Avatar : หนังควรค่าแก่การชม (แบบสามมิติ)
12 ปีแห่งการรอคอยกับหนังเรื่องล่าสุดของผู้กำกับผู้ยิ่งใหญ่ เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) เจ้าของหนังสร้างปรากฏการณ์อย่าง Titanic ที่ ณ ตอนนี้ก็ยังเป็นตำนานด้วยรายได้สูงสุดตลอดกาลทั้งในอเมริกาและทั่วโลก คราวนี้เขาขอกลับมาอีกครั้งกับหนังสามมิติหวังสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่...Avatar
หนังว่าด้วยเรื่องราวการปฏิบัติการพิเศษของรัฐบาลในโครงการที่มีชื่อสุดเท่ว่า อวตาร (Avatar) บนดาว แพนโดรา (Pandora) เพื่อสำรวจ ตรวจสอบและหาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์บนดาวดวงนี้ ซึ่งมีชนเผ่า นาวี (Navi) ที่เป็นชนเผ่าพื้นเมืองของที่นี่เป็นเจ้าถิ่นอยู่ โดยการส่งตัว เจค ซัลลี่ (แซม เวิร์ธธิงตัน) ที่มาปฏิบัติหน้าที่นี้แทนพี่ชายฝาแฝดที่ตายไป เนื่องด้วยโครงการนี้นั้นต้องควบคุม ร่างอวตาร ที่มีดีเอ็นเอเข้ากันกับเจ้าของเพื่อแทรกซึมไปสืบข้อมูลจากชนเผ่านี้ จากการแทรกแซงเพื่อหาข้อมูล กลับกลายเป็นความผูกพันจนก่อตัวเป็นความรัก สุดท้ายเจคจึงต้องเลือกระหว่างหัวใจกับหน้าที่...
ความรู้สึกหลังดูหนังจบ แม้ไม่ถึงกับชอบมากมายจนต้องยกให้เป็นหนึ่งในหนังในดวงใจ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แถมยังรู้สึกคุ้มกับเงินค่าตั๋วหนังที่เสียไปที่พอดูหนังจบแล้วไม่มีความรู้สึกเสียดายเงินเลย ทำได้แค่นี้คนดูเรื่องมากอย่างผมคนนี้ก็รู้สึกดีแล้ว
กับเรื่องราวที่มีแม้จะธรรมดาจนเกินไป แต่ในความธรรมดานั้นผู้กำกับก็สามารถทำได้ถึง จนทำให้หนังที่มีเนื้อเรื่องแสนจะเชยสะบัดเรื่องนี้ กลายเป็นหนังไม่ธรรมดาขึ้นมาได้ ความดีความชอบทั้งหมดจึงต้องขอยกให้กับผู้กำกับแต่เพียงผู้เดียว ที่โดดเด่นเป็นพิเศษด้วยงานด้านภาพที่อลังการงานสร้าง สีสันสดใส และงดงามตระการตาเป็นที่สุด ขนาดผมดูหนังเรื่องนี้แบบธรรมดายังรู้สึกได้ถึงขนาดนี้ แล้วถ้าหากได้ดูแบบสามมิติจะรู้สึกขนาดไหน?
อีกทั้งยังสามารถทำให้คนดูที่ชอบตั้งแง่รู้สึกร่วมไปกับเหล่าตัวละครที่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้น่าดู ทั้งตัวสีฟ้า หน้าตาก็ไม่ได้น่ารัก แถมยังสูงยาวอย่างกับตัวประหลาดเหล่านี้ได้ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องขอชมไปยังผู้กำกับที่กล้าและบ้าพอที่จะสร้างคาแรคเตอร์เหล่านี้ออกมา เพราะเขาคงเชื่อในฝีมือตัวเองว่าทำออกมาแล้วมี ดี พอ
ซึ่งจริงๆแล้วจะให้ชมแต่เทคนิคงานด้านภาพอย่างเดียวก็ไม่ได้ มันต้องรวมไปถึงปัจจัยเสริมอย่างอื่นด้วย ทั้งความไหลลื่นทางอารมณ์ ความสามารถทางการแสดง และความเก่งกาจของผู้กำกับทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวกัน จนทำให้ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้กลายเป็นหนังดีๆเรื่องนี้นั่นเอง
และชอบมากเป็นพิเศษกับประเด็นเรื่องปัญหาส่วนตัวของพระเอก ที่โลกแห่งความเป็นจริงเป็นไอ้ขี้แพ้-ขาพิการ แต่โลกคู่ขนานในร่างอวตารเป็นผู้นำที่ใครๆต่างก็ยอมรับ ที่ช่างตอกย้ำความเป็นจริงในทุกวันนี้ได้เป็นอย่างดีว่า...มนุษย์เราสามารถที่จะเลือกระหว่างความจริงกับความฝันได้ไหม?
ความน่าดู 8/10 เหมาะมากสำหรับการดูแบบสามมิติครับผม
Create Date : 08 มกราคม 2553 |
|
25 comments |
Last Update : 20 สิงหาคม 2557 14:12:33 น. |
Counter : 4843 Pageviews. |
|
|
|
พี่ก๋าอยากดูหนังเรื่องนี้มากเลยครับ
เดี๋ยวต้องรอดีวีดีออกมาก่อน
ได้ซื้อมาเก็บไว้ดูแน่นอน