โลกของคคนานต์
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 

Private Love ตอนที่ 2

-2-


ท่ามกลางแสงเทียนสลัวกลางโต๊ะที่อุดมไปด้วยอาหารชั้นเลิศหลายรายการและเครื่องดื่มชั้นดีที่พร้อมเสิร์ฟให้กับแขกประจำโต๊ะวีไอพีของภัตตาคารกลางโรงแรมห้าดาวชื่อดัง ตาคู่โตกำลังจับจ้องไปยังโต๊ะที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันมากนักอย่างจับผิด

“คุณจีคร้าบ...จะกรุณาสละเวลาหันมาทานข้าวกับผมสักห้านาทีได้ไหม นี่เธอกะจะจ้องจับผิดชาวบ้านเขาอย่างเดียวเลยหรือไง!” ปฐวีเอ่ยประชดประชัน ยกไวน์ราคาเฉียดหลักแสนขึ้นดื่มอย่างหัวเสีย

ขนาดในบรรยากาศเป็นใจขนาดนี้ จีรนันท์ยังไม่คิดชายตาแลเขาบ้างเลยสักนิด...มัวแต่ห่วงเรื่องประจานยัยน้อยหน่าของพี่ไออยู่นั่นแหละ!

“เออน่ะ...นายอยากจะเลี้ยงฉันอีกเมื่อไหร่ก็ได้นี่หว่า แต่เรื่องเด็ดๆ แบบนี้มันมีแค่ตอนนี้เท่านั้น” จีรนันท์ตอบอย่างไม่คิดจะรักษาน้ำใจของปฐวี ก่อนหันไปสนใจกับการถ่ายคลิปวีดีโอที่โต๊ะของนฤมลกับชายหนุ่มหน้าตาดีต่อไป ทำเอาความน้อยใจที่สะสมอยู่ในจิตใจของคนที่เป็นได้แค่ ‘เพื่อน’ นั้นทบทวีกลายเป็นความกรุ่นโกรธ

ปฐวีลุกพรวดจากโต๊ะของตน เดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะเป้าหมายท่ามกลางความแปลกใจของจีรนันท์ที่ยังไม่ทันรู้ตัวว่าเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น

เขาเดินมาหยุดกึกตรงหน้าของหญิงสาวที่เงยหน้ามามองเขาด้วยความงุนงง

“คุณมีอะไรหรือคะ?” นฤมลถามชายแปลกหน้าที่เธอจำไม่ได้ว่าเคยพบเขามาก่อนหรือไม่ เพราะในวันหนึ่งๆ เธอต้องพบปะทั้งเพื่อนฝูงและลูกค้ามากมายจนจำหน้าค่าตากันได้ไม่หมด

ปฐวีมองนฤมลที่ตีหน้างุนงง ก่อนส่งยิ้มบาดใจเข้าตาหญิงสาวจนแก้มขาวๆ เริ่มเป็นสีอมชมพู
“ไม่ได้พบกันนานนะครับ”

“คะ?” และโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ซักถามอะไรต่อ เขาก็เริ่มทักทายชายหนุ่มนิ่งงันไปด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กัน

“อ้อ...สวัสดีครับ คุณน้อยหน่ามาทานดินเนอร์กับแฟนหรือครับเนี่ย”

“เอ่อ...” ไม่ทันที่นฤมลจะได้อ้าปากพูดอะไร ชายหนุ่มแปลกหน้าก็เริ่มตีรวนการดินเนอร์ของเธอทันที

“แต่วันก่อนไม่ใช่คนนี้นี่ครับ เอ...แล้วคนก่อนหน้านั้นไปไหนซะล่ะ?”

