มาดูกันว่าทำไมราวแขวนเสื้อผ้าบ้านดิฉันจึงหัก และเสื้อผ้าที่ถูกที่สุดในโลก กันค่ะ
สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ และน้อง ๆ ชาวบล๊อกแก็งค์
ช่วงนี้ชีวิตดิฉันไม่ค่อยได้ไปไหน เลยไม่ค่อยมีอะไรมาอัพเดทบล๊อก แต่เห็นเพื่อน ๆ และน้อง ๆ มาเยียม แล้วเห็นแต่บล๊อกกางเกงนอนที่ดิฉันใส่ไปทำงาน ดิฉันเลยต้องหาบล๊อกแก้ขัดมาอัพเดท
ก่อนทีจะมาเข้าบล๊อกแก้ขัดของดิฉัน ก็มาอัพเดทชีวิตของดิฉันก่อนน่ะค่ะ ตามธรรมเนียม
สีปดาห์ที่ผ่านมานี้ ตารางการทำงานของดิฉันลดไปเกือบสองชั่วโมง ทำให้ดิฉันรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เพราะดิฉันคิดเสมอว่าดิฉันตั้งใจทำงาน หาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตให้กับห้างแทบทุกวัน มากกว่านั้นดิฉันก็เป็น Top ของ District ที่สามารถหาลูกค้ามาทำบัตรได้สูงที่สุด
District ของห้างที่ดิฉันก็จะมีหลายสาขา เห็นผู้จัดการบอกว่าใน district ที่สาขาห้างดิฉันตั้งอยู่มีถึง 12 สาขา รวมไปถึงสาขาที่ฮาวายด้วยค่ะ ดิฉันก็ภูมิใจน่ะค่ะว่าตอนนี้ดิฉันไม่ได้เป็นท๊อปของพนักงานในห้างเท่านั้น ดิฉันยังเป็น Top ของ District แล้ว ไม่ต้องบอกว่าผู้จัดการจะดีใจแค่ไหน เพราะสาขาที่ดิฉันทำงานไม่ได้ใหญ่มากเลย เมื่อเทียบกับสาขาอื่น แต่พนักงานที่ทำยอดการหาเครดิตสูงที่สุดของหลาย ๆ สาขาที่มาแข่งขันกันก็คือดิฉัน
การที่จะหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตของห้างฯ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะคนอเมริกันจะเป็นโรคกลัวบัตรเครดิตมาก เพราะบางคนมีบัตรเครดิตแล้วทำให้ควบคุมการใช้จ่ายไม่ได้ แล้วเมื่อควบคุมไม่ได้ ก็มีผลกับการจ่ายเงินไม่ตรงตามเวลา ทำให้เสียดอกเบี้ยสูง
บางรายที่กำลังผ่อนบ้าน หรือเครคิดไม่ค่อยดีต้องการที่จะรักษาระดับเครดิตไว้ ก็จะไม่ยอมทำ เพราะการสมัครทำบัตรเครดิตหนึ่งครั้ง จะถูกตัดคะแนนเครดิตไปหนึ่งแต้มแล้ว
สำหรับคนที่เครดิตดี บางคนไม่อยากทำบัตรเครดิตที่ห้างฯ เพราะพวกเค้าอ้างว่าพวกเค้ามีบัตรเครดิตเยอะอยู่แล้ว แล้วไม่ค่อยได้มาห้างฯ ดิฉันบ่อย เลยไม่เห็นความจำเป็นของการทำบัตรเครดิตกับห้างฯ ของดิฉัน
