแหละ) ว่าด้วยวรรณกรรม ศิลป และดนตรี เล่มนี้เป็น “ฉบับรักหนัง” มีไฮไลท์คือ บทสัมภาษณ์ อ.กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน (น้อง mer ก็เป็นศิษย์ อ.แดง เหมือนกัน เห็นแล้วก็ซื้อทันที)





12. ในความนิ่งลึก (Franz Kafka) สนพ.ชมนาด

รวมเรื่องสั้น 41 เรื่อง (กรี๊ด!) แปลโดย ดลสิทธิ์ บางคนบาง



นอกจากนั้น บูธ “คมบาง-ชมนาด-หวีกล้วย” ยังมีหนังสือออกใหม่ที่น่าสนใจ เช่น

- เด็กหญิงแห่งกลางคืน โดย ชมัยภร แสงกระจ่าง (ได้รับรางวัลบันเทิงคดีสำหรับเยาวชน ในงานสัปดาห์หนังสือ 2549)

- กระจกเงา | เงากระจก โดย อุทิศ เหมะมูล

- นักฆ่าเวลา โดย นิพล อัปกาญจน์

- หนังสือวิชาการจากโครงการวิจัยการวิจารณ์ โดย ศ.ดร.เจตนา นาควัชระ (มีทั้งหมด 4 เล่ม)


บูธ “คมบาง-ชมนาด-หวีกล้วย” : C2 S38

เวบไซต์ //www.combangweb.com







13. Le Scaphandre et le Papillon ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ (1997, Jean-Dominique Bauby) สนพ.ผีเสื้อ

ฌ็อง-โดมินิก โบบี้ บรรณาธิการหนังสือ ELLE เส้นโลหิตในสมองแตกจนเป็นอัมพาตทั้งตัว แต่ก็ยังเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมาได้ด้วยการเลิกเปลือกตาเลือกตัวอักษร!



14. Fireflies หิ่งห้อย (ระพินทรนาถ ฐากูร) สนพ.ผีเสื้อ

ปรัชญานิพนธ์อันเป็นหนังสืออมตะของท่านระพินทรนาถ ฐากูร (ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม)



15. The Broken Wing ปีกหัก (Kahlil Gibran) สนพ.ผีเสื้อ

“ปีกหัก นี้ถือเป็นนิยายรักอมตะเรื่องหนึ่ง เป็นแบบฉบับการประพันธ์ที่ยากจะมีผู้ใดเสมอเหมือน ใครก็ตามที่ได้อ่านหนังสือของคาลิล ยิบราน ย่อมรู้ซึ้งถึงความจริงดังกล่าว”



16. Seta ไหม (1996, Alessandro Baricco) สนพ.ผีเสื้อ

“เรื่องราวของชายผู้ทำงานเพียงปีละไม่กี่เดือน ด้วยการเดินทางไกลไปยังอีกฟากหนึ่งของโลกที่แทบไม่มีใครรู้จัก ในเวลานั้น จุดประกายจินตนาการให้ผู้เขียนรังสรรค์ออกมาเป็นผลงานประพันธ์ที่อาบอิ่มด้วยความรักล้นเหลือ ซึ่งตราตรึงใจผู้อ่านหลายชาติภาษา”


บูธ สนพ.ผีเสื้อ : Plenary Hall L48





17. Ward No.6 ตึกคนไข้หมายเลขหก (Anton Chekhov) สนพ.นาคร

“ตึกคนไข้หมายเลขหก ของเชคอฟ เป็นส่วนหนึ่งของการแสวงหาความหมายระหว่างคนปกติที่ถูกบังคับให้เข้าไปอยู่ในห้องคนบ้า เนื่องมาจากพฤติกรรมที่ปฏิเสธแบบแผนชีวิต และความเชื่อของคนส่วนใหญ่ในเมือง กับคนบ้าที่เขาว่าไม่บ้าในเมืองนั้น”



18. My Life ช่างทาสี (Anton Chekhov) สนพ.นาคร

“เชคอฟพรรณนาให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมของสังคมในทุกๆทาง กะเทาะเปลือกของผู้คนในระดับต่างๆ เขาไม่ได้ชี้ให้เห็นว่าสภาพสังคมเช่นนั้นไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะมีชีวิตอยู่ ทว่าจิตใจของตัวละครซึ่งมุ่งหวังถึงสังคม ก็คล้ายจะเป็นทางออก…”



19. อีกฟากหนึ่งของความฝัน (Liv Ullmann) สนพ.บ้านหนังสือ

“บันทึกความเปลี่ยนแปลงของผู้หญิงคนหนึ่ง” (ลิฟ อุลล์มานน์ คือนักแสดงคู่บุญของ อิงมาร์ เบิร์กแมน ผู้กำกับชาวสวีเดนผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งคู่ใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันพักหนึ่ง นอกจากนั้นอุลล์มานน์ยังกำกับหนังเองด้วย)


บูธบ้านหนังสือ + นาคร : C2 T29





20. The Metamorphosis กลาย (1915, Franz Kafka) แพรวสำนักพิมพ์

นิยายก้องโลกของคาฟกาว่าด้วยชายผู้ตื่นมาพบว่าตัวเองกลายเป็น…แมลงยักษ์!





21. เจ็ดเรื่องสั้นของฟ้า (2004, ฟ้า พูลวรลักษณ์) a book
(อันนี้ได้ฟรีจากใบแลกหนังสือฟรีจาก a day)



22. ปุชิตา (2005, บินหลา สันกาลาคีรี) สนพ.วงกลม

“นวนิยายรักสองแผ่นดินของคนหนุ่มสาว สงครามการเมืองของชนกลุ่มน้อย ความรักและอุดมการณ์เพื่อแผ่นดินและคนที่รัก” (ไอ้ดิ่วดิ๊ว…ถ้าเล่มนี้ไม่สนุกอย่างที่แกเชียร์ ชั้นเอาแก(จน)ตายแน่ๆ)





ซื้อหนังสืออะไรกันมา หรือมีหนังสือเล่มไหนอยากแนะนำ ก็บอกกันด้วยนะจ๊ะ



Create Date : 01 เมษายน 2549
Last Update : 1 เมษายน 2549 7:09:29 น. 44 comments
Counter : 3074 Pageviews.

 
เดินงานหนังสือ คนเดียวสนุกออก
ช็อปเพลิดเพลิน ไม่ต้องกังวลคนข้างๆ

อิชั้นยังไม่ได้ช้อปเลยค่ะ
ต้องทำงานอยู่ที่บู้ทตัวเอง
(จะลงแดงอยู่แล้ว )

เล็งๆ สู่ฝันอันยิ่งใหญ๋ ฉบับแปลจากภาษาสเปน
ของผีเสื้อไว้ แต่มันน่าเกรงขามมาก
เขาโฆษณาไว้ว่า ถ้าชาตินี้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มเดียว
ให้เลือกเล่มนี้

ไปงานหนังสือเป็นวันแรกๆ อยู่เสมอนะ แมกเวยxx
เป็นหนอนที่ดีจริงๆ

ป.ล. ใส่เสื้อบางกอกฟิล์มเฟส นี่ไม่แนวเลยใช่ไหม
หุหุ
แน๊วแนว


โดย: grappa วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:6:07:21 น.  

 
^
^
โอ้โห พี่เข้ามาเร็วมากเลยอ่ะ ผมยังอัพไม่เสร็จเลยเนี่ย ฮ่าๆๆๆ

พี่ grappa ตื่นแต่เช้า ....ส่วนน้อง mer ยังไม่ได้นอนเลยค่ะ


โดย: merveillesxx วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:6:17:44 น.  