“นี่คุณหมายความว่ายังไง!” ชายหนุ่มคู่ดินเนอร์ของนฤมลลุกพรวดจากที่นั่ง

“อ้าว...คุณน้อยหน่าไม่ได้บอกเขาหรือครับ ว่าคุณมีแฟนอยู่แล้ว อาจจะสัก สอง ไม่สิ สาม สี่คนล่ะมั้งครับ” ปฐวีทำเป็นนับนิ้วต่อหน้าคู่กรณี จนหญิงสาว ’แสดง’ สีหน้าแดงซ่านด้วยความอับอาย แม้จะไม่เคยทำตัวแย่ขนาดที่โดนป้ายสี แต่นฤมลระลึกได้ว่าในฐานะ ‘เป็นผู้หญิงที่ดี’ ก็ควรมีอาการกระดาก

“นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!” ไม่ใช่คนถูกป้ายสีที่เป็นเดือดเป็นร้อนแต่กลับเป็นฝ่ายชายคู่ดินเนอร์ที่ลุกขึ้นโวยวาย มือหยาบดึงคอเสื้อเชิ้ตสีดำมียี่ห้อของปฐวีขึ้นอย่างแรง แถมด้วยการจ้องหน้าราวกับจะฉีกเนื้อเถือหนังของคนปากเสียให้ขาดเป็นชิ้นๆ แต่เจ้า ‘คนปากเสีย’ กลับมองตอบด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่แสดงอาการตื่นตระหนกหรือหวาดเกรงใดๆ

“ผมว่าคุณต่างหากที่ทำเกินไป ผมแค่เข้ามาทักแฟนคุณธรรมดา ทำไมต้องโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแบบคนรับความจริงไม่ได้ด้วยล่ะครับ” มีรอยยิ้มแฝงด้วยการเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมของปฐวี จนอีกฝ่ายแทบทนไม่ได้กับการท้าตีท้าต่อยทางสายตา ชายหนุ่มเงื้อหมัดขึ้นอย่างโกรธจัด

“พอเถอะค่ะพี่กันย์! ใครเขาจะว่ายังไงก็ช่างเขาเถอะค่ะ แค่พี่กันย์เข้าใจน้อยหน่าก็พอแล้ว” เสียงเล็กที่แทรกขึ้นทำเอาคนโกรธจัดลดหมัดลง ก่อนหันมองดวงหน้าใสที่ส่งสายตาอ้อนวอน

“แต่มัน...”

“อย่ามีเรื่องเลยนะคะ...น้อยหน่าอายเขา”

แล้วเหมือนดั่งต้องมนต์ แค่คำพูดสั้นๆ กลับทำให้ชายหนุ่มชื่อกันย์คลายมือออกจากปกเสื้อของปฐวีและละความโกรธลงได้ เขาเดินกลับไปนั่งที่อย่างเรียบร้อย ไม่ใส่ใจคนมาก่อกวนอีก เช่นเดียวกับนฤมลที่ทำเป็นก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไป ทิ้งให้คนที่หวังมาก่อกวนยืนเป็นส่วนเกินอยู่อย่างนั้น

ปฐวีสะบัดเสื้อเชิ้ตของตนให้เข้ารูป มองหญิงชายตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด
“เอาเถอะ วันนี้คุณรอดตัวไปเพราะแฟนคุณคนนี้กำลังตาบอดหูหนวกเลยมองอะไรไม่เห็นพูดอะไรไปก็ไม่ได้ยิน แต่จะต้องมีสักวันที่คุณพลาดตกหลุมที่ตัวเองขุดเอาไว้” ปฐวีไม่เข็ด ยืนกวนโทสะไม่เลิก จนหญิงสาวที่เคยหน้าบางเริ่มทนไม่ไหวต้องต่อต้านกลับ

“ฉันจำไม่ได้ว่าเคยขุดหลุมอะไรเอาไว้ที่ไหน แต่ถ้าจะมีใครเต็มใจมาตก...ฉันก็ไม่ขัด” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นแข็งกระด้างอย่างคนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ตาคู่โตแดงก่ำฉายแววกร้าวด้วยความโกรธจัด พร้อมกันนั้นน้ำในตาก็ถูกบังคับให้เอ่อออกมาปริ่มจะหยดด้วยความเจ็บใจ...

...เมื่อเป็นหญิง ก็ควรใช้มารยาหญิงให้ครบกระบวน...

ยามนี้ไม่ว่าใครมาเห็น ก็คงรู้ว่าเธอเป็นฝ่ายถูกกระทำย่ำยีจิตใจให้บอบช้ำ!

ปฐวีอึ้งไปเมื่อเห็นน้ำตาของเธอ เขามองคนใกล้ร้องไห้เต็มแก่อย่างประหลาดใจ...แค่นี้ก็ร้องไห้แล้ว ไม่เห็นเก่งอย่างที่จีบอกเลยนี่หว่า...?

