โลกของคคนานต์
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Private Love ตอนที่ 6

-6-



มันเช้าแล้ว...

ไม้หอมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเมื่อคืน เธอปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากการขับไล่ ‘ไอ้ตัวกวนประสาท’ ออกจากม่านตา

แทบไม่ได้นอน...

เธออดที่จะเกลียดมันไม่ได้ นอกจากมันจะทำลายสุขภาพเธอทางอ้อมด้วยการทำให้อดหลับอดนอนแล้ว มันอาจทำให้จอประสาทรับภาพเสียหายด้วยการแล่นผ่านไปมาอย่างไม่เกรงใจ ตามหลอกหลอนกันไม่ได้หยุด

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณครูไม้หอม” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยดังขึ้นใกล้ๆ

ไม้หอมหันไปมองเด็กหนุ่มร่างสูงแต่ค่อนข้างผอมสำหรับวัยเจริญเติบโตราวสี่ห้าคนที่จ้องหน้าเธอไม่วางตา
“ไม่จ้ะ ครูสบายดี มาหาครูแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า?”

“พวกผมมาเบิกค่าเทอมของเดือนนี้ครับ ครูประจำชั้นบอกให้จ่ายภายในเช้าวันนี้”

“อ้าว...แล้วครูดาล่ะ ครูเขารับผิดชอบค่าเทอมเดือนนี้ไม่ใช่เหรอ?”

เด็กชายสีหน้าเจื่อนไปนิดก่อนส่ายหน้า “ครูดายังไม่มาโรงเรียนเลยครับ”

“เหรอ” ไม้หอมพยักหน้าเข้าใจ แล้วคว้ากระเป๋าถือสีตุ่นๆ ของตัวเองขึ้นมาควานหาเงินที่เธอคิดว่ามันน่าจะกองรวมกันอยู่มุมใดมุมหนึ่งของกระเป๋า

หลังจากค้นกระเป๋าตัวเองไปหลายรอบแล้วพักใหญ่ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเด็กชายที่จ้องเธอตาแป๋ว
“เอ่อ...ค่าเทอมของพวกเธอ มันเท่าไหร่นะ?”




เธอก็พอมีเงินนะ แต่มันไม่พอที่จะจ่ายค่าอาหารให้เด็กๆ เท่านั้นเอง...ไม้หอมจึงจำต้องไปพบครูประจำชั้นของเด็กที่เธอรับผิดชอบอยู่อย่างหลีกหนีไม่ได้

แค่เห็นดวงตาคู่ดำที่มีแววตากะพริบวิบวาวยามที่จับจ้องมาที่เธอแล้ว ไม้หอมแทบกลั้นหายใจ

“ขอบคุณครูชลมากนะคะ ที่ให้โอกาสดิฉัน” ว่าแล้วเธอก็ยิ้มใส่ตาอีกฝ่ายอย่างที่มองดูแล้วเสแสร้งเป็นที่สุด หากคงเพราะมีอะไรบังตาให้ครูหนุ่มใหญ่อย่างชลทิศมองไม่เห็นอาการที่ว่านั่น เขาจึงได้แต่ยิ้มกลับมาให้ในแบบที่เรียกว่า ‘หวานชวนเลี่ยน’

“ครูไม้หอมอุตส่าห์มาขอร้องทั้งที ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ต้องเข้าใจล่ะครับว่าถึงทางโรงเรียนจะอนุโลมให้ผ่อนชำระเป็นรายเดือนได้ แต่ก็ต้องจ่ายตามกำหนด ผมรู้ว่าครูเหนื่อยที่ต้องหาทุนมาให้เด็กจนๆ พวกนั้น ก็ว่าไม่ได้ล่ะครับเด็กไม่มีพ่อมีแม่ แถมทำบุญมาน้อยหัวสมองเลยมีแต่ขี้เลื่อย เรียนเกือบซ่อมเกือบตก แล้วใครที่ไหนจะกล้าให้ทุนจริงไหมครับ เลยต้องเหนื่อยคนใจดีอย่างครูไม้หอม ผมเห็นใจนะครับ” ชลทิศแสดงท่าทีเห็นอกเห็นใจด้วยการเอื้อมมือมาสัมผัสหลังมือเธอ ก่อนลูบไล้ไปมาเบาๆ