 



"วันนี้ผมนั่งคุยกับคุณตรงนี้ แต่ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น มีอะไรหลายอย่างในโลกนี้ที่คุณควบคุมไม่ได้ ดังนั้นอย่ากังวลไปเลย" -- เลสลี่ จาง

In Memory of Leslie Cheung (1956-2003)

วันนี้ 1 เมษายน ...ครบรอบ 3 ปีการจากไปของ เลสลี่ จาง ...นกไร้ขาที่ไม่เคยไปจากใจเรา

-----------------------------------


อบรมภาพยนตร์วิจักษณ์

สำหรับคนรักหนัง และอยากรู้เรื่องหนัง คอร์สอบรมภาพบนตร์วิจักษณ์ของ อ.กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน เปิดรับสมัครแล้วนะครับ

ดูรายละเอียดที่ //www.thaifilm.com/newsDetail.asp?id=168

----------------------------------


กระทู้คุยกันเรื่อง "งานสัปดาห์หนังสือ" ที่บอร์ดไบโอสโคป

//www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=27769


คุณเจ้าชายน้อยฝากบอกว่า FILMVIRUS เล่ม 3 จะวางจำหน่ายที่บูธ OPEN (C1 N58) ในวันสองวันนี้แล้วครับ ...ไม่ควรพลาด

(FILMVIRUS คือหนังสือรวมข้อมูลเข้มๆ เกี่ยวกับหนังและผู้กำกับในระดับ "ซูเปอร์โคตรอินดี้" รวมถึง "หนังด้อยโอกาส" ทั้งหลายที่รอการค้นพบ โดย คุณสนธยา ทรัพย์เย็น เจ้าสำนักฟิล์มไวรัส)

--------------------------------


ตอบ คุณ quin toki (จากบล็อก Fallen Angels)

หน้าผมในสารกระตุ้น อยู่ตรงหน้า Contributors หน้าแรกๆ ของเล่มอ่ะครับ ไม่ใช่หน้าตรงสกู๊ป ...แต่อย่าดูไปเลยครับ เดี๋ยวนอนไม่หลับ (ฮา)


โดย: merveillesxx วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:7:24:22 น.  

 
ยังไม่ได้ไปเลย


โดย: ปลาทูน่าในบ่อปลาพยูน วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:10:18:50 น.  

 
ไปงานสัปดาห์หนังสือมาเมื่อวานนี้ค่ะ แอบโดดงานไปครึ่งวัน โดยอ้างว่าเปื่อย อิอิ
ได้หนังสือมา 5 เล่ม กับนิตยสาร 4 เล่มค่ะ
หนังสือ 3 เล่มแรกเป็นของสำนักพิมพ์ สามสี
ชื่อหนังสือ: 1. ไม้เท้า น้ำเต้า และเปลือกหอย
2. กาลาปาโก้ส
3. ตามหัวใจไปเก็บฝัน...ที่ริมทาง
นักเขียน: จันทรำไพ (เนื่องจากเป็นแฟนประจำของจันทรำไพ เลยไม่ต้องเสียเวลาเลือกเลยค่ะ เจอปุ๊บหยิบปั๊บจ่ายตังค์ทันทีทันใด ไม่มีการลังเลแม้แต่นิดเดียว)
แนวเขียนของคุณจันทรำไพจะเป็นแนวท่องเที่ยว กับนวนิยายกึ่งท่องเที่ยวค่ะ เวลาอ่านแล้ว เราก้ออยากไปเที่ยวตามที่ต่างๆตามเรื่องอะค่ะ

ส่วนหนังสืออีกเล่มเป็นของ สำนักพิมพ์ Image แต่เราไปซื้อที่บูธ Bliss (น่าจะเครือเดียวกัน)
ชื่อหนังสือ: แผนที่ชีวิต เข็มทิศหัวใจ
นักเขียน เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย (นักเขียนคนนี้เราก้อเป็นแฟนประจำเช่นกัน เขียนแนวคล้ายๆ กับคุณจันทรำไพ แต่เป็นเรื่องจริง ไม่อิงนิยาย และคนละวัยกันค่ะ)

ได้เกม Su Do Ku มาลองเล่นแก้เซ็ง 1 เล่ม เพื่อนแนะนำมาหลายคนแล้ว ว่าจะลองดูซักที เห็นบอกว่าช่วยฆ่าเวลาได้ดีทีเดียว

ส่วนนิตยสารได้ Cleo (เดือนมกรา กับ กุมภา 49), Elle (เดือนกุมภา 49 หน้าปก Modonna) คนขายเชียร์ให้สมัครเป็นสมาชิก แต่เสียใจ ไม่ได้เป็นแฟนพันธ์แท้ขนาดนั้น แถมซื้ออย่างนี้ดีกว่าอีก ถูกดี 3 เล่ม 100 จาก หน้าปกเล่มละ 80 - 90 บาท อีกเล่ม In Magazine ได้ฟรีจากบูธ Bliss

ถ้าน้อง Mer ไม่อยากให้ถือหนังสือหนักกลับบ้านนะคะ เราขอแนะนำบริการทางไปรษณีย์ค่ะ ถูกและบริการส่งเร็วมากๆ เมื่อวานเราซื้อเสร็จก้อส่งทางไปรษณีย์เลย พอตอน 4 โมงเย็นวันเดียวกันเค้าก้อเอามาส่งถึงที่เลยค่ะ ราคาก้อถูกกว่านั่ง taxi กลับบ้านซะอีก กล่องมี 2 ขนาดค่ะ รับรองว่าจุได้เยอะแน่นอน ราคา 100 กับ 150 บาท (ราคา 150 นี่ไม่ชัวร์นะคะ แต่กล่องขนาดใหญ่ค่ะ) ไม่เกี่ยงน้ำหนักด้วยค่ะ หนังสือไม่เปียกฝนชัวร์ค่ะ

ขอให้สนุกกับการอ่านหนังสือนะคะ
Happy April Fool's day


โดย: Nuj IP: 202.149.109.50 วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:10:50:13 น.  

 
เข้ามาดูลิสท์ของแมกเวยxx อีกรอบ
ได้หนังสือดีๆ มาหลายเล่มเหมือนกันนี่
โดยเฉพาะที่สำนักพิมพ์ผีเสื้อ
ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ กับไหม
นี่เด็ดมากเลยหนา
โดยเฉพาะเรื่องไหม พี่เคยมีฉบับพิมพ์ครั้งแรกที่แปลโดย
คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ
เด็ดมาก อ่านแล้วคิดภาพเป็นหนังตลอดเวลา

เมื่อวาน พึ่งได้วิ่งออกไปช็อป ได้หนังสือมาสองสามเล่ม
ก็ต้องรีบเผ่นกลับบู้ท

อ้อๆ หนังสือในโครงการวิจัยการวิจารณ์
ที่ จขบ.ซื้อมา เล่มที่ว่าด้วยการวิจารณ์ศิลปะ
(ซื้อมาหรือเปล่า เล่มนี้ )
ในเล่มมีบทความของหลายๆ คน
หนึ่งในนั้นมีบทความของดิชั้น หนึ่งชิ้น
และคุณปราบดา หนึ่งชิ้น
ชิ้นที่คุณปราบดา เขียน
ต้องอ่าน ห้ามพลาด
ปราบดาพูดถึงงานของศิลปินญึ่ปุ่น
โมริมูระ น่าอ่านมาก

เอาปก อินวิซิเบิล เวฟส์มาด้วยจ้า


โดย: grappa วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:8:09:05 น.  