ลูกค้าบางคนอยากสมัครทำบัตรเครดิตกับห้างฯ ดิฉันเพราะข้อดีคือได้รับส่วนลดเมื่อสมัครครั้งแรก แล้วยังได้คูปองส่วนลดอีกในการซื้อครั้งต่อไป มากกว่านั้นการทำบัตรเครดิตกับห้างฯดิฉันและห้างฯ ในอเมริกาไม่ต้องเสียค่าบริการใด ๆ เลย ลูกค้าพวกนี้อยากจะสมัครบัตรเครดิตมาก ยิ่งพวกนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะพวกเค้ามาห้างฯ ดิฉันก็เพราะต้องการซื้อเสื้อผ้าห้างฯ ดิฉันกลับไปประเทศของพวกเค้า เพราะเสื้อผ้าห้างฯ ดิฉันราคาถูก ชาวต่างชาติชอบยี่ห้อห้างฯ ดิฉันมาก ๆ แต่ไม่สามารถสมัครได้ คือพวกที่ไม่ใช่คนอเมริกัน หรือพวกที่ไม่มี Social Socurity , Debit or Credit Card , ID
ซึ่งปัญหาพวกนี้ดิฉันพบบ่อยมาก ดิฉันคุยกับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว พอให้ลูกค้ากรอกใบสมัคร ลูกค้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ หรือจำเลข Social Socurity ไม่ได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าวพนักงานจึงทราบว่าการหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตนั้นไม่ใช้เรื่องง่าย และมากกว่านั้น บางครั้งลูกค้าก็คิดว่าเมื่อมาทำบัตรเครดิตกับห้างฯ ดิฉันแล้วต้องเสียค่าบริการ ซึ่งไม่ใช่เลยไม่ต้องเสียค่าบริการใด ๆ แถมยังได้ส่วนลดอีก แต่อย่างว่าล่ะค่ะต่างคนต่างความคิด
สำหรับพนักงานใหม่ ๆ แรก ๆ ก็คงคิดว่าการหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตเป็นสิ่งง่าย เพราะเวลาพนักงานใหม่ ๆ มา ผู้ช่วยฯ ก็จะแนะนำว่าดิฉันคือท๊อปของการหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิต พนักงานใหม่ ๆ จะชอบมาถามดิฉันหาวันนี้หาได้กี่รายแล้ว แล้วมาแอบดูเวลาดิฉันหาลูกค้าทำบัตรเครดิต
พนักงานซีซันแนลบางคนก็บอกว่าตั้งแต่ทำงานมายังหาลูกค้าไม่ได้เลยสักคน กลัวจะไม่มีผลงาน ห้างฯอาจจะไม่เก็บพวกเค้าเอาไว้ ดิฉันก็บอกกับพวกเค้าว่าดิฉันก็มาจากลูกจ้างซีซันแนล ถ้าทำงานดีหมดสัญญาเค้าก็ให้ทำต่อ และดิฉันก็พูดปลอบไปว่ากว่าดิฉันจะมาถึงจุดนี้ใช้เวลาเป็นปี
ดิฉันยังจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้ไม่ลืมเลย และขอบคุณผู้ช่วยผู้จัดการคนที่บังคับให้ดิฉันหาลูกค้า ถ้าเธอไม่บังคับดิฉัน ดิฉันคงไม่มีวันนี้แน่นอน เกือบปีที่หาลูกค้าทำบัตรเครดิตไม่ได้สักคน แล้วมีวันหนึ่งผู้ช่วยฯ ซึ่งทำให้ดิฉันมีวันนี้ ได้บังคับดิฉันว่าถ้าดิฉันวันนั้นยังหาลูกค้าทำบัตรเครดิตไม่ได้เลยสักคน อาจจะต้องถูกไล่ออก ตอนนั้นเชื่อไหมค่ะ ในใจคิดว่าถ้าวันนั้นดิฉันหาลูกค้าไม่ได้ ดิฉันอาจจะเอาใบสมัครทำบัตรเครดิตของห้างฯ ไปให้สามีกรอก เพื่อให้ได้ลูกค้า จะได้ไม่ถูกไล่ออก
