|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
KIM KI DUK's RETURN
by merveillesxx
 งานหนังสือกลับมาอีกครั้ง... (26 มี.ค. - 6 เม.ย. นี้ ที่ศูนย์สิริกิติ์จ้ะ)
คิมคีด็อค แกะดำของหนังเกาหลี ก็กลับมาหลอกหลอนท่านเช่นกัน!! 55555
สำหรับใครที่บ่นว่าหาตามร้านหนังสือไม่เห็นจะมี (มันหายากจริงๆ ครับ ผมไปสำรวจมาแล้ว) นี่ก็คงเป็นโอกาสอันดีที่จะหาซื้อได้สะดวกหน่อย
มีขายตามบูธดังต่อไำปนี้จ้ะ
- อัลเทอร์เนทีฟไรเตอร์ N38 โซน C1 - อันเดอร์กราวนด์ O25 โซน C1 - 4-Letter Word N45 โซน C1 - สามัญชน X11 เมน โฟเยอร์ - ระหว่างบรรทัด W07 โซนเอเทรียม
อนึ่ง ตอนนี้ Dream หนังเรื่องล่าสุดของพี่คิม มีแผ่นผีขายในบ้านเราแล้วเรียบร้อยนะครับ แต่ผมยังไม่ได้ดูเลย
สองหนังสือแนะนำอย่างแรง
 เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน (ชื่ออลังการมาก) รวมเรื่องสั้นเล่มใหม่ของ ฮารูกิ มูราคามิ รู้สึกว่าชื่อนี้จะยังป็อปอยู่เรื่อยๆ จริงๆ นะ เวลาคุย MSN ก็มีน้องๆ มาชวนคุยเรื่องมูราคามิอยู่เรื่อยๆ แถมแนวโ้น้มอายุของน้องๆ เหล่านั้นก็ลดลงเรื่อยๆ (หรือจริงๆ คือตูเองที่อายุเพิ่มขึ้น 555) แต่สำหรับน้องอายุ 14-15 เนี่ย พี่ว่าอ่าน ทไวไลท์ ไปก่อนก็ได้นะจ๊ะ เป็นห่วงสุขภาพจิตง่ะ (พูดจริงๆ ไม่ได้ประชด)
ดูเครดิตหนังสือเล่มนี้แล้วชื่อคุ้นทั้งนั้น บก.เล่มก็คือ พี่ grappa ส่วนคนแปลก็คือ ปาลิดา พิมพะกร, วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา (aka Filmsick), ธนรรถวร จตุรงควาณิช, นฆ ปักษนาวิน และโตมร ศุขปรีชา
เห็นเขาบอกว่าโครงการเรื่องสั้นนี้มีวางไว้ 3 เล่มด้วยกัน เล่มนี้จะเป็นเล่มแรก นอกจากนั้นยังว่ามาว่าปลายปีนี้ คุณนพดล เวชสวัสดิ์ จะแปล What I talk about when I talk about running (รวม essay) ให้อ่านกันด้วย
อ้อ ขอชมอีกอย่างครับว่าคราวนี้สนพ.กำมะกยี่ ทำปกสวยมากเลย อันคราวก่อน A Wild Sheep Chase กับ Norwegian Wood นี่เล่นเอาเหวอไปหลายวัน (รุ่นน้องคนหนึ่งของข้าพเจ้าประกาศกร้าวเลยว่าจะอ่าน Norwegian Wood ในปกเดิมของมติชนเท่านั้น เพราะไม่ชอบปกเวอร์ชันใหม่ - โถ น้องแล้วเมื่อไรจะได้อ่านล่ะเนี่ย)
 ในที่สุด The Catcher in the Rye ของ J.D. Salinger อันเลื่องลือก็มีฉบับแปลไทย (อย่างเป็นทางการ) กับเขาเสียที โดยผู้แปลคือ พี่คุ่น ปราบดา หยุ่น
ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ (เวอร์ชันภาษาอังกฤษ) เมื่อประมาณต้นปีที่แล้ว แล้วชอบมากๆ เป็นหนังสือที่สร้างอิมแพ็คและแรงบันดาลใจหลายๆ อย่างทีเดียว อ่านแล้วเศร้ามาก หดหู่มาก แต่เรื่อง irony คือที่เมืองนอกเขาให้เด็กมัธยมอ่านกันเป็นหนังสือนอกเวลานะ (แล้วบ้านเราล่ะ อ่านอะไร...) นั่นแสดงว่าเขาไม่เซนเซอร์เด็กกับเรื่องดำมืด ไม่ได้บอกว่า โอ๊ย โลกนี้มีแต่สิ่งสวยงาม ศีลธรรมจรรยา บลาๆๆๆ พูดภาษาชาวบ้านคือ เขาสอนให้รู้แต่เด็กเลยว่า "โลกนี้มัน here แต่เราก็ต้งมีชีวิตอยู่รอดไปให้ได้" อะไำรเทือกนั้น
จำได้ว่าอ่าน The Catcher in the Rye จบ แล้วอ่าน The Bell Jar ของ Sylvia Plath (ฉบับภาษาไทย "ในกรงแก้ว" ของ สนพ. IMAGE - เดี๋ยวนี้คงเริ่มหายากแล้ว) ต่อทันที ผลก็คือจิตตกทวีคูณเป็นสองเท่า ยังคิดเล่นๆ เลยว่า Holden Caulfiled กับ Esther Greenwood (ตัวเอกใน The Catcher in the Rye และ The Bell Jar ตามลำดับ) นี่เหมือนเป็นพี่น้องทางจิตวิญญาณกันเลย แล้วก็ยังคิดเพ้อเจ้อต่อไปอีกว่าอยากลองแต่งเรื่องสั้น ให้สองคนนี้เดินมาเจอกัน (ทั้งคู่อาศัยอยู่ในนิวยอร์ค) แล้วคุยๆ กัน อารมณ์เหมือน Before Sunrise (ภาคคนป่วย!) แต่ก็นั่นแหละความสามารถมิเพียงพอ ใครจะเอาไอเดียนี้ไปทำต่อก็เชิญเลย ไม่ว่าอะไร
