หอแต๋วแตก 2 แหกกระเจิง : หนังกระเทย(ไม่)ฮา แถมยังบ้าแบบไร้สาระ
หนังแต๋วภาคต่อของผู้กำกับที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในห้องเฉลิมไทย พจน์ อานนท์ เจ้าของผลงานแต๋วๆอย่าง เพื่อน
กูรักมึงว่ะ, ปล้นนะยะ, ว้ายบึ้ม! เชียร์กระหึ่มโลก, แต๋วเตะตีนระเบิดและหอแต๋วแตก ดูจากชื่อและผลงานที่ผ่านมาก็คงรู้แล้วว่าจะได้พบเจอกับอะไรในหนังเรื่องนี้
เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อจู่ๆ หอใหม่ของเจ๊ๆ 3 สาว (หรือเปล่าหว่า?) เจ๊แต๋ว (จาตุรงค์ พลบูรณ์), เจ๊เฌอมาลย์ (เอกชัย ศรีวิชัย) และเจ๊การ์ตูน (อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์) ถูกป่วนโดย 2 ผีนางรำเจ้าที่อย่างผีอุษามณี (ตุ๊กกี้ สุดารัตน์ บุตรพรหม) และผีตรีชฏา (สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข) อีกทั้งยังมีผู้มาอาศัยใหม่ท่าทางน่าสงสัยอย่าง พยูน (ติ๊ก ชาญณรงค์ ขันทีท้าว) ป้าของพู่กัน (วราภัทร์ เพชรสถิต ) ที่ดูมีลับลมคมในเสียเหลือเกิน เมื่อเจอศึกรอบทิศทั้งผี ทั้งคนอย่างนี้ แล้วเหล่าเจ๊ๆจะอยู่เฉยได้อย่างไร? ความหวังสุดท้ายจึงมาตกอยู่ที่ผีแพนเค้ก (โก๊ะตี๋ เจริญพร อ่อนละม้าย) สงครามความฮาระหว่างผีกับผีและผีกับคน จึงบังเกิดขึ้น
ก่อนที่จะไปดูหนังเรื่องนี้ ตัวผมไม่เคยตั้งความหวังว่าตัวหนังจะให้ความสนุกหรือความตลกที่มากกว่าหรือเท่ากับหนังตลกดีๆอย่าง บุปผาราตรี หรือ แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า หรือแค่ขอให้สนุกพอๆกับ หอแต๋วแตกภาคที่แล้วเลยด้วยซ้ำ เพราะอย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าผู้กำกับท่านนี้ฝีมือเขาเลยจุดพีคในอาชีพผู้กำกับมาตั้งแต่หนังเรื่อง 18 ฝนคนอันตราย แล้ว แต่ด้วยความที่ผมตามดูหนังของผู้กำกับท่านนี้มาอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นจากในโรงหรือดูจากแผ่นทางบ้านก็ตาม บวกกับสถานการณ์เศรษฐกิจและสภาวะบ้านเมืองที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ผมเลยหวังที่จะหาความสนุกง่ายๆเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากหนังตลกสักเรื่องหนึ่ง
และแล้วผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้เมื่อดูหนังจบก็คือ เสียดายเงินอีกเหมือนเคย (ถึงแม้จะดูฟรีก็เถอะ) หนังตลกอะไรหยาบ ต่ำและเสื่อมได้ถึงขนาดนี้ สัตว์สี่ขาสารพัดพากันเดินออกจากปากให้ว่อนเต็มจอไปหมด ราวกับว่าพวกตัวละครในเรื่องด่ากันแทนการพูดจาไปแล้ว มันยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ด้านลบให้แก่เพศที่สามให้ดูแย่ลงไปอีก (ทั้งๆที่ผมและเพื่อนๆผมอีกหลายคนถึงจะพูดจาหยาบคายกันก็ตาม