ข้อคิดดีๆจาก "ยักษ์" (1)

ผมว่าผมอาจจะเป็นคนที่ update Boxoffice ภาพยนต์ที่ช้าที่สุดก็ว่าได้นะครับ แต่ไม่เป็นนะครับ Boxofficeของผมของเน้นหนังที่ดี ให้ข้อคิดดีๆเป็นหลักล่ะกันครับ(พอดีพึ่งจะมีเวลาว่างไปดูหนังนะครับ)และเรื่องที่ผมไม่พลาดที่จะนำมาเขียนนั่นก็คือ “ยักษ์” หนังการ์ตูนแอนนิเมชั่นโดย คุณประภาส ชลศรานนท์นั่นเองครับ

          

   ยักษ์เล่าเรื่องราวของการผจญภัยของ เจ้าเผือก หุ่นกระป๋องจอมซ่าส์ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ และ น้าเขียว หุ่นยักษ์บิ๊กเบิ้มมองโลกแบบบวก ๆ ที่ผ่านการหลับใหลมานานกว่าหลายล้านวัน หลังจากมหาศึกสงครามครั้งยิ่งใหญ่ระหว่าง หุ่นกระป๋องฝ่ายราม กับ หุ่นยักษ์ฝ่ายทศกัณฐ์ ที่จบลงแบบล้างเผ่าพันธุ์ โดยทั้งคู่ต่างตกอยู่ในสภาวะความจำเสื่อมไม่จำอดีต ไม่รู้อนาคต มีเพียงโซ่พิเศษที่ตัดเท่าไหร่ก็ตัดไม่ขาดผูกล่ามให้ทั้งคู่ต้องออกเดินทางและใช้ชีวิตร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมง

    จากที่ดูเหมือนต่างเป็นส่วนเกินของกันและกัน ค่อย ๆ เรียนรู้มิตรภาพความผูกพัน ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของทั้งคู่ จนกระทั่งวันหนึ่งที่พวกเขาพร้อมจะเป็นเพื่อนสนิทด้วยความเต็มใจ แต่กลับต้องรู้ชะตากรรม และต้นกำเนิดที่แท้จริงของกันและกัน อันนำไปสู่การตัดสินใจที่ต้องเลือกว่าระหว่าง มิตรภาพ กับ หน้าที่ และ ความเป็นมิตร หรือ ศัตรู เรื่องต่อจากนี้ขอหยุดไว้ก่อนนะครับเผื่อว่าใครสนใจและยังไม่ได้ดูน่ะครับ (ซึ่งก็คงน้อยมากแล้วล่ะครับSmiley)

    

         

  เรื่องนี้สำหรับเด็กๆผมว่าก็คงดูได้เพลินๆ สนุกสนานดี แต่สำหรับผู้ใหญ่เรานั้นเรื่องนี้ก็กระตุกความคิดเราได้ดีเลยทีเดียวล่ะครับ...

"เพราะในเรื่องได้สมมุติให้ ทศกัณฐ์ เป็นสัญลักษณ์ของอธรรม กิเลส ตัณหา ที่ต้องถูกทำลาย  หนุมาน อาจจะเป็นสัญลักษณ์ของฝ่ายธรรมะ ที่ต้องเอาชนะกัน แต่สุดท้ายแล้ว สติคือสิ่งที่เตือนให้ทุกๆคนรู้ว่า  ทุกๆคนมีทศกัณฐ์ และมีหนุมานอยู่ในตัว เพียงแต่ทุกจังหวะของตัวเรานั้นเราจะดูแลทศกัณฐ์ให้อยู่นิ่งไม่ใช่ตัวทำลายและก่อให้เกิดความเดือดร้อน  และดำรงความเป็นหนุมานให้รักษาธรรมะและความดีในตัวเองได้มากแค่ไหน"

                 

                   หลวงปู่ติช นัท ฮันห์เองท่านก็เคยสอนไว้ในลักษณะคล้ายกันครับว่า

                         ทุกๆคนนั้นมีเมล็ดพันธุ์แห่งความโกรธอยู่ในตัวเอง

                                   เรามีหน้าที่ดูแลมัน การดูแลก็คือ

                        ไม่คอยไปรดน้ำให้มัน เจ้าเมล็ดพันธุ์แห่งความโกรธ

      ก็จะไม่เจริญเติบโตและฝ่อไปในที่สุด โดยไม่ก่อความเสียหายให้กับคนรอบข้างครับ

                         เอาไว้จะเล่าสู่กันฟังต่อนะครับ ฝันดีทุกคนครับSmileySmiley




Create Date : 23 ตุลาคม 2555
Last Update : 23 ตุลาคม 2555 23:38:35 น.
Counter : 4875 Pageviews.

5 comments
  
อรุณสวัสดิ์ครับคุณหมอ

เป็นหนังที่ผมสนใจมากครับ
แต่คงรอซื้อแผ่นมาดูครับ

หมิงหมิงถามเยอะมาก
เข้าไปดูในโรงหนัง
เกรงใจคนข้างๆครับ 555






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:6:33:09 น.
  
เรื่องนี้ น้องสาวชวนไปดูเหมือนกันค่ะพี่หมอ แต่โอกาสมันเดินทางไปไหนหว่า ไม่กลับบ้านซะที
เอ๊.....ไอ้เมล็ดพันธ์ความโกรธ บางครั้งก็ได้คนอื่นมาช่วยรดน้ำให้ มันก็โตบ้าง ไม่โตบ้าง ไอ้คนที่มารดน้ำให้น่ะแหละที่โดน อิอิ
โดย: Enjoy with me วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:18:49:52 น.
  
สวัสดีครับฝัน หายไปนานเลยนะครับ
จริงๆผมคิดว่า คนอื่นๆนั้นมาคอยขุดคุ้ยหาเมล็ดพันธุ์ความโกรธที่เราอุตส่าห์เก็บไว้อย่างดีแล้ว ให้โผล่ออกมาเห็นใหม่มากกว่า แต่เราเองพอเวลาเผลอรดน้ำลงไป ความโกรธก็เลยงอกงามออกมามากมายนั่นเองครับ ว่ามั้ย
โดย: หมอหว่อง (หมอหว่อง ) วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:23:09:28 น.
  
สวัสดีค่ะคุณหมอ
แวะมาเยี่ยมค่ะ
ช่วงหลังไม่ค่อยมีเวลาไปดูหนังเลยคะ
มีความสุขในทุกๆวันนะคะ

โดย: pantawan วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:23:34:57 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับคุณหมอ


อากาศตอนเช้าๆเริ่มเย็นๆลงเหมืิอนกันนะครับ
เหมือนจะเข้าหน้าหนาวแล้วล่ะครับ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:5:55:08 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหว่อง
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
26
27
28
29
30
31