“ไปให้พ้นๆ เลยนะคุณ พวกผมต้องการความเป็นส่วนตัว!” กันย์ที่อดทนฟังมานานเอ่ยปากไล่

ปฐวียักไหล่อย่างไม่ยี่หระ รู้สึกหมดสนุกกับเกมส์ที่ดูเหมือนว่าตัวเองจะชนะตั้งแต่เหยียบลงสนามแข่ง
“ไม่ต้องไล่ก็ไปอยู่แล้วครับ ขอให้ตบตาแฟนคนอื่นไปได้ด้วยดีนะครับคุณหนูน้อยหน่า”

คนอื่นที่ว่าหมายถึงคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ไอของยัยจี เพราะถ้าจีรนันท์ถ่ายคลิปวีดีโอทั้งหมดที่เขาถกเถียงกับแฟนหนุ่มอีกคนของนฤมลเอาไว้ได้ล่ะก็...พี่ไอคงหลุดจากบ่วงของคุณหนูน้อยหน่าได้ก็คราวนี้แหละ...

ปฐวีเดินกลับไปยังแผงกั้นไม้ฉลุที่บังสายตาของคู่ที่ถูกก่อกวนกับโต๊ะที่จีรนันท์กำลังนั่งแล้วแอบถ่ายคลิปวีดีโอเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้
“เป็นไงพอใจรึยัง?” เขาถามหญิงสาวที่ส่งยิ้มแป้นให้เขาแทนคำตอบ

“แหม...พอจงพอใจอะไรกันวีก็ ไหนดูซิมีอะไรกินบ้าง โอ้โห! กุ้งมังกรอบเนยนี่น่ากินจังเลยเนอะ” ว่าแล้วจีรนันท์ก็หันมาสนใจอาหารตรงหน้า

“อ้าว...วีนั่งลงสิ จะได้กินด้วยกัน วีอุตส่าห์เลี้ยงทั้งทีต้องกินให้คุ้มจริงไหมจ๊ะ” เธอใช้คำหวานหยอกคนที่กำลังตีหน้ายับให้ขยับยิ้มออกมาได้

คำหวานที่แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าไม่จริงจัง...แต่ทำให้เขาสุขใจขึ้นมาอย่างประหลาด

ปฐวีนั่งลงกับที่ตามคำบอกก่อนมองหน้าใสของคนที่กำลังจิ้มนู่นจิ้มนี่เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยด้วยรอยยิ้ม
ไม่ใช่มนต์ที่ทำให้ความหงุดหงิดมลายหายไป...แต่เป็นเพราะ ‘รัก’ ต่างหากที่ทำได้แม้กระทั่งสลายความกรุ่นโกรธ...




ไอศูรย์ใช้เวลาทั้งวันกับการอยู่หน้าโทรทัศน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และทุกสิบนาทีเขาจะต้องเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่เหนือโทรทัศน์ขึ้นไป จนสมจิตรนึกเป็นห่วงอาการพิกลของลูกชายขึ้นมา

“ไอขึ้นนอนเถอะลูก พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน เดี๋ยวแม่รอจีเอง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่ง่วง” เขาปฏิเสธคำเดิมกับที่บอกเธอเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว

สมจิตรเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่กำลังบอกเวลาตีสามอย่างเป็นกังวล...ไม่รู้แม่ลูกสาวตัวดีของเธอหายหัวไปที่ไหน ถึงไม่ยอมกลับบ้านตรงเวลา แถมยังปิดมือถืออีก

“เมื่อตอนหัวค่ำแม่บอกผมว่ายัยจีไปที่ฟิตเนสแถวบริษัทของน้อยหน่าใช่มั้ยครับ?” ชายหนุ่มจ้องใบหน้าผ่องแผ้วของผู้เป็นแม่อย่างจับผิด...มีอย่างที่ไหนตอนเช้าบอกว่าไม่รู้ว่ายัยจีไปไหน พอตกเย็นกลับมาบอกว่ายัยจีไปฟิตเนส...ทั้งๆ ที่ติดต่อยัยจีไม่ได้เนี่ยนะ!