แต่เพราะความกลัวที่จะถูกไล่ออก เพราะผู้ช่วยฯ คนนั้นให้เหตุผลว่าดิฉันทำงานมาเกือบปีไม่มีผลงานปฏิบัติงานเลย และประกอบกับโชคดี วันนั้นดิฉันก็หาลูกค้าได้ถึงสองราย ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็หาลูกค้าได้มาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นท๊อปของพนักงานและ District
อาทิตย์ที่ผ่านมาดิฉันจึงอารมณ์เสียมาก ๆ เรื่องการตัดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน พอดิฉันเห็นผู้จัดการ ดิฉันก็บอกว่าทำไมมาตัดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน ผู้จัดการก็บอกว่าสัปดาห์นี้เค้าไม่ได้เป็นคนจัดตาราง ดิฉันก็บอกไปว่า เมื่อตัดชั่วโมงการทำงานของดิฉันอย่างนี้ ดิฉันก็จะไปหางานที่สองทำ เพราะดิฉันไม่อยากอยู่บ้าน ผู้จัดการก็พูดเล่นว่าถ้าดิฉันไปหางานที่สองทำ จะไล่ดิฉันออก ดิฉันตอนนั้นไม่สนใจ พูดเล่นด้วยหรอก เพราะโกรธมาก ๆ คิดแต่เพียงว่านี่หรือสิ่งที่ดิฉันได้รับจากการทำงานหนัก ช่วยเหลือลูกค้า พยายามหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตให้ห้างฯ ทำให้ห้างฯ ได้หน้าได้ตา
ลืมบอกไปดิฉันเคยบอกกับผู้จัดการตั้งแต่ก่อนวันแทงค์กิฟวิ่งแล้วว่าดิฉันอยากเป็นแคชเชียร์ ไม่อยากอยู่หน้าร้าน อยู๋ห้องลองเสื้อผ้า เพราะดิฉันคิดว่าถ้าดิฉันเป็นแคชเชียร์ ดิฉันสามารถหาลูกค้าทำบัตรเครดิตได้ง่ายและดิฉันต้องการประสบการณ์เพิ่ม
ผู้จัดการก็บอกว่าจะเทรนให้ แต่ก็ไม่คิดจะเทรนดิฉันสักที อาจจะเพราะผู้จัดการไม่มั่นใจว่าดิฉันจะทำได้ เพราะภาษายังไม่แข็งแรงพอเนื่องจากบางครั้งดิฉันก็ยอมรับว่าสำเนียงดิฉันบางครั้งพูด อาจจะฟังยาก เพราะติดสำเนียงไทย ไม่เน้นเสียงสูง เสียงต่ำและดิฉันตอนอยู่เมืองไทยก็เรียนแต่สำเนียงบริติช แล้วห้างฯ ดิฉันก็เป็นห้างฯ ของคนอเมริกัน พนักงานทุกคนสำเนียงอเมริกันเพราะเกิดกันที่นี่ หรือถ้ามองในแง่ดีก็คือผู้จัดการอยากจะเก็บดิฉันให้อยู่ในด้านการขาย ช่วยเหลือลูกค้า
ดิฉันกลับมาบ้านทีไรก็มาบ่นกับสามีว่า ผู้จัดการไม่เห็นเทรนดิฉันสักที ที่จะเป็นแคชเชียร์ ดิฉันรู้สึกน้อยใจมาก ๆ และคิดว่าคงไม่เทรนดิฉันเป็นแคชเชียร์แน่ ๆ
