space
space
space
<<
สิงหาคม 2565
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
12 สิงหาคม 2565
space
space
space

ค่าซ่อมบำรุงปีแรกของ Tesla M3 - 1284 บาท ! (1-year maintenance for Tesla model 3)

Aug 10, 2022

ในที่สุดน้องโบลต์ก็อายุครบ 1 ขวบ ซึ่งถ้านับวันรับรถจริง ๆ ที่อังกฤษแล้วก็ขวบกว่า ๆ เพราะเดิมทีวันเริ่มเปิดใช้ free 1-year premium connectivity คือวันที่ 18 มิ.ย. (น่าจะเป็นวันรับรถที่อังกฤษ) แต่น้องโบลต์มาถึงมือพวกเราที่เมืองไทยวันที่ 6 ส.ค. ก็เลยต้องนับวันเกิดที่เราเป็นวันนี้ พอครบ 1 ปี ทางวสุธาก็มีนัดเอารถเข้าไปรับ service ทำตัวเหมือนรถ ICE เลย ทางเราก็สงสัยว่ารถ EV นี่เค้าต้อง service อะไรบ้าง แอบเข้าไปดูคำแนะนำของผู้ผลิตใน tesla.com ก็ได้ข้อมูลดังนี้

สรุปว่า เทสลาไม่มีกำหนดการทำ maintenance รายปี หรือการบำรุงรักษาตามเวลาหรือตามระยะทางที่ชัดเจน เค้าเขียนตอนเริ่มต้นเหมือนทำนองที่ว่าทางเค้าก็คอย review ข้อมูลเป็นระยะ ๆ ว่าควรจะต้องทำอะไรบ้าง แต่ตอนนี้ที่สรุปมาก็คือ

Tesla model 3/Y
1) เปลี่ยน cabin air filter ทุก ๆ 2 ปี ถ้าเป็น HEPA filter (Model Y รุ่นหลัง ๆ, Model S/X) ให้เปลี่ยน HEPA filter ทุก 3 ปี
2) สลับล้อ+ยาง ทุก ๆ 6,250 ไมล์ (10,058.4 กม) หรือเมื่อดอกยากสึก 2/32 นิ้ว (1.6 มม)
3) ทดสอบน้ำยาเบรคว่ามีปนเปื้อนหรือไม่ทุก ๆ 2 ปี เปลี่ยนน้ำยาเบรคเมื่อจำเป็น
4) เปลี่ยนถุงดูดความชื้น (desiccant bag) ของระบบแอร์ทุก ๆ 6 ปี รหัสอะไหล่ 1007717-00-A desiccant bag 
5) สำหรับประเทศที่มีฤดูหนาว แนะนำให้ทำความสะอาดและหล่อลื่น brake caliper ทุก ๆ 12 ทุก ๆ 12 เดือน หรือ 12,500 ไมล์

ถ้าทำตามเทสลาว่าเป๊ะ ๆ ก็สรุปว่าตอนนี้ต้องทำแค่สลับล้อ สลับยางแค่ปี้นี้แล้วก็จบ ซึ่งรายการนี้ก็ทำไปแล้ว ที่รายงานไว้ตั้งแต่บล็อกนี้ ที่ขอไปขึ้น hoist ขัดกันสนิมเพลามอเตอร์และก็เปลี่ยน skid plate ที่เป็น aluminium อันใหม่ลงไป

