|
 |
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
 |
31 ตุลาคม 2550
|
|
|
|
เธอ เขา และเราอีกสองคน
ภายในร้านกาแฟเล็กๆริมถนนย่านธุรกิจแห่งหนึงในกรุงเทพ มหานคร ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดแขนสั้นกางเกงสเล็กสีครีมผูก ด้วยผ้ากันเปื้อนสีเขียวเข้มกำลังยืนเช็ดกระจกหน้าร้านอยู่ สายตา ของเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับกระจกที่เช็ดหากแต่มองผ่านไปยัง รถยนต์สัญชาติเยอรมันสีดำราคาแพงคันหนึ่งที่จอดเยื้องจาก ร้านไปไม่ไกล
ภายในรถเขาเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูเหมือนกำลังทุ่มเถียงกัน อย่างรุนแรงจนในที่สุดฝ่ายหญิงก็เปิดประตูรถออกมายืนอยู่บน ทางเท้าก่อนจะกระแทกประตูรถคันนั้นกลับเข้าไปพร้อมๆกับ รถที่เคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวหันรีหันขวางอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะตัดสินในเดินเข้ามา ในร้านกาแฟของเขา เธอเดินเข้าไปนั่งยังโต๊ะตัวในสุด ใบหน้า ยังคงอาบไปด้วยคราบน้ำตาชายหนุ่มหยุดเช็ดกระจกและเดินไป ล้างมือก่อนที่จะนำกล่องกระดาษเช็ดหน้าไปให้เธอพร้อมกับถาม ว่าเธอจะรับอะไร
"ไม่ยักรู้ว่าร้านนี้มีบริการซับน้ำตาด้วย" หญิงสาวกล่าวยิ้มๆเมื่อ เห็นกล่องกระดาษเช็ดหน้าที่ชายหนุ่มถือมา
ชายหนุ่มยิ้มตอบและเบือนหน้าไปเมื่อเธอดึงกระดาษเช็ดหน้า ไปซับน้ำตา
"ผู้หญิงร้องให้ไม่น่าดูนักหรอก เครื่องสำอางก็เลอะเทอะ ใช่มั้ย" เธอถาม
ชายหนุ่มหันมองหน้าเธออีกครั้ง ใบหน้ารูปไข่สวยได้รูป ผิวแทน ดวงตากลมสวยแม้ว่าจะบวมนิดๆจากการร้องให้... ไม่เห็นจะไม่ น่าดูตรงไหน..
ชายหนุ่มยืนมองอย่างลืมตัวจนกระทั่งเธอจะต้องเตือนให้จดราย การเครื่องดื่มเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะรีบไปเตรียมเครื่องดื่มให้กับ เธอ
ชายหนุ่มเจ้าของร้านหรือที่เพื่อนๆเรียกว่าวิน ไม่ได้ไปเอาดีทาง ด้านงานออกแบบตามที่ได้ร่ำเรียนมาแต่กลับหันมาเอาดีด้วยการ เปิดร้านกาแฟเล็กๆแห่งนี้ และตกแต่งร้านด้วยสไตล์ตะวันออก ดูแปลกตาซึ่งสามารถดึงดูดลูกค้าได้ดีในระดับหนึ่ง
เขาจำได้ว่าหญิงสาวและชายวัยกลางคนที่เป็นคนขับรถนั้นมาดื่ม กาแฟที่ร้านของเขาอยู่บ่อยครั้ง... และเกือบทุกครั้งที่มาเขาอดที่จะ แอบมองเธอไม่ได้ ท่าทางที่สดใสร่าเริง รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะทำ ให้ดอกไม้ในโลกทั้งใบเบ่งบานพร้อมๆกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหัวใจของเขา วินได้แต่เฝ้าเตือนตัวเองว่าเธอนั้นมีเจ้าของแล้ว แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำให้เขาละสายตาจากเธอได้เมื่อเธอเข้า มาในร้าน
วินนำกาแฟดำเข้มข้นไปให้เธอที่โต๊ะ แรกๆเขาค่อนข้างแปลกใจ ที่เธอสั่งกาแฟดำและยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อเธอดื่มกาแฟแก้วนั้น โดยไม่ใส่น้ำตาลหรือครีม ในขณะที่ชายวัยกลางคนมักจะใส่น้ำ ตาลและครีมมากกว่าคนอื่นๆ เป็นคู่ที่แปลกเสียจริงๆ เขาเคยคิด อย่างนั้น ไม่น่าจะไปกันได้เลย บางครั้งเขาแอบคิดไปเองว่า ชายคนนั้นและเธอไปกันไม่รอดเพื่อเขาจะได้มีโอกาสเข้าไปดูแล หัวใจเธอ ..