 
ตอนนี้อยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจลับครับ
เลยยังไม่มีเวลาไปงานหนังสือเลย
กะจะไปประมาณช่วงวันศุกร์ - วันเสาร์นี้มั้ง (ถ้าเวลาเอื้ออำนวย)
อย่างไรก็ดี ตอนนี้อยากได้ FILMVIRUS เล่ม 3 มากๆๆๆๆๆๆ
หวังว่าวันที่เราไป คงมีขายแล้วนะ หุหุ

ป.ล.
- “นวนิยายรักสองแผ่นดินของคนหนุ่มสาว สงครามการเมืองของชนกลุ่มน้อย ความรักและอุดมการณ์เพื่อแผ่นดินและคนที่รัก” (ไอ้ดิ่วดิ๊ว…ถ้าเล่มนี้ไม่สนุกอย่างที่แกเชียร์ ชั้นเอาแก(จน)ตายแน่ๆ)

นั่นจิ เห็นชื่อ msn ของน้องดิ่วดิ๊วด็อกแด็ก เขียนว่า ปุชิตา นวนิยายที่ควรอ่าน ...ฮึ่ม ถ้าเกิดซื้อมาแล้วไม่สนุกอย่างที่โฆษณาไว้ จะวีนเหมือนหมอนกให้ดู ฮ่าๆๆๆ


โดย: it ซียู IP: 203.151.140.118 วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:18:43:33 น.  

 

เมื่อวานไปเลี้ยงห้องกับเพื่อนสมัยมัธยม (สาธิตจุฬา CUD38 ห้อง 3) ดีใจจัง...เพื่อนๆ มากันเยอะ ตั้ง 24 + 1 คน กลับบ้านแล้วรู้สึกดี๊...ดี

ไว้จะอัพบรรยากาศงานให้เพื่อนๆ ดูละกันนะ แต่ตอนนี้ขอทิ้งเป็นเรื่องงานหนังสือไว้ก่อน


พรุ่งนี้เริ่มฝึกงานแล้ว (ที่ CP 7-11) ได้ข่าวว่าเลิกงานตั้ง 18.00 อิชั้นละเซ้งงงง...เซ็ง แบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปดูหนังฟะ (สัปดาห์นี้ยังไม่ได้เก็บสักเรื่อง)

-------------------------

ตอบ คุณ Nuj

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำจ้า


ตอบ พี่ grappa

หนังสือของ อ.เจตนา ยังไม่ได้ซื้อมาอ่ะครับ กะว่าจะไปงานหนังสืออีกรอบ วันศุกร์นี้ (เปิดถึง 5 ทุ่มนี่เนาะ) แล้วก็จะไปเก็บ J-BOOK และ FILMVIRUS 3 ด้วย

บทหนัง Invisibles Waves นี่ผมใจร้อน ซื้อไปก่อนแล้ว ไม่รู้จะรีบซื้อไปทำไม ยังไม่ได้อ่านเลย -__-''

อ่าน "โลกนี้มันช่างยีสต์" จบแล้วอ่ะ (จบเร็วมาก) ตอนแรกฮาจนหายใจไม่ออก แต่บางตอนก็ซึ้งจนร้องไห้เลย เล่มนี้น่าจะติดอันดับ 1 ใน 10 หนังสือที่ชอบของปีนี้เลย


ตอบ คุณ it ซียู

อ้าว คุณ it รู้จักน้องดิ่วดิ๊วด้วยหรือเนี่ย โอว โลกนี้มันช่างยีสต์ เอ๊ย ช่างกลมมนเหมือนหัวนมจริงๆ (เริ่มติดภาษาท่านยีบัดมาซะแล้ว)

หมอนก Big Brothers นี่อึดจริงๆ อาทิตย์นี้ก็ได้อยู่ต่อแหละ โจคงออก ...เอ้อ Anton หล่ออ่ะ

--------------------------

เจ้าของบล็อก กะว่าจะไปงานหนังสืออีกรอบนึง ดังนั้นหากมีหนังสืออะไรดีๆ เด็ดๆ ก็ช่วยแนะนำกันด้วยเน้อ


โดย: สมาคม "ขวาล่าง" (merveillesxx ) วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:22:28:42 น.  

 
ไปมาสองรอบแล้วเหมือนกันค่ะ

หมดเนื้อหมดตัวไปหลายพันอยู่ (รายชื่อหนังสืออยู่ที่บล็อก)


อยากไปอีกรอบ แต่กลัวเสียตังค์อีกง่า


ขยันจัง อัพรายชื่อหนังสือโดยหาปกมาลงได้ด้วย นับถือ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 3 เมษายน 2549 เวลา:12:00:22 น.  

 
เพ่ครับขอไหว้ก่อนละครับนับถือมากๆเขียนได้ยาวมากๆตาลายเลย แล้วอ่านไปตั้ง2นาทีกว่าอ่านแบบผ่านๆแต่ก็ตาลายมิใช่เล่น บ้าที่สุดดดดดดดดดดด<ต้องทำเสียงเหมือนกะเทย>
แฮ่ๆบายล่ะครับ


โดย: เรน(ภาคพิศ<กันดาร>) IP: 203.144.160.247 วันที่: 3 เมษายน 2549 เวลา:14:22:19 น.  

 
v_v อิจฉาคนได้ไปงานหนังสือแล้ว แต่เพราะติดคูปอง Bliss ลดได้ 30% ที่ต้องใชเน 3 วันสุดท้ายเลยยังไม่ได้ไป ตอนนี้เลยอ่านเอาความจากคนที่ได้ไปกันมาก่อน

เห็นบ่นเรื่องน้องเชียร์หนังสือที่ Bliss ท่าทางจะมีคนคิดตรงกัน เพราะคุยกับน้องที่ไปเดินมา ก็บ่นแบบนี้เหมือนกัน

จริงๆได้คูปองก็ดีอย่าง โดนบังคับให้ไปวันท้ายๆ ซึ่งหนังสือของ Bliss ก็จะออกมาให้เก็บเกือบหมดแล้ว

เห็นรายการของ จขบ มีบางเล่มก็ตรงกับที่มีแล้วนะ มาสะดุดกับ The Metamorphosis กลาย ที่เคยยืมอามาอ่าน แบบว่าชอบ พรั่นพรึงดี

จขบ ก็เขียนเล่าได้มันส์เช่นเคย


โดย: cottonbook วันที่: 3 เมษายน 2549 เวลา:20:06:42 น.  

 
สำหรับพี่ ห้องสมุดโลดว่ะ

ช่วงที่อยู่เชียงใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว อ่านหนังสือเยอะมาก เพราะมันมีให้เช่าเยอะ

ป.ล. อีแมวเหมียวนี้มันสนุกไหมอ่ะ เข็ดอ่ะ ไม่กล้าเสี่ยง


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:16:48:32 น.  

 
ไปเดินงานหนังสือมาแล้วเหมือนกันค่ะ ไปเมื่อวันอาทิตย์ ซื้อมาทั้งหมด 14 เล่มค่ะ

ซื้อหนังสือของคุณวินทร์มาเหมือนกัน ไปที่บูทประมาณหกโมงกว่าค่ะ ไม่เห็นคุณวินทร์แล้วนึกว่ากลับไปแล้ว เศร้าใจมากเพราะปีที่แล้วก็ไม่ได้ลายเซ็นต์เนื่องจากกลับก่อน เลยไปประชดชีวิตซื้อชุดของ โอตสึ อิจิ มาทั้ง 4 เล่มที่บูทของ Bliss (อ่านมาจากในนี้แหละค่ะว่าหนังสือน่าสนใจ)

แต่ยังคาใจอยู่เลยเดินมาถามว่าคุณวินทร์จะมาอีกมั้ย เขาบอกว่าเดี๋ยวมา คุณวินทร์ไปทานข้าว สุดท้ายก็ได้ลายเซ็นต์+หนังสือสมใจ (ผู้ชายคนที่ตากรักเธอฯ,เดือนช่วงฯ (เล่มนี้ได้แต่อ่านหนังสือห้องสมุดมานานแล้ว),จรูญจรัสฯ เดินยิ้มแบบมีความสุขสุดๆ แทบลอยออกจากบูทไปเลย ...