ถ้าไม่ติดที่ว่า เขาอุตส่าห์ให้เวลาเธอถ่อสังขารไปหาเงินแปดพันบาทมาให้ได้ภายใน ‘วันนี้’ แทนที่จะเป็น ‘เช้านี้’ เธอจะกระโดดเตะก้านคอแล้วมอบท่าหนุมานถวายแหวนเป็นของตอบแทน

เกลียดนักเชียว ไอ้พวกชีกอใจแคบปากสุนัขแบบนี้!

แต่เพราะอยู่ในหน้าที่การงาน ที่ควรเคารพผู้ร่วมงานที่อาวุโสกว่า ไม้หอมจึงค่อยๆ ดึงมือออกอย่างสุภาพที่สุดอย่างที่อีกฝ่ายไม่มีทางรู้ได้เลยว่า รังเกียจ!

เธอยิ้มแล้วประนมมือไหว้ “ขอบคุณครูชลมากนะคะ” ไม่ลืมทิ้งสายตาหวานๆ ส่งท้าย ในขณะที่คิดจินตนาการไปไกลแล้วว่าได้กระทืบคนตรงหน้าซ้ำจนตัวงอเป็นกุ้งสะดุ้งน้ำร้อน...

แค่คิดก็ยังดี...จะได้ไม่ต้องรู้สึกว่าเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว

ในสังคมที่ต้องสวมหน้ากากเข้าหากัน ไม้หอมระลึกไว้เสมอว่า ‘คนที่อดทนมากกว่าคือผู้ที่ยืนอยู่ในจุดที่ต้องการได้นานที่สุด’

เธอทำ...แม้จะรู้สึกขัดกับความคิดโดยสิ้นเชิง

หากมันจะทำให้ เด็กๆ ของเธอมีโอกาสเติบโตโดยที่ไม่ขาดแคลนสิ่งจำเป็นมากเกินไปนัก...

และเธอไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำคือการมารยาหรือเสแสร้ง แต่เป็นการเอาตัวรอดมากกว่า

“แหม...ผมเห็นใจจริงๆ นะ แต่ต้องเข้าใจนะครับว่ากฎก็ต้องเป็นกฎ จ่ายเงินไม่ครบก็ไม่มีสิทธิ์เรียน ถ้าครูหาไม่ทันยังไง เย็นนี้...ผมว่างนะ” เขาละคำพูดไว้อย่างที่คิดว่าไม้หอมจะเข้าใจ

ใช่...เธอเข้าใจ แต่จะแกล้งไม่เข้าใจ...
“ครูชลว่างไปหาเงินเป็นเพื่อนดิฉันหรือคะ!” ไม้หอมทำสุ้มเสียงแปลกใจพร้อมเบิกตาคู่โตใสได้อย่างแนบเนียน

“เฮ้ย! ไม่ใช่ครับ ผม...” ไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดมากจนเธอเข้าใจไปมากกว่าเดิม ไม้หอมก็รีบเอ่ยแทรกทันที

“ล้อเล่นค่ะ ดิฉันคงไม่กล้ารบกวนครูชลมากไปกว่านี้แล้ว แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ได้เวลาสอนแล้ว ดิฉันขอตัวเลยแล้วกัน” เธอรีบยกมือไหว้เขาเร็วๆ อีกครั้ง ก่อนลุกเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ชลทิศมองตามหลังร่างสูงแบบบางไปด้วยความเสียดาย...




“อะไรนะดา!”

กว่าเธอจะพบ ‘ตัวการ’ ที่ทำให้เธอต้องไปพบกับ ‘ตัวอันตราย’ ก็บ่ายเกือบเลิกเรียนพร้อมข่าวร้ายที่เธออยากจะนึกว่าฝันไป...

“ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วไม้หอม ฉันว่าเราลองไปขอร้องครูชลดีไหม บางทีแกอาจใจดีให้เราหยิบยืมบ้างก็ได้” ตัวการที่ว่าตีสีหน้าน่าสงสารให้เธอเห็นใจโดยเฉพาะดวงตาแดงก่ำที่ออกคล้ำๆ ม่วงๆ รอบเบ้าตานั่น

“จะบ้าเรอะ! ถ้าคนเขาจะใจดีให้ยืม ฉันคงไม่ต้องมารอแกทั้งวันแบบนี้หรอก แล้วนี่ไปทำอีท่าไหนถึงโดนแท็กซี่มันปล้นเอาตอนเช้าตรู่ได้ล่ะเนี่ย!”

ดารณสูดลมหายใจสั่นๆ เข้าท้องไปก่อนตอบ “ก็ไม่ได้ทำอีท่าไหนหรอกไม้หอม เราทำกระเป๋าตกน้ำ ตอนขึ้นไปนั่งบนแท็กซี่เราเห็นว่าแอร์มันเย็นดี เลยเอาเงินเปียกน้ำออกมาผึ่งบนเบาะเพื่อว่ามันจะแห้งเร็ว ที่ไหนได้...มันเห็นเรามีเงินมากหน่อย ก็เอามีดออกมาจี้เราเลย พอเราไม่ให้มันก็ชกเปรี้ยงเข้าที่นี่ ดีนะที่ตาเราไม่บอด” ว่าจบก็ปล่อยโฮ ร้องไห้สะอื้นตัวโยน

เธอผิดเอง...

ไม้หอมกรอกตาคู่สวยเหลือกขึ้นข้างบนคล้ายอยากตัดพ้อเทวดา แต่เพราะเป็นคนยึดถือเหตุผลมากกว่าจะไปโทษสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์ เธอเลยไม่คิดต่อว่าใครให้เสียเวลา

“เอาเถอะดา ฉันผิดเองที่ให้คนอย่างแกเก็บเงินไว้กับตัว”

“แกไม่ต้องมาประชดเราเลยนะ คนล้มยังมาซ้ำเติมกันอยู่ได้ ก็รู้ตัวนะว่าเราเป็นคนซุ่มซ่าม แต่ถ้าไม่มีคนใจบาปอยู่บนโลก มันก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอก”

คงจะเป็นไปได้นะนั่น...ไม้หอมมองเพื่อนสาวอย่างปลงๆ ทำนบเขื่อนกั้นน้ำตาพังลงมาอีกหนจนเธอแทบอยากจ้างวิศวกรมาก่ออิฐฉาบปูนปิดเขื่อนแห่งนี้เป็นการถาวรเสียจริงๆ
มีอย่างที่ไหน...ร้องไห้ได้วันละหลายสิบรอบ!

แต่ถึงจะรำคาญในความซุ่มซ่ามที่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวของครูสาว ไม้หอมก็เคารพในน้ำใจของเธอ...ไม่มีครูคนไหนทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยเธอดูแลเด็กๆ อย่างเต็มที่เหมือนดารณ...

“แล้วเราจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายดีล่ะไม้หอม” คนเพิ่งหยุดสะอื้นเงยหน้าขึ้นมาถาม

ไม้หอมก้มลงมองใบหน้าฉงนของเพื่อนสาวด้วยสายตาดุๆ “เอามือถือแกมา”




รถยนต์สีดำค่อยๆ เคลื่อนผ่านประตูโรงเรียนอย่างช้าๆ ก่อนจอดนิ่งสนิทใกล้กับป้อมยามด้านหน้า ไม่นานนักชายหนุ่มเจ้าของรถ ก็ก้าวออกมาด้วยท่าทางสุขุมอย่างที่คนมองอดนึกชื่นชมในความโดดเด่นแม้จะอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีพื้นๆ ธรรมดาแบบพนักงานบริษัททั่วไปไม่ได้

นัยน์ตาสีดำสนิทกราดหาเป้าหมายครู่ใหญ่ ก่อนจะสังเกตเห็นร่างบางที่กำลังวิ่งตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว

“คุณไอศูรย์” ไม้หอมทักเขาด้วยรอยยิ้มที่ไอศูรย์มั่นใจว่าเพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก “ไม่นึกว่าคุณจะยอมมาจริงๆ”

คิ้วหนาขยับเข้าหากันน้อยๆ เมื่อได้ฟังคำทักของหญิงสาว
“ก็คุณโทรไปขู่ผมถึงที่ทำงาน”

“คิดอกุศลจริงๆ เลย ใครเขาโทรไปขู่คุณ แล้วที่ฉันต้องโทรไปที่ทำงานเพราะยัยน้อยหน่ามันให้เบอร์ที่ทำงานมาต่างหาก”

“แล้วที่บอกว่า ถ้าผมไม่มา เย็นนี้ยกเลิกนัดนั่นล่ะ”

“ฉันมีธุระ ถ้าคุณไม่มา...ฉันก็ไม่ว่างไปทำงานให้คุณอยู่ดี แต่นี่มันก็สามโมงกว่าๆ แล้ว ใกล้เวลาที่คุณจะเลิกงานมารับฉันพอดี คงไม่รบกวนอะไรมากนะ ” เธอโคลงไหล่อย่างไม่ยี่หระกับความทุกข์ที่กำลังลามขึ้นหน้าคมของคู่สนทนาจนมันกลายเป็นเคร่งเครียดในพริบตา

“หมายความว่าเย็นนี้คุณไม่ว่างจะไปกับผม”

“มันก็ไม่แน่หรอกคุณ ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน” คำบอกของไม้หอมไม่ได้ช่วยให้ไอศูรย์เบาใจ

“แล้วตกลงมีอะไร?” คนหน้าเครียดถามเสียงต่ำพลางกอดอก

ไม้หอมมีท่าทางลังเลเล็กน้อย ก่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เอามือป้องปาก กระซิบถามเขาเบาๆ “เอ่อ...ตอนนี้คุณมีเงินเท่าไหร่ ขอเบิกล่วงหน้าก่อนได้ไหม”

ไม่มีแววแปลกใจบนใบหน้าเคร่งขรึมของชายหนุ่ม อาจเพราะเขาเดาได้ตั้งแต่ต้นว่าผู้ช่วยที่นฤมลส่งมาให้ใกล้เคียงกับโจรดีๆ นี่เอง แม้จะไม่ชักปืนออกมาแล้วขู่ว่า ‘มีเท่าไหร่เอามาให้หมด’ ก็เถอะ...

“ถ้าไม่ได้ เย็นนี้ฉันก็คงไปกับคุณไม่ได้”

นั่นไงล่ะ...ขู่เขาจริงๆ ด้วย
แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ต้องเผชิญแล้ว...

ชายหนุ่มผ่อนหายใจเบาๆ “ใช้บัตรเครดิตได้ไหม?” คำถามที่ทำเอาไม้หอมอ้าปากค้างอย่างไม่คิดว่าเขาจะยอมให้ง่ายๆ แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงที่เริ่มจะคุ้นหูของใครบางคนก็ดังขึ้น

“เฮ้! ไอ”

คนทั้งสองเบือนสายตาไปยังต้นเสียง ผมสีแดงสะท้อนแสบลูกตาของคนมาใหม่ทำให้ไม้หอมถอยหลังไปหลายก้าวอย่างลืมตัว

“อ้าว คุณหอมสวัสดีครับ” เวหาแสร้งทำเป็นเพิ่งเห็นเธอ ก่อนยกมือไหว้ไม้หอมด้วยท่าทางนอบน้อม จนคนรับไหว้สะดุ้งโหยง

“มาไหว้ฉันทำไม!”