กลับมาต่อค่ะ พอดิฉันบอกกับผู้จัดการว่าดิฉันจะไปหางานที่สองทำ เพราะห้างลดชั่วโมงการทำงานดิฉัน แล้วผู้จัดการก็พูดเล่นว่าจะไล่ดิฉันออกถ้าดิฉันไปหางานที่สองทำ แล้วดิฉันก็ไปพักค่ะ
พอดิฉันไปพักกลับมา ผู้จัดการก็เรียกดิฉันไปที่หน้าห้างฯ แล้วบอกว่าเค้าจะเทรนดิฉันเป็นแคชเชียร์ แต่ก็เทรนได้ชั่วโมงกว่า ๆ ก็หมดตารางการทำงานของดิฉัน ขณะทีทำหน้าที่แคชเชียร์ดิฉันหาลูกค้าได้ถึงสองรายอย่างง่ายมาก ๆ เลย
แล้วพอดิฉันไปทำงานวันต่อมาอีก ผู้จัดการก็ไม่ได้เทรนดิฉันเป็นแคชเชียร์ ให้ไปอยู่หน้าร้านและห้องลองเสื้อผ้า แต่วันนั้นวันเสาร์ด้วยลูกค้าเยอะ และพนักงานแคชเชียร์ก็มีมากพอ แต่พอดิฉันเห็นผู้จัดการ ดิฉันก็ไม่อยากพูดด้วย ผู้จัดการถามว่าเป็นอะไร ดิฉันก็ไม่ตอบ
ตอนนั้นใจคิดแต่ว่าทำไมมาหักชั่วโมงการทำงานของดิฉัน ทำไมดิฉันถึงทราบก็เพราะดิฉันจะแอบไปถามพนักงานแต่ละคนว่าสัปดาห์ทำงานวันอะไรบ้าง ทำงานกี่ชั่วโมง แล้วดิฉันก็ได้ทราบว่าบางคนได้ชั่วโมงทำงานเท่าดิฉัน บางคนได้มากกว่าอีก ทั้ง ๆ ที่หาลูกค้าทำบัตรเครดิตไม่ได้เลยสักราย แล้วอย่างนี้มันยุติธรรมสำหรับดิฉันแล้วหรือ
พอวันอังคารที่ผ่านมาดิฉันไปทำงาน ก่อนทำงานต้องไปหาผู้จัดการหรือผู้ช่วยก่อนว่าวันนี้อยากจะทำอะไร ช่วงเข้างานมีดิฉันและเพื่อนอีกสองคน ผู้จัดการก็พูดบลา บลา แล้วก็เน้นว่าให้พนักงานทุกคนหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตด้วย เพราะตั้งแต่เช้าถึงบ่ายสองเพิ่งหาได้เพียงหนึ่งคน
ตอนนั้นดิฉัไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นแล้วค่ะ เพราะโมโหที่ลดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน ดิฉันบอกต่อหน้าผู้จัดการและเพื่อนอีกสองคนว่าวันนี้ดิฉันไม่หาลูกค้าทำบัตรเครดิตหรอก ผู้จัดการบอกว่าทำไมไม่ยอมหาลูกค้าทำบัตรเครดิต ดิฉันบอกดิฉันยกให้เพื่อนสองคนหาลูกค้าแทนดิฉัน
ผู้จัดการก็คงโมโหดิฉันที่ทำให้เค้าเสียหน้าต่อพนักงานสองคน จึงบอกว่าให้พนักงานสองคนไปเริ่มงานได้ แต่สำหรับดิฉันต้องอยู่ก่อน แล้วผู้จัดการก็พูดเรื่องการหาลูกค้าทำบัตรเครดิต ดิฉันก็รับฟังและบอกกับผู้จัดการว่าเห็นไหมวันที่เทรนดิฉันเป็นแคชเชียร์ในเวลาชั่วโมงครึ่งดิฉันหาลูกค้าได้ถึงสองราย หาง่ายมากถ้าดิฉันได้ทำหน้าที่แคชเชียร์