ติดตามอ่านblogของคุณเรื่อยๆ นะคะ แต่นี่ครั้งแรกที่เขียน comment

แล้วก็จะตามอ่านต่อไปนะคะ (บอกอย่างนี้กับคุณวินทร์เหมือนกัน แต่พี่แกยิ้มเฉยๆ)


โดย: Tenjo_Utena IP: 161.246.1.33 วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:20:45:16 น.  

 
พึ่งเห็นว่ามีข้อเขียนของต่อลงในสารกระตุ้น

เอ่อ แบบว่าไงดี อ่านสารกระตุ้นไม่รู้เรื่องอ่ะ รู้สึกดียังไงไม่รู้ที่เช่าอ่าน


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:22:53:40 น.  

 
genderism หนูซื้ออ่านนานแล้วอ่ะ หนุกมากๆๆๆๆ



โดย: โทยะ อากิระ IP: 124.121.31.64 วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:23:30:42 น.  

 

ไดอารี่ ฝึกงาน ของน้อง mer

วันที่หนึ่ง :: 3 เมษายน 2549

เข้าห้องประชุมไป มองเพื่อนๆ นศ. (โดยเฉพาะผู้หญิง) รอบข้างแล้วตกใจ โอ้..นี่เราหลงอยู่ในกาแล็คซี่แห่งหนใดกันแน่ เหตุไฉนจึงมีแต่มนุษย์ต่างดาวและมิวแทนต์ (รวมตัวเองแล้ว)

แต่แล้วพระเจ้าก็ยังมีเมตตา ประทานมนุษย์สาวน้อยน่ารัก (สมมติว่าชื่อ "หลิน" แล้วกัน) มาให้เป็นบุญตา เห็นแล้วชุ่มชื้นระทวยใจเป็นยิ่งนัก

ลุ้นขาดใจยิ่งกว่าศึกวัดใจสไตล์บูชิโดว่าให้ได้ฝึกงานแผนกเดียวกับน้องหลิน และแล้วสววรค์ก็มีตา! เรากับน้องหลินได้อยู่ตึกเดียวกัน ชั้นเดียวกัน ...ขาดก็แต่อยู่ในห้องหัวใจเดียวกัน

แต่อุปสรรคก็ปรากฏ ในแผนกนั้นยังมี "สองคู่หูตัวดำ" อย่างนัง "เจนดำ" และนัง "จ๋าดำ" (เพื่อนกลุ่มเดียวกันที่ไม่เคยถูกข้าพเจ้าจีบเลยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ...อาจจะนับเป็นบุญของทั้งสองฝ่าย) คอยเป็นกว้างขวางคอ

มนต์ดำเริ่มแผลงฤทธิ์! น้องหลินผู้ดูดีมีสกุลถูกโยกไปทำงานหน้าคอม ส่วนพวกหน้าตาไร้สกุลอย่างตัวเราและนังเจนดำก็ถูกรวบไปทำงานด้วยกัน

งานที่ว่านั่นคือ "แปะสติ๊กเกอร์ชื่อ-ที่อยู่ของลูกค้า 10,000 ราย ลงในไปรษณียบัตร"
.
.
.
โอว ช่างเป็นงานที่ท้าทายเสียนี่กะไร ...หากทำได้ รับไปเลย 1 ล้านเยนนนนนน...นนนน

แรกเห็นว่าชื่อลูกค้ามาถึงหมวดอักษร "อ" ก็ตีอกชกหัวดีใจดี๊ด๊า เพราะคิดว่ามันใกล้หมดแล้ว แต่มารู้ภายในหลังว่ารายชื่อมันไล่ย้อนจากหน้ามาหลัง อ.อ่าง...แล้วจบที่...ก.ไก่

อืมมมม....

ตรากตรำแปะสติ๊กเกอร์เยี่ยงเครื่องจักร ทำงานด้วยจิตใต้สำนึก (สมองหยุดทำงานชั่วคราว) ในคอกกระจกแคบๆ ขนาดหอยอะมีบ้ากับนังเจนดำอยู่ร่วมสองชั่วโมง...ในที่สุดก็พักเที่ยงโว้ยยยยย

นังจ๋าดำพาประเดิมมื้อแรกด้วยข้าวมันไก่ น้องหลินสั่งไก่ไม่เอาหนังแบบเดียวกับเราด้วย เห็นมั้ย? ใจตรงกันเป๊ะๆ ขนาดนี้ คบกันแล้วรุ่งพุ่งแรงแน่นอน

ช่วงบ่าย เด็กฝึกงานที่แปะสติ๊กเกอร์ด้วยกันเมื่อตอนเช้าลาไปทำธุระที่มหาลัย ...เหลือเราทำกับนังเจนดำอยู่สองคน

เยี่ยม...

น้องหลินผู้แสนดีอุตส่าห์ลดตัวลงมาช่วยเราแปะสติ๊กเกอร์ สัมผัสของเธอต่อกระดาษนั้นช่างแผ่วเบา ไม่เหมือนสัมผัสกร้านๆ ของมือดำๆ ขนแยะๆ ของนังเจนดำ

ชวนคุยโน่นนี่ โม้นั่นนู้นไปเรื่อย หลอกถามซักไซ้ไล่เลี่ยงไปมาๆ ...ปรากฏว่าน้องหลินมีแฟนแล้ว

อืมมมมมม....

กระนั้นก็ตาม นังเจนดำก็อุตส่าห์มีแผนเด็ด ชวนนังจ๋าดำลงไปซื้อน้ำด้วยกัน เพื่อให้เรากับน้องหลินได้อยู่กันสองต่อสอง ...ก็คุยโม้ไปเรื่อย เน้นฮาเข้าว่า เห็นน้องหลินหัวเราะเราก็สุขจายยยยย (แต่ตอนหลังไม่ค่อยฮา มาพบว่าเล่นมุกเพลินจนแปะสติ๊กเกอร์ผิดไปแถบนึง...เยี่ยมจิงๆ)

แต่แล้วโลกส่วนตัวของเรากับน้องหลินก็ต้องพังทลายลง เมื่อพี่เลี้ยงฝึกงานเดินมาบอกเสียงเรียบๆ ว่า "เอ่อ...น้องที่แปะสติ๊กเกอร์ช่วยแพ็คของด้วยนะ เดี๋ยวเราจะย้ายไปอีกตึกหนึ่ง"

.................................

อึ้งล่ะหนอ ได้แต่อึ้ง ทำไมอยู่ดีๆ ต้องย้ายด้วยหว่า แต่ก็คิดในแง่ดี ถึงน้องหลินจะอยู่ฝ่ายคอมพ์ไปแล้ว แต่พี่เค้าอาจเห็นว่างานมันหนัก จนเพิ่มให้ทีมนี้เป็น 3 คนก็ด้ายยย (คิดเข้าข้างตัวเองสุดๆ)

น้องหลินก็ยังแสนน่ารักช่วยเราเก็บของใหญ่ (ส่วนนังเจนดำลงไปซื้อน้ำถึงนรกขุมไหนแล้วไม่รู้ หายหัวสนิท) แต่แล้วเราก็ดันทำสิ่งที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ไปจนได้ ในขณะที่ยกกล่องลังขึ้นมา ฝากล่องเจือกไปฟาดหัวน้องหลินเข้าให้ดัง "ผัวะ!"

ชิปหายยยยย.....ชิปหายยยยย....มากกกก....