"ทำไมมองพี่อย่างนั้นล่ะคะ " เธอถามเมื่อเห็นแววตาที่แสดง ความเห็นใจของวิน
"ไม่ค่อยเห็นพี่มาคนเดียวน่ะครับ" วินตอบพร้อมกับก้มหน้า
" โกหกไม่เก่งเล้ย เรานี่" เธอบอกพร้อมกับหัวเราะ ก่อนที่จะพูด ต่อ
" เราก็คงเห็นว่าพี่ทะเลาะกับใครมา" เธอถามพร้อมกับสบตาเขา
"ขอโทษครับ พอดีผมไม่ได้ตั้งใจมอง" วินตอบพร้อมกับก้มหน้า เหมือนเด็กโดนจับได้ว่าทำความผิด
"ช่างเถอะ เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างเราไม่มีทางเข้าใจหรอก" เธอบอก
วินมองหน้าเธออีกครั้ง ... เธอห่างจากเรากี่ปีนะ น่าจะห้าหรือหก ปี ก็ไม่เท่าไรนี่นา เขาคิดก่อนจะพูดต่อ
"ก็พี่ยังไม่เคยเล่าเลยนี่ครับแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าผมไม่เข้าใจน่ะ" เขาตอบ
เธอมองหน้าเขาอย่างชั่งใจก่อนจะหัวเราะ ...เมื่อกี้เธอยังร้องให้ อยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาหัวเราะกับลูกดื้อของวินเสียแล้ว
"แน่ใจหรอว่าจะฟัง" เธอถาม
" ครับ ถ้าพี่อยากเล่า เผื่อจะสบายใจขึ้น" วินตอบ
หญิงสาวหันมองรอบๆร้านและพบว่ามีลูกค้าเพียงสองโต๊ะและ นั่งค่อนข้างห่างกัน ก่อนจะพยักหน้าและเชิญวินนั่ง เขาไม่ทิ้ง โอกาสที่จะมองเธอใกล้ๆ นอกจากผิวสีแทนและดวงตาโตคู่นั้น แล้ว ผมที่ซอยประบ่ายังช่วยให้ใบหน้ารูปไข่ดูเด็กและมีชีวิตชีวา ไม่น่าเชื่อว่าเธอเพิ่งจะร้องให้มาหยกๆเขาคิด
เธอแนะนำตัวว่าเธอชื่อ ภาริณี เธอทำงานด้านออร์แกไนเซอร์ใน การจัดงานต่างๆ เธอได้พบกับ วรุณ ชายวัยกลางคนๆนั้นในงาน เปิดตัวสินค้าตัวใหม่ของบริษัทของเขา ทันทีที่ได้พบเธอรู้สึกได้ ว่าวรุณคือคนที่ใช่สำหรับเธอและไม่ลังเลเมื่อเขา ขอเข้ามาทำ ความรู้จักให้มากไปกว่าเพื่อน ความสัมพันธ์ของวรุณและเธอนั้น ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ เขาและเธอมักไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น ท่าทางที่เงียบขรึม จริงจังแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นของเขาทำ ให้เธอมอบหัวใจให้เขาไปจนหมดใจ
ถึงตรงนี้วินรู้สึกว่าตัวเองนั้นตัวเล็กลงมากเหลือเกินเมื่อคิดเปรียบ เทียบระหว่างชายคนนั้นของเธอและตัวเขาเอง .. วรุณดูเหมือนจะ พร้อมไปทุกอย่างหากเทียบกับเขาที่มีเพียงร้านกาแฟเล็กๆที่หัวมุม นี่ ...
