พิกัด GPS : 17° 41' 0"N 100° 57' 0"E
เพียงการเดินทางเพียงหนึ่งสัปดาห์หนึ่งเดือน หนึ่งปี มันมีความหมาย
ทำให้เติบโตเรียนรู้เข้าใจได้มากกว่า
การเดินทางของฉันและเธอคือการเรียนรู้ การเรียนรู้ของเราสองคนคือความเข้าใจ
เธอเข้าใจและฉันเข้าใจก็ทำให้เรามั่นใจ
การเดินทางของฉันและเธอคือการเรียนรู้ การเรียนรู้ของเราสองคนคือความเข้าใจ
เธอเข้าใจและฉันเข้าใจก็ทำให้เรามั่นใจ ในสิ่งนั้น
"ในความรัก"
มิตรภาพคือสิ่งมีค่าอันยิ่งใหญ่
เข้าเรื่องเลยละกัน 555 วันนี้จะพาไปเที่ยว "ภูสอยดาว" ที่สองสาวรุ่นป้าไปเที่ยวมาเมื่อปีที่แล้ว
แล้วเพิ่งเอามาลงบล็อก อ้าวทำไมล่ะ ก็ขี้เกียจอยู่น่ะซี๊ ฮรี่.....
เราสองคนนัดแนะจะไปเที่ยวกันไม่เท่าไหร่หรอก อีกคนคิดว่าไปสักต้นเดือนตุลาคม กำลังดี เพราะตังออกแล้ว 555
ส่วนอีกคนไปสักปลายเดือนกันยายนสิ โอเคเลย คือต่างคนต่างเข้าใจ รับรองเลยต่างคนต่างเที่ยว 555
ดีนะที่ถามกันอีกที เออมึงอะไรยังไง ตกลงวันไหนไรงี้ ดีที่ถาม เพราะอีกคนก็ติดต่อยากเหลือเกิน 5555+
ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าครายยยย
เราสองคนนัดเจอกันที่หมอชิตในเวลา ทุ่มนึง เพราะรถออก 22.00 นประมาณนี้จำไม่ได้
อีกคนมาจากระยอง อีกคนข้ามฟากมาจากนครปฐม บอกแล้วจะเที่ยวอะไรก็ไม่ใช่อุปสรรค
วันนี้ก็เช่นกัน โทรศัพท์ป้าติดต่อไม่ได้หมายความว่ายังไง ไปหรือไม่ เดินทางถึงไหนแล้ว ถึงหมอชิตยัง เอ่อออออ
ส่วนอีนี่ก็ไปหมอชิตแบบที่ติดต่อไม่ได้นั่นแหล่ะ ไม่เจอก็กลับคิดไรมาก 5555
นั่งรถไฟฟ้ากำลังจะถึงสถานีตากสินก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์เข้า อุ๊กูถึงหมอชิตแล้วนะ รอที่นี่แล้วกันแบตหมด หาที่ชาร์ตแบตก่อน
พาวเวอร์แบงค์เ......กชาร์จไม่ได้ อารายยยยยยกุเพิ่งชาร์ตมา 5555
ไม่มีปัญหาไม่ใช่เราสองคนบอกเลย
ตัดฉับมาถึงหมอชิต โทรหา ตามหากันนานประมาณ 20 นาที เจอกัน ถ่ายรูปอวด อวดใคร 555
ถึงเวลาขึ้นรถ รถออก หลับหรอ ม่ายยยยยยยยไม่ใช่เราสองคน
555 เสียงดังคุยกันสองคนทั้งรถ เวลาผ่านไปสักพักนอนเถอะสักนิดก็ยังดี
หลับไปไม่เท่าไหร่ ถึงละ ไรว๊าาาาาาาา 04.00น. พอดี
ไนบอกว่าถึงตีห้าไงทำไมถึงไวจังไปไหนล่ะทีนี่ นั่งรอเวลาสิคะ
06.00น.หาของกินโทรหาพี่เจ๊ยบที่เช่ามอไซด์ไว้ โทรอีกพี่แกก็ให้รอก่อนกำลังมา 555
นี่ไงพี่เจี๊ยบมาแล้ว เห็นหน้าตาแบบนี้ใจดีนะคะ เห็นโทรตามบ่อยๆแกไม่ไรหรอกแกห่วงงงงง ห่วงรถแก
เอ๊ยยย...ไม่ช่แกห่วงว่าจะพากันขับรถตกเขาแล้วไม่ใครเห็นจะลำบาก แกก็ไม่เข้าใจอีป้าสองคนว่า
ทำไมกล้า กล้าขับมอไซด์สองคนไปภูสอยดาว มันไมใช่ใกล้ๆนะ ถนนมีแต่เขามีแต่ป่า รวมระยะทางก็ 189 กิโลเมตร พอดี ช่างกล้า
ไม่รู้สินะ ไปมาแล้ว
นี่ไงคันนี้แหล่ะ งวดนี้ด้วยอย่าลืมล่ะ หุหุ