แต่ก็ยังไม่เท่ากับครึ่งหนึ่งของหนังเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ) การดำเนินเรื่องก็ไม่มีความไหลลื่นและเชื่อมต่อใดๆทั้งสิ้น สักแต่ว่าใส่ฉากตลกต่อๆกัน หวังให้คนดูได้ขำเท่านั้น กับมุกตลกที่ใช้ก็หาได้มีความขำใดๆไม่ ได้เพียงแต่หัวเราะหึหึ ไม่ได้ขำก๊ากอย่างที่ใครหลายคนเป็น (หรือว่าผมจะเส้นลึกเกินไป) ยิ่งมุกถ่ายทุกข์หนักในห้องน้ำมุกนั้นด้วยแล้วไม่รู้จะใส่มาทำไม ทั้งยาวและนานเกินความจำเป็น ดูแล้วแทนที่จะขำกลับกลายเป็นหงุดหงิดแทน แต่กับบางมุกก็ยังมีดีพอให้ขำได้ แต่ที่ขำนั้นไม่ใช่เพราะมุกหรอกแต่เป็นที่นักแสดงคนนั้นต่างหากที่แสดงได้ฮาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กกี้ในฉากร้องเพลงรำ หรือเอกชัยในฉากเปิดตัวเสื้อผ้าที่เป็นฉากขายประจำตัวฉากนั้น ส่วนหลายๆมุกที่เหลือล่ะก็
ดูแล้วปวดใจเป็นที่สุด
มาว่ากันที่ด้านนักแสดงบ้าง ตัวขายในภาคนี้คือ ตุ๊กกี้ ที่ในขนะนี้กำลังขายดีเป็นอย่างมาก แถมยังมารวมพลังความฮากับโก๊ะตี๋สุดยอดตลกฝ่ายชายที่กำลังติดลมบนอยู่ในขณะนี้ด้วยอีก ก็คงจะรับประกันความฮาได้ในระดับหนึ่ง แต่แล้วทั้งเธอและเขา ก็ไม่ได้ช่วยให้หนังห่วยๆเรื่องนี้ดีขึ้นแต่อย่างใด ความสามารถด้านตลกของทั้ง 2 คนไม่สามารถเอาชนะความห่วยของบทหนังไปได้ พวกเขาก็แค่ทำได้ดีในส่วนของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้ฮาขี้แตกขี้แตนอย่างที่ควรจะเป็น อาจเป็นเพราะมุกที่ต้องเล่นนั้นมันไม่ได้ฮาอยู่แล้ว ทั้ง 2 คนเลยแค่พากันเอาตัวรอดไปด้วยความสามารถพิเศษด้านตลกส่วนตัวล้วนๆ(เพื่อนที่ไปดูด้วยกันนั้น เพียงแค่เห็นหน้าตุ๊กกี้มันก็ขำแล้ว เอากับมันสิ) ส่วนนักแสดงคนอื่นๆไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก ทั้งนักแสดงจากภาคที่แล้วและนักแสดงหน้าใหม่ ยิ่งนักแสดงใหม่บางคนด้วยแล้วไม่รู้จะใส่บทมาทำไม แบบว่าไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากมายกับตัวหนังเลย ตัดบทออกไปยังจะดูดีกว่าด้วยซ้ำ (ยกเว้นพวกหนุ่มๆหน้าใสที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของผู้กำกับท่านนี้) สงสัยผู้กำกับคงใช้สโลแกนที่ว่า ยิ่งมาก ยิ่งเยอะ ยิ่งดี แต่ไม่เน้นคุณภาพ
ด้วยความที่ผมมัวแต่เอาคำว่า ห่วย มาเป็นอคติบังตา จึงไม่สามารถหาสารหรือข้อคิดดีๆจากหนังเรื่องนี้ได้ โปรดเห็นใจ เข้าใจและต้องขออภัยด้วยจริงๆ
ความน่าดู 1/10 เพิ่มคะแนนให้กับหนุ่มๆในเรื่อง ที่พอจะทำให้กระชุ่มกระชวยได้บ้าง
Create Date : 07 ตุลาคม 2552 |
|
23 comments |
Last Update : 7 ตุลาคม 2552 23:22:43 น. |
Counter : 9994 Pageviews. |
|
|
|
อานะ ชิว ๆ ดี แพนเค้ก สุดยอด