“ใช่จ้ะ ก็ตอนเช้าตรู่จีจับแม่สาบานในห้องพระ แม่เลยไม่กล้าบอกไอ” สมจิตรบอกเสียงอ่อยๆ

“แล้วตอนนี้ไม่กลัวผิดคำสาบานแล้วเหรอครับ ถึงมาบอกผม” มีแววประชดประชันนิดๆ ในน้ำเสียงของพ่อลูกชาย

“กลัวสิจ๊ะ แต่แม่ทนเห็นไอกระสับกระส่ายขนาดนี้ไม่ไหว ไอห่วงน้องเกินไปนะลูก น้องน่ะโตแล้ว คนเราต้องรู้จักปล่อยวางซะบ้าง...” สมจิตรพยายามอธิบายหลักธรรมให้ชายหนุ่มฟัง ซึ่งเขาก็เข้าใจดี...เข้าใจดีทุกอย่าง...หากแต่ความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวร่วมครอบครัวมันไม่ได้หยุดแค่ ‘ห่วง’ แต่มันรวมถึง ‘หวง’ ด้วยนี่สิ!

“ครับ” ไอศูรย์ตอบรับสั้นๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ซึมซับคำสั่งสอนของผู้เป็นแม่เข้าไปในหัวใจเลยแม้แต่น้อย

“แล้วแม่สาบานอะไรกับยัยจีไว้ล่ะครับ?” เขาหารื่องคุยฆ่าเวลารอคอยแม่น้องสาวตัวแสบ

“จีบอกให้แม่พูดตามว่าถ้าผิดคำสาบานขอให้จู๊ดๆ แม่ก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้จู๊ดๆ ของจีน่ะ มันอะไร แต่แม่ท้องเสียมา 2 รอบแล้วนะเนี่ย...พูดถึงข้าศึกก็บุก แม่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ว่าแล้วสมจิตรก็วิ่งปรู๊ดขึ้นไปชั้นบนทันทีทิ้งให้ไอศูรย์มองตามหลังคนเป็นแม่ไปอย่างนึกขำ

แต่ยังไม่ทันจะได้เหยียดยิ้ม เสียงกุกกักที่ประตูหน้าบ้านก็ทำให้รอยยิ้มจางหายกลายเป็นแววเคร่งเครียดดุดันตามเดิม




“แล้วเจอกันนะ” จีรนันท์ตะโกนบอกเพื่อนร่วมทางนักสืบที่อุตส่าห์ยอมเสียสละเวลาเพื่อเธอวันนี้ทั้งวันจนเกือบจะเลยไปอีกหนึ่งวัน ไม่ใช่เพราะพวกเธอเลี้ยงฉลองกันจนดึกดื่น แต่เพราะยังไม่มั่นใจในหลักฐาน เธอเลยขอปฐวีอยู่สังเกตการณ์ต่อกับเธออีกสักพัก

และก็เป็นดังลางสังหรณ์เมื่อชายหนุ่มหน้าตาดีชื่อกันย์เปิดห้องสวีทบนโรงแรมเอาไว้ พร้อมพานฤมลหายเข้าไปตั้งแต่ตอนเที่ยงคืน และกลับกันออกมาอีกทีก็ตอนเกือบๆ ตีสามนั่นล่ะ เธอกับปฐวีถึงได้ตัดสินใจกลับบ้าน เพราะได้หลักฐานถูกใจที่มัดหัวมัดหางยัยคุณหนูน้อยหน่าเหนียวแน่นขนาดนี้

ปฐวีหันมายิ้มส่งพร้อมกับโบกมือไล่เธอเข้าบ้านไป เมื่อเห็นจีรนันท์ยืนในเขตรั้วบ้านแล้ว เขาจึงค่อยๆ ออกรถตรงดิ่งไปยังท้ายซอยกลับบ้านของตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่าที่ๆ อันตรายสำหรับจีรนันท์ตอนนี้ ไม่ใช่ข้างนอก แต่เป็นข้างในต่างหาก...

