โลกของคคนานต์
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
24 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Private Love ตอนที่ 3

-3-



ป้ายร้าน ‘ใบชา’ ที่ถูกแขวนเอาไว้หน้าตึกสีเขียวใต้ร่มไม้ใหญ่ ทำให้ไอศูรย์นึกถึงหญิงสาวที่โทรมานัดเขาเอาไว้

‘สาวหวาน’ นั่นคือนิยามที่เขาตั้งให้เธอหลังได้ฟังเสียงอันไพเราะและเห็นสถานที่นัดถนัดตา เพราะร้านใบชาที่ว่าเป็นร้านเบเกอรี่ที่ถูกตกแต่งด้วยวอล์เปเปอร์ลายดอกไม้หวานจนผู้ชายอย่างเขาไม่กล้าสาวเท้าเข้าไปนั่งคนเดียว

ไอศูรย์เลือกที่จะนั่งลงที่โต๊ะที่จัดไว้นอกร้าน ไม่นานนักสาวเสิร์ฟหน้าตาน่ารักก็เดินเข้ามาทัก
“รับอะไรดีคะ?”

“เอ่อ...กาแฟดำที่นึงครับ”

โครม! เสียงครึกโครมที่ดังขึ้นดึงสายตาของคนละแวกนั้นไปยังต้นเสียง และแน่นอนว่าไม่เว้นแม้แต่ไอศูรย์...

ร่างสูงบางของหญิงสาวคนหนึ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นกระเบื้องพร้อมเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำบนพื้นที่เธอบังเอิญไปเหยียบมันเข้าจนลื่นล้ม

ด้วยความรวดเร็ว ไอศูรย์รีบปรี่เข้าไปถามไถ่ร่างบางนั้นทันที
“เป็นอะไรมากไหมครับ?” เขาถามแสดงน้ำใจ มือหนายื่นออกไปหมายให้เธอใช้เป็นที่ยึดเกาะเพื่อพยุงตัวเองขึ้นมา

“ไม่เป็นไร ขอบคุณ” หญิงสาวเอ่ยพลางเงยหน้าขึ้นมามอง ‘คนมีน้ำใจ’

เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้สบตาคู่หวาน...บางอย่างในตัวของหญิงสาวก็ทำเอาคิ้วเข้มหนาขมวดมุ่นเข้าหากัน

หญิงสาวผมซอยสั้นยันตัวขึ้นจากพื้นด้วยความรวดเร็วโดยไม่อาศัยความช่วยเหลือจากขาเลยสักนิด เธอสะบัดเสื้อเชิ้ตตัวหลวมโคร่งเหมือนอยากไล่ความเปียกชื้นที่ซึมเป็นวงกว้างอยู่ตามเนื้อผ้า มืออีกข้างก็ปัดป้ายเศษโคลนออกจากขากางเกงยีนส์ตัวเก่ง

หลังจากยืนนิ่งมองท่าทางของหญิงสาวที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ อยู่นานร่างสูงก็ต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจจากคำทักของเธอ

“มองอะไรอยู่ได้ ไม่เคยเห็นคนลื่นล้มรึไง!” เสียงหวานนั้นมีแววหาเรื่องเช่นเดียวกับดวงตาคู่โตที่ส่อแววชวนตีเป็นที่สุด แต่ไอศูรย์ไม่คิดจะมีเรื่องตอนนี้ เขามีสติพอที่จะไม่ถือโทษเอาความกับเด็กสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับน้องสาว

“ขอโทษครับที่เสียมารยาท” เขาบอกก่อนตัดสินใจละความสนใจตรงหน้า เดินกลับไปนั่งที่อย่างเงียบๆ

หญิงสาวไม่ต่อความ เธอเดินตรงไปในร้านแล้วหายลับไปหลังฉากกั้นซึ่งเขาเดาว่าด้านหลังนั้นคงเป็นห้องน้ำ

คงเพราะท่าทางห้าวหาญก๋ากั่นเกิน ‘ผู้หญิง’ ของเธอประกอบกับการแต่งตัวเป็นทอมบอยนั่นล่ะมั้ง ที่ทำให้เขานึกเสียดาย...ทั้งๆ ที่สวยออกขนาดนั้นแท้ๆ โลกเราคงถึงคราววิกฤตแล้วจริงๆ
ดูอย่างเพื่อนรักของเขาสิ วันดีคืนดีก็กลายร่างเป็นนางตานีซะอย่างนั้น...ไอศูรย์คิดถึงนฤมลพลางยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบแล้วตั้งหน้าตั้งตารอ ‘ตัวช่วย’ ของเขาต่อไป




ครึ่งชั่วโมงผ่านไป...
ไอศูรย์ถอนสายตาออกจากนาฬิกาที่เพิ่งบอกเวลาสิบโมงครึ่งนาฬิกาไปหยกๆ นี่เขาจะต้องนั่งรอตัวแทนของน้อยหน่าอีกนานแค่ไหนกัน

“อย่างนี้จะไม่รักษาสัญญาพอๆ กับไม่รักษาเวลาไหมล่ะเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นงึมงำ กราดสายตาไปรอบตัว รู้สึกเบื่อกับการรอคอย

แต่ทำไงได้...นี่เป็นทางรอดทางเดียวของเขา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำแบบที่นฤมลบอกหรอกนะ...หลายครั้งหลายคราที่เขาทดลองคบกับผู้หญิงคนอื่น แต่สุดท้ายกลับพบความจริงที่ว่า...

เมื่อไม่ได้รัก ก็ยากที่จะคบ...
เมื่อไม่ใช่คนที่ต้องการ ก็ไร้ความหมาย...

พลันสายตาก็สะดุดอยู่ที่ทอมบอยสาวที่นั่งหน้าง้ำเหมือนรอใครบางคนอย่างหงุดหงิด

เธออาจจะเป็นเพื่อนของน้อยหน่าก็ได้ ดูเป็นสปีชี่ส์เดียวกันดี...ไอศูรย์คิดง่ายๆ อย่างคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเภทเพศที่สามดีนัก

“โทษนะครับ รอใครอยู่หรือเปล่าครับ?” ไอศูรย์ตัดสินใจเดินเข้าไปทักทอมบอยสาว

ดวงหน้าเรียวบางเงยขึ้นตามคำเรียก ตาคู่โตหวานกราดสำรวจทุกตารางนิ้วของชายหนุ่ม ก่อนริมฝีปากอิ่มจะขยับตอบคำถามของเขา

“ใช่ คุณชื่อไอศูรย์หรือเปล่า?” เธอถามกลับจ้องตาเขาด้วยแววเอาเรื่อง แต่คราวนี้ไอศูรย์ไม่หลบตาเพราะเริ่มจะชินกับนัยน์ตาหาเรื่องสไตล์หวานซึ้งแบบนี้ของเธอแล้ว...

“ครับ ผมเป็นเพื่อนน้อยหน่า...คุณ เอ่อ...”

“ไม้หอม...นั่งก่อนสิ” เสียงหวานกล่าวสั้นห้วน ก่อนจะรีบเชิญว่าที่นายจ้างคนใหม่นั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ทันที

“ขอโทษนะครับ พอดีผมไม่รู้ว่าเป็นคุณเลยปล่อยให้รอเสียนานเลย” ด้วยความเป็นสุภาพบุรษทำให้ไอศูรย์เป็นฝ่ายเอ่ยปาก

“ต้องโทษยัยน้อยหน่าที่ไม่ยอมมาเป็นเพื่อนฉัน เราไม่เคยเจอหน้ากันสักหน่อย จะรู้จักว่าใครเป็นใครได้ยังไงจริงไหมล่ะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ส่งยิ้มอย่างเป็นกันเองมาให้เขา

“เอ่อ...แล้วน้อยหน่าเขาบอกกับคุณว่ายังไงบ้างครับ” ท่าทางไม่ถือตัวของไม้หอมทำให้เขาเริ่มพูดกับเธออย่างสบายๆ

ตาคู่หวานมีแววลังเล ริมฝีปากอิ่มขยับถามขออนุญาต “พูดได้แน่นะ?”

และนั่นทำเอาคนถูกถามต้องขมวดคิ้วหนาลงน้อยๆ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ พูดมาเลย เราจะได้ตกลงเรื่องอื่นๆ กันต่อ” ไอศูรย์ตอบอย่างต้องการจัดการธุระตรงหน้าให้เสร็จไปเร็วๆ

“เอ่อ...คือ...เท่าที่ยัยน้อยหน่ามันเล่า...มันบอกว่าคุณเป็นพวกแอบจิตคิดไม่ซื่อกับน้องสาวตัวเอง เลยต้องหาใครบางคนไว้คบเพื่อตบตาคุณหญิงแม่”

เฮ้ย!...ไอศูรย์คิดได้แค่นั้นแล้วอึ้งไป

“ฉันก็ไม่ได้จะว่าอะไรหรอกนะคุณ แต่ฉันว่าคุณน่าจะเอาเงินที่จะจ้างฉันไปพบจิตแพทย์จะดีกว่าเอามาจ้างผู้หญิง” หญิงสาวพูดด้วยท่าทีจริงจัง

ไอ้นพ...ไอศูรย์กัดฟันกรอด แต่ยังคงรักษามารยาทเอาไว้ด้วยใบหน้าขึงเครียด

“ความจริงคุณเองก็หน้าตาดีนะ เข้าขั้นหล่อลากไส้เลยทีเดียว ไม่เห็นถึงกับต้องเสียเงินจ้างใครมาเป็นแฟนหรอก คุณกำลังแก้ปัญหาผิดวิธีรู้ไหม เพราะปัญหามันไม่ได้แก้ที่ว่าคุณจะจ้างใครไปตบตาคุณหญิงแม่ของคุณได้หรือเปล่า แต่มันอยู่ที่ตัวคุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ให้คิดอกุศลกับน้องสาวตัวเองได้ยังไงต่างหาก”

ไม้หอมพล่ามยาววิจารณ์เรื่องของเขาเป็นชุดๆ จนชายหนุ่มรู้สึกว่า ไม่ต้องถึงมือจิตแพทย์...เขาก็รู้สึกเหมือนคนโรคจิตเต็มแก่แล้ว!

ไอ้เพื่อนบ้านางตานีน้อยหน่านั่นบังอาจเอาเรื่องของเขาไปเล่าเสียๆ หายๆ สร้างเรื่องเท็จทุกกระบวนความแบบนี้ได้ยังไง...เจอตัวเมื่อไหร่ ได้เห็นดีกันแน่!

“เฮ้อ...เอาเถอะ เห็นแก่ว่าคุณยังไม่ได้คิดทำเรื่องเลวร้าย แถมเป็นผู้ชายที่นอกจากเรื่องนี้แล้วดีเลิศประเสริฐศรีไปเสียทุกอย่าง ทั้งรักครอบครัว ห่วงแม่ ดูแลน้อง เอ่อ...นี่ฉันพูดตามที่ยัยน้อยหน่ามันบอกหรอกนะ ฉันจะยอมช่วยคุณก็ได้” ไม้หอมสรุปความเอาเองอย่างรวดเร็วจนไอศูรย์ไม่ทันตั้งตัว เขาได้แต่ยิ้มออกมานิดๆ

“ขอบคุณครับ...” ยังไม่ทันจะได้แก้ต่างให้ตัวเอง เสียงหวานก็แทรกขึ้นมาอีก

“แล้วเรื่องค่าจ้าง ฉันคิดเป็นงวดนะคุณราคาแล้วแต่ตกลง จ่ายทุกอาทิตย์ ค่านอกเวลาและค่าปรึกษาต่างหาก ค่าอาหารค่าข้าวของเครื่องใช้ ฉันจะเก็บบิลมาเบิกที่คุณทีหลัง”

โจรชัดๆ...นี่น้อยหน่ามันกะส่งโจรมาปล้นเขาซึ่งๆ หน้าแบบนี้เลยน่ะเหรอ!

ไอศูรย์ยกมือกุมขมับบีบนวดเบาๆ กระตุ้นสมองที่ชะงักไปตั้งแต่โดนแนะนำให้ไปหาจิตแพทย์
“ผม...” พอจะอ้าปาก ไม้หอมก็สวนขึ้นอีกครั้ง

“ตกลงนัดเวลามาได้เลย ฉันสัญญาว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของคุณมากนัก ฉันจะทำหน้าที่แค่เป็นแฟนในนามให้คุณเพื่อตบตาคุณแม่ของคุณเท่านั้น ส่วนเรื่องหัวใจ...คุณคงต้องจัดการเอาเองนะ เพราะฉันเองก็ไม่สันทัดกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่”

นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องการ...เขาไม่ได้อยากให้ใครมายุ่งวุ่นวายอะไร ขอแค่มาเป็นไม้กันมารดาไม่ให้จับเขาแต่งงานก็พอ...แต่...

“เอ่อ...ขอโทษนะครับ พอดีแม่ผมไม่ค่อยปลื้มกับ...เอ่อ ทอมบอย เท่าไหร่”

พอได้ฟังคิ้วเรียวก็มุ่นขมวด “นี่คุณหาว่าใครเป็นทอมไม่ทราบยะ!”

ร่างบางทะลึ่งพรวดลุกจากที่นั่งพร้อมดวงหน้าแดงก่ำ เธอมองตามสายตาของชายหนุ่มที่มองเธออย่างพิจารณาก็พอรู้ว่า เขาใช้ส่วนไหนตัดสินเธอ!

“คุณจะตัดสินความเป็นผู้หญิงที่เสื้อผ้าไม่ได้นะ ถึงฉันแต่งตัวแบบนี้ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะเป็นอย่างที่คุณกล่าวหา วันนี้มันวันหยุดของฉัน ฉันก็อยากจะแต่งตัวสบายๆ บ้างเข้าใจมั้ย!” เธอตวาดเขาด้วยเหตุผล (ส่วนตัว) จนชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแหยพยักหน้าหงึกหงัก

นึกอยากจะบอกเธอเหลือเกินว่า ไม่เฉพาะเสื้อผ้าเท่านั้นที่ทำให้เธอดูเป็นทอมบอย...หากนิสัยกล้าเกินหญิง และท่าทางห้าวหาญนั่นก็ชวนให้เข้าใจผิดไปได้โข...

“ครับๆ ผมแค่อยากจะบอกว่า แม่ผมชอบกุลสตรีแบบหญิงไทยโบราณไม่ใช่สาวสมัยใหม่”

“โอ๊ย! เรื่องมากจริงคุณ แม่คุณจะชอบยังไงก็ช่างเถอะ ทำไมคุณไม่บอกแม่คุณไปล่ะว่าคุณชอบของคุณแบบนี้...ฉันว่าแม่คุณคงใจกว้างพอสมควรนั่นแหละ ดูตอนคุณเป็นแฟนกับยัยน้อยหน่าสิ แม่คุณก็ไม่เห็นว่าอะไรไม่ใช่เหรอ คนอะไร้...ทั้งโรคจิตทั้งสับสนทางเพศเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทั้งหญิงแท้ หญิงเทียม จะเอาอะไรก็เลือกสักอย่างสิคุณ” ไม่วายแถมท้ายด้วยคำสบประมาทตามนิสัยปาก (เสีย)

ถ้าหากเขาเป็นอย่างที่ว่าจริง คงไฟออกหูหน้าแดงหน้าดำกระโดดขย้ำคอเธอเข้าให้แล้ว...ผู้หญิงอะไรพูดไม่รู้จักคิด
หากเพราะคำที่เธอกล่าวหาล้วนเป็นการใส่ไฟจากเจ้าเพื่อนยากทั้งสิ้น เขาเลยทำใจเย็นได้...แม้มาดหมายต้องชำระแค้นหลังคุยงานเสร็จทันทีก็เถอะ!

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ตอนห้าโมงเย็น ผมจะพาคุณไปพบคุณแม่”

“นี่ตกลงคุณจะจ้างฉันใช่มั้ย” ดวงหน้าหวานมีแววตื่นเต้นดีใจ

“ครับ” ไอศูรย์ฉีกยิ้มเนือยๆ
ยังไงๆ เธอก็เป็นคนที่เจ้าเพื่อนยากการันตีคุณภาพมาแล้วทั้งที แม้จะไม่ค่อยถูกใจท่าไรนัก แต่คงพอแก้ขัดไปได้...

ยังไม่ทันจะได้ตกลงที่ทางกันให้เรียบร้อย อยู่ๆ เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“เฮ้ย! ไอ” เจ้าของเสียงเรียกชื่อเขาเสียงดังฟังชัด

“เวหา!” ไอศูรย์เรียกชื่อคนทักอารามแปลกใจระคนดีใจ

ชายหนุ่มผมสีแดงจัดเป็นประกายจ้าสะท้อนบาดลูกตา ขยับริมฝีปากบางคู่สวยยิ้มโชว์ฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ มือหนายกขึ้นเสยปอยผมที่ตกลงมาปรกสันจมูกโด่งขึ้นเผยหน้าผากเรียบสวย คิ้วหนา และดวงตาเรียวคมเข้มมีเสน่ห์

ร่างสูงโปร่งก้าวเข้ามาใกล้ยังโต๊ะที่ไอศูรย์และไม้หอมนั่งอย่างรวดเร็ว

เวหาเป็นเพื่อนร่วมคณะเดียวกันกับเขาและน้อยหน่า ทั้งยังเป็นเพื่อนชาย (แท้) คนสนิทของเขาอีกด้วย และเพราะเวหามักเป็นคนมีอารมณ์ขันและยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาจึงเป็นคนที่คลายความทุกข์ร้อนใจของเพื่อนๆ ให้หายไปได้โดยง่าย...แม้แต่ตอนที่เขาโดนน้อยหน่าหลอกลวง ไม่ยอมบอกความจริงเรื่องที่เธอเป็นแบบนั้น มารู้อีกทีก็ตอนมันกลับมาในสภาพหญิงสาว ก็โกรธจัดจนไม่ยอมพูดยอมจากับเพื่อนสาวไปเกือบเทอมหนึ่งเต็มๆ แถมยังพาลหาเรื่องเพื่อนทุกคนที่ทำตัวเป็นผู้หวังดีมากล่อมให้คืนดีกัน จนไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามเรื่องพวกเขามากนัก จะมีก็แต่นายเวหานี่แหละที่ใจกล้า...มาให้กำลังใจและเตือนสติ...ให้รู้จักคิดถึงใจเขาใจเรา และเข้าใจว่า ‘เพื่อนแท้’ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เพศ หากสำคัญที่จิตใจและความจริงใจต่างหาก...

“เป็นไงบ้าง ไม่เห็นตั้งนาน คิดถึงชะมัด” คนมาใหม่เลื่อนเก้าอี้แล้วทิ้งตัวลงนั่งร่วมวงอย่างไม่เกรงใจ ก่อนเริ่ม ‘จ้อ’ ไม่หยุด

“จีกับคุณแม่สบายดีรึเปล่า นี่ฉันเพิ่งกลับมาจากฮ่องกงว่าจะเอาของไปฝากสักหน่อย เพิ่งตระเวนไปส่งของที่พี่นาทสั่งซื้อมาหยกๆ แต่โดนสวดยับเพราะซื้อมาผิดวัตถุประสงค์ แกคิดดูสิ...บอกให้ซื้อของเล่น ไอ้เราก็นึกว่าให้ซื้อพวกของเล่นผู้ใหญ่ เลยกวาดซื้อมาครึ่งร้านใส่กล่องผูกโบว์ไปส่งให้อย่างดี ที่ไหนได้ดันยื่นไปให้หลานรัก แล้วบังเอิญเอาคืนก็ไม่ทันว่ะ...เปิดออกมาโช๊ะ เลยเจอเทศนาเป็นชั่วโมง” ว่าแล้วชายหนุ่มก็หัวเราะร่วนอย่างเปิดเผย ปล่อยเสียงดังลั่น

ไอศูรย์พอรู้จัก ‘พี่นาท’ ของเวหามาพอสมควร จากการที่เคยไปติดต่อเจรจางานของบริษัทที่ฟาร์มเวคินซึ่งพี่ของเวหาเป็นเจ้าของอยู่ และจากการพูดคุยครั้งนั้นก็พอทำให้รู้ว่า พี่นาทเป็นคนน่าเกรงขามแค่ไหน...

“หน้าไม่อาย” เสียงใสตวัดห้วน จนคนถูกด่าต้องหันขวับไปมองยังต้นเสียง

ดวงตาคู่โตหวานเป็นประกายระยับท้าตีท้าต่อย จมูกโด่งงอนเชิดอย่างคนไม่ยอมใคร ทว่ากลับสวยใสจนคนมองแทบลืมหายใจ

“นี่คุณมีแต่เพื่อนประเภทนี้น่ะสิถึงได้มีความคิดผิดปกติขนาดนี้ ฉันจะบอกให้นะ...สิ่งแวดล้อมและเพื่อนฝูงก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้นำสภาวะจิตใจของเราเหมือนกัน”

“โอ้โห! สั่งสอนได้จับใจมากเลยครับคุณผู้หญิง อยากรู้จริงๆ เลยว่ามีอาชีพเป็นครูบาอาจารย์หรือเปล่าครับถึงสั่งสอนกันไม่หยุดแบบนี้” เวหาส่งเสียงขึ้นจมูกจ้องตาคู่โตกลับเป็นประกายวับวาว

“ค่ะ เป็นครู แล้วมันก็อดไม่ได้เวลาเห็นพวกที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แต่การกระทำเหมือนเด็กที่ยังไม่มีหัวคิดทำเรื่องไม่ดีไม่งาม ไม่ถูกต้องตามครรลองครองธรรม ไร้จิตสำนึก ขาดคุณธรรม อะไรทำนองนั้นล่ะค่ะ” ไม้หอมต่อคำจนคนฟังเงียบไป

ไอศูรย์ไม่คิดเปิดประเด็นอะไรตอนนี้...มันไม่ใช่เรื่องของเขา ขออยู่เงียบๆ ดีกว่า

เวหาพูดอะไรไม่ออกเหมือนน้ำท่วมปาก รู้สึกเหมือนตอนโดนอาจารย์ฝ่ายปกครองเรียกไปอบรมยังไงชอบกล แม้ว่าเขาจะห่างหายจากวัยนั้นมานับสิบปีแล้วก็เถอะ!
“คุณครับผมก็ไม่ได้ทำเรื่องแย่ถึงขนาดที่คุณว่านะครับ”

“แต่ที่ฉันได้ยิน คุณมีจิตไม่เป็นกุศลคิดเรื่องทะลึ่งลามก จนเกือบทำให้หลานเสียคนไม่ใช่หรือคะ เด็กๆ น่ะเป็นวัยที่ต้องดูแลทะนุถนอมปกป้องดูแล ไม่ควรมีเรื่องไม่ดีผ่านเข้าไปในช่วงวัยซึมซับเรื่องรอบตัวของแกนะคะ ทำอะไรโดยไม่คิดจะเป็นคนบาปโดยไม่รู้ตัว” แล้วคำสั่งสอนก็ตามมาอีกหลายชุดใหญ่ๆ จน ‘คนบาป’ ต้องนั่งทำใจ

อุตส่าห์เอาตัวรอดมาจากพี่นาทได้แล้วทั้งทียังมาโดนยัยครูแม่ชีนี่สวดอีก...

เวหานึกเปรียบเทียบไม้หอมเป็นอย่างนั้น เพราะเรื่องที่เธอขนมาสั่งสอนเขาแต่ละเรื่องไม่พ้นเรื่องคุณธรรม ธรรมะ แล้วยังเรื่องบาปกรรมอะไรนั่นอีก

“ครับๆ ยอมแล้วคร้าบ ผมผิดไปแล้ว ต่อไปนี้จะคิดก่อนทำทุกครั้งครับผ้ม!” เวหาตะเบ๊ะมือรับคำเหมือนนักเรียนรักษาดินแดนอย่างอารมณ์ดี ไม่มีแววหม่นหมองสำนึกผิดบนดวงหน้าคมนั้นเลยสักนิด

“นี่คุณ...!” หญิงสาวยังไม่ทันอ้าปากว่าต่อ คนถูกสั่งสอนก็รีบโพล่งขึ้นเมื่อสบโอกาสด้วยขี้เกียจฟังบทเทศนาตอนต่อไป

“ฟังคุณคุยมาตั้งนานแล้ว ผมยังไม่รู้จักคุณเลย ไอ้ไอแกแนะนำแฟนแกให้เพื่อนรู้จักหน่อยเร็ว”

แล้วคนที่นั่งเงียบสนิทราวกับเป็นท่อนไม้ประดับร้านก็ได้ออกโรง ไอศูรย์มองไปยังไม้หอมที่นั่งตีหน้าดุเมื่อเห็นว่าถูกเมินเฉยต่อคำสั่งสอน...

“เอ่อ...นี่ไม้หอม ไม้หอมครับนี่เวหาเพื่อนสนิทผมเอง” ไอศูรย์แนะนำชายหนุ่มที่นั่งยิ้มแป้นอย่างไม่มีท่าทีกระดากหรืออับอายแม้ยามถูกตราหน้าว่าเป็น ‘คนบาป’

อาจเพราะเวหาเป็นคนเชื่อมั่นในตนเองมากพอที่จะยอมรับว่าผู้ชายเดินดินธรรมดาอย่างเขาไม่ใช่พระผู้ทรงศีล หรือเป็นเทวดาที่ทำความผิดไม่เป็น...คนก็ต้องเคยทำผิดเป็นธรรมดา...
แต่ความเป็นคนสำหรับเขามันอยู่ที่ว่า เมื่อรู้ว่าทำผิดแล้ว จะยอมแก้ไขและรับผิดชอบต่อเรื่องที่ทำลงไปหรือเปล่าต่างหาก และเมื่อยังไม่ถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์ตนเอง เวหาจะไม่ให้คำตัดพ้อต่อว่าของคนอื่นมาทำลายความมั่นใจของตัวเขาเอง เป็นนิสัยอย่างที่ไอศูรย์มักให้คำจำกัดความว่า ‘กวน’

หากในสายตาของคนเป็นครูอย่างไม้หอม กลับเห็นเด็กดื้อตัวเขื่องอยู่ตรงหน้า จนอยากจับกลับไปอบรมเป็นการส่วนตัวในวัดในวาสักเดือนหนึ่งเต็มๆ เผื่อจะทำให้นิสัยดีกับเขาขึ้นมาบ้าง...

แม้ว่าสัญชาตญาณความเป็นผู้ชี้ทางสว่างและให้ความรู้ในทางชอบของเธอจะพุ่งปรี๊ดถึงขีดสุด หากเธอก็พยายามระลึกไว้เสมอว่า...ไม่ว่าอะไรก็ควรทำแต่พอดี

และในเมื่อ ‘เขา’ อยู่นอกเหนือขอบเขตความสามารถของเธอ สิ่งที่พอจะทำได้ก็แค่การพูดเตือนสติ ซึ่งเขาอาจจะรับฟังหรือเลือกไม่ใส่ใจก็ได้

เธอต่างหากที่ควรจะพยายามปิดหูปิดตาไม่ใส่ใจกับเขามากเกินไปนัก...

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเวหา” ไม้หอมพยายามสงบจิตสงบใจทักทายชายหนุ่มที่ยิ้มไม่หุบไปตามมารยาท

“แหม...ไม่ต้องเรียกคงเรียกคุณก็ได้ คุณเป็นแฟนไอก็เหมือนเป็นเพื่อนผมนั่นแหละ นะครับคุณหอม”

“นี่คุณ! ฉันชื่อไม้หอมค่ะ เรียกขาดๆ เกินๆ มันไม่งามมั้งคะ ถ้าฉันเรียกคุณว่าคุณเว หรือคุณหา คุณจะว่าไง!” เสียงหวานดังชัด ใบหน้าหวานขึงขัง แต่ไม่สามารถทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าคมเหือดหาย

“ก็ไม่เป็นไรนี่ครับ ผมไม่ถือ” เวหายักไหล่ไม่ยี่หระ ฉีกยิ้มกว้างหน้าระรื่นจนคนมองหมั่นไส้

“แต่ฉันถือ!”

“โอเคครับ ไม้หอมก็ไม้หอม แต่ผมว่าชื่อหอมก็น่ารักดีนะครับ ฟังแล้วอยากทำ” คนหัวแดงยักคิ้วใส่หน้าล้อเลียนหญิงสาวที่หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัดไปหนึ่งที

“นี่คุณ...” ยังไม่ทันได้ด่าต่อ คนที่นั่งเงียบเหมือนไร้ตัวตนอยู่นานก็ขัดขึ้น

“โทษนะครับ พอดีผมมีงานต่อ นี่ก็เกือบจะบ่ายโมงแล้วด้วย คุณจะให้ผมไปส่งที่ไหนรึเปล่า?” ไอศูรย์ถามไม้หอมที่ยังไม่หยุดส่งสายตาเฉือดเฉือนให้เวหา หากแต่คนถูกกรีดเฉือนกลับไม่สะดุ้งสะเทือน ก้มลงดูดน้ำส้มที่เพิ่งถูกนำมาเสิร์ฟเสียงดังจ๊วบๆ

หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกสงบสติอารมณ์ที่กำลังไหลพุ่งออกมาอย่างกับเปลวลาวาของภูเขาไฟ ก่อนหันมาพูดกับชายหนุ่มว่าที่ ‘แฟนในนาม’
“ไม่ค่ะ เชิญคุณเถอะค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ” ไม้หอมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างคนอารมณ์ค้าง

“ครับ” ไอศูรย์รับคำ ก่อนหันมาหาเพื่อนซี้ “ฉันต้องรีบไปแล้วว่ะ คราวหน้าค่อยเจอกัน”

“เออๆ แกไปเหอะ” เวหาโบกมืออำลาเพื่อนด้วยสีหนาเปื้อนยิ้มเช่นเคย

ลับหลังร่างสูงใหญ่ของไอศูรย์ไปแล้ว เวหาก็หันไปมองไม้หอมที่ปั้นหน้าดุกำลังจะลุกเดินออกไป
“เข้มงวดกับแฟนมากไปไม่ดีนะครับ” เขาเตือนด้วยความหวังดี หากท่าทางและหน้าตาคงค่อนไปทางผู้ประสงค์ร้ายมากกว่า จึงได้เห็นตาคู่โตถลึงดุใส่เขาอีกรอบ

“ฉันไปเข้มงวดอะไรกับเขาไม่ทราบ!” เสียงหวานกระชากดังบ่งบอกอารมณ์ที่เต็มไปด้วยแรงปะทุของโทสะ

ไม้หอมชะงักฝีเท้า หันมาเอาเรื่องกับคนที่ยัง...ยิ้ม...

เพียงแค่เขาขยับลุกขึ้นร่างของเขาก็สูงท่วมศีรษะ แม้จะยืนไม่เต็มความสูงแต่เธอก็ยอมรับว่าชายหนุ่มที่ชื่อเวหาตัวสูงกว่าเธอมากนัก ตาคู่โตกราดมองใบหน้าระรื่นครื้นเครงจนดูน่าฝากรอยเล็บไว้เป็นทางสักสองสามรอยด้วยความหงุดหงิด

เท้ายาวสาวเข้ามาใกล้จนเธอต้องถอยเขยิบจนเกือบตกขอบฟุตบาท ขาเรียวหยุดขยับทันทีเพราะกลัวโดนยานยนต์ที่วิ่งผ่านไปผ่านมาแถวนั้นเฉี่ยวเอา

โชคยังดีที่นายเวหายังพอมีความเป็นสุภาพบุรุษกับเขาบ้าง

เมื่อเธอไม่เขยิบถอย เขาก็ไม่ก้าวเข้ามาเบียดเธอ หยุดฝีเท้ารักษาระยะห่างที่ไม่น่าเกลียดมากเกินไปนัก...ไม้หอมนึกโล่งอก

ทว่าหายใจได้ไม่กี่เฮือก หน้าคมก็โน้มลงมาใกล้อย่างรวดเร็ว จนมันห่างออกไปไม่ถึงคืบ

นัยน์ตาคมเป็นประกายระยับยามสบเข้ากับนัยน์ตาหาเรื่องคู่สวยตรงหน้า ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นน้อยๆ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกลั้นหายใจจนหน้าแดงราวกับลมหายใจของเขาเป็นควันพิษที่จะทำให้เธอตายเมื่อสัมผัส

“ผมจะไปรู้ได้ไงว่าคุณออกกฏอะไรกับเจ้าไอไว้บ้าง แต่ที่ผมบอกว่าคุณเข้มงวดน่ะ ก็เพราะเจ้าไอมันทำท่าทางกระอักกระอ่วน เรียกคุณว่าคุณๆ ตลอดเวลา แถมทำตัวสุภาพอย่างกับกำลังสักการะสิ่งศักด์สิทธิ์อยู่อย่างนั้นแหละ ผมรู้ว่าคุณเป็นครู มีหน้าที่เป็นแม่พิมพ์ที่ดีของลูกศิษย์ แต่เจ้าไอมันไม่ใช่ลูกศิษย์ที่คุณจะต้องคอยสั่งคอยสอนอยู่ตลอดเวลาสักหน่อย คนเป็นแฟนกันเขาต้องเคารพกันขนาดนั้นเชียวเหรอ”

เวหาจ้องหน้าใสตาไม่กะพริบ แม้จะมีรอยยิ้มฉาบอยู่บนสีหน้า หากไม้หอมยอมรับว่ารู้สึกกดดันและอึดอัด
“ละ...แล้วเรื่องของพวกฉัน มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยล่ะ ยุ่งเรื่องชาวบ้าน!” เธอตอกกลับอย่างโกรธจัด ทั้งหงุดหงิด โมโหและปั่นป่วนในใจยังไงชอบกล

...ไม่มีใครกล้าสั่งสอนเธอถึงขนาดนี้...