 พูดถึง Salinger แล้วก็ขออวดหน่อยนึงว่าผมมีหนังสือของเขาครบทุกเล่มเลย แต่ว่ายังอ่านไม่หมดหรอก (แล้วจะอวดทำไมเนี่ย) ช่วงสองสามวันมานี้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อ่านงาน fiction มานาน ทำให้สมองขาดไร้จินตนาการอย่างยิ่ง ก็เลยหยิบ Nine Stories ของ Salinger มาอ่าน เล่มนี้เป็นหนังสือที่รวมเรื่องสั้น 9 เรื่อง
ตอนนี้อ่านไป 6 เรื่องแล้ว พบว่าชอบมากทีเดียว อ่านจบทุกตอนส่วนใหญ่ก็ฟีลแบ้ด หดหู่ สลัดออกจากหัวไปไม่ได้ง่ายๆ แล้วก็มีข้อสังเกตว่าชื่อนิยายของ Salinger นี่จะประหลาดๆ ทั้งนั้น เช่น A Perfect Day for Bananafish (ปลากล้วย?), Uncle Wiggily in Connecticut (ลุง...อะไรวะ) หรือ Just Before the War with the Eskimos (สงครามเอสกิโม!!??) ไอ้พวกชื่อแปลกๆ มันก็มักจะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ปรากฏในตัวเรื่องแบบไม่ได้สำคัญถึงขั้นเป็นคีย์เวิร์ดอะไรหรอก แต่พออ่านจบแล้ว ย้อนคิดไปถึงสิ่งเหล่านั้นมันจะ 'จี๊ด' มากเลย
ต่อมาคือ ในเล่มนี้ Salinger เขามักจะแบ่งโครงสร้างเรื่องเป็นสองส่วนใหญ่ๆ อย่างเช่นใน A Perfect Day for Bananafish ครั้งแรกเล่าถึงตัวภรรยา ส่วนครึ่งหลังเล่าถึงสามี หรือตอน For Esme - with Love and Squalor ครึ่งแรกจะเล่าถึงการเจอกันของพระเอก/นางเอก ส่วนครึ่งหลังคือตอนพระเอกไปสงคราม ทั้งสองส่วนของเรื่องมักมีความสัมพันธ์กันอย่างบางๆ ไม่ได้ปะทะปะทังอะไรกันมากมาย แต่มันส่งผลอย่างรุนแรงทางความรู้สึก (แน่นอนส่วนใหญ่คือ เศร้า)
นอกจากนั้นเรื่องสั้นเกือบทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกับสงครามโลกครั้งที่สองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนแทบจะเปลี่ยนชื่อหนังสือชื่อจาก Nine Stories เป็น War Stories ได้เลย ส่วนใหญ่จะพูดถึงสภาพจิตใจของตัวละครหลังผ่านสงครามมาแล้ว (ตัว Salinger เองก็เข้าร่วม WW2 ด้วย) แล้วเพิ่งไปค้นเจอในวิกิพีเดียว่า Salinger เนี่ยเขาจะมี gimmick อย่างหนึ่งที่เรียกว่า Glass Family นั่นคือ จะมีกลุ่มตัวละครจากตระกูล Glass ไปโผล่ในเรื่องนู่นเรื่องนี่เต็มไปหมด คนอ่านต้องเชื่อมโยงเอาเองว่าใครเป็นใคร หรือใครเป็นญาติฝ่ายไหนกับใคร แต่ทุกคนจะมีจุดร่วมกันคือได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่สอง
คิดแล้วเสียดายเหมือนกันที่ Salinger เลิกเขียนหนังสือไปแล้ว (มีข่าวลือว่าความจริงเขายังเขียนอยู่ แต่ไม่ยอมตีพิมพ์งานออกมา - อ้าว!) เดาว่าเขาน่าจะวิพากษ์โลกในยุคสมัยนี้ได้อย่างถึงแก่นทีเดียว
ป.ล.1 ว่ากันว่า J.D. Salinger เปรียบเหมือน 'พ่อ' ของ Haruki Murakami ส่วน F. Scott Fitzgerald ก็เป็นพ่อของ Salinger อีกทีหนึ่ง ผมเคยอ่าน The Great Gatsby แล้ว ชอบประมาณนึง แต่ไม่ค่อยอินสักเท่าไร เดาเอาว่าเพราะยุคสมัยในเรื่องมันไกลตัวผมเอามากๆ (ยุค Jazz Age ช่วงยุค 20 นู่นเลย)
ป.ล.2 ซื้อหนังสือในงานหนังสือแล้ว อย่าลืมซื้อหนังสือในร้านหนังสือด้วยนะครับ (แต่ถ้ามันหายากมากๆ แบบ คิมคีด็อค ก็เชิญมาซื้อที่งานหนังสือได้ 555)
Create Date : 24 มีนาคม 2552 |
Last Update : 26 มีนาคม 2552 18:43:12 น. |
|
38 comments
|