ส่วนรายการเปลี่ยน cabin air filter คิดว่าคงรอ 2 ปีไม่ได้หรอก สมัยใช้รถ Lexus, Mercedes เค้าก็เปลี่ยนกันทุก ๆ ปี อากาศร้อนชื้น และ pollution เยอะแบบกทม. ขืนรอสองปี ปอดของเราสองคนนั่นแหละ จะทำหน้าที่เป็นเครื่องฟอกอากาศในรถเสริม สิ่งสกปรก สารตกค้าง สารพิษ ก็คงเข้าไปกรองติดอยู่ในปอดนั่นแหละ อีกอย่างคนขับรถบ่นเรื่องกลิ่นอับจากแอร์มาก สรุปว่า งานนี้เราก็แอบเปลี่ยนซะเองแถมล้างแอร์ด้วย ทำเอาตอนเช้าวันที่นัดเอารถเข้าไปหาวสุธานั่นแหละ (นัดไปเสาร์ที่ 6 ส.ค. ครบ 1 ปี จากวันรับรถ เป๊ะ ๆ) เรื่องการล้างแอร์ การเปลี่ยนฟิลเตอร์ ก็เขียนไว้อย่างละเอียดในบล็อกก่อนหน้าอันนี้

บรรยากาศการนำรถเข้าศูนย์รอบนี้ช่างแตกต่างกับตอนเอารถเข้าศูนย์ที่ Lexus หรือ เบ๊นซ์ (เร่ิม ๆ ใช้ราชดำเนิน หลัง ๆ ไปเบ๊นซ์ราชครู) ซะสิ้นเชิง คือที่วสุธานี่มีความเป็นกันเอ๊ง กันเองมาก สมกับคำสัญญาว่าจะดูแลกันเหมือนคนในครอบครัว เค้าก็มีอู่ มี hoist ประมาณ 5 อัน เราก็แอบขอคุณเกดว่าจะขอเอารถขึ้น hoist (มีแผนอีกแระ ก็รอบที่แล้วในบล็อกขัดสนิมก่อนหน้านี้ที่ว่าแผ่นอลู skid plate ด้านหน้าที่เราไม่ได้ติดลงไปเพราะติดปัญหาเรื่องเบ้าสกรู และก็รูประหลาด ตอนนี้ไปแก้ไขมาแระ ก็อยากจะเอาแผ่น skid plate พลาสติกเก่าออกติดแผ่นใหม่ลงไป) คุณเกดเค้าก็บอกช่างให้โอเค

ที่วสุธาเค้าก็มีห้องแอร์ให้นั่งรอ แต่เราก็ไม่ได้นั่ง นั่งไม่ติด อยากรู้อยากเห็นอยากดูว่าเค้าทำอะไรบ้าง ไป ๆ มา ๆ ก็ไปยืนดู ไปลงมือเอง ตลอด ซึ่งเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร (คงรำคาญนิดหน่อย) แต่นึกในใจว่าจะมีอู่ไหน ๆ ที่จะยอมให้ลูกค้าเจ้าของรถเข้ามาป้วนเปี้ยนในช็อปซะวุ่นวายขนาดนี้ แหม ก็ที่นั่งรอมันอยู่ติดช็อปเลย ไม่ให้ดูใกล้ ๆ ก็ยืนเกาะกระจกดูอยู่ในห้องนั่นแหละ

เราก็ไม่รู้ว่ากระบวนการ service 1 ปีตามปกติเค้าจะยกรถขึ้น hoist รึเปล่า แต่คุณเกดคงบอกช่างเค้าเรื่องลูกค้าอยากขึ้น hoist เปลี่ยน skid plate เค้าก็จัดให้ก่อนเลย เราก็ทำท่าจะไปควักเอา jack pads ออกมาจากกระโปรงหลัง คุณน้องช่างก็บอกไม่ต้องใช้คับ ... อ้าวเหรอ เค้าก็เอาแขน hoist เข้ามาตั้งให้ตรงกับจุดยกแล้วก็ยกขึ้นเลย เราวิ่งเอาแผ่น aluminium skid plate ที่ติดมาในหลังรถออกมาเกือบไม่ทัน พอขึ้น hoist เสร็จ เค้าก็เอาไฟฉายมาส่องดูบริเวณล้อทั้งสี่ แต่ก็ไม่เห็นได้ทำอะไรเป็นพิเศษ เราก็ลุ้นว่าเค้าจะแกะถอดเบรกออกมาแปรงให้เราไม๊ จะทำ wheel alignment ให้เรามั้ย ก็เปล่า ส่องนู่นส่องนี่ดูเสร็จแล้วก็ชวนเราเปลี่ยน skid plate เลย