หญิงสาวมองวินอย่างสังเกตก่อนจะยิ้มนิดๆแล้วเล่าต่อ ว่าวรุณนั้น ไม่เคยพาเธอไปพบครอบครัวของเขาเลย แม้ว่าเธอและเขาจะเคย คุยเรื่องแผนในอนาคตอยู่หลายครั้ง แต่เขากลับบ่ายเบี่ยงว่ายังไม่ พร้อมอยู่เสมอ และในระยะหลัง วรุณมีท่าทีเงียบเฉยเหมือนมี เรื่องไม่สบายใจอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเขาไม่เคยบอกให้เธอรู้ กำแพง ระหว่างเขาและเธอถูกสร้างขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว และเริ่มแข็งแกร่ง ขึ้นทุกวัน จนกระทั่งวันนี้..
เมื่อเล่าถึงตอนนี้วินสังเกตเห็นน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตาของหญิงสาว เขาดึงกระดาษเช็ดหน้าสีขาวจากกล่องและยื่นให้กับเธอ
"ขอบคุณค่ะ วินนี่ใจดีนะ" เธอบอกพร้อมกับซับน้ำตา
วินได้แต่ยิ้ม เขาเคยคิดที่จะให้เธอและใครคนนั้นของเธอทะเลาะ และแยกทางกันไป แต่ถึงตอนนี้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เธอมี จนรู้สึกผิดที่คิดแบบนั้น
"จนกระทั่งวันนี้ เขาบอกพี่ว่า" เธอเล่าต่อ สายตาของเธอมองผ่าน วินออกไปยังถนนที่มีรถราวิ่งขวักไข่วภายนอก
"เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน" เธอเล่าต่อ สายตาเธอยังคง เหม่อลอยเหมือนคนที่ตกอยู่ในภวังค์
วินรู้สึกหัวใจตัวเองมันเต้นผิดจังหวะ เจ็บปวดกับความรู้สึกผิดที่ ซ่อนเร้น
"พ่อและแม่ของเขาเป็นคนจัดการในเรื่องนี้....และเขาไม่มีโอกาส ปฏิเสธ" ภาริณีละสายตาจากถนนข้างนอกกลับมาตรงหน้าวิน
"จากนั้นมันก็เป็นอย่างที่เธอเห็นนั่นละ" เธอบอก
"น่าแปลกนะ ที่เราบอกรักกันก็ที่นี่ และต้องมาบอกเลิกกันหน้า ร้านนี้อีก"ภาริณีรำพึง
"แล้วพี่จะทำอย่างไรต่อครับ" วินถาม ใจหนึ่งนั้นอยากเอื้อมมือ ไปกุมมือเธอไว้และสารภาพความรู้สึกของเขาให้เธอได้รู้ แต่อีก ใจกลับสงสารและไม่อยากให้เธอต้องเผชิญกับความเจ็บปวดด้วย ความผิดหวัง
"ก็ ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อ พี่ไม่ใช่เด็กสาวๆที่จะมีเวลาร้องให้ฟูม ฟาย" เธอบอก
"พี่ยังมีงานและลูกน้อง ลูกค้าที่ต้องรับผิดชอบ ความรักมันเป็น เพียงด้านหนึ่งของชีวิต"
วินอดรู้สึกประทับใจกับความเข้มแข็งของเธอไม่ได้ เขายิ้มอย่าง ชื่นชม ก่อนจะพูดกับเธอ "พี่เข้มแข็งมากเลยครับ ถ้าเป็นผมป่านนี้ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว"
"พี่ตั้งใจว่าจะไม่ร้องให้นะ แต่ไม่รู้ทำไม มาเจอเราแล้วเหมือนพี่ อ่อนแอลง แอบร้องให้เธอเห็นจนได้" เธอพูด