“ผมหวัดดีคุณครูคร้าบ” เขายักคิ้วล้อเลียนเธอหนึ่งที

“นาย!” ดวงหน้าใสขึ้นสีด้วยความโกรธ ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อหาทางโต้กลับ ‘เด็กกวนประสาท’ ตรงหน้าไม่ออก

ให้ตายสิ...ยักคิ้วใส่ตาเธอทั้งคืนแล้ว ยังมายักใส่หน้าเธออีก ถ้าเขาทำมันอีกครั้งเดียว...อย่าหวังว่าจะได้มีเจ้าเครื่องกวนประสาทเธอกลับบ้านไปอย่างสมประกอบอีกเลย!
ไม้หอมจ้องคิ้วหนาๆ บนหน้าคมคายอย่างมาดหมาย

แต่ไม่รู้เพราะโชคช่วยหรือสัญชาตญาณบอก พอเห็นดวงตาคู่สวยส่งประกายแปลกๆ เวหาก็รีบถอนตัวหันไปพูดกับเพื่อนซี้ทันที

“ฉันไปหาแกที่บริษัท คุณเลขาฯ บอกว่าแกมาที่นี่ แล้ววานฉันเอาเอกสารนี่มาให้ด้วย” เวหายัดซองสีน้ำตาลใส่มือเพื่อนที่ยกคิ้วหนาขึ้นอย่างนึกสงสัยในพฤติกรรมประหลาด อยู่ดีๆ มาทำตัวเป็นแมสเซนเจอร์ประจำตัวเขาซะอย่างนั้น...

“ขอบใจ” ไอศูรย์บอกอย่างเสียไม่ได้ กวาดสายตาผ่านเอกสารในซอง...ก็ไม่ใช่งานด่วนอะไรเท่าไหร่จะรีบร้อนเอามาให้ทำไม...น่าสงสัย...

แต่รอยยิ้มใสซื่อดูเป็นกันเองที่เคลือบอยู่บนใบหน้าแป้นแล้นของเวหา ก็ทำให้ไอศูรย์ติดใจสงสัยในความหวังดีของเพื่อนไม่ลง

“แล้วตกลงใช้บัตรเครดิตได้หรือเปล่าครับ?” เขาหันไปถามไม้หอมที่ยืนอยู่ห่างๆ อย่างระแวดระวังอะไรบางอย่าง พอถูกทักร่างบางก็สะดุ้งน้อยๆ หันมามองคนถามงงๆ

“คะ?”

“เงินที่คุณต้องการ...จ่ายเป็นบัตรเครดิตได้ไหมครับ” ไอศูรย์ถามซ้ำทำเอาไม้หอมนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องจัดการก่อนที่โรงเรียนจะเลิก

“ตอนนี้คุณมีเงินสดติดตัวเท่าไหร่?”

“สามพัน”

“แค่สามพันเองเหรอ” หญิงสาวรำพึง ขมวดคิ้วบางเข้าหากันอย่างเคร่งเครียด เหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่จวนเจียนเวลาเต็มที

ไม่ทันแล้ว...
ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนซีดสีลงถนัดตา...เธอเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อเด็กๆ ได้
ไม่สิ ทำได้แต่เธอไม่อยากทำ...
ไม่อยากใช้วิธีที่ไม่ถูกต้อง...เพื่อเงิน
แต่ใครจะไปรู้ ว่าทิฐิของเธอจะทำให้เด็กๆ ต้องเสียโอกาสนี้ไป...ไม้หอมนึกโทษตัวเอง

“โอ๊ะโอ...พูดเรื่องอะไรกันครับเนี่ย เงินอะไรที่ไหนเหรอครับ” จู่ๆ คน (อยาก) สอดรู้เรื่องชาวบ้านก็ลอยหน้าผ่านมาในคลองจักษุของเธอ

ทันที่ที่คิดอะไรได้ มือเรียวก็คว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของคนที่เยี่ยมหน้าเข้ามาอย่างลืมเกรงราวกับไม่ต้องการให้โอกาสสุดท้ายตรงหน้าหลุดลอยไป

นัยน์ตาคู่สวยจ้องตาคู่คมเขม็ง แลดูจริงจังและดุดันในคราเดียวกัน จนแม้แต่คนที่ปั้นหน้าทะเล้นต้องยิ้มเจื่อน
ก็ใครใช้ให้ตาคู่สวยมีอำนาจขนาดนี้ล่ะ...