ผู้จัดการก็เลยบอกให้ดิฉันเดินไปที่หน้าห้างฯ เพื่อไปหาผู้ช่วยฯ อีกคน แล้วผู้จัดการก็บอกว่าจะเทรนดิฉันเป็นแคชเชียร์ ผู้ช่วยฯคนนั้นก็บอกว่าดี แล้วเธอก็จะคอยสอนดิฉัน ตอนนี้ดิฉันก็ได้ทำงานแคชเชียร์บ้างฯ ถ้าลูกค้าเยอะ ๆ แคชเชียร์ประจำทำงานไม่ทัน
ถ้าลูกค้าจ่ายเงินสด บัตรเครดิต ดิฉันก็ไม่มีปัญหา แต่เวลาลูกค้าจ่ายเช็ค ใช้คูปอง ใช้ส่วนลดอื่น ๆ ดิฉันก็ยังงง ๆ อยู่ต้องคอยถามผู้จัดการหรือผู้ช่วยฯ
เมื่อวันแรกที่ทำหน้าที่แคชเชียร์ ดิฉันก็ทำผิดพลาดไปคือไปคิดเงินลูกค้าซ้ำ ตอนนี้เวลาแสกนราคาดิฉันจะต้องระมัดระวังมาก ๆ และต้องคอยนับชิ้นสินค้าไว้
เมื่อวานดิฉันก็ทำหน้าที่แคชเชียร์ แต่ยังไม่เก่งเท่าไรเลยเพราะมันมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ ต้องปฏิบัติและเจอเหตุการณ์บ่อย ๆ
เมื่อวานเช่นกันดิฉันทำงานพร้อมผู้ช่วยฯที่ลดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน เธอก็บอกว่าสัปดาห์หน้าเธอเป็นคนจัดตารางการทำงาน ได้เพิ่มชั่วโมงการทำงานให้ดิฉัน ดิฉันก็ยังคงไม่ชอบเธอใช่ไหม ดิฉันก็ยิ้มเพราะดิฉันสนิทกับผู้ช่วยฯอีกคน
ดิฉันบอกว่าดิฉันก็ยังอารมณ์เสีย ไม่เช้าใจว่าทำไมสัปดาห์นี่ถึงหักชั่วโมงการทำงานดิฉันไป ดิฉันทำงานไม่ดีหรืออย่างไร การหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตไม่มีความสำคัญใช่ไหม เธอก็บอกว่าที่ชัวโมงการทำงานดิฉันลดไปก็เพราะเศรษฐกิจ เช่นกันถ้าให้ดิฉันมาก คนอื่นก็จะได้รับน้อย และดิฉันก็มีเวลาวันว่างที่ลิมิตไม่เปิดกว้างเหมือนพนักงานบางคน เช่น พนักงานบางคนสามารถทำงานตั้งแต่เช้าตรูไปถึงตีหนึ่งตีสอง แล้วสัปดาห์นี้ก็มีพนักงานบางคนได้ทำงานเพียงสี่ชั่วโมง พอดิฉันฟังเธออธิบาย ก็เข้าใจ ก็บอกว่าถ้าอธิบายให้ดิฉันฟังแต่แรก ดิฉันก็จะไม่อารมณ์เสีย เธอบอกว่าถ้าดิฉันไม่สบายใจอะไรให้มาคุยกับเธอ ไม่อยากให้ดิฉันเก็บไว้ แล้วเธอก็กล่าวสรรเสริญดิฉันว่าดิฉันเป็นพนักงานที่ยอดเยียม ผลงานดี ลูกค้ารัก ไม่เคยขาดงาน มาสายหรือลาป่วยเลย
หมดแล้วค่ะความในใจของดิฉัน มาเข้าบล๊อกแก้ขัดของดิฉันที่อาจจะทำให้เพื่อน ๆ และน้อง ๆ ขำกันก็ได้ค่ะ
บล๊อกแก้ขัดของดิฉันก็คือเสื้อผ้าอีกล่ะค่ะ อย่างที่เพื่อน ๆ และน้องคงทราบกันดีว่าดิฉันเป็นโรคจิต เวลาไปทำงานเห็นเสื้อผ้าที่ขายที่ห้างฯ ลดราคาทีไร เป็นต้องซื้อกลับบ้าน จนเสื้อผ้าที่ซื้อมาไม่มีเก็บแล้ว
สามีดิฉันเธอก็น่ารักค่ะ ไม่เคยว่าสักคำ เวลาดิฉันซื้อเสื้อผ้ากลับบ้าน เพราะดิฉันให้เหตุผลก็คือเมื่อดิฉันทำงานหนัก ดิฉันก็ควรจะให้ของขวัญตัวเองคือซื้อเสื้อผ้า แต่เมื่อหลายเดือนก่อนค่ะ เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติลงโทษดิฉันค่ะ
เหตุการณ์นั้นก็คือ คานแขวนตู้เสื้อผ้าหักค่ะ เสื้อผ้าที่แขวนอยู่หล่นลงมาหมด ดิฉันจึงเรียกสามีมาดู สามีดิฉันก็น่ารักน่ะค่ะ ไม่บ่นสักคำเรื่องที่ดิฉันเสื้อผ้าแทบทุกวัน และเมื่อซื้อมาก็แขวนเก็บไว้โดยไม่ใส่ แล้ววันหนึ่งคานก็ทนน้ำหนักไม่ไหว
สามีบอกว่าเค้ามีความคิดว่าเสื้อตู้ผ้าสามตู้ของดิฉันที่แขวนเสื้อผ้าอยู่ควรจะทำคานเสริมที่แขวนไว้ ดิฉันก็เห็นด้วยเพราะว่าถ้าไม่ทำคานเสริมที่แขวนเสื้อผ้า ตู้อื่น ๆ ที่มีราวแขวนเสื้อผ้า ราวก็จะหักเหมือนตู้นี้
เป็นอันว่าสามีดิฉัน โทรฯเรียกช่างมาดู และบอกกับช่างว่าต้องการคานไม้หนา ๆ มาเสริมราวแขวนเสื้อผ้าดิฉันทั้งสามตู้
เห็นไหมค่ะตอนนี้ดิฉันสามารถแขวนได้มากไม่จำกัด เพราะดิฉันทำคานเสริมไว้ค่ะ แต่ก่อนไม่มีคานหนา ราวแขวนเสื้อผ้าตกมาหมดเลยค่ะ
เห็นรอยราวแขวนหักไหมค่ะ ตอนนี้ซ่อมแล้ว พร้อมนำไม้แผ่นเท่ากระดานข้างฝามาทำคานเสริมราวแขวนไว้ค่ะ
มาดูคานเสริมราวแขวนกันใกล้ ๆ ว่าแข็งแรงแค่ไหน ตอนนี้เสริมคานราวแขวนแล้วทั้งสามตู้ค่ะ
มาดูสาเหตุที่ราวแขวนตู้เสื้อผ้าหัก ต้องนำคานมาเสริมกันค่ะ
เสื้อยึดสีน้ำเงินลายขวางนี้ ที่ซื้อเพราะดูสีสดใสและขนาดพอดีตัวเลย ซื้อตอนลดราคาค่ะ ราคาถ้าจำไม่ผิดประมาณสองเหรียญ จากราคาเต็มเกือบสิบห้าเหรียญค่ะ
เสื้อตัวนี้ห้างฯ ที่ดิฉันทำงานแจกให้พนักงานฟรีค่ะ เป็นโลโก้ของห้างฯค่ะ
ราคาเต็มประมาณห้าเหรียญค่ะ
นอกจากดิฉันจะซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองเป็นประจำแล้ว ถ้าวันไหนดิฉันเห็นเสื้อผ้าผู้ชายราคาถูก และดี ๆ ก็จะซื้อมาฝากสามีด้วยค่ะ
วันนี้เห็นกางเกงใส่ทำงานของผู้ชายลดราคาและมีขนาดเอวของสามีดิฉันพอดี ดิฉันเลยซื้อมาฝากสามีสามตัวค่ะ ราคาลดแล้วประมาณเจ็ดเหรียญค่ะ จากราคาเต็มประมาณเกือบสามสิบเหรียญค่ะ
กางเกงขาสั้นตัวนี้ เห็นแล้วใส่สบายดีเพราะเอวเป็นยางยืด สีก็ดูคลาสิกดี ขนาดพอดีตัวเลย ราคาสองเหรียญค่ะ จากราคาเต็มเกือบสิบเจ็ดเหรียญค่ะ