กรูไม่เหลืออะไรแล้ววว....เค้าเกลียดกรูแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่น้องหลินก็ดี๊ดีใจหาย จนหายใจไม่ออก พูดด้วยเสียงงอนง้อว่า "ต่อแกล้งเราเหรออออ" ....งุงิ งุงิ งุงิ ทำเสียงน่ารักจนน่าจับทุ่มเสียเนี่ยกะไร

ทันใดนั้นเอง นังเจนดำก็โผล่ขึ้นมา (ชิ ขัดจังหวะจริงๆ) พอบอกมันว่าพวกเราต้องย้ายตึกนะ มันก็หน้าซีดจนกลายร่างเป็น "เจนขาว" เพราะเสียใจที่ต้องพรากจากนังจ๋าดำ

ว่าแล้วก็แพ็คของกองมหึมาใส่บนรถเข็นลากไปหน้าลิฟท์ แล้วก็ไปยืนแสล๋นกันทั้งหมด 4 คน (เรา, น้องหลิน, เจนดำ จ๋าดำ) เผื่อพี่เค้าจะสั่งย้ายไปด้วยกันหมดเลย 4 คน (คิดเข้าข้างตัวเองอีกครั้ง)

พอพี่เลี้ยงเดินมา เขามองๆ แล้วบอกว่า "ไปกันแค่ต่อกับเจนสองคนละกัน หลินไม่ต้องไปหรอก อยู่ช่วยที่นี่แหละ..."

ในหัวข้าพเจ้าตอนนั้นมีแต่เสียงเอ็คโค่ของวลีที่ว่า...

"หลินไม่ต้องไปหรอก...หรอก....หรอก...หรอก...กกกก"

"ต่อกับเจน สองคน...คน...คน...คน....คน...นนนนน"
.
.
.
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!

น้องหลินนนนนนนของกรู๊..... (เขาไปเป็นของแกตั้งแต่เมื่อไรละนั่น)


ว่าแล้วก็ไถๆ รถเข็นข้ามจากตึกหนึ่งไปหยั่งตึกหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าระยะทางแค่ประมาณจากสยามดิสไปสยามพารากอน จะทำให้เราเหนื่อยขาดใจเช่นนี้ เพราะที่นี่มันคือ ถนนสีลม ถนนแห่งความชิปหายวุ่ยวายมหาบรรลัย หากคุณผ่านไปแถว BTS ศาลาแดง ช่วงห้าโมงเย็นของวันนี้ คุณจะเห็นมนุษย์ผู้ชายอวบๆ คนนึง ไถรถเข็นหน้าเครียดอยู่ริมถนนสีลม (ฟุตบาทไม่ต้องพูดถึง รถเข็นผ่านไม่ได้ คนหยั่งกะหนอน) โดยมีผู้หญิงผอมๆ ดำๆ คนนึงคอนเดินตามต้อยๆ เป็นกำลังใจ (นังเจนดำนั่นเอง)

ผ่านภารกิจ "รถไถมหาโหด" มาได้ (น้ำหนักลดไป 5 กิโล) ก็ย้ายมาตึกใหม่ (ซึ่งสภาพโทรมกว่าตึกเดิมมาก) ซึ่งพี่เค้าได้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจ "ภารกิจลับกับสติ๊กเตอร์หนึ่งหมื่นใบ" ขึ้นมาเพื่อเราสองคนโดยเฉพาะเพราะเห็นว่าทำงานดี งานเดินมาก (ไม่น่าโชว์พาว ทำเป็นตั้งใจทำงานเลยกรู...)

ของขวัญที่พี่เค้ามอบให้เราสองคนก็คือ โต๊ะหนึ่งตัว กลางอาณาบริเวณกว้างขวางที่ห่างไกลจากโต๊ะของคนอื่นๆ ไปประมาณร้อยลี้ ...เรียกได้ว่าเรากับเจนดำถูกปล่อยเกาะให้อยู่ด้วยกันไปชั่วกัปชั่วกัลป์

ตระหนักคิดอยู่แล้ว ชีวิตของข้าพเจ้าตอนนี้...
1. ไม่มีน้องหลิน (เพราะเค้าอยู่อีกตึกนึง)
2. มีโต๊ะให้หนึ่งตัว
3. ที่บนโต๊ะมีกองไปรษณียบัตรร่วมหมื่นใบ
4. ส่วนวิวทิวทัศน์ก็มีเพียงฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็น...นังเจนดำ

เยี่ยม...เยี่ยม...เยี่ยมเป็นที่สุด...เยี่ยมหาที่เปรียบมิได้

หากยังทำงานนี้ต่อไปข้าพเจ้ามีแนวโน้มสองทางคือ
1. ตกล่องปล่องชิ้นลงเอยกับเจนดำในที่สุด ตามที่เพื่อนๆไซโคไว้
2. คิดสั้นขนาดผสมพันธุ์กับกองไปรษณียบัตร

อืมมมมม.....

เอาเถอะ ขอไปนอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นมาแปะสติ๊กเกอร์แต่เช้า

ปล. ไม่ได้มีความทุกข์เข็ญใจ ไม่ได้คิดว่างานต้อยต่ำแต่อย่างใด ยังคงมีความสุขดี เจนดำเป็นเพื่อนที่ดี ส่วนน้องหลินก็น่ารักดี...แม้จะดันมีแฟนแล้วก็ตาม


โดย: merveillesxx วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:2:27:47 น.  

 



"It's better to burn out than to fade away" -- Kurt Cobain

In the memory of KURT COBAIN (1967-1994)

-------------------------------

ตอบ พี่สาวไกด์

กะว่าจะไปงานหนังสืออีกรอบ แต่ตอนนี้ฝึกงานเลิกตั้ง 6 โมงเย็น (กว่าๆๆๆ) เหนื่อยมาก ไปดูหนังยังไม่ไหวเลย ก็เลยไม่รู้จะได้ไปอีกรอบมั้ย ...เฮ้อ


ตอบ คุณเรน

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมจ้า


ตอบ cottonbook

งานของคาฟกาเคยอ่านแค่ "แดนลงทัณฑ์" อ่ะครับ อ่านแล้วก็มึนๆ ดี


ตอบ พี่ดอง

แมวเหมียวยังไม่ได้อ่าน ส่วนเรื่อง สารกระตุ้น ก็ comment เค้าไปที่ sarngratoon@yahoo.com ละกัน


ตอบ คุณ Tenjo_Utena

ขอบคุณที่คอยติดตามอ่าน + ดีใจด้วยที่ได้ลายเซ็นคุณวินทร์คร้าบบบ


โดย: merveillesxx วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:2:36:12 น.  

 
อิฉันเจอรูปน้องเมอแล้วค่ะ แหม แบบนี้ไม่ลงซะยังจะดีกว่า ต้องรูปใหญ่ๆสิ ถึงจะซื้อ 555555555

ชอบ "ฝนตกตลอดเวลา"นะ ยืมเพื่อนอ่านเอา ก็สนุกดี แต่ด้วยความที่เป็นลูกอีช่างจับผิดและพยายามจะเดาเรื่องมาโดยตลอด (เสียนิสัยนะเนี่ย) 555 ก็เดาไปเรื่อย ถูกมั่งผิดมั่ง แต่โดยรวมเราว่าเป็นเรื่องที่อ่านแล้วลื่นดี เข้ากับวันศุกร์ที่แล้วมากกกกกกกกก

ตั้งใจไว้ว่า ต้องไปงานหนังสืออีกทีวันศุกร์นี้ให้ได้
เป็นปณิธานอันแน่วแน่และแรงกล้า

แต่ขอชมน้องเมอร์ว่าเก็บความที่คนเขาคุยกันได้มันสุดยอดเลย

genderism เขาไม่ให้ก็ซื้ออ่านเอาสิหนู แต่ฉันก็ยังไม่ได้ซื้อเหมือนกัน ไม่รู้เป็นไร เวลาดูหนังไม่ค่อยลังเลใจ แต่กับหนังสือชอบโลเลแฮะเรา


โดย: quin toki วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:2:40:03 น.  