เราก็เอาอุปกรณ์ของเรามาด้วย น้องช่างคนเดิมเค้าก็มาช่วยด้วยเอา impact driver บล๊อกลม ไขน็อตออกมาตูม ๆ ทำเอา Makita impact driver เลย เสียงดูอ่อนแรงไปเลย จริง ๆ เราก็อยากจะทำช้า ๆ จะตรวจผลงานเรื่องขัดกันสนิม ทากันสนิม แต่น้องเค้าเร็วมาก ถ่ายรูปยังเกือบไม่ทันแปร๊บเดียวก็ติด aluminium skid plate อันใหม่ขึ้นไปสมใจ เหลือติดอีกแค่ปัญหาเดียวคือมันมีอีกหลุมนึงที่มันไม่ลึกพอเหมือน skid plate พลาสติกอันเดิม ทำให้สกรู 10 mm. ของเก่าที่ยาวแค่นิ้วเดียวมันไขไม่ได้ เหลือรู้นี้รูเดียวก็ต้องจำใจ กะว่าเด้วไปหาซื้อสกรูยาวแล้วค่อยมุดเข้าไปใต้ท้องรถใส่เองทีหลังก็ได้ฟระ

แล้วเค้าก็เอารถลง เสร็จ 1 รายการ มีแอบพลาดนิดหน่อยคือตอนเปิด frunk อีตาน้องคนเดิมเค้าไม่รู้มังว่าเราเป็น autofrunk เค้าดันเอามือไปเปิดฝากระโปรงตอนมันเผยอขึ้นตอนเริ่มเปิด อันนี้ก่อนให้เกิดปัญหาทีหลังเด้วเล่าต่อ

พอเค้าเปิดฝากระโปรงหน้ามา เราก็ยิงคำถามรัว ๆ เป็นต้นว่า coolant มันต่ำกว่าระดับขีดบนกระป๋องแล้ว แล้วในคู่มือเทสล่าเขียนไว้ว่าห้ามเติมเด็ดขาด ทำไมมันถึงต่ำได้ มันมีรั่วตรงไหนรึเปล่า ยังถามไม่เสร็จ คุณพี่อีกคนก็ถือกระป๋องแกลลอนกลม ๆ ที่มีน้ำสีฟ้า ๆ มาเติมลงไปในกระป๋อง coolant อย่างรวดเร็ว ยังถามไม่จบ เติมเรียบร้อย เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเทสล่าถึงเขียนว่าห้ามเติม แต่นี่วสุธาเทลงไปเรียบร้อย เค้าบอกว่าเติมให้ลูกค้าประจำ ไอ้ที่เติมยี่ห้ออะไรก็ไม่ทราบ ผสมเองรึเปล่า ยังสงสัย แต่เค้าเทลงไปเรียบร้อยแล้วล่ะ



เสร็จแล้วคูณพี่ตัวใหญ่ ๆ เค้าก็ไปเอา laptop computer มาเสียบสายกับรู OBD ใต้ footwell ตรงที่คนขับนั่ง เค้าบอกว่าเช็กหาดู error code ไม่ถึง 5 นาที ก็เงยหน้าบอกเราว่า ไม่มี error code เราก็แอบถามเรื่อง pyrofuse ระเบิดของรถรุ่นพี่ที่ทำงาน เค้าบอกว่าตั้งแต่ให้บริการมา คันนี้แหละเป็นคันแรกที่อยู่ดี ๆ ก็ระเบิดเอง ไม่เคยมีมาก่อน