ร่างสูงยืนหลบอยู่หลังต้นมะม่วงที่ปลูกไว้หน้าบ้านในความมืด ดวงตาคมเป็นประกายวาวโรจน์กรุ่นโกรธเต็มไปด้วยความหึงหวง ยิ่งเห็นรอยยิ้มเบิกบานของจีรนันท์ เขายิ่งโมโห...หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“จี!” สียงเอ็ดดุที่ทำเอาร่างบางสะดุ้งสุดตัว ก่อนหันมาทางต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นไอศูรย์เธอจึงยิ้มออก แล้วเดินเร็วเข้ามาหา

“พี่ไอ จีมีอะไรจะให้ด้วยล่ะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ควานหาของในกระเป๋าถือทันที

ฉับพลันไหล่บางก็ถูกบีบรัดด้วยสองมือใหญ่ หน้าสวยนิ่วลงด้วยความเจ็บ
“ไปไหนมา?” น้ำเสียงดูเรียบเฉย หากแววตานั้นแลดูดุจนน่ากลัว

“พี่ไอจีเจ็บ” ร่างเล็กสะบัดตัวหวังหลุดออกจากการเกาะกุม แต่กลับถูกมือใหญ่บีบรัดแน่นขึ้นไปอีกราวกับเธอเป็นเพียงลูกไก่ตัวเล็กๆ ในกำมือ

“ไปไหนมา!” คำถามเดิม แต่ใส่อารมณ์จน ‘ลูกไก่’ นั้นตัวสั่นเทา

“สนุกมากนักใช่มั้ยที่ออกไปกับไอ้หมอนั่น มีความสุขมากนักใช่มั้ย เราเป็นผู้หญิงนะอย่าลืมสิ!” คำดุด่าที่ออกมาจากปากไอศูรย์ทำเอาจีรนันท์นึกน้อยใจที่สุด

เธอเป็นคนยังไง ทำดีแค่ไหน พี่ไอไม่เคยนึกถึงเลยใช่มั้ย...ถึงได้มัวแต่จ้องจับผิด เหมือนว่าเธอเคยเป็นผู้ร้ายที่จะต้องทำผิดซ้ำๆ ทุกครั้งไป

ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยทำ...เรื่องที่ผิด...เลยสักครั้ง...

“ใช่! จีสนุก วันนี้จีมีความสุขมากที่ได้ทำหลายๆ อย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก และที่จีทำก็เพราะจีป็นผู้หญิงที่ทำได้เพียงแค่นี้เพื่อให้คนที่เรารักมีความสุขมากที่สุด” เธอสบตาคู่โตที่เต็มไปด้วยน้ำเอ่อคลอกับตาคู่คมอย่างไม่ยอมแพ้ “จีโตแล้ว จีรู้อะไรถูกอะไรผิด จีไม่ใช่เด็กๆ ที่ต้องถูกพี่ชายมาจ้องจับผิดอีกแล้วนะ!”

ไอศูรย์ขบกรามแน่น...เขาไม่เคยนึกเลยว่าหญิงสาวที่เขาเพียรสั่งสอนและเลี้ยงดู คอยประคับประคองมาด้วยความรักจะไม่ยอมเชื่อฟังเขา เพียงเพราะคนๆ นั้น...คนที่เธอบอกว่ารักมากที่สุด...ไอ้ปฐวีนั่น!!!

มือหนาค่อยๆ คลายออกจากไหล่บาง ไอศูรย์มองใบหน้าดื้อดึงพร้อมน้ำตาของหญิงสาวด้วยแววผิดหวัง
“พี่รู้ว่าจีโตแล้ว พี่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของจี แต่พี่ไม่อยากเห็นจีทำตัวเหลวแหลกเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ สมัยนี้”

จีรนันท์เบือนหน้าหนีหลบสายตาที่จ้องมองมาพร้อมกับซ่อนความอ่อนแอของตัวเองเอาไว้
“จีไม่รู้ว่าพี่ไอมองน้องสาวคนนี้เป็นผู้หญิงประเภทไหน แต่จีไม่เคยทำตัวเหลวแหลกเหมือนใครบางคนที่พี่ไอหลงจนหัวปักหัวปำหรอก” เสียงเล็กนั้นสั่นเครือ แต่ความหมายนั้นยังชัดเจนจนไอศูรย์นึกสงสัย