วินยิ้มให้ด้วยสายตาอ่อนโยน ไม่ว่าเธอจะหัวเราะหรือร้องให้ เขา ก็ยังอยากอยู่เคียงข้างเธอต่อจากนี้ไป
"แล้ววันนี้แฟนวินไม่มาหรือคะ" เธอถาม
"แฟน ?" วินทวนคำถามแบบงงๆ
"คนไหนครับ" เขาถามต่อ ท่าทางที่ร่าเริงสดใสของเธอกลับมา อีกครั้งเมื่อเธอหัวเราะจนเห็นเขี้ยวเล็กๆ
"แล้วมีหลายคนหรือคะ ถึงต้องถามว่าคนไหน แหมเห็นเงียบๆนะ นี่" เธอยังหัวเราะต่อแต่ก็หยุดและยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของวิน
"ก็ เด็กผู้หญิงที่มาขายกาแฟช่วยเราทุกเย็นนั่นไงคะ" เธอเฉลย
"อ๋อ ปอย" วินถึงบางอ้อพร้อมกับหัวเราะ
เด็กสาวที่ถูกกล่าวถึงเปิดประตูร้านเข้ามา เธอมองมายังวินและ หญิงสาวที่โต๊ะด้วยท่าทางงงๆ เพราะปกติแล้ว วินไม่ค่อยจะไป นั่งคุยกับลูกค้า
"อ้าว พี่วิน วันนี้อู้หรอ ไม่ยอมอยู่เค้าท์เตอร์" เด็กสาวพูดพร้อมกับ ยิ้มให้หญิงสาว
"วันนี้คนน้อยน่ะ เลยมีเวลาอู้" วินบอก
เด็กสาวพยักหน้าและเดินเลยเข้าไปยังหลังร้าน
"ถ้าหมายถึงยัยปอยละก็ เธอเป็นรุ่นน้องที่คณะของผมครับ เป็น ดาวมหาวิทยาลัย ผมก็เลยเอามาเป็นนางกวัก" วินพูดในขณะที่ หญิงสาวหัวเราะกับความคิดของเขา
"ปอยไม่ใช่สวยอย่างเดียวนะครับ แต่เก่งด้วย ไอเดียในการแต่ง ร้านนี้ครึ่งหนึ่งมาจากเธอเลย " วินพูดพร้อมกับมองไปรอบๆร้าน
หญิงสาวมองหน้าวินเหมือนจะค้นความรู้สึกของเขา ก่อนจะยิ้ม "วินไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวพี่ต้องไปทำงานต่อแล้ว" เธอบอก พร้อมกับวางเงินค่ากาแฟไว้บนโต๊ะ
วินลุกขึ้นและเดินไปส่งหญิงสาวและกล่าวกับเธอก่อนที่เธอจะ เปิดประตูออกไป
"พี่ภา ครับ ถ้า ไม่สบายใจ มาที่นี่ได้นะครับ" วินถือวิสาสะเรียก ชื่อเธออย่างสนิทสนม
"หรอคะ มาได้เวลาไม่สบายใจอย่างเดียวหรอ" เธอหันกลับมาล้อเล่นกับเขา พร้อมกับยักคิ้วให้และยิ้มทำเอาหัว ใจดวงน้อยของวินแทบละลาย ก่อนจะมองตามเงาหลังของเธอ ไป บางทีนี่อาจเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานให้เขาละมังแม้แต่ ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกดีใจหรือเสียใจที่เกิดขึ้นอย่าง ไหนมีมากกว่ากัน
เด็กสาวที่ถูกเรียกว่าปอยเดินออกมาจากหลังร้านมายังเคาท์เตอร์ ชุดนักศึกษาถูกเปลี่ยนไปเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงสแล็คและผ้ากัน เปื้อนสีเขียวเช่นเดียวกับวิน