ดูเหมือนจะเสร็จแล้ว เพราะเราล้างแอร์กับเปลี่ยนฟิลเตอร์กันมาเองแล้ว เค้าก็ไม่ต้องทำอะไรอีก เราก็ถามว่าเสร็จแล้วเหรอ  ช่ายเสร็จแล้ว มาเจอปัญหาคือกดปิดฝากระโปรงหน้าไม่ได้ ซึ่งเป็นเหตุจากน้องช่างที่เค้าเอามือยกเปิดขึ้นตอนที่เล่าให้ฟังตะกี้ ทีนี้แหละ เค้าต้องไปตามอีกคนมาช่วยกันแก้ ต้องมานั่ง calibrate autofrunk กันใหม่ เดือดร้อนต้องถอด underhood storage unit (ไอ้เจ้าอ่าง frunk น่ะ) เพื่อที่จะเข้าถึงกล่องที่ควบคุม autofrunk ทุก ๆ ที autofrunk ของเราจะมีปัญหาแต่ว่าบางทีกดแล้วไม่ยอมเปิด  เพิ่งเจอคราวนี้กดแล้วไม่ยอมปิด เป็นบทเรียนว่าห้ามเอามือยกขึ้นเอง ให้เค้าทำงานของเค้าไป

ปรากฎช่าง 2 คน นั่ง calibrate autofrunk เรากันอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งอันนี้เป็นรายการที่เสียเวลาที่สุด ไม่ได้อยู่ในแผน แต่กลายเป็นข้อดีอย่างหนึ่งตรงที่ว่าพอต้องแกะอ่าง frunk ออก ก็พบ screws ที่ยึดอ่างเค้าก็เป็น 10 mm hex screw ยาว 1 นิ้วเหมือน ๆ กับที่ยึด skid plate ด้านล่างและมีสกรูตัวนึงซึ่งยาวกว่าปกติที่ไม่จำเป็น เราก็เลยปิ๊งไอเดียว่าเอาไอ้เจ้าสกรูสั้น (1 นิ้ว) ที่ตะกี้ไขยึด skid plate ไม่ได้มาใส่ตรงนี้แทน แล้วเอาอันยาวตรงนี้ไปใส่ตรงนั้น แต่ขี้เกียจเอารถขึ้น hoist อีกรอบ ตาน้องช่างคนเดิมที่ช่วยเราติด skid plate ซึ่งเป็นคนทำ autofrunk เราค้าง เค้าก็บริการดีใจหาย ไปลากเอาแม่แรงตะเข้มายกรถขึ้นจุดเดียวแล้วก็มุดเข้าไปใต้ท้องรถไขสกรูตัวนี้ตัวเดียวให้เรา ท่ามกลางความลุ้นใจหายของเรา กลัวไอ้เจ้าแม่แรงตะเข้มันจะเจ๊งและรถหล่นทับแบนแต๊ะแต๋เหมือนในหนัง  ตาลุงอีกคนบอกไม่ต้องห่วง น้องเค้าทำประกันชีวิตไว้แล้ว แหม ๆ ใครจะอยากให้ช่างมาตายคารถเรา