ระหว่างก็แวะทุกที่ที่อยากแวะ แวะไปเรื่อยออกเดินทางตั้งแต่ 06.30 น. แทนที่จะถึงอุทยานตั้งแต่ 11.00น. ไม่ใช่ละบ่ายโมงจ้า
แวะกินกาแฟซะหน่อย ง่วง เดี๋ยวตกรถ 5555
แวะถ่ายรูป แล้วซื้อลองกอง 2 กิโล เอาไปกินบนเขา ไม่คิดว่าหนักมั๊ย อยากกินเป็นพอ 555+
เอาเข้าจริงๆแจกจ่ายระหว่างทาง มีน้ำใจไง หุหุ
แวะถ่ายรูปกับดอกไม้ กับผีเสื้อ คือที่บ้านไม่มีไม่เคยเห็น เยอะเต็มไปหมด สวยด้วย ชอบดอกไม้ ดูอ่อนโยนผิดกับความจริง คนละเรื่อง 555+
หอมมั๊ย
ไม่รู้สิ ไปเถอะ
ต่อแต่นี้ไปก็จะมีแต่ถนนแบบนี้ ข้างนึงเป็นเขา บางช่วงเป็นแม่น้ำ บางช่วงเป็นเหว
บางช่วงฝนตก ไม่มีรถวิ่งสวนมา นานๆมาคันนึง ฟินมากบอกเลย อากาศดี๊ดี
บางทีก็เสียวสันหลัง 55555 ก็อยู่กลางป่ากลางเขา ไปกันสองคนหน้าตาดี๊ดี
ดูป้ายด้วยโค้งแล้วโค้งอีก ประมาณ 3 พันโค้ง (เวอร์)
ระหว่างทาง เจอยุ้งฉางใส่ข้าวโพด
เจอป้ายบอกอีก 26 กม.ถึงสวนพฤษาศาสตร์โครงการในพระราชดำริ ยัง ยังไม่ถึงทางขึ้นภูสอยดาว ยาวไปๆ
เจอโรงเรียนด้วย อิจฉาเด็กๆที่นี่ อากาศดี๊ดี ร่มรื่นไปหมด ดูสิ
ข้าวก็มีนะ เห็นแบบนี้คิดถึงบ้านเลยทีเดียว สองคนบ้าก็นึกถึงอดีตขึ้นมาทันที
นึกถึงตอนเป็นเด็กเวลาคุณครูให้วาดรูป มึงวาดเหมือนกุมั๊ยอุ๊ อีป้าถาม
5555 เหมือนซี้ มีภูเขา มีทุ่งนา มีนกบิน มีพระอาทิตย์ มีคน ใช่มั๊ยล่ะ
ภาพวาดเด็กบ้านนอก 555+
แบบนี้ 5555 เด็กบ้านนอกคุยกัน
ดูถนนสิ อย่าถามทำไมกล้า ไปตามรอยโอปป้า บ้าไม่ได้ไปเกาหลี ที่นี่พิษณุโลก
แบบนี้ สวย 555+น่ากลัว มากกกก
จากการขับรถมามากกว่า 3 ชั่วโมง เราก็มาถึงซะที ถึงไหน นี่ไง
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ่ายค่าผ่านทางคนละ 30 บาท จ่ายค่าจอดรถอีก 30 บาท
จ่ายค่าแบกสัมภาระ จ่ายค่าเต้นท์
เตา หมอ ขัน ถัง มีให้เช่าด้านบน จ่ายเพิ่มด้านบนตามที่เช่าจ้า
ตามนี้ แพง และคาใจ 5555
และแบกเป้ของตัวเอง ใครตังเยอะจ้างได้เดินตัวเปล่า
เราสองคนงก 5555 อีป้าคงบอกมึงอ่ะงก...เอิ่มใช่ งก หุหุ
อุ๊แบกเป้ตัวเอง 5 โล ป้าแบกเป้ตัวเอง 8 โล ในนั้นมันมีไรป้า ทำไมมันหนักจัง ที่แน่ๆไม่มีอีแตะ ใช่มั๊ย
จ่ายตังเสร็จ เดินทาง มีเจ้าหน้าที่ขับรถไปส่ง ณ จุดสตาร์ท
เขาบอกให้ขึ้นกระบะให้นั่งด้านในฝนจะตกแล้ว โอ้วววโน หนูอยากนั่งอีแต็ก
อีแต๊กที่บ้าน ที่นั่งอยู่ด้านหลัง ของที่นี่ที่นั่งอยู่ด้านหน้า นั่งไปก็เสียวๆดีเหมือนกันนะ
ทำตัวให้มีความสุขเข้าไว้ อีกสักพักทุกข์แน่นอน ขอบอก
ระยะทาง เป็นทางเท้าที่ชันมาก 6 กิโลเมตร จากน้ำตกภูสอยดาว ฝนก็ตก ถนนหนทางก็ลื่น
เรียกว่าลื่นอย่างเียวไม่ได้ เรียกว่าเป็นขี้โคลนขี้ตมเลยก็ว่าได้ เดินกันสองคนในป่า เอ๊ะ...ไม่สิ ต่างคนต่างเดิน มีรอกันบ้าง