ปอยจัดว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยและผิวที่ขาว จัดทำให้ดูเหมือนตุ๊กตาหินอ่อน เว้นแต่ในเวลาที่เธอยิ้ม ตาหยีๆ ของเธอกลับทำให้รู้สึกว่าเธอยิ้มทั้งหัวใจ ปอยเป็นเหตผลหนึ่งที่ ทำให้ร้านกาแฟของวินมีลูกค้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะ ในเวลาที่เธอมาทำงาน
"อ้าว มะม่วงกลับแล้วหรอคะ" เด็กสาวเอ่ยถาม
"ใครมะม่วง" วินถามกลับพร้อมทำหน้าเอ๋อ
"อ้าว ก็พี่ผู้หญิงที่พี่มดแดงวินนั่งคุยด้วยไง ระวังเจ้าของเค้าเอา ยาฆ่าแมลงมาฉีดนะ " เด็กสาวพูดอย่างอารมณ์ดี
"อ๋อ พี่ภา ดูเหมือนเค้าจะทะเลาะกับแฟนน่ะ" วินตอบพร้อมกับ เช็ดโต๊ะไปพลาง
"เอ๋ แล้วเค้ามาบอกพี่วินทำไม" ปอยทำหน้าสงสัย
"เรื่องมันยาว ลูกค้าเริ่มมาแล้ว เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง" วินตัดบท ก่อนจะปล่อยผ้าเช็ดโต๊ะลงในถังน้ำ ปล่อยให้เด็กสาวได้แต่ยืน หน้ามุ่ย
จากวันนั้น ภาริณีแวะเวียนมาที่ร้านกาแฟบ่อยขึ้นจนเป็นลูกค้า ประจำของร้าน เธอมักเข้ามาคุยกับวินในช่วงบ่ายของทุกวัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าน้อย และบางครั้งก็อยู่จนดึกหากในช่วง เย็นไม่มีคนมากนักเหมือนวันนี้
"น้องปอยมาช่วยพี่วินอย่างนี้มีเวลาอ่านหนังสือหรอคะ" หญิง สาวเอ่ยถาม
"ก็ ไม่ลำบากค่ะ เพราะวิชายากๆพี่วินก็ช่วยติวให้" เด็กสาวบอก พร้อมกับจัดขวดกาแฟในชั้น
"อ๋อ นอกจากค่าจ้างแล้ว ยังได้เรียนพิเศษด้วย" ภาริณีพูดล้อ
"ยัยปอยเค้าเป็นหุ้นส่วนน่ะครับพี่ภา หักค่าใช้จ่ายแล้วกำไรหาร สอง" วินเล่า
"เพราะฉะนั้นก็เลยต้องรับหน้าที่เป็นนางกวักไปด้วยเลย" เขา เล่าต่อ
"แล้วน้องปอยเลิกงานดึกๆแบบนี้ทางบ้านไม่ว่าหรอคะ" ภาวิณี ถามต่อ
"อ๋อ ไม่หรอกค่ะ พอดีคุณแม่ปอยกับคุณแม่พี่วินเป็นเพื่อนกันค่ะ แล้วปอยก็รู้จักพี่วินตั้งแต่เด็กแล้ว" เด็กสาวอธิบาย
ภาริณีรู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของเด็กสาวที่ออกอาการ "หวง"พี่ชายที่รู้จักตั้งแต่เด็กคนนี้จนถึงกับต้องอมยิ้ม
"บางวันหนูปอยไปเที่ยวดิสโก้เทคกับเพื่อนก็เดือดร้อนพี่วินด้วย ครับพี่ภา ต้องโกหกว่าปอยอยู่ที่ร้าน" วินฟ้องในขณะที่เด็กสาว หน้าทำหน้ามุ่ย
"ไม่ต้องเล่าให้พี่ภาฟังทุกเรื่องก็ได้นะพี่วิน"เด็กสาวบ่น
"งั้นพี่กลับก่อนดีว่า เดี๋ยวได้ดูคนทะเลาะกัน" ภาริณีบอกยิ้มๆ พร้อมกับเก็บสัมภาระซึ่งมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและข้าวของ พะลุงพะลัง
"ผมถือไปส่งดีกว่าครับพี่ภา" วินบอก โดยไม่ทันสังเกตุเห็นสาย ตาน้อยใจของเด็กสาว
"อย่าