Thinking Bodies: Moving Minds Symposium on the art of embodiment
ซึ่งจัดโดยความร่วมมือของสมาคม Dance Movement Therapy ของออสเตรเลีย
ร่วมกับ Body Mind Centering® Association
และ International Somatics Movement Education and Therapy Association
ซึ่งรวมเอานักเต้นบำบัด (Dance Therapist), และสายงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ
ทั้งฝั่งนักแสดง นักศิลปะ และนักบำบัดด้านอื่นๆ
มานำเสนอผลงาน ผลวิจัย และจัด workshop
งานนี้จัดขึ้นสองวันคือวันนี้และวันพรุ่งนี้ สำหรับวันนี้ซึ่งเป็นวันแรก
ให้คะแนนความพอใจไป 75% หักไปตรงที่ความดราม่าของ presenter บางคน
อดเศร้าใจอยู่ลึกๆ ไม่ได้ ที่ในวงการแบบนี้
ก็มีความกระแนะกระแหน และพูดลับหลังซึ่งกันและกันอยู่
สายตายิ้มๆ ของฝรั่งบางคน บางทีมันก็เหมือนกับเยาะๆ ยังไงอยู่
อาการฉันรู้มากกว่า ฉันรู้ดีกว่า คงอยู่ในสันดานมนุษย์ทุกผู้ ไม่เลือกเผ่าพันธุ์
งานวันนี้มีคำถามหลักคือ embodiment คืออะไร และมันสำคัญยังไง
ความหมายทั่วๆ ไปของ embodiment ก็คือ
การที่เรารับรู้โลก ผ่าน body (ร่างกาย) นี้
คือการ "สวมใส่" ร่างกายนี้ และเป็นร่างกายนี้ เพื่อนำมันมาปฏิสัมพันธ์กับโลก
พอแปลมาใน context นี้แล้ว รู้สึกว่ามันขัดกับจุดมุ่งหมายของพุทธศาสนาเหลือเกิน
จริงๆ มันคือ การที่เรามีสติรับรู้ต่อ กาย ความคิดและอารมณ์ อย่างแท้จริง
และตอบสนองกลับออกมาอย่างที่เราเป็นตัวเราเต็มที่
ถ้าให้เราแปล ก็คงจะใช้คำว่า "การดำรงอยู่" ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
บทสนทนาขุดลึกต่อไป แล้วมันสำคัญต่อการเต้นบำบัด หรือการบำบัดอื่นๆ อย่างไร
การใส่ความรู้สึกลงไปในกาย คือมีความรับรู้ต่อกายในขณะเต้น หรือเคลื่อนไหว
รับรู้ในความพยายาม และรับรู้ในการตอบสนองกลับออกมา
มีผลโดยตรงต่อการบำบัด เพราะมันแสดงถึง "การดำรงอยู่" ของผู้รับการบำบัด
แสดงออกได้ทั้งทางกาย ทางสีหน้า ทางอารมณ์ ฯลฯ
เช่น ในคลาสผู้สูงอายุที่เราสอน ผู้สูงอายุรู้สึกมีส่วนร่วม
สนุกสนาน และพยายามจากใจที่จะร่วมทำกิจกรรมต่างๆ
(จริงๆ ความหมายของมันก็ยังดิ้นไปดิ้นมาอยู่ คนในวงการยังเถียงกันไม่เสร็จ)
embodiment ที่คุยกันในวันนี้ยังเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่
ตัวอย่างที่ยกมาก็อย่างเช่น ต้นไม้ หรือแม่น้ำ
หรือการเคลื่อนที่ของของเหลวในต้นไม้ หรือในแม่น้ำ ก็ไม่ต่างจากในตัวเรา
เราจะรับเอาแนวคิด flowing fluid ที่ว่านี้ ให้มาดำรงอยู่ในตัวเราได้อย่างไร
อีกอย่างคือใน contact improvisation (CI) ในเวิร์คชอปของ Vangelis Legakis
ที่นำเอาการอ่านแรง และรับส่งแรงในไทเก๊กมาประกอบเข้ากับ CI
การดำรงอยู่ร่วมกันของแรงเรา และแรงของคู่เต้นของเรา
จะเกิดขึ้นในลักษณะไหน อย่างไร
Vangelis ให้เราจับ heart meridian ของคู่เต้น แล้วหลังจากนั้นก็ให้ CI กัน
แปลกดี กับคู่เต้นจาก Vancouver คนนี้เรารู้สึกว่า
เรารู้สึกได้ถึงความวางใจที่เรามีให้กัน เต้นแล้วรู้ว่าจะไปไหนต่อ
ปกติจะรู้สึกกับคนที่เต้นมาด้วยกันนานๆ อย่างเพื่อนที่สิงคโปร์
แต่กับคนนี้ ผ่านการจับ heart meridian มันเหมือนจับลมหายใจได้ด้วย
อ่านแรงกันได้ง่ายมาก ไปไหนไปกันเลย ได้เพื่อนที่ดีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน
ตอนจบที่ Vangelis ให้ทั้งหมดมา CI ร่วมกันอีกครั้ง แล้วยืนจบ
เรารู้สึกเหมือนทุกคนเป็นสัตว์ร่างใหญ่ร่างหนึ่ง มีลมหายใจเดียวกัน
จังหวะการเต้นหายใจเดียวกัน และยืนอยู่บนขาเดียวกัน
BODY ใหญ่ของกลุ่ม ได้มีการ embodiment ขึ้นมาแล้ว
แนวคิดเรื่อง embodiment นี้ ท่าทางว่าจะต้องคุยกันอีกยาว
จบสัมมนาวันแรกไว้แค่นี้ก่อน