โลกของคคนานต์
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
16 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Private Love ตอนที่ 7

ตอนนี้สั้นไปหน่อย แต่เพิ่งไหลออกมาสดๆ ร้อนๆ ค่า ^^


-7-



ทันทีที่รถคันหรูจอดลงสนิทหน้าบ้านหลังเล็กสีเขียวอ่อนที่ใช้มีแผงไม้ไผ่ประดับอยู่ตรงแนวกั้นรั้วหน้าบ้าน ร่างเล็กบางก็กระโดดผลุงลงจากรถพร้อมถุงข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ

“วีเปิดประตูให้หน่อย” คนลงจากรถมาก่อนออกคำสั่งแล้วเดินอาดๆ เอนไหล่พิงประตูไว้ “โอ๊ย! หนัก เร็วๆ หน่อยสิวี”

คนลงมาทีหลังปรายตาขึ้นมองหน้าขาวที่เอาแต่สั่ง กับสั่ง!

“คร้าบ...คร้าบ เฮ้อ ไหนจะขับรถให้นั่ง ไหนจะช่วยเข็นของ แถมยังโดนบังคับมาดูตัวพี่สะใภ้อีก ใช้งานเยี่ยงทาสจริงๆ” ปฐวีแกล้งบ่น ให้นายทาสรู้สึกผิด

หากเหมือนจะเปลืองน้ำลายไปเปล่าๆ เพราะนายทาสกลับยื่นเอาถุงสัมภาระทั้งหมดมาให้

“เอ้า...งานจะได้เบาหน่อยไงจ๊ะ พ่อทาสผู้น่ารัก” ว่าแล้วเธอก็ยิ้ม...ยิ้มที่ทาสอย่างเขาต้องใจอ่อน ยอมแพ้ทุกที...

หลังจากยัดเยียดงานเบาให้ปฐวีไปเรียบร้อย จีรนันท์ก็รีบเปิดประตูและชักชวนเพื่อนหนุ่มเข้าบ้านทันที

“อ้าว กลับมาแล้วเหรอจี มาก็ดีแล้วจะได้ช่วยแม่เตรียมกับข้าว อุ๊ย...ตาวี สวัสดีจ้ะ” สมจิตรรีบรับไหว้ชายหนุ่มที่เดินดุ่มๆ ตามหลังลูกสาวมาก่อนจะยกมือทักทายเธอพร้อมถุงสัมภาระทั้งหมด “ตายแล้วยัยจี ให้ตาวีหิ้วของคนเดียวได้ยังไง หนักจะแย่”

“หายห่วงได้เลยค่ะ วีเขาไม่หนักหรอก นี่จีอุตส่าห์ช่วยวีประหยัดเวลาไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสเชียวนะ จะได้เป็นหนุ่มหล่อกล้ามโตไงจ๊ะ” ประโยคหลังจีรนันท์หันไปยิ้มล้อเพื่อนหนุ่ม

ยิ้มอีกแล้ว...ปฐวีอ่อนใจ

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณแม่ แค่นี้สบายมาก” เขาบอกสมจิตรไปอย่างเสียมิได้

“งั้นวันนี้วีก็อยู่กินข้าวกับแม่นะ ไอเขาพาแฟนมาบ้านพอดีจะได้รู้จักกันไว้ เห็นพี่เขาบ่นๆ อยู่เหมือนกันว่าไม่เคยได้คุยกับเราเลย” พอได้ยินเจ้าบ้านชักชวน ปฐวีก็หันไปมองหญิงสาวที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ แล้วอดที่จะยิ้มแหยๆ ตอบไปไม่ได้

นั่นล่ะ...จุดประสงค์ของยัยจี
“ครับ วันนี้ขอฝากท้องด้วยคนนะครับคุณแม่”




พอรถเคลื่อนเข้าไปจอดในโรงจอดรถของบ้านปูนสองชั้นที่รายล้อมด้วยสวนหย่อมรอบตัวบ้านดูร่มรื่นสายตา ไม้หอมก็เริ่มตระหนักถึงความจริงที่ว่า...โลกเรานี่ช่างกลมเสียเหลือเกิน...

พอตาต่อตามาประสาน ภาพแห่งความหลังวันวานก็หวนมาในห้วงคิดเธออีกหน และภาพแต่ละภาพ...ไม่มีภาพไหนที่เป็นภาพดีๆ เลยสักภาพ!

“คุณๆ แม่คุณคือครูสมจิตรเหรอ” มือไม้เริ่มป่ายปัดสะกิดคนข้างๆ โดยไม่แม้แต่จะหันไปฟังคำตอบ เพราะเธอค่อนข้างมั่นใจเกินครึ่งว่าหนึ่งในสองของคนที่ออกมายืนต้อนรับเธอเป็นใคร

คนโดนสะกิดเหลือบมองหน้าใสที่กำลังซีดคล้ายแผ่นแผ่นกระดาษไปทุกทีด้วยความแปลกใจ

“คุณหอมเป็นอะไรไปครับ ทำไมหายใจแรงขนาดนั้น อ๊ะๆ ตื่นเต้นจนใจเต้นแรงที่จะได้เจอหน้าแม่เจ้าไอใช่ไหมล่ะ” เวหาหยอกเย้าเล่นๆ ไม่นึกว่าจะได้คำตอบเป็นจริงเป็นจัง

“ใช่ ทำไมคุณไม่บอกฉันก่อนว่าแม่คุณคือครูสมจิตร” ประโยคหลังไม้หอมหันมาต่อว่าคนที่นั่งเงียบไม่ออกความเห็นเป็นท่อนไม้ประดับอยู่หลังพวงมาลัย

“ทำไมผมต้องบอก?” ท่อนไม้หน้าตายเริ่มขยับถามยามดับเครื่องยนต์ลงสนิท

“นั่นสิคุณหอมไปมีคดีอะไรกับคุณแม่หรือเปล่า ถึงได้ทำหน้ากลัวอย่างกับโจรเจอตำรวจ”

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเคยแกล้งเอาแว่นตาแม่คุณไปซ่อนในวันจบการศึกษา” คำบอกของไม้หอมทำเอาใบหน้าตายด้านของไอศูย์เคร่งขึ้น

“โธ่เอ๊ย...ก็นึกว่าอะไร เรื่องแค่นั้นเด็กๆ ที่ไหนเขาก็ทำกันครับคุณหอม แล้วครูใจดีศรีประเสริฐอย่างคุณแม่ก็คงไม่ถือสาอะไรลูกศิษย์ตาดำๆ หรอกครับ จริงไหมไอ” เวหาฉีกยิ้มกว้างพยายามหาแนวร่วมปลอบใจไม้หอม หากพอสายตาไปปะทะหน้าคมของเพื่อนสนิทแล้วหน้าบานๆ ก็แห้งเหี่ยวลง “...หรือว่าถือ?”

ไอศูรย์พยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ

มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว...คุณครูสมจิตรที่เด็กๆ รู้จักคือครูฝ่ายปกครองเจ้าระเบียบมีไม้เรียวคูใจใช้สั่งสอนเด็กดื้อทั้งหลาย ช่วงนั้นแม่ของเขาเริ่มจะมีปัญหาสายตาพร่ามัวเนื่องจากสังขารที่ล่วงเลยไปตามวัย ทำให้ต้องใส่แว่นเพื่อดึงสายตาอันยืดยาวให้กลับมาเข้าที่มองทางได้ปกติ แรกๆ แม่บ่นรำคาญเพราะไม่เคยใส่แว่นมาเลยตลอดชีวิต หลังๆ มาเริ่มติดจนขาดไม่ได้...แล้ววันหนึ่งลูกศิษย์จอมซนก็ก่อเหตุขโมยตาคู่ที่สองของครูเจ้าระเบียบไปซ่อนทำให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน แม่...ตกบันไดจนข้อมือหัก ต้องผ่าตัดและเข้าเฝือกมือขวาใช้การไม่ได้ไปนานหลายเดือน และถึงกระดูกจะเริ่มเชื่อมติดกันแล้ว แต่มันก็มีปัญหาที่ว่าไม่สามารถถือกำอะไรหนักๆ นานๆ ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ทำให้ไม่สามารถใช้ไม้เรียวคู่ใจได้อีกเลย

โชคดีที่ตอนหลังมีนโยบายห้ามใช้ความรุนแรงกับเด็ก ไม่ให้ทำโทษด้วยไม้เรียว แม่จึงไม่ได้เครียดกับการไม่ได้ใช้ไม้เรียวมากนัก

แต่คงยังไม่ลืม...

“โอ๊ย! ตายแล้ว ทำยังไงดีล่ะคุณ ฉันไม่อยากเจอครูสมจิตรในสถานการณ์แบบนี้นะ แค่ทำครูเจ็บฉันก็รู้สึกผิดพอแล้ว นี่ถ้าจะต้องทำผิดซ้ำซากอีก บาปก็กินหัวฉันตายพอดี” ไม้หอมโวยวายพลางกระตุกเสื้อคนข้างกายอย่างลืมตัว ตาคู่สวยจับจ้องไปที่ร่างท้วมที่กำลังยืนตระหง่านอยู่หน้าตัวบ้านด้วยแววหวาดหวั่น

มือหนาเอื้อมมากุมมือเรียวที่เกาะเกี่ยวเขาไว้เบาๆ “ผมเชื่อว่าแม่ผมเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่ถือโกรธอะไรลูกศิษย์ที่ซนไปตามวัย”

“แม่คุณไม่โกรธวันนี้ วันหน้าก็ต้องโกรธ!”

“แม่ผมไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนั้นหรอกน่ะ” น้ำเสียงทุ้มแฝงด้วยความไม่พอใจนิดๆ

“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงเรื่องที่เรา...เอ่อ รู้กันสองคน” ไม้หอมอ้อมแอ้มบอก เมื่อเห็นแววตาอยากรู้อยากเห็นที่เปล่งประกายวาววับอยู่ข้างหลัง

เธออยากบอกว่าหมายถึงเรื่องที่เขาจ้างเธอมาโกหกว่าเป็นคนรักของเขาต่างหากเล่า...ถ้าครูรู้ว่าเธอยอมแม้กระทั่งโกหกคนอื่นเพื่อเงิน บั้นท้ายเธอได้กลายเป็นทางม้าลายแน่ๆ!
แต่มันพูดได้เสียที่ไหน...คิดพลางเหลือบมองเวหาที่นั่งจ้องหน้าเธอเขม็ง

“คุณไอ...เราเลิกกันแค่นี้เถอะ ฉันไม่อยากทำผิดต่อครูอีกแล้ว ขอโทษนะที่ทำตามที่คุณต้องการไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่อยากฝืนใจทำอะไรผิดๆ เหมือนกัน” ไม้หอมตัดสินใจ

“เฮ้ย! อะไรกันครับ เรื่องแค่นี้ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดนั้นล่ะ ค่อยๆ คุยกันหาทางแก้ก็ได้นี่ คุณแม่คงไม่ใจไม้ไส้ระกำอยากเห็นลูกชายเสียใจเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุหรอกนะครับ”

ที่แน่ๆ คนที่ชิงตอบไม่ใช่คนที่เธออยากได้ความเห็น

เวหามีท่าทีร้อนใจ “โธ่...ไอ ทำไมแกไม่พูดอะไรเลยวะ ไม่เห็นเหรอว่าคุณหอมไม่สบายใจ โอบไหล่ปลอบใจเธอหน่อยสิ”

และที่แน่ยิ่งกว่าแน่ ไอศูรย์กำลังคิดว่าเพื่อนเขากลายร่างเป็นผู้กำกับละครน้ำเน่าตอนหัวค่ำ
แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว...

มือหนากระชับมือเรียวที่กุมอยู่แน่นขึ้น ใช้ดวงตาคู่คมจ้องดวงหน้าใสที่ติดแววสงสัยด้วยสีหน้าจริงจัง
“ขอร้องล่ะครับ ผมขาดคุณไม่ได้ คุณจำเป็นสำหรับผมมากจริงๆ”

เธออยากอ้าปากปฏิเสธ แต่เพราะนัยน์ตาอ้อนวอน และคำขอร้องตรงหน้าทำเอาใจอ่อน...เขากำลังเดือดร้อน และการช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน...มันไม่ผิดไม่ใช่หรือ?

“แต่ว่า...”

“เราลองดูก่อนก็ได้ แล้วถ้ามันไหวจริงๆ...เราค่อยมาพูดกันอีกที” ในตอนท้ายประโยคไอศูรย์เหลือบมองไปทางผู้กำกับที่นั่งมองฉากง้องอนของพวกเขาด้วยความตั้งใจ คล้ายจะบอกเธอเป็นนัยๆ ว่ารอให้ถึงเวลาที่ไม่มีตัวกวนก่อนเถอะ ค่อยวางแผนกันใหม่อีกที

“นั่นสิครับคุณหอม ลองเจอคุณแม่สักครั้งสิครับ” ตัวกวนที่ยังไม่รู้ตัวรีบเสริม “ตอนเด็กๆ เราทำอะไรผิดพลาดเพราะความซุกซนและความไม่รู้ แต่เมื่อถึงเวลาที่เรารู้แล้วว่าสิ่งที่ทำมันผิด จะขอโทษตอนนี้ก็ไม่สายนี่ครับ ผู้ใหญ่เขารับฟังเราเสมอนั่นแหละ ยิ่งผู้ใหญ่ใจกว้างอย่างคุณแม่ด้วยแล้ว ผมเอาหัวเป็นประกันเลยว่าคุณแม่ต้องไม่ว่าอะไรคุณสักคำ” ว่าแล้วฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใส มันสว่างจนไม้หอมรู้สึกว่า...ไม่ว่าความทุกข์อะไรก็คงถูกรอยยิ้มจ้านั้นบังอำพลางไปหมด

เพิ่งรู้ว่าคนอย่างนายเวหาจะมีความคิดดีๆ กับเขาเหมือนกัน...แม้ว่าไอ้ความคิดดีๆ ที่ว่า จะเป็นการยุ่งเรื่องชาวบ้านก็เถอะ!

แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ เขาทำให้เธอได้คิด...ว่าควรไปเผชิญหน้ากับความจริง ขอโทษครูสมจิตรสักครั้ง...

“ค่ะ ก็ได้” คำตอบของไม้หอมเรียกรอยยิ้มขึ้นฉาบหน้าชายหนุ่มทั้งสอง ก่อนจะเรียกรอยตระหนกบนดวงหน้าคมของชายผมแดงเมื่อได้ฟังคำพูดถัดมา “ฉันจะยอมไปให้ครูต่อว่าสักหน่อย เผื่อจะได้เอาหัวของใครบางคนไปแทนลูกฟุตบอล”




แล้วความเป็นจริงก็ทำให้เวหาตระหนักได้ว่า ระยะเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้รู้จัก ‘คุณแม่ของไอศูรย์’ ดีพอถึงขั้นควรจะเอาศีรษะรูปสวยเป็นประกัน

“นี่ยัยหัวหอมเธอคิดว่าแค่คำขอโทษคำเดียวจะลบล้างความผิดที่เธอทำไว้ได้หรือยะ!” นั่นเป็นเสียงสูงแหลมของครูใจดีศรีประเสริฐอย่างคุณแม่ที่ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำและใจกว้างดุจแม่น้ำที่พล่ามยาวมาเกือบสองชั่วโมงหลังจากจำได้ว่าผู้หญิงที่ลูกชายพาเข้าบ้านมาคือลูกศิษย์ตัวร้ายที่ชื่อ ‘ยัยหัวหอม’

“อ้อที่พูดนี่ไม่ได้แปลว่า ถ้าเธอเอาของอย่างอื่นมาขอโทษแล้วมันจะลบล้างได้หรอกนะ ความผิดก็คือความผิด ฉันสอนเธอจนปากเปียกปากแฉะว่าให้คิดก่อนทำ ไม่ใช่ทำแล้วมาคิด ถึงมันจะเป็นความผิดเล็กๆ แต่ก็สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นไม่มากก็น้อย ทำไมไม่จำบ้างหา! แล้วนี่ถ้าไม่เพราะบังเอิญต้องมาเจอหน้ากัน ฉันจะได้เห็นหัวเธอไหมเนี่ย?”

“ช่วงนี้...หนูงานยุ่งค่ะครู แต่ถ้าครูอยากเจอก็มาหาได้เหมือนกัน” ไม้หอมตอบพลางยิ้มเจื่อน

“เฮอะ! งานยุ่ง เด็กสมัยนี้เป็นอะไรกันหมด เอะอะก็อ้างงานยุ่ง งั้นวันนี้คงเป็นวันเดียวที่ว่างซะล่ะมั้ง ถึงสละเวลาอันมีค่าของเธอมาทานข้าวกับผู้ชายได้”

ความจริงก็กำลังทำงานพิเศษอยู่...ไม้หอมนึกอยากตอบเช่นนั้น แต่ทำได้เพียงฉีกยิ้ม

“โธ่ครูขา...หนูต้องทำงานส่งน้องเรียน แล้วยังต้องหาเงินช่วยเด็กๆ ยากจนที่โรงเรียนอีกนะคะ มีเวลาส่วนตัวไม่มากหรอกค่ะ หนูรู้อยู่แล้วว่าครูเป็นแม่คุณไอ แล้ววันนี้หนูตั้งใจมาหาครูไงคะ” เธอพูดประจบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานอย่างหาได้ยากยิ่งยามปกติ