อีกคนกลัวไม่ถึง รีบล่วงหน้าไปก่อน เหนื่อย นั่งพัก นั่งรอ อีกคนเอื่อยๆ เรื่อยๆ ถ่ายรูป นุ่นนี่นั่น ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง มืดช่างมัน 555+
ต่างคนต่างมาที่ยว
คุณคิดว่าเขาคือใคร
ทางเดินแห่งรัก 5555 มีแบบนี้เป็นระยะๆ ช่วยให้เดินง่ายขึ้น หรออออออ
เดินไปตามทางก็จะมีป้ายเล็กๆ แบบนี้บอกระยะเป็นระยะๆ
อย่าถามว่าเหนื่อยมั๊ย อย่าถามว่าไหวมั๊ย อยากรู้ปีนี้เชิญเลยค่ะ ฟิตร่างกายเตรียมพร้อมเอาไว้
ดีนะที่ยังออกกำลังกายอยู่บ้าง ไปวิ่งบ้าง ไปตีแบตบ้าง ขอบอกตอนขึ้นว่าเหนื่อย พักแล้วก็หาย ตอนลงนี่สิ เดินขาเป๋อยู่หลายวันเลย
ถึงแล้วเนินแรก อุ๊ว่าระยะทางจากปากซอยมาถึงเนินแรกเนี่ยมันไม่ใช่ 1 กิโลเมตร อุ๊ว่ามันม่ายยยยยช่ายยยเลย เหนื่อยยยยมาก
ถีงแล้วก็นั่งพักถ่ายรูป ทำตัวให้เหมือนคนบ้าเข้าไว้ เหนื่อย 555
เดินต่อสิรออัลไร เหนื่อยก็พัก เดินๆ เราก็ผ่านมาแล้ว 2.5 โล โอ้วววววเหนื่อย
กว่าจะถงลานสนสอยดาวเราต้องผ่านทั้งหมด 5 เนิน แต่ละเนินไม่ใช่ธรรมดา อยู่ในป่าฝนตก ร้อนมาก ยุงเยอะ
ทางเละ เดินลำบาก ไม่มีไม้ใหญ่ให้จับปีนเขา เอาซี้๊จะตกเขามั๊ย 5555 แต่บอกเลยว่าขางลงใช้ตูดลงก็หลายคนนะ
สุดยอด
ตัดฉับมาถึงเนินที่ 5 เลยละกัน ไม่ได้ขี้เกียจลงรูปนะ แต่ไม่มีปัญญาถ่ายรูป ยกกล้องไม่ไหว เหนื่อยยยยมาก
เนินที่ 5 คือเนินสุดท้าย
แต่ละเนินสุดยอดมาก สมละกะชื่อที่ได้มาก
อย่าดีใจไปถึงป้ายบอกว่าเนินที่ 5 ตรงนี้คือจุดเริ่มต้นปีนตะหากละ สุดๆแล้วเนินที่ 5 ใช้แรงขาก้าวแล้วก็ทรงตัว ไม่มีไรให้จับ มีแต่หญ้าต้นเล็กๆ แบบนี้
สาวได้สาวไว้ บาดมือช่างมัน ที่สุดแล้วววว
ยืนชมความงามแพพพพ วิวข้างบนสวยมาก มองลงไปก็เหวจ้า
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า มาถึงข้างบนก็ประมาณ 18.00 น. พอดี ถือว่าใช้เวลาในการเดินที่เร็วมาก
ปกติเขาใช้เวลากัน 5 ชั่วโมง ขอบอกเวลาดี 4 ชั่วโมง 555 ลองช้ากว่านี้สิ จะปีนเขายังไง
สำหรับใครที่จะไปต้องไปให้ถึงอุทยานก่อนบ่ายสองโมงนะคะ เพราะถ้าหลังจากนั้น
เจ้าหน้าจะไม่ให้เราปีนค่ะ กว่าจะไปถึงคงมืดพอดี ปีนเขาลำบาก และเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปีนเขาไปกับเราด้วยเหมือนเขาช้างเผือกนะคะ
เพราะฉะนั้นเตรียมการให้ดีค่ะ
ฟ้ากำลังสวย
จากตรงนี้ต้องเดินต่ออีกประมาณ 1 กิโลนะคะ ยังไม่ถึงลานสนค่ะจุดที่กางเต้นท์ค่ะ
แต่ไม่ต้องปีนเขาแล้ว เดินตามทางเท้าที่เละๆ ไป 555
ถ่ายรูปตรงนี้เพลินไปหน่อยมืดแล้ว ไฟฉายไม่มี มือถือแบตหมด พาวเวอร์ของบางคนตาย 5555+
ลากันด้วยภาพนี้ บล็อกหน้าจะพาไปถ่ายแบบ ไปเป็นนางแบบกลางป่าที่ประเทศลาว
จะพาไปชมความสวยของดอกหงอนนาค จะพาไปที่ยวตามปะสาอีป้า 555
สวัสดีค่ะ
น่าไปเนอะ แต่ที่แน่ๆๆคุณเมิงมีนัดกับชั้นนะยะ เขาล้อมหมวกเดือนหน้า