 
หนังที่เรารอคอย...




ราตรีสโมสร FUTON

สารคดี FUTON วงอิเล็กทรอนิกส์สุดเฟี้ยว กำกับโดย ธัญสก พันสิทธิวรกุล (Voodoo Girls, Happy Berry)

อยากดูเว้ยยยยยยยยยยย...


โดย: merveillesxx วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:2:45:37 น.  

 
อิจฉามากเลยพี่ต่อ ปีนี้บิวก็อดงานหนังสือตามระเบียบ ตอนนี้ก็ผ่านมาครึ่งทางแล้ว สิ้นเดือนก็จะได้กลับไทยสักที
ยังหาของฝากไม่ได้เลย ถ้าเป็นญี่ปุ่นคงหาไม่ยาก 555
เดี๋ยวส่งหนุ่มตี๋สักคนให้ดีกว่า ที่นี่ผู้ชายเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เยอะกว่าเมืองไทยหลายเท่า เห็นจนเอียนไปเลย
ฝึกงานหนักแบบนี้รักษาสุขภาพด้วย เดี๋ยวกองไปรษณีย์จะซวยเพราะถูกขืนใจ 5555


โดย: Mint@da{-"-} IP: 221.221.18.72 วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:12:33:53 น.  

 
เขียนซีรี่ย์ฝึกงานมาให้อ่านต่อเร็วๆ กำลังมันเลย ฮาอย่างแรง


โดย: -=[DH]=- IP: 124.120.15.232 วันที่: 6 เมษายน 2549 เวลา:0:38:18 น.  

 

1. ขอไว้อลัยกับการจากไปของ ดีเจโจ้ อัครพล ...ใจหายมากๆ


2. BIOSCOPE เล่มใหม่ออกแล้ว เล่มนี้ว่าด้วย "หนังโป๊"

อ่านที่ //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4265345/A4265345.html


โดย: merveillesxx IP: 210.246.165.216 วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:0:24:32 น.  

 
เอารูปคุณmer มาลงในบล๊อคบ้างสิคะ


โดย: Tenjo_Utena IP: 161.246.1.32 วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:16:56:09 น.  

 
ได้ไปงานอีกรอบยังเมอร์ฯ

เมื่อวานหยุดหรือเปล่า?


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:18:51:42 น.  

 

อัพเดท "ไดอารี่ฝึกงานของน้อง mer"

ตกลงว่าวันนี้น้องหลินย้ายมาทำงานแผนกเดียวกับเราละ นั่งข้างๆ กันเลย หุหุหุหุหุ

เจนดำทำตัวแสนรู้อีกแล้ว เพราะไปชวนน้องหลินคุยแล้ว "ล้วงข้อมูล" เจนดำบอกว่าน้องหลินน่าจะยังไม่มีแฟนมากกว่า แต่จากที่เราล้วงเค้า เอ๊ย หมายถึงล้วงข้อมุลอ่ะนะ เราว่าเค้ามีแฟนแล้วนา ...อืม เรื่องนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไป

ช็อตเด็ดประจำวันนี้คือไป 7-11 สองต่อสองกับน้องหลิน (นั่นกรูไปทำงานมันฟรีๆ ยังต้องเสียเงินให้มันอีก...เยี่ยมจริงๆ)

วันนี้งานที่ทำเริ่มพัฒนาแล้ว จากแปะสติ๊กเกอร์ เริ่มได้ใช้เครื่อง Xerox ...ถ่ายเอกสารครั้งแรกในชีวิตเลยอ่ะเนี่ย ตื่นเต้นโคตรๆ (พูดจริงๆ ไม่ได้มุก)

อ้อ ถ้าใครนึกภาพงานแปะสติ๊กเกอรืของข้าพเจ้าไม่ออก ให้นึกถึงหนังเรื่อง Modern Time ของ Charlie Chaplin นั่นแหละ...ใช่เลย

ส่วนงานเข็นของข้ามตึกยังคงมีอยู่ ตอนนี้หลอนเสียงรถเข็นไปแล้ว (ฮา)

วันอาทิตย์นี้พี่เค้าก็ขอให้ไปช่วยทำงานด้วย เพราะงานจดหมาย 10,000 ฉบับนี้มันด่วนมาก ตอนแรกก็เซ็งนิดๆ แต่พี่บอกว่าจะให้ค่าจ้างด้วย (ไอ้ที่ทำอยู่ปกตินี่ไม่ได้เงินนะเนี่ย) ...อันนี้ไม่ใช่เหตุผลหลักหรอกนะ แต่เป็นเพราะจะได้เจอหน้าน้องหลินเพิ่มขึ้นอีก 1 วันต่างหาก



แต่ที่แย่ก็คือ ฝึกงานนี่เหนื่อยมาก ไม่มีแรงไปดูหนังเลย แถมเดือนนี้ต้องส่งต้นฉบับชิ้นนึง ยังไม่ได้คิด + เขียนเลยสักกะนิด อ๊ากกกกกก )



ส่วนเมื่อวาน (6 เม.ย.) ได้หยุดจ้ะ ไปกินเลี้ยงโกเบเสต็กเฮ้าส์กับอดีตสาวก J-ROCK ทั้งหลายร่วม 14 คน บางคนไม่ได้เจอกันมา 2-3 ปีแล้ว ช่วงนี้รู้สึกดีจังได้เจอเพื่อน+พี่เก่าๆ เยอะ (เมื่อเร็วๆนี้ก็เพิ่งไปเลี้ยงห้องสมัยมัธยมมา เดี๋ยวจะอัพรูปเร็วๆนี้ล่ะ)


-----------------------------------


วันนี้ได้ไปงานหนังสืออีกรอบนึง กว่าจะเลิกงานก็ 18.30 ไปถึงก็ทุ่มกว่าๆ แล้ว รู้สึกว่าคนไม่ค่อยเยอะนะ เดินสบายมากเลย

ได้หนังสือมาอีก 7 เล่ม ไม่ค่อยได้เดิน ไปนั่งแช่บูธพี่ grappa ซะนาน (ไปเป็น "แมวกวัก" เรียกลูกค้าให้ ฮ่าๆๆ) วันนี้พี่ grappa ก็แซวอีกแล้วว่า "แหมใส่ชุดนักศึกษามาแล้วดูเรียบร้อยเชียวนะยะ ถ้าไม่ทักคงจำไม่ได้" (ใครเห็นน้อง mer ในชุดนศ.ที่ต้องจำให้ติดตานะคะ มันมหัศจรรย์มาก ปกติอิชั้นไม่เคยใส่หรอกค่ะเวลาไปเรียนน่ะ นี่ใส่เพราะไปฝึกงานน่ะ)

ซื้อหนังสือเสร็จก็นอนเม้าท์โทรศัพท์อยู่ตรงบันได (นอนจริงๆ คนผ่านไปผ่านมาเค้ายังมองๆ) กับเพื่อนจนถึง 3 ทุ่มกว่าๆ แล้วก็รีบกลับบ้านมาดูละครญี่ปุ่นเรื่อง Pride ...อืม กำลังเศร้าเลย


รายชื่อหนังสือที่ซื้อมา (รอบสอง)


1. ความลับใต้ทะเลสาบ (2002, Keigo Higashino) J-BOOK


2. dive 2 (2000, Eto Mori) J-BOOK


3. Dance Dance Dance (1988, Haruki Murakami) มติชน
** ลดกระหน่ำ 50% **


4. INSPIRATION (2006, Bioscope)
สมุดโน้ตรวมคำคมจากผู้กำกับชั้นครู (ซื้อได้ที่ Alternative Writer)


5. เมนูปรารถนา (2005, ฮิมิโตะ ณ โตเกียว) ระหว่างบรรทัด


6. สวรรค์ชั้นประหยัด (2002, วิทวัส โปษญะจินดา) FULLSTOP
เล่มนี้พี่ grappa แนะนำมา


7. FILMVIRUS 3 (2006) openbooks
สนธยา ทรัพย์เย็น + เจ้าชายน้อย + แมดเดอลีน ...โอว ตายแล้ว มันอะไรกันเนี่ยยยยย....


ข่าวฝาก: พรุ่งนี้ คุณปราบดา หยุ่น จะไปที่บูธ BLUE SCALE (Plenary Hall D19) ช่วงประมาณบ่ายสองนะจ๊ะ


ขอให้สนุกกับงานหนังสือสองวันที่เหลือกันถ้วนๆ หน้านะครับ


โดย: merveillesxx วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:0:51:51 น.  