สรุปว่าเสร็จสมบรูณ์ เค้าถามอีกว่าพี่จะให้ล้างรถด้วยไหม เราหันดูรอบ ๆ แล้ว ดูรถแล้ว (ยังเด้งอยู่) ก็เลยตอบว่าอย่าล้างเลย เสียเวลา เสร็จแล้วก็ไปเลยดีกว่า ก็ไปเช็คบิล ได้บิลค่าใช้จ่ายมา 1284 (1200 บาท + VAT) อันนี้คือค่าแรง 1 ชม. ตอนแรกเราได้ยิน(จากคนไข้) ก็แอบตกใจว่า ฮ๊า มีค่าใช้จ่ายด้วยเหรอ (นึกว่าฟรี) แอบคิดในใจว่าแพง ไม่เห็นทำอะไรเท่าไหร่ ไอ้ที่เสียเวลาทำเยอะ ๆ (calibrate autofrunk) ก็เป็นผลงานจากเค้าทำพังเอง แค่เติม coolant เช็ค error code แล้วก็ช่วยเราเปลี่ยน skid plate แต่ท้ายสุดก็นึกไปนึกมาว่านี่ถ้าไปเข้าศูนย์ตราดาวหรือเล็กซัสหรือศูนย์อะไร ๆ ก็ตามไม่วาจะรถ ICE ยี่ห้อไหน จะมีทางเหรอที่บิลจะเปิดมาแค่ 1284 บาท แค่ค่าของเหลวก็เกินแล้ว สมัยตราดาวนี่ ปีนึง ปีนึงเข้าศูนย์แต่ละครั้งไม่เคยต่ำกว่า 5 หลัก นี่มันแค่ 1200 บาท ถึงจะไม่ได้ทำอะไรมากมาย (อยากไปแอบดูเค้าเอง) แต่อย่างน้อยเค้าก็เอาขึ้น hoist ให้ มาช่วยเราเปลี่ยน skid plate เอาเถอะยอม..

นี่เป็นประสบการณ์การเอารถเข้าศูนย์ที่แปลกประหลาดที่สุด มีความเป็นกันเองสุด ๆ ดูได้ตลอด ถามได้ตลอด ขอนู่นนี่ก็ได้ ก็ไม่เลวแฮะ

เราก็อ่าน ๆ ดูจากฟอรั่มผู้ใช้ฝรั่งเค้าก็นินทา Tesla ว่าให้คำแนะนำหรือวางระบบการดูแลบำรุงรักษาได้ไม่ดี มีคนวิเคราะห์ว่าเนื่องจาก Tesla ที่เมกาเค้าไม่ได้ใช้ระบบดีลเลอร์ (เค้าขายตรง ขายเอง) ทำให้ service เค้าค่อนข้างจำกัด เพราะบริษัท Tesla ก็ต้องให้บริการหลังขายเอง เป็นที่มาของคนบ่นว่าห่วย รอนาน ศูนย์ไม่พอ ต้องขับรถไปไกล  หลาย ๆ รายการเค้าก็เลยมีคำแนะนำให้ DIY (เช่นการเปลี่ยน cabin air filter) หรือที่เมกา เค้าจะมีสิ่งที่เรียกว่า mobile service คือมีรถตู้เล็ก ๆ มาบริการให้ถึงที่ ไม่ต้องเอารถไปเข้าศูนย์ ก็คงจะเห็นว่าทางบริษัทไม่ได้เน้นที่จะทำกำไรหลังขาย ไม่ว่าจะในเรื่องการเปลี่ยนถ่ายของเหลว (ไม่มีให้เปลี่ยน) อะไหล่ ฯลฯ และเค้าก็ (ยัง)ไม่มีคนจะ service ให้ด้วย ร่วมกับความเป็นรถ EV ซึ่งมันไม่มีอะไรมากต้องทำอยู่แล้ว สิ่งที่เราเป็นห่วงในอนาคตก็คือเรื่องเบรก คือการไม่ค่อยได้ใช้ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน เพราะด้านหลังของตัว rotor มันจะเกิดสนิมแล้วไม่ได้เกิดการขัดออกเหมือนกับรถ ICE ที่ปกติสนิมส่วนนี้มันจะถูกขัดออกจากการใช้งานเบรกตามปกติ กลายเป็นว่าการขับให้มัน regen ตลอดเวลาอาจจะนำมาซึ่งปัญหาในภายหลัง ในหน้า DIY ของเทสล่าก็มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ที่เค้าเรียกว่า burnishing the brake 
 