Counter : 2403 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: แฟนผมฯ IP: 114.128.117.15 วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:21:42:48 น. |
|
|
|
โดย: เอกเช้า IP: 124.120.188.5 วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:22:33:18 น. |
|
|
|
โดย: nanoguy IP: 125.24.122.92 วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:5:02:59 น. |
|
|
|
โดย: pick IP: 58.137.81.212 วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:7:00:35 น. |
|
|
|
โดย: The Chris Show IP: 203.146.12.13 วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:8:41:46 น. |
|
|
|
โดย: บิ๊ง IP: 118.174.107.150 วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:10:08:37 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:11:35:39 น. |
|
|
|
โดย: Seam - C IP: 58.9.201.160 วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:12:09:04 น. |
|
|
|
โดย: เสจัง IP: 124.122.235.66 วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:21:42:43 น. |
|
|
|
โดย: nanoguy IP: 125.24.169.186 วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:6:30:30 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:6:51:27 น. |
|
|
|
โดย: Mesia_82 IP: 203.144.224.162 วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:10:48:51 น. |
|
|
|
โดย: bentley IP: 210.86.135.81 วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:12:13:08 น. |
|
|
|
โดย: เสจัง IP: 124.121.167.80 วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:21:57:58 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:7:01:39 น. |
|
|
|
โดย: tiktok IP: 58.8.9.254 วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:11:00:22 น. |
|
|
|
โดย: lunamesis (dismaycry ) วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:22:22:02 น. |
|
|
|
โดย: เสจัง IP: 124.121.165.243 วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:23:38:29 น. |
|
|
|
โดย: เด็กม.ปลาย (Onlineza ) วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:23:53:40 น. |
|
|
|
โดย: BdMd IP: 124.120.64.254 วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:13:03:46 น. |
|
|
|
โดย: tiktok IP: 58.136.176.184 วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:0:04:01 น. |
|
|
|
โดย: โทยะ อากิระ IP: 124.121.32.57 วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:0:36:20 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าดิน วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:3:44:16 น. |
|
|
|
โดย: พี่ณัฐ IP: 125.24.130.82 วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:23:51:01 น. |
|
|
|
โดย: pic IP: 58.8.226.48 วันที่: 2 เมษายน 2552 เวลา:13:15:03 น. |
|
|
|
โดย: DJCrystaL IP: 125.26.110.244 วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:20:16:58 น. |
|
|
|
โดย: pp IP: 202.5.84.135 วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:55:10 น. |
|
|
|
|
|
|
|
หนังใหม่ผม ฉาย 4 เม.ย. นี้ หอศิลป์ กทม. 17.30 จ้ะ
เอ่อ...ทำไมมัน 'กลม' ได้ขนาดนั้น! (น่ากลัวอ่ะ)