กางเกงยีนส์ตัวนี้ขาบานค่ะ เอวต่ำมาก ๆ ราคาห้าเหรียญค่ะ จากราคาเต็มเกือบสามสิบห้าเหรียญค่ะ
มาดูใกล้ ๆ ว่าเอวต่ำแค่ไหนค่ะ
เสื้อพวกนี้ซื้อก่อนวันฮาโลวีนค่ะ ซื้อมาเพื่อใส่วันฮาโลวีน ราคาตัวล่ะหนึ่งดอล่าร์เองค่ะ จากราคาเต็มเกือบสิบห้าดอลล่าร์ค่ะ
ชุดนี้ จะใส่เป็นกระโปรงหรือจะใส่กางเกงขายาวขาลีบทับก็ได้ค่ะ ราคาประมาณห้าเหรียญค่ะ จากราคาเต็มประมาณยี่สิบเจ็ดเหรียญค่ะ
เสื้อตัวนี้ที่ซื้อเพราะชอบสีค่ะ ใส่สบายราคาประมาณสองเหรียญค่ะ จากราคาเต็มประมาณสิบห้าเหรียญค่ะ
เสื้อตัวนี้ที่ชอบเพราะเป็นโปโล้ สีหวานดี ใส่กับกางเกงยีนส์ไปทำงานได้ ราคาประมาณเกือบสามเหรียญค่ะ จากราคาเต็มประมาณสิบห้าเหรียญค่ะ
กางเกงผ้ายืดขาสามส่วน สีบานเย็นที่ซื้อเพราะใส่อยู่บ้านสบายค่ะ ราคาประมาณสองเหรียญค่ะ จากราคาเต็มประมาณเกือบสิบเจ็ดเหรียญค่ะ
เสื้อยึดตัวนี้ เห็นแล้วชอบเลยค่ะ เพราะสีเขียวสดใส แถมมีฮู๊ตด้วย ราคาประมาณหนึ่งเหรียญค่ะ จากราคาเต็มประมาณเกือบสิบห้าเหรียญค่ะ
เสื้อโปโลสองตัวนี้ ราคาประมาณตัวล่ะ สามดอลฯ ค่ะ จากราคาเต็มเกือบสิบห้าเหรียญค่ะ
ชุดแบบนี้ดิฉันซื้อมาถึงสามชุดค่ะ เพราะใส่สบาย ราคาชุดล่ะประมาณหนึ่งเหรียญค่ะ ดิฉันเห็นว่าถูกมาก ๆ เลยซื้อทีเดียวสามชุดเลยค่ะ จากราคาเต็มชุดล่ะ สิบเจ็ดเหรียญค่ะ ลืมบอกไปเป็นชุดของเด็กค่ะ อายุประมาณสิบสี่หรือสิบห้าปี แต่ดิฉันใส่ได้ค่ะ เลยซื้อเพราะนอกจากราคาถูกแล้วเวลาใส่แล้วทำให้ลืมอายุได้เลยค่ะ
มาดูความน่ารักใกล้กันค่ะ
เพื่อน ๆ และน้อง ๆ คงทราบแล้วใช่ไหมว่าทำไมราวแขวนเสื้อผ้าที่บ้านดิฉันจึงหัก ก็จะไม่ให้หักได้ยังไงล่ะค่ะ เพราะเสื้อผ้าที่ห้างฯ ที่ดิฉันทำงานถูกเอามาก ๆ เรียกว่าถูกที่สุดในโลกก็ว่าได้ ยังโชคดีน่ะค่ะที่สามีดิฉันคิดหาทางแก้ไขไม่ให้ราวแขวนเสื้อผ้าหัก โดยการนำไม้กระดานแผ่นใหญ่ ๆ มาเสริมทำคานราวแขวนเสื้อผ้าให้ดิฉัน
ขอขอบคุณเพือน ๆ และน้อง ๆ ที่มาเยียมบล๊อกดิฉันและมาอ่านเรื่องความในใจของดิฉัน
สุข สันต์ วันหยุดค่ะ
Create Date : 13 ธันวาคม 2551 |
|
44 comments |
Last Update : 13 ธันวาคม 2551 4:40:53 น. |
Counter : 5563 Pageviews. |
|
|
|
ถ้าเป็นแนนคงโดนด่าไปแล้วที่ทำราวแขวนเสื้อพัง
ชุดสามตัวสุดท้ายน่ารักมากๆ เลยค่ะ