“หมายถึงน้อยหน่าเหรอจี...วันนี้ไปเจอที่ไหนอีกล่ะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเอือมระอา

จีรนันท์ไม่ตอบยัดมือถือ และกล้องถ่ายรูป ไปกระแทกอกไอศูรย์ที่ต้องรีบรับเอาไว้เพราะกลัวของตก ก่อนสะบัดตัวเดินดุ่มๆ เข้าไปในบ้านทันที




ไอศูรย์มองภาพเคลื่อนไหวในมือถือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ภาพหญิงสาวบอบบางถูกชายหน้าตาดีอุ้มหายพาเข้าไปในห้องสวีทของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เหมือนคนถ่ายจงใจถ่ายเอาไว้ทุกช็อตทุกรายละเอียดจนหาทางรอดยาก แม้กระทั่งใบหน้าของพยานที่เดินผ่านไปมา หรือแม้แต่บริกรหนุ่มที่เข้าไปเสิร์ฟอาหารออกมายังถูกสัมภาษณ์ถึงสภาพคนข้างในที่ระบุชัดลงไปได้ว่า...เป็นคนรักกัน 100%

เขากดโทรศัพท์ตรงไปหาเป้าหมายทันที พร้อมกันนั้นสายตายังคงมองไปที่รูปกอดก่ายประคองกันของหญิงชายคู่เดิมในกล้องถ่ายรูปดิจิตอลของจีรนันท์

“นฤมลพูดค่ะ”

“เฮ้ย! ไอ้นพแกผิดสัญญานี่หว่า” ไอศูรย์รีบต่อว่าปลายสายทันที

“หยาบคายว่ะใครให้เรียกชื่อเก่า กรุณาเรียกชื่ออันไพเราะของฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะวางแล้ว” เมื่อโดนเสียงห้าวแหวใส่ไอศูรย์ก็ทำใจเรียกชื่อเพื่อนชายในคราบหญิงสาวสวยดุจนางฟ้า

“เออๆ ไอ้น้อยหน่า แกสัญญากับฉันว่าจะไม่มีแฟนนี่นา...”

“พูดจาควายๆ อย่างนี้ได้ไงฮะ คุณไอขา...เรื่องหัวใจมันไม่เข้าใครออกใครหรอกโว๊ย! แล้วพี่กันย์เขาก็เป็นคนแรกที่ยอมรับเรื่องที่ฉันเป็นแบบนี้ด้วย คนอื่นคบกันได้แป๊บเดียว พอรู้ความจริงก็หนีหายไปหมด โชคดียังมีเงินอุดปากพวกมันไป ไม่งั้นได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์แน่ๆ เห็นใจกันหน่อยสิวะ อุตส่าห์ไปทำถึงอเมริกามาปล่อยไว้ก็เสียดายของแย่...” นฤมลบ่นยาวเหยียดเป็นกิโล

ไอศูรย์พ่นลมหายใจอย่างหนักใจ...นฤมลหรือชื่อจริงคือ นายนพดล เป็นบุตรชายคนสุดท้องของนักธุรกิจชาวจีนที่แสนร่ำรวย และเป็นเพื่อนสนิทร่วมคณะเดียวกันกับเขาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันและสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ตอนปีหนึ่งมันก็ทำทีเป็นตีซี้วางมาดแมนชวนเล่นกีฬาจนกลายเป็นเพื่อนสนิทที่รักใคร่กันดี แต่พอขึ้นปีสามหลังจากปิดเทอมไป 3 เดือน นพดลก็กลับมาในสภาพ นฤมล อย่างที่เห็น

“ตกลงแกจะไม่เป็นแฟนกับฉันแล้วใช่มั้ย?” ไอศูรย์ถามเพื่อนสนิทที่เงียบไปนิดเหมือนกำลังใช้ความคิด

“...ก็อยากอยู่ แต่แกไม่ยอมเข้ามาอยู่ชมรมนิยมไม้ป่าเดียวกันนี่หว่า” เหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังตามมา ไอศูรย์นึกอยากปาโทรศัพท์ใส่หน้าคนพูด ติดอยู่ที่ว่า...มันไม่ได้อยู่ที่นี่

“เออ! รู้ก็ดีแล้ว แค่นี้นะ”

“เดี๋ยว! เดี๋ยวสิดาร์ลิ้ง”

“อะไรอีกล่ะ!”