 
อยากจะไปงานหนังสืออีกครั้งเหมือนกันค่ะ แต่กำลังชั่งใจอยู่ว่าความอยากได้หนังสือ(+ส่วนลด) กับค่ารถไฟได้ดินไปกลับ 10 ป้ายนี่จะคุ้มเปล่าหว่า....


โดย: Tenjo_Utena (Tenjo_Utena ) วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:0:58:42 น.  

 
อยากอ่าน โลกนี้มันช่างยีสต์จังค่ะ

หาไม่เจอ

แง T_T


โดย: นมัสเต วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:1:54:19 น.  

 
อยากอ่าน โลกนี้มันช่างยีสต์จังค่ะ

หาไม่เจอ

แง T_T



โดย: นมัสเต
^
^
บู้ทนายอินทร์ก็มีนะครับ


โดย: ผ่านมา IP: 161.200.255.164 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:2:09:17 น.  

 

ถ้าได้อ่านแล้ว,
กระจกเงา | เงากระจก เป็นยังไงบ้างคะพี่


โดย: Crisis IP: 58.8.101.80 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:16:25:57 น.  

 
เอ่อ เพิ่มเติม :
ไม่ได้ถามเรื่อง แค่ขอความคิดเห็นค่ะ อย่าเพิ่งเบี้ยวไป


โดย: Crisis IP: 58.8.101.80 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:16:29:50 น.  

 
ในที่สุดก็ได้ไปเดินงานหนังสือสักที ได้มา 26 เล่ม ในช่วงเวลา 3 ชั่วโมงกว่าๆ

อ่า อยากดู "ราตรีสโมสร FUTON" เช่นกันค่ะ

จะออกมาเป็นหนังฉายโรงหรือลงดีวีดีล่ะเนี่ย อยากดูจัง ถ้ามีข่าวเพิ่มเติม ก็อยากทราบด้วยอะค่ะ


โดย: cottonbook วันที่: 10 เมษายน 2549 เวลา:13:31:09 น.  

 
อ่านโลกนี้มันช่างยีสต์ไปได้ครึ่งเล่ม

เพ้อไปเลยช้านนนนน



เฮ้อ..

อยากเป็นครู กำเริบอีกแล้ว



โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 10 เมษายน 2549 เวลา:16:59:49 น.  

 
แง อดอ่าน

ไปตามล่าหาอ่านก่อนดีกว่า T_T


โดย: นมัสเต วันที่: 10 เมษายน 2549 เวลา:20:02:42 น.  

 

ฉันอยากไปงานหนังสืออีกจัง

555 เชื่อแล้วว่าฝึกงานมันเหนื่อยจริงๆ
แต่ฟังที่เล่าแล้วมันก็เยี่ยมจริงๆ

สู้ๆนะจ๊ะ



โดย: หนึ่งในสาวก 7-11 (quin toki ) วันที่: 10 เมษายน 2549 เวลา:23:58:52 น.  

 
ไดอารี่ฝึกงานของน้อง mer (ต่อ)

ข้อคิดที่ได้จากการฝึกงาน

1. เงินทองนั้นหายาก : แอบถามพี่ๆ พาร์ทไทม์มา แปะจดหมายกันวันละพันๆ ใบ ได้วันละ 200 บาท...จำนวนเงินที่ข้าพเจ้าใช้หมดภายใน 2 วินาที

2. Rotiboy นั้นหลอกหลอนยิ่งกว่าไวรัสริง และผีเด็กเปรตโตชิโอะ ใน Ju-On เสียอีก หนีมันมาจากสยาม มาสีลมก็มิวายเจอกลิ่นเลี่ยนๆ ของมันหลอกหลอน

3. ตบตีกับเครื่อง Xerox อย่างรุนแรง (สั่งงานไม่ได้ดั่งใจ, เครื่องชอบกินกระดาษ) : เริ่มรู้สึกผิดที่แต่ก่อนไปวีนแตกใส่ร้านซีร็อกซ์ที่มหาลัยบ่อยๆ

4. ไปฝึกงานที่ 7-11 ไม่ได้ตังค์สักบาท แต่วันนึงเสียเงินให้ 7-11 ไม่ต่ำกว่า 3 รอบ ...โอ นี่เรารักองค์กรของตัวเองขนาดนั้นเชียวหรือเนี่ย?



ส่วนเรื่องน้องหลิน เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเค้ายังไม่มีแฟน แต่ตอนนี้ก็รู้สึกเฉยๆ แล้ว อาจจะเพราะเหนื่อยจนไม่มีแรงทำอะไร (ยังไม่เคยโทรไปหาเค้าเลย) และคิดว่าเป็นเพื่อนกันขำๆ ดีกว่า

รู้สึกไม่ดีกับ "ข้อดี" ของตัวเอง ...เพื่อนบอกว่าเราเป็นผู้ชายที่เข้าถึงผู้หญิงได้ ประมาณว่าคุยได้ ทำให้ขำได้ (ในทางกลับกันเราคุยกับผู้ชายไม่ค่อยเก่งเท่าไร) แต่มันก็ทำให้ลักษณะความสัมพันธ์ของเรากับผู้หญิงเป็นแบบ "ขำๆ" แต่พอเวลาเราคิดจะจีบเขา มันก็จะกลายเป็นเรื่อง "ขำขื่น" แล้วก็ "ขมขื่น" ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม เราก็ยังเป็นคนที่ "ไม่เข้าใจ" ผู้หญิงอยู่ดี แล้วก็ไม่คิดจะเข้าใจด้วย



เมื่อวันจันทร์พี่หมี (เจ้านายใจดีของเรา ที่แอบมีจ๊อบลับๆ เป็น Body Combat ของ California Fitness) ให้เราเลิกงานเร็ว ก็เลยแว่บไปดูหนังเรื่อง Azumi 2: Death or Love (2005, Shusuke Kaneko, B) ที่ลิโด้ ทั้งโรงมีแค่ 7 คนเอง เราว่าหนังมันไม่สนุกเท่าไร ดูแล้วจะหลับ สิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องก็คือขาอ่อนของ Aya Ueto นั่นแหละ

ส่วนวันนี้ก็เลิกงานเร็วอีกแล้ว ตอนแรกว่าจะดูหนัง แต่แบบ Ultraviolet นี่ก็ได้ข่าวว่าหนังสถุลไร้สกุลรุนชาติมากๆ (พี่แมดเดอลีนยังบอกว่า "หนังเรื่องนี้ทำให้ Aeon Flux กลายเป็น Citizen Kane ไปเลยค่ะ") ส่วน Inside Man ก็ท่าทางหนังจะหนักๆ ช่วงนี้เหนื่อยๆอ่ะ เลยเปลี่ยนใจไม่ดูหนัง ไปคุ้ย used cd ที่ร้าน CD WAREHOUSE สยามดิสแทน

แล้วก็กรี๊ดแตกมากเพราะได้มา 3 แผ่นดังนี้

1. Placebo : Once More With Feeling (เป็นชุดรวมฮิต ไม่ได้ซื้อไว้ เพราะมีทุกอัลบั้ม)

2. Johnny Greenwood: Bodysong (เขาคือมือกีตาร์วง Radiohead)

และแผนที่สามที่ทำให้แทบจะกรี๊ดลั่นสยาม




3. Ayumi Hamasaki: Endless Sorrow

ได้ซิงเกิ้ลแผ่นนี้ (แผ่นญี่ปุ่น) มาในราคา 60 บาท !!!