ถ้าดูเรื่องเบรกด้านบนจะเห็นว่าเทสล่าแนะนำว่าให้เช็ค brake fluid ทุก ๆ 2 ปี และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกเมื่อมีความจำเป็น ก็ในเมื่อมันไม่ได้ค่อยได้ใช้แล้วมันจะต้องเปลี่ยนเมื่อไหร่ล่ะ เรื่องนี้เราไม่ได้ห่วง แต่เราห่วงตรง rotor, brake pad, brake caliper ข้างในของ Brembo ที่เราคิดว่ามันควรจะต้องถอดออกมาแปรง ทำความสะอาด แล้วก็ขัดสนิม หยอด lubricant ให้มันบ้าง  อาจจะรอปีหน้า เด้วต้องถามร้านขายยางหน้าปากซอยว่าเค้าดูแลเรื่องเบรกให้ได้ไหม

เล่าเรื่องต่อที่เหลือด้วยภาพ

ที่ต้องขึ้น hoist อีกทีก็เพราะเรื่อง aluminum skid plate ที่สั่งซื้อมาจากเมกา จากอีเบย์ แผ่นด้านหน้ามันติดไม่ได้เพราะหลุมน็อตมันไม่ลึกพอ

 
น็อต (screw/bolt) เจ้าปัญหาของเรา จะเห็นว่าตัวสกรูมันเป็นตอยึดกับส่วนที่เป็นโครงเหล็กของรถ แล้วเจ้าแผ่น skid plate plastic อันเก่า มันก็เป็นหลุมลงไป (ดูรูปขวาจะเห็นว่าเป็นหลุม) ดูรูปซ้าย จะดูเหมือนมันยื่นเข้า สรุปว่า เค้าก็ยื่นเข้าไปหาสกรูอันนี้แหละให้สามารถขันแหวน (nuts) ได้พอดี เจ้ากรรมคือเราไม่สามารถถอด screw/bolt ตัวนี้ออกมาเพื่อไปหาซื้อตามร้านได้ แต่เราสามารถถอดแหวนเค้าออกมาได้

 
หน้าตาแหวนที่ถอดออกมาเพื่อไปตามหาวิธีให้มันสามารถยึดอลูมิเนียม skid plate อันใหม่เข้าไปได้

 
ตอนแรกสุดกะจะเอาแบบง่าย ๆ คือหาซื้อต่อตัวน็อตมีขายเต็มเลย เค้าเรียกน็อตต่อกระจกมอเตอร์ไซค์ มีหลายไซส์หลายขนาด แต่ปรากฎว่าหลังจากลองสั่งไปสองสามเจ้ามันก็หมุนกันไม่ได้ ระบบตัวตัวน็อตเค้าเป็นน็อตระบบเมตริก M8, M10 อะไรเงี้ย ตอนแรกเรานึกว่าของเราเป็นระบบหุน เพราะ Tesla ดั้งเดิมมาจากเมกา แล้วแหวนสกรูที่บ้านที่มีที่เป็นสกรู 3/8" มันก็ขันเข้าไปได้กับแหวนอันนี้ แต่มันหลอกแหล็ก หลวมหน่อย ๆ แต่พวกตัวต่อน็อตมอไซค์พวกเนี้ยเค้าไม่มีขายเป็นเกลียวหุนนะ มีแต่เกลียวเมตริก จะซื้อไซส์ไหน เบอร์ไหนมามันก็หมุนกันไม่ได้

 
หลังจากสั่งสกรูมาเต็มบ้านทั้งจากในประเทศและสั่งจากต่างประเทศ ทั้งสกรู 3 หุน และสกรู M10 รวมทั้งแหวนและน็อตขันขนาดต่าง ๆ ก็ไม่มีอะไรจะหมุนฟิตได้กับเจ้าแหวนที่เราแงะออกมาจากรถได้ บนเว็บไซต์ของ www.mountainpassperformance.com ซึ่งเค้าเป็นอีกเจ้านึงที่ขายแผ่นอลูมิเนียม skid plate (เฉพาะแผ่นหน้า แผ่นเดียว $295 ยัง backorder เลย บอกแล้วว่าหาซื้อยาก) แผ่น skid plate เค้าก็มีปัญหานี้เหมือนกัน เค้าบอกว่าต้องใช้ M10 button-head bolts ใส่เข้าไปก่อน เราก็เง็งมากว่าทำไม M10 เพราะบรรดาสกรู/nuts M10 ที่เราซื้อมามันหมุนไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ขี้เกียจลองผิดลองถูกแระ ไปนี่เลย ร้านนี้ (ถ้าไม่เขียนบล็อกนี้ยังไม่รู้เลยว่าร้านเค้าชื่ออะไร) ร้านนี้อยู่ตรงแถว ๆ วัดตึก เป็นร้านที่เราไปหาน็อตหาสกรูประหลาด ๆ สมัยก่อน ไปรอบนี้ เค้าไม่ยอมให้เข้าร้าน ให้รอข้างนอก กลัวโควิดมาก

 
รูปซ้ายก็ขอยืมมาจากเว็บ moutainpassperformance เค้าก็จะหยอดกาวก่อน แล้วสวม M10 button-head bolts ลงไป ไอ้ของอย่างนี้ พี่ไทยเรียกข้อต่อสตัดจ้า สรุปว่าหาง่ายมาก ถ้ารู้จักเรียก มันคือ M10 นั่นแหละถูกแล้วแต่เป็น M10 เกลียวหยาบ วิธีพิสูจน์คือต้องเอาหวีเกลียวมาเทียบหรือเอาสกรูของเค้ามาไขหรือถ้าวัดขนาดข้างนอกต้องได้ 17 มม.  ถ้าวัดได้เล็กกว่านี้จะเป็น ข้อต่อสตัด M10 แบบเกลียวละเอียด  ของฝรั่งเค้าเป็น stainless steel แต่ของที่เราหาได้ที่ร้านนี้เป็นเหล็ก galvanized บ้าน ๆ ธรรมดา (ดูราคาก็รู้) เนื่องจากเราไม่รู้ว่าจะต้องใช้ยาวแค่ไหน ก็เลยซื้อมันมาหลาย ๆ ขนาด ราคาไม่แพง 15-20 บาท

 
เล่าเรื่องสกรู/น็อตซะตั้งนาน เพราะในความเป็นจริงมันก็ทำให้เราเสียเวลาตามหานานเหมือนกัน ถ้าไปซื้อที่ร้านแต่แรกก็คงจะจบงานไปแระ ก็เข้าเรื่องซะที พาน้องโบลต์ขึ้น hoist อีกรอบ (ขึ้นหลายรอบชะ) รูปขวานี่ไม่ใช่น้องโบลต์ พอดีแอบไปเห็น Model X รุ่นเก่าคันนึงเค้ามารับบริการแล้วเปิดฝากระโปรงหน้าไว้อยู่ ก็เหลือบไปเห็นกล่องฟิวส์ ก็เลยต้องขอถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึกให้รู้ว่าก่อน Model 3/Y เทสล่าเค้าก็ยังใช้กล่องฟิวส์อยู่เลย น่าจะเริ่มตั้งแต่ Model 3/Y และต่อจากนี้ไป เค้าไม่มีกล่องฟิวส์แล้ว เราก็เคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้วในบล็อกนี้ ที่ว่าทำไมรถบ้าอะไรเนี่ย ไม่มีกล่องฟิวส์ เหตุผลหลัก ๆ ที่น้องโบลต์ขี้น hoist รอบนี้ก็เพื่อจะเปลี่ยนแผ่น skid plate เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าไม่มีรายการนี้่ เวลาเอารถเข้าศูนย์ปกติเค้าขึ้น hoist เพื่อตรวจดูช่วงล่างอะไรรึเปล่า คงต้องรอปีหน้ากว่าจะได้รู้อีกที