สมจิตรชำเลืองมองหน้าใสของลูกศิษย์ตัวร้ายของตนเองแวบหนึ่ง
“ย่ะ!” คำตอบรับของสมจิตรทำเอาเวหาใจหล่นวูบ...คุณแม่นี่แค้นฝังหุ่นกว่าที่เขาคาดเอาไว้อยู่โข

“เอ่อ...ผมหิวแล้วครับคุณแม่ เราไปทานข้าวกันเถอะนะ...นะ” คนเอ่ยแทรกเข้าไปเกาะแขนประจบประแจงทำท่าน่าเอ็นดู หวังให้อดีตครูที่กำลังสุมไฟโทสะไว้ในใจคลายความกรุ่นโกรธลง พลางหันไปมองหาตัวช่วยที่ไม่ได้มีท่าทีสนใจใยดีกับเหตุการณ์ตรงนี้เท่าไหร่

ไอศูรย์กำลังมองตรงเข้าไปในห้องครัวที่มีเสียงคุยหยอกล้อกันดังลอดออกมาเป็นระยะๆ ด้วยสายตาแวววับประหลาดอย่างที่เวหาไม่เคยเห็น ด้วยความสงสัยเลยชะโงกหน้ามองตามไป

“มองอะไรอยู่วะ ตาไม่กะพริบเลย” กระซิบกระซาบเบาๆ

“ยัยจีพาใครมาครับแม่” ไอศูรย์ไม่สนใจจะตอบ หันไปถามสมจิตรที่กำลังเดินมาใกล้ แล้วเผื่อแผ่สายตาขุ่นขวางมายังเพื่อนซี้

“อ๋อ...ก็วีเพื่อนของจีที่แม่เล่าให้ฟังวันนั้นไงจ๊ะ ไปๆ กินข้าวกัน จะได้รู้จักกันไว้” น้ำเสียงตอนพูดคุยกับไอศูรย์ช่างแตกต่างจากตอนอาละวาดใส่ไม้หอมโดยสิ้นเชิง

พอเดินเกือบพ้นประตูไป สมจิตรก็หันมาปรายตามองลูกศิษย์ตัวแสบที่ยืนทำตาปริบๆ
“เอ้า...มัวยืนอยู่ทำไมยะ ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวได้หิวตายกันพอดี”

แม้ถ้อยคำและน้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความหมั่นไส้ แต่ไม้หอมรู้สึกถึงกระแสความห่วงใยและความอ่อนโยนในความหมายนั้นได้...เธอยิ้มรับด้วยหัวใจที่เบาโหวงราวกับภูเขาแห่งความผิดที่ทับถมในจิตใจได้ถูกยกออกไปจนหมดสิ้น

ร่างสูงบางรีบเดินเข้าไปเกาะแขนข้างที่ว่างของสมจิตรเอาไว้
“ตกลงครูยกโทษให้หนูแล้วใช่ไหมคะ?” คำถามที่ทำเอาอดีตครูอดที่จะค้อนขวับสะบัดหน้าใส่คนถามไปอีกหนึ่งทีไม่ได้ แต่คำตอบที่ตามมา...เธอคิดว่ามันคุ้มค่ากับการยอมโดนด่าอยู่ตั้งหลายชั่วโมง

“ย่ะ!”




อาหารค่ำวันนี้มีของโปรดของเขาอยู่หลายจาน แต่ทำไมเขาถึงรับได้แต่รสเฝื่อนขมในปาก ไอศูรย์ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะลิ้นเขามีปัญหา หรือ ตาเขากันแน่ที่มี?