“นายมีเงินเท่าไหร่”

เวหาอ้ำอึ้ง อ้อมแอ้มตอบ “กะ...ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่รวมๆ ในธนาคารบวกกับบ้านและที่ดินก็...” เขาพยายามคำนวณ แต่กลับถูกสวนด้วยวาจาเชือดเฉือน

“ใครสนไม่ทราบว่านายรวยขนาดไหน ตอนนี้มีเงินเท่าไหร่ส่งมาให้หมด!” ไม้หอมโพล่งออกมาอย่างลืมตัว

ว่าแล้วเชียว...

โจรดีๆ นี่เอง...ไอศูรย์ที่ยืนมองอยู่อย่างสงบนึกสรุป





คงเป็นความโชคดีที่ทั้งเนื้อทั้งตัวของนายเวหามีเงินสดราวสี่พันกว่าๆ รวมกับเศษเงินในกระเป๋าของเธอ และของไอศูรย์เลยครบตามจำนวนที่ต้องการพอดี ไม้หอมรีบไปจัดการจ่ายเงินค่าเทอมของเด็กๆ กับครูชลทิศที่กำลังเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน ครูหนุ่มใหญ่มีท่าทางแปลกใจเล็กน้อย กับเงินที่มีทั้งแบงค์พันใหม่เอี่ยมราวเพิ่งไหลออกจากแท่นพิมพ์กับเศษเหรียญเล็กเหรียญน้อยทั้งเก่าทั้งใหม่ปะปนกันไป แต่อย่างไรมันก็ครบแปดพันบาทไม่ขาดไม่เกิน

“ครูไม้หอมไปหยิบยืมใครมาครับเนี่ย ระวังพวกนอกระบบนะครับ ผมเป็นห่วง” ชลทิศแสดงท่าทีเห็นอกเห็นใจพอเป็นพิธี

ไม้หอมฉีกยิ้มอย่างนึกมันเขี้ยว “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ พอดีคนรู้จักกันให้มา”

“คนรู้จัก? แฟนหรือครับ” ว่าแล้วก็กลั้วหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้าเบาๆ เหมือนนึกขันสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป

“ค่ะ”

“ฮะแฟน! คนอย่างครูไม้หอมมีแฟนได้ยังไงครับ?!” คำอุทานที่ทำให้คนฟังร่ำๆ อยากกระโดดกัดคอคนพูด โชคดีที่เธอไม่มีเขี้ยวยาวอย่างท่านเคาน์แดร็กคิวล่า ถึงไม่กระหายสูบเลือดจากคนตรงหน้านัก

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ ดิฉันไม่ได้ผิดปกติตรงไหนสักหน่อย”

“กะ ก็ไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอกครับ...แค่เห็นครูไม่ค่อยสนใจ...”

“คะ?” เธอยังคงแกล้งโง่ต่อไป ดวงตาคู่สวยมีแววสงสัยแฝงประกายความน่าเกรงขาม จนคนถูกมองไม่กล้าพูดสิ่งที่คิดออกมา

“ผะ...ผมเห็นครูไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้น่ะครับ เห็นครูสาวๆ คนอื่นชอบเม้าท์เรื่องแบบนี้กัน ไม่เห็นครูไม้หอมร่วมวงกับเขาสักที” ว่าแล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อน ก่อนจัดการเขียนใบเสร็จให้ไม้หอมที่ยังคงค้างใบหน้าเปื้อนยิ้มเอาไว้ได้ด้วยความอดทน...




“คุณตั้งมูลนิธิหรือครับ?” เป็นคำถามที่ดังขึ้นหลังจากที่เธอเอาเงินเขาไปจัดการสะสางเรื่องค่าเทอมเด็กๆ เป็นที่เรียบร้อยและตกลงไป ‘ทำงาน’ ตามที่นัดกันไว้

“เปล่าหรอกค่ะ เป็นแค่กลุ่มครูที่อยากจะช่วยจุนเจือลูกศิษย์ที่ด้อยโอกาสขาดแคลนทุนทรัพย์ทางการศึกษา”

“ดีนะครับ” ไอศูรย์เอ่ยเรียบๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป ก่อนเหลือบมองกระจกที่ปรากฏหน้าตาระรื่นของคนที่ขอติดรถมาด้วย

ไม้หอมหันไปมองเสี้ยวหน้าคมคายของคนที่กำลังให้ความสนใจอยู่กับถนนเบื้องหน้ามากกว่าจะสนใจค้นหาคำตอบที่เขาถามเอาไว้...ผิดกับใครบางคน!