เพราะความที่ยึดมั่นว่าตนเป็นครูอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม้หอมตั้งใจที่จะตั้งตนอยู่ในกรอบขอบเขตที่ดีงามและสมควรอยู่เสมอเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ เลยไม่เคยคิดว่าจะมีใครกล้ามาเอ่ยปากสั่งสอนในเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้มาก่อน

และงานคราวนี้...ถ้าไม่ใช่เพราะจำเป็นจริงๆ เธอก็ไม่ทำ...

“ถ้าเรื่องชาวบ้านที่ว่า ไม่ใช่เรื่องของเพื่อนสนิทผม ผมจะไม่ยุ่งเลย แต่นี่ผมเห็นท่าทางเจ้าไอมันไม่ได้มีความสุขสักเท่าไหร่ ผมก็เลยอยากช่วยคลี่คลายเท่านั้น มันเพิ่งเลิกกับแฟนเก่ามาหมาดๆ มาคบกับแฟนใหม่อย่างคุณได้แป๊บเดียว แล้วคุณจะมารู้ดีกว่าผมซึ่งเป็นเพื่อนมันมาตั้งเจ็ดปีได้ยังไงจริงไหม” ว่าจบ คนหัวแดงก็ยักคิ้วหยอกเธออีกครั้งหนึ่ง

แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก แต่เวหาไม่ได้รู้เรื่องความรู้สึกของไอศูรย์ที่มีต่อน้องสาวร่วมบ้านของตัวเองเลยสักนิด ไม่ใช่เพราะไอศูรย์เลือกที่จะบอกเฉพาะนฤมล แต่เป็นเพราะนฤมลที่มีประสาทสัมผัสพิเศษในการจับความรู้สึกของคนได้ดีเยี่ยมมากกว่าผู้ชายทั่วไปนั้นสามารถเดาท่าทีของไอศูรย์ที่มีต่อจีรนันท์ออกว่า...เขาหลงรักน้องสาวตัวเอง

และด้วยความเป็นคนตรงของไอศูรย์ พอเอ่ยปากถาม ชายหนุ่มก็ไม่ปิดบัง...กลับยอมรับด้วยสีหน้าอมทุกข์

มีแต่เวหาเสียอีกที่เป็นผู้ชายธรรมดา ไม่รู้ทันถึงความรู้สึกของเพื่อน เลยได้แต่คิดตามสถานการณ์ที่เห็นว่า ไอศูรย์คบกับนฤมลเพราะความรัก และเลิกกันเพราะจับได้ว่าเธอแอบมีคนอื่น...ตามที่นฤมลบอกมา

และที่เพื่อนเขาต้องรีบหาแฟนคนใหม่ ก็คงเพราะต้องการทำใจลืมแฟนคนเก่าให้ได้เร็วๆ

ในเมื่อเพื่อนกำลังอยู่ในความทุกข์ เวหาจึงอยากช่วยสุดความสามารถ ไม่ว่าจะถูกหาว่าสอด แส่ หรือยุ่ง อย่างที่ไม้หอมว่าเขาก็ตาม...
“ผมไม่ได้มาขัดขวางอะไรของพวกคุณ ผมเพียงแค่อยากช่วย และถ้าคุณยอมรับฟังความคิดเห็นของคนยุ่งๆ อย่างผมซะบ้าง...มันก็คงดี”

ไม่! ไม่ต้องการ...ไม้หอมอยากตะโกนใส่หน้าหล่อๆ ของนายหัวมะเขือเทศตรงหน้ายิ่งนัก

สิ่งที่เธอกับไอศูรย์ทำ มันเป็นเพียงธุรกิจและข้อตกลงระหว่างกันเท่านั้น...ไม่ใช่ความรัก หรือความผูกพันที่จะให้นายเวหามาสานต่อให้มันยืนยาว

แค่งานเสร็จ...มันก็จบ...

แต่ในวินาทีนี้สิ่งที่ไม้หอมทำได้ มีเพียงการจ้องตากับนายเวหาที่ยืนกวนประสาทสัมผัสทั้งห้าของเธอเท่านั้นเอง




Create Date : 24 กรกฎาคม 2551
Last Update : 24 กรกฎาคม 2551 21:07:08 น. 2 comments
Counter : 285 Pageviews.

 
ชอบเวหาจัง


โดย: 2in1 IP: 124.121.151.165 วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:18:37 น.  

 
คนเขียนก็ชอบเวหาเหมือนกันค่า ^^ (จะแอบยัดเยียดบทตัวร้ายให้ 555+)


โดย: kakanan IP: 118.174.129.182 วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:12:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kakanan
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอความกรุณา
อย่านำภาพถ่าย, บทความ,
งานเขียน รวมถึงข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด
ใน Blog แห่งนี้ ไปใช้เผยแพร่
ไม่ว่าส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์
ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรนะคะ

Friends' blogs
[Add kakanan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.