“ฉันรู้น้า ว่าที่แกต้องโทรมาหาฉันเพราะแม่ยอดยาหยีของแกทำพิษอีกแล้วใช่มั้ยล่ะ เห็นด้อมๆ มองๆ แอบถ่ายพวกฉันอยู่ที่โรงแรม แถมยังควงหนุ่มหล่อไปด้วย เอ...ว่าแต่พ่อหนุ่มคนนั้น เป็นใครชื่ออะไรน้า...น่ารักเป็นบ้าเลย” นฤมลรำพึงรำพัน

“ถามทำไม?”

“อ่ะแหมแกก็ นานๆ จะมีหนุ่มหล่อมาหาเรื่องจีบ...มันก็นะ...ฮิ ฮิ”

“พูดเป็นเล่น!” มีแววตกใจในน้ำเสียงจนหญิงสาว (เทียม) นึกเคือง

“ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ เรารึอุตส่าห์ยอมทนเป็นแฟนให้ตั้งนาน ตอบแทนกันแค่นี้ก็ไม่ได้ เชอะ!”

“เอ่อ ก็ได้ๆ...คือ เท่าที่รู้ชื่อปฐวี นามสกุลไม่รู้ เป็นลูกเศรษฐีท้ายซอย พวกไฮโซเหมือนกันน่าจะรู้จักกันไม่ใช่เหรอ”

“ช่วงนี้ฉันงานยุ่งๆ ไม่ค่อยได้ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ไหนหรอก แต่น่ารักจริงๆ นะ” ยิ่งฟังคำชมจากปากเพื่อนสนิท ยิ่งทำให้ไอศูรย์รู้สึกหมั่นไส้ ‘ไอ้คนน่ารัก’ ขึ้นมาตะหงิดๆ...เหอะ มีแต่คนรุมรัก!

“จริงสิ แกออกมาจากโรงแรมมากี่โมง?” ไอศูรย์รีบถามสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจเขามากที่สุด

“เอ...อืม ราวๆ ตีสามมั้ง?” แม้จะเป็นคำตอบแบบไม่มั่นใจ แต่ก็ยกภูเขาหนักอึ้งที่ทับหัวใจเขาจนบี้แบนออกไปได้ทั้งหมด...จีไม่ได้ทำตัวเหลวไหล

“ค่อยยังชั่ว” เสียงบ่นกับตัวเองแต่ดังเข้าไปในหูอีกฝ่ายได้ไม่ยาก ในเมื่อเขาพึมพำอยู่ในสาย ทำเอาเพื่อนสนิทรู้ทัน

“ไอ้ไอ...แกก็หาแฟนจริงๆ จังๆ เอาไว้ควงสักคนสิว้า จะมัวพึ่งเพื่อนที่เสน่ห์แรงอย่างฉันทำไม เอาใครก็ได้...แกจะได้เปลี่ยนใจจากน้องสาวตัวเองสักที ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้เดี๋ยวก็ได้ช้ำใจตายพอดี แกบอกฉันเองไม่ใช่หรือไงว่าหม่อมแม่แกมัวแต่หาศรีภรรยาให้ แถมน้องสาวของแกยังไม่มีท่าทีว่าจะปิ๊งปั๊งกับแกเลย ฉันว่ายังไงคนบ้านนั้นก็คงมองแกเป็นลูก เป็นพี่จริงๆ”

ไอศูรย์คิดตามที่เพื่อนสาวบอก...เหมือนจะง่าย แต่ถ้าง่ายจริง เขาคงทำได้ตั้งนานมาแล้ว ไม่ต้องทนขอร้องเพื่อนที่ไม่รักษาสัญญาอย่างนี้หรอก

เพราะแม่คอยแต่ทวงถามหาแฟนหาภรรยาให้เขาตลอดเวลา เขาเลยต้องใช้นฤมลมาบังหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการสานสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นที่แม่พยายามจับคู่ให้ และมันก็เป็นไปได้ด้วยดีมาตลอดสองปีกับสามเดือน

แต่จากนี้ไปล่ะ...เขาจะทำยังไง...

ฝ่ายนฤมลเห็นเพื่อนรักเงียบไปนานก็รู้ใจว่าคนจริงจังกับทุกๆ เรื่องอย่างไอศูรย์คงเที่ยวไปหลอกผู้หญิงมาคบด้วยเพื่อผลประโยชน์ไม่ได้แน่ๆ

ในเมื่อเขาปักใจกับใครแล้ว คงจะยากที่จะถอนต้นรักของเขาขึ้นมา...

“เอางี้ เดี๋ยวส่งตัวแทนไปให้”

“หา?”

“รับรองรายนี้เจ๋งสุด ทั้งสวย เก่ง ฉลาด ครบสูตร แถมเป็นหญิงชัวร์ๆ ไม่มั่วนิ่ม แล้วถ้าเปลี่ยนใจจะคบแล้วคบเลยก็ได้ไม่มีปัญหาเพราะยังโสดสนิท น้อยหน่าขอเอาตัวเป็นประกันการันตีคุณภาพเลยเอ้า!”

“เฮ้ย!” กว่าจะหลุดอุทานออกมาได้ เพื่อนซี้แสนรู้ก็ชิงตัดสายโทรศัพท์ไปเสียแล้ว ทิ้งไอศูรย์ให้นิ่งค้างไปนานนับนาที

เขาไม่เคยคิดเรื่องจะใช้ผู้หญิงจริงๆ มาทำหน้าที่นี้แทนนฤมลเพื่อนรัก
เพราะไม่เคยคิดจะแบ่งใจให้คนอื่น...ไม่แม้แต่เศษเสี้ยว ความปรารถนาดี...

สำหรับเขา คนอื่นก็คือคนอื่นอยู่วันยังค่ำ...คนอื่นที่ไม่เคยได้รับรู้ความทุกข์ยากที่ผ่านมาของเขา...ถึงรู้ก็ไม่เคยเข้าใจ...

แต่จีรนันท์เป็นคนเดียว...คนเดียวที่อยู่เคียงข้างและเข้าใจเขาทุกอย่าง...แล้วจะให้เขาไปรักคนอื่นนอกจากเธอได้อย่างไร...

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊งงง!!! เสียงโทรศัพท์มือถือแผดลั่นจนเจ้าของต้องก้มลงมองมันด้วยความสงสัย
ดึกดื่นป่านนี้ยังมีใครโทรมาอีก?

“ครับ” เขากดรับสาย

“พรุ่งนี้ 10 โมงคุณว่างไหม” เสียงหวานปลายสายทำเอาคิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากัน

“สงสัยคุณจะโทรผิดแล้วล่ะครับ”

“เฮ้ย! นี่ยัยน้อยหน่ามันให้เบอร์ฉันผิดหรือเนี่ย ขอโทษนะ” น้ำเสียงใสนั้นตื่นตะหนกรีบขอโทษขอโพยเขายกใหญ่

“คุณว่าใครให้เบอร์คุณมานะครับ?”

“อ๋อ...เพื่อนน่ะ พอดีมันบอกว่าโทรไปเบอร์นี้แล้วจะได้งาน”

“เพื่อน? ชื่ออะไรหรือครับ”

“น้อยหน่า”

“งั้นคงใช่แล้วล่ะครับ พอดีผมเห็นเบอร์ไม่คุ้นก็เลย...” แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงใสนั้นก็แทรกขึ้นทันที

“พอดีฉันไม่สะดวกคุยตอนนี้ เอาเป็นว่าเจอกันพรุ่งนี้ที่ร้านใบชา ตอน 10 โมงก็แล้วกัน” ว่าจบเจ้าของเสียงหวานก็ตัดสายไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับเจ้าเพื่อนยาก จนคนรับสายได้แต่เกาศีรษะด้วยความงุนงง
++++++++++++++++++++++++

ตอนต่อไปอัพวันพฤหัสนะคะ



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2551
0 comments
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 16:36:14 น.
Counter : 202 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


kakanan
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอความกรุณา
อย่านำภาพถ่าย, บทความ,
งานเขียน รวมถึงข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด
ใน Blog แห่งนี้ ไปใช้เผยแพร่
ไม่ว่าส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์
ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรนะคะ

Friends' blogs
[Add kakanan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.