“แล้วทำไมเงินทุนมันร่อยหรอขนาดนี้เลยล่ะครับคุณครู” หน้าระรื่นของใครบางคนที่ว่ายื่นมาพิงเบาะคนขับ จ้องเธอเขม็งด้วยนัยน์ตาเป็นประกายราวกับเด็กวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น

“ก็พอดีมันเกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะค่ะ แล้วตอนนี้กลุ่มครูที่อยากจะช่วยเหลือเด็กๆ ก็ลดลงเหลือไม่กี่คน”

“ไม่กี่คนแล้วมันกี่คนอ่ะครับ”

“สิบ...ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เหลือแค่สองหรือเปล่า”

“สอง...งี้ก็มีแค่ครูหอมกับเพื่อนครูหอมน่ะสิ!”

“ก็คงแบบนั้นล่ะค่ะ” ไม้หอมผ่อนหายใจเบาๆ เมื่อคิดถึงตอนเริ่มเข้าร่วมกลุ่ม ‘ครูช่วยนักเรียน’...คนที่ตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาไม่ใช่พวกเธอหรอก เธอแค่เข้าร่วมในฐานะครูคนหนึ่งของโรงเรียน แต่ไปๆ มาๆ กลับไม่มีใครรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองสร้างขึ้นมาเลยสักคนเดียว พวกเขาทิ้งภาระและหน้าที่ให้เธอกับดารณซึ่งเป็นครูจบใหม่จัดการทุกอย่าง คล้ายต้องการเพียงแค่ชื่อที่ประดับไว้ในกระดาษว่า...มีส่วนช่วยเหลือสังคม...

“แล้วคนนอกอย่างผมเข้าร่วมได้หรือเปล่าครับ?” อยู่ๆ คนที่ไม้หอมแอบนินทาในใจว่าไม่สนใจอะไรก็ถามขึ้น “ผมอยากมีส่วนช่วยเหลือเด็กๆ บ้าง มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับ” เธอไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของเขามากมายนัก ยกเว้นแววตาที่ดูอ่อนโยนยามพูดถึงเด็กๆ

เพียงเท่านั้นก็ทำให้เกิดรอยยิ้มบางๆ บนดวงหน้าใส...เธอดีใจที่ได้พบคนที่คิดจะช่วยเหลือคนอื่นด้วยใจจริง...

ถึงจะมีหลายล้านคนในโลก แต่เธอไม่เคยเจอนี่นา...

“ผมเอาด้วย! ผมเอาด้วยคนคร้าบ ผมก็อยากช่วยเหลือเด็กเหมือนกัน” เวหายกมือขึ้นข้างๆ ก่อนพยายามนำเสนอตัวด้วยการโบกไม้โบกมือผ่านสายตาของไม้หอมที่กำลังจ้องมองไอศูรย์เพื่อเรียกร้องให้กลับมามองที่เขา พอเห็นว่าเธอเริ่มสนใจ ก็ฉีกยิ้มกว้างจนหน้าบานเป็นจานดาวเทียม

“ผมขอร่วมองค์กรลับด้วยนะครับคุณครู”

คนแบบนี้...เธอก็ไม่เคยเจอ!

**********************




Create Date : 13 ตุลาคม 2551
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2551 21:11:16 น. 0 comments
Counter : 268 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kakanan
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอความกรุณา
อย่านำภาพถ่าย, บทความ,
งานเขียน รวมถึงข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด
ใน Blog แห่งนี้ ไปใช้เผยแพร่
ไม่ว่าส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์
ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรนะคะ

Friends' blogs
[Add kakanan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.