เพลงนี้เป็นเพลงของ Ayumi ที่เราชอบมากที่สุดเพลงนึงเลย ชอบมิวสิกวิดีโอเพลงนี้มาก จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมืองๆ หนึ่งที่ทุกคนถูกสั่งห้ามไม่ให้พูด แต่เด็กคนนึงได้ยินเสียงเพลงมาจากฟ้า เขาก็เลยปีนขึ้นไปบนหอคอย แล้วก็เจอ "ตัวเองคนหนึ่ง" ที่มีปีกอยู่บนนั้น

....เก๋มั้ย?

ที่สำคัญเอ็มวีตัวนี้มี Ayumi โผล่ออกมานิดเดียวประมาณ 3 วินาทีตอนท้าย



ช่วงนี้ไม่ได้อัพบล็อกเลยเพราะฝึกงานกลับบ้านมาก็นอนหลับเป็นตาย แต่ช่วงหยุดสงกรานต์คงได้อัพซะทีอ่ะนะ รอหน่อยละกัน


สุดท้ายนี้ขอไว้อาลัยให้การระบบการศึกษาไทย และขอแสดงขอความเสียใจน้องๆ ที่ต้องเผชิญกับระบบ O-Net, A-Net

พี่เห็นใจพวกน้องจริงๆครับ...


โดย: merveillesxx วันที่: 11 เมษายน 2549 เวลา:23:28:43 น.  

 
ตอบ คุณนมัสเต

โลกนี้มันช่างยีสต์ เห็นตามร้านนายอินทร์อ่ะครับ หามาอ่านให้ได้นะครับ สนุกมาก



ตอบ น้อง Crisis

พี่ยังไม่ได้ซื้อ กระจกเงา มาเลยอ่ะ แบบว่าตังค์หมด



ตอบ คุณ cottonbook

หนัง FUTON คงฉายโรงแบบจำก๊าดดดดดด...จำกัดโรงแหละครับ (ขนาด Happy Berry ยังมีฉายทางการแบบ รอบแรก-รอบเดียว-และรอบสุดท้ายในโลก) และคงไม่มี DVD ออกมาขายทีหลังแน่นอน (ตามสไตล์ผู้กำกับรายนี้ อิอิ) ถ้าได้ข่าวมาว่าฉายที่ไหน เมื่อไร อย่างไร จะมาบอกแล้วกัน ส่วนเดือนหน้าก็อย่าลืมไปดูหนังสั้น "ใต้ร่มเงาสมานฉันท์" กับ BIOSCOPE กันนะจ๊ะ

ผมถามคุณ cottonbook หน่อยสิครับ ตกลงร้านป้าโดเรมีย้ายไปอนู่ไหนอ่ะ ผมยังหาไม่เจอเลย



ตอบ พี่สาวไกด์

สมัยเด็กๆ ก็อยากเป็นครูเหมือนกัน พออาจารย์ถามว่าทำไม ก็ตอบไปว่า "เพราะจะได้แก้แค้น ตีเด็กคืนบ้าง" (ตอนนั้นอยู่ ป.4) ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าตอบไปเพราะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า แต่จำได้ว่าอาจารย์ท่านนั้นทำหน้าอึ้งๆ

เพื่อนๆ ชอบบอกว่า ผมเป็นอาจารย์ได้ เพราะแต่ก่อนก็ติวให้เพื่อนๆ บ่อยเหมือนกัน แต่พอขึ้นมหาลัยก็ไม่ได้ทำแล้ว เพราะตัวเองก็เอาไม่รอด

ตอน ม.ปลาย ก็ติวเลขให้แฟนบ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วงที่เขาเคยตกเลขมาครั้งนึง ก็เลยแกล้งขู่ไปว่า "ถ้าเธอยังตกอีก ชั้นจะหอมแก้มเธอ"

ผลปรากฏว่าเขาสอบเลขคราวนั้นได้ท็อปห้อง...



ตอบ คุณ quin toki

สู้เว้ยครับ


โดย: merveillesxx วันที่: 12 เมษายน 2549 เวลา:0:01:55 น.  

 
555+ อ่านแล้วขำผสมสนุกนะ นี่เราก็ไปมาเสียดายไม่ได้เจอกันแหะ

ปล. แอบขำ

----ตอน ม.ปลาย ก็ติวเลขให้แฟนบ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วงที่เขาเคยตกเลขมาครั้งนึง ก็เลยแกล้งขู่ไปว่า "ถ้าเธอยังตกอีก ชั้นจะหอมแก้มเธอ"

ผลปรากฏว่าเขาสอบเลขคราวนั้นได้ท็อปห้อง...----

เอิ๊กๆ


โดย: P a s t e l T o n e วันที่: 13 เมษายน 2549 เวลา:18:09:11 น.  

 
สงกรานต์แล้ว อัพบล็อกซะทีสิ
เอาซีรี่ส์ฝีกงานก็ได้
หนุกหนานมั่กๆ
(ตกลงไม่ชอบน้องหลินแล้วเหรอ)

หลังงานหนังสือได้ดู Inside Man
งงเล็กๆ แอบหลับไปหนึ่งจิ๊ก
สไปค์ ลี นะสไปค์ ลี
กะไปเอาความระทึกใจ
ต้องมีอะไรให้คิดอีกแล้ว


โดย: grappa วันที่: 13 เมษายน 2549 เวลา:20:12:16 น.  

 


โดย: Plin, :-p วันที่: 14 เมษายน 2549 เวลา:11:05:49 น.  

 
เลือกซื้อหนังสือน่าอ่านดี
แต่หลังๆ ไม่ได้อ่านวรรณกรรมตะวันตกเท่าไหร่

ป.ล.แอบเห็นในสารกระตุ้นแล้ว


โดย: foneko (fonkoon ) วันที่: 14 เมษายน 2549 เวลา:11:35:07 น.  

 
เอาเรื่องฝึกงานมาเล่าอีกดิ ตลกดี อ่านแล้วมันได้อารมณ์กว่าแกเล่าอ่ะ


โดย: จ๋าดำ IP: 203.153.173.224 วันที่: 14 เมษายน 2549 เวลา:13:58:46 น.  

 
คาตายามะไม่ได้เป็นเกย์นะครับ ถ้าเป็นแล้วจะกับใครล่ะ ไม่ย้อม~~ น่ารักเหมือนซุบารุจะตาย


โดย: KenzaKi IP: 58.147.18.217 วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:29:52 น.  

 
พอจะแนะนำดาวน์โหลดพจนานุกรม ไทย สเปนได้ที่ไหนคะ


โดย: นิด IP: 84.76.46.60 วันที่: 16 กันยายน 2549 เวลา:7:11:27 น.  

 
อ่านจบแล้ว เขียนได้หนุกดี

แต่ปวดหัวนิดหน่อย ว่าคนเขียนมันผู้ชาย หรือว่าผู้หญิง ( ฟ่ะ )


โดย: พลิ้วมา IP: 125.24.133.177 วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:17:03:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.