“อ๊ะ วีอันนี้จีทำเองแหละ” แล้วเนื้อปลาช่อนแดดเดียวสีเหลืองทองคำโตก็ถูกพาผ่านสายตาของเขาไปวางแหมะอยู่กลางจานข้าวของชายหนุ่มหน้าคมเข้มผิวสีน้ำผึ้งตรงหน้า

ริมฝีปากหยักรูปสวยยกขึ้นน้อยๆ รับกับจมูกโด่งงุ้ม “ขอบใจจ้ะ จีอยากกินอะไรเดี๋ยวตักให้”

“อืม...เอาทอดมันก็ได้ จีตักไม่ถึงวีตักให้หน่อยนะ” จีรนันท์บอกเสียงหวาน จนคนที่ทนฟังไม่ได้ต้องซัดสายตาไปยังเป้าหมายชิ้นสุดท้าย แล้วชิงจิ้มเข้าปากตัวเองไปคำใหญ่เคี้ยวตุ้ยๆ

คนตั้งท่าจะตักชะงักมือค้างไว้เก้อๆ
“อ้าว พี่ไอจียังไม่ได้กินเลย”

“อ๋อเหรอ...งั้นเอาผัดลูกชิ้นนี่แทนมั้ย พี่ตักให้” ว่าแล้วคนแสร้งทำไม่รู้อะไรก็ตักลูกชิ้นใส่จานจีรนันท์ไปกองใหญ่ก่อนย้ำ “กินให้หมดนะ วีเอาด้วยไหม?” ไม่วายยังหันไปถามเผื่อแผ่คนข้างกายจีรนันท์

ปฐวีส่ายหน้าพรืด “เดี๋ยวผมตักเองก็ได้ครับพี่ไอ”

“ตักอะไรไม่ถึงบอกพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่บริการให้” บอกแล้วยิ้มเย็น...ยะเยือกเข้าไปถึงหัวใจ

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอไปก่อนกลั้นใจบังคับเสียงที่ทำท่าจะสั่นตอบออกไป “ครับ”

หลังจากศึกชิงทอดมันปลากรายเพิ่งจบไป ไม้หอมก็เริ่มชวนสมจิตรที่นั่งอยู่ข้างๆ จีรนันท์คุย
“อาหารวันนี้อร่อยมากเลยค่ะครู หนูชอบน้ำพริกกะปิของครูม้ากมาก...” เธอเอ่ยปากชมจนคนเป็นครูอดอมยิ้มไม่ได้

เวหามองไปยังถ้วยน้ำพริกที่อยู่ด้านหน้าของตนเองอย่างมาดหมาย...

จีรนันท์ตักลูกชิ้นเข้าปากแล้วเบ้หน้าเมื่อได้ฟังเสียงเจื้อยแจ้วของผู้หญิงอีกคน...เธอไม่ได้ตั้งใจ แต่คงเป็นเพราะอคติที่สูงท่วมสติทำให้มองยังไงๆ ก็ไม่นึกถูกใจแฟนคนใหม่ของพี่ไอสักที...

คิดแล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการกองลูกชิ้นในจานต่อไป พลางเหลือบมองไปทางชายหนุ่มอีกคนที่กำลังลอบก่อการบางอย่างกับจานข้าวของไม้หอม รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นบนดวงหน้าเมื่อคิดได้ว่า...เธอยังมีพี่เวหาเป็นพวกอีกทั้งคน!

“ทำอะไรของคุณน่ะ!”

“ก็คุณบอกชอบน้ำพริกกะปิไง ผมเลยตักให้” ว่าแล้วตักน้ำพริกราดแตงกวากับผักสดที่กองอยู่ในจานของไม้หอมจนชุ่ม

“จะบ้าเหรอ ฉันชมครูไปอย่างนั้นเอง ฉันกินเผ็ดขนาดนี้ไม่ได้หรอก” ไม้หอมกัดฟันกระซิบกระซาบกับเวหาเบาๆ

“อ้าว...ผมหวังดีนะเนี่ย กลัวคุณตักไม่ถึง”

ไม่รู้ว่าจะทำตัวเป็นผู้หวังดีไปถึงไหน แค่นี้ท้องไส้เธอจะรอดออกจากบ้านนี้ไปได้หรือเปล่าก็ไม่รู้!

ไม้หอมจ้องกองน้ำพริกตรงหน้าอย่างพะอืดพะอม แล้วผู้หวังดีอีกคนก็ถามขึ้น
“เอาผัดลูกชิ้นไหมครับ?”

โธ่! เธออยากจะบ้า...




“เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่ายัยหัวหอม?” เสียงนุ่มนวลของสมจิตรถามไถ่อาการของไม้หอมด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“มะ...ไม่เป็นไรหรอกค่ะครู หนูก็เป็นของหนูแบบนี้ เดี๋ยวก็หาย”

อดีตครูกระตุกแว่นตาให้เข้าที่ ขยับเข้าไปจ้องใบหน้าที่เคยขาวเนียนใสใกล้ๆ สำรวจตุ่มผื่นที่ขึ้นมาเป็นจุดๆ และเรียวปากสวยที่บวมเจ่อขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
มือเรียวเริ่มถูไถใบหน้าที่คันคะเยอ ก่อนจะทวีความแรงขึ้นเมื่อใกล้สิ้นสุดความอดทนจนแก้มใสแดงเป็นปื้น

“ไปโรงพยาบาลดีกว่ามั้ย”

“ไม่ต้องหรอกค่ะครู พรุ่งนี้ก็หายแล้ว หนูทานน้ำพริกของครูจนลืมไปเลยว่าแพ้พริก แสดงว่าน้ำพริกครูนี่อร่อยจริงๆ ไม่คิดทำขายบ้างเหรอคะ” เธอเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง แต่ไหนเลยจะรอดพ้นผู้มากประสบการณ์กำหราบเด็กอย่างครูเจ้าระเบียบ

“ใครให้รอพรุ่งนี้กันยะ ถ้าเธอไม่หายเดี๋ยวนี้ฉันจะให้ไอไปส่งเธอที่โรงพยาบาลคืนนี้แหละ”

ทันทีที่ได้ยิน หน้าที่กำลังเห่อแดงเพราะผื่นคันก็ซีดสีลง แต่คงไม่มีใครสังเกตเห็น...นอกจากเขา

“ครูคะ...” ยังไม่ทันที่ไม้หอมจะได้เกลี้ยกล่อมขอไม่ไปโรงพยาบาล ผู้หวังดีอันดับหนึ่งก็เอ่ยแทรก

“งั้นผมไปส่งคุณหอมให้เองครับ พอดีผมจะแวะไปทำธุระข้างนอกแล้วจะกลับมาค้างที่นี่ด้วย ขอยืมรถไปใช้หน่อยนะไอ”
ไอศูรย์พยักหน้าแทนคำตอบ แล้วยื่นกุญแจรถให้

“ไปเร็วคุณหอม ได้เวลานอนพักผ่อนแล้วครับ” เวหาเรียก ‘เด็กดื้อ’ ที่ตีหน้าดุใส่เขาแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียง “อ๊ะๆ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิครับ หรือว่าอยากถูกจับฉีดยาที่โรง’บาลล่ะ” เขาแอบกระซิบบอกเธอที่เพิ่งนึกรู้ความหมายที่แท้จริง...เขาจะพาเธอไปส่งบ้าน ไม่ใช่โรงพยาบาล...

ไม้หอมรีบหันไปล่ำลาทุกคน ก่อนที่นายเวหาจะเปลี่ยนใจ “งั้นหนูลานะคะครู คุณไอ น้องจี น้องวี” เธอยกมือไหว้สมจิตร แล้วยกมือโบกเป็นกันเองให้กับคนที่เหลือ ไอศูรย์กับปฐวีโบกมือตอบ แต่จีรนันท์กลับหันหน้าไปอีกทาง จงใจมองไม่เห็นการอำลาของเธอ...

แม้น้องสาวของไอศูรย์จะดูเด็กกว่าเธอไม่กี่ปี แต่ท่าทางแบบนั้นทำให้เธอนึกถึงเด็กสิบขวบเวลาตั้งใจจะทำเมินผู้ใหญ่...คิดแล้วน่าตีนักเชียว!

“จะไปกันหรือยังครับ ดึกๆ ผมง่วง เดี๋ยวขับรถผิดทางวกเข้าที่อื่นไม่รู้นะ”

ได้ยินดังนั้น ไม้หอมก็ก้าวยาวออกไปนั่งบนรถด้วยความรวดเร็ว ให้เวหายิ้มขำมองตามร่างสูงบางไป...คนอะไรอย่างอื่นไม่กลัว แต่กลัวโดนจับไปโรงพยาบาล...

***************************



Create Date : 16 ตุลาคม 2551
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2551 21:06:19 น. 1 comments
Counter : 270 Pageviews.

 
มาเร็วเร็วน้า


โดย: bee (wasi ) วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:19:45:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kakanan
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอความกรุณา
อย่านำภาพถ่าย, บทความ,
งานเขียน รวมถึงข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด
ใน Blog แห่งนี้ ไปใช้เผยแพร่
ไม่ว่าส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์
ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรนะคะ

Friends' blogs
[Add kakanan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.