  
ยังไม่จบเรื่อง เด้วต้องมีขึ้น hoist อีกทีคราวหน้า เราจะจัดการไอ้เจ้า drain hole สำหรับระบายน้ำจากแอร์ เราไม่ค่อยชอบใจที่ระบบเดรนน้ำมันพ่นน้ำและก็หยดน้ำปุ๋ย ๆ ใส่สายไฟ ใส่ท่อ coolant เด้วจะต่อกล่องรอรับน้ำระบายร้อยท่อซิลิโคนไปทิ้งให้ถูกที่เป็นเรื่องเป็นราว ไว้คราวหน้านะ รอบนี้ไม่ทันแระ รูปขวาจะเห็นแผ่นอลูมิเนียมขาว ๆ ที่เราเอามาปิดรูที่เค้าจงใจทำแหว่งไว้เพื่อให้น้ำจากแอร์มันหยดลงมาได้ บังเอิญว่าน้ำจากแอร์มันมีทั้งหยดติ๋งๆ และก็พ่นพรวด ๆ และมันก็จะไม่ลงตรงช่องที่เค้าทำไว้ แต่มันจะหยดลงไปตรงแผ่นใต้ส่วนที่เป็นแบตฯ ที่เราขีดลูกศร 3 อันไว้ นั่นแหละรอยทางน้ำหยด มันลงมาตรงนี้แล้วก็หยดติ๋ง ๆ ไม่เชื่อก็ก้มลงไปดู


 
รูปซ้ายก็เป็นข้อต่อสตัดยาว 20 มม. ก็ใส่ได้พอดี แต่ตัวสกรูที่เอามาใส่ต้องใส่ตัวสั้นมาก (10 มม.) ก็งานนี้ก็ต้องหยดกาวล็อคไทท์แน่นอน (เห็นรอยกาวสีน้ำเงินไหมจ๊ะ ตอนแรกก็ว่าจะเอาสีแดงหยอด แต่กลัวไขไม่ออก ยังไงเด้วถ้าคราวหน้าสีน้ำเงินมันไม่แน่น จะหยุดกาวล็อคไทท์สีแดงเลย)  สกรูสั้นขนาดนี้ ถ้าไม่หยอดกาว ขับไปขับมา สั่นสะเทือนไปมา คงจะหลุดง่าย ๆ สรุปเรื่องหลุมสกรูตื้นไป 2 หลุมด้านหลังของแผ่นหน้าก็จบได้ด้วยดี แต่ดันมีอีกหลุมนึงด้านหน้า หลุมนี้ก็ลึกไม่เท่าแผ่นพลาสติกของเดิม ส่งผลให้สกรูหัว 10 มม. ตัวเดิมมันยาวไม่พอ โชคดีที่อีตาน้องช่างที่มาช่วยมันทำ autofrunk เราปิดไม่ลงและต้องรื้ออ่าง frunk ออกมาทำให้เราไปเจอสกรูหัว 10 มม.แบบยาวมาสลับตามที่เล่าไปในเนื้อความข้างบน ก็เลยจบงานพอดีสวยหรู เพราะตอนแรกเรานึกว่าเราต้องไปหาซื้อสกรูตัวนี้มาแล้วมุดเข้าไปหมุนเองอีกแระ


อันนี้ก็โชว์ให้ดูว่าเค้ามีการเอา laptop มาเสียบดูหา error code อยู่นะจ๊ะ ตรงใต้แผงคอนโซลด้านหน้าฝั่งคนขับมีรูสำหรับเสียบ OBD (On-board diagnostic) อีกอันนึง เสียบแล้วก็ไม่เจอ error code อะไร แต่ถ้าไม่เสียบเด้วหาว่าไม่ทำอะไร 

สรุปว่าจ่ายค่าบำรุงรักษาปีแรกไป 1284 บาท จะมีรถคันไหนเสียค่าซ่อมบำรุงถูกเท่านี้อีกไหมเนี่ย


 





 




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2565
0 comments
Last Update : 4 ตุลาคม 2565 6:12:47 น.
Counter : 822 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

gollygui
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]






space
space
[Add gollygui's blog to your web]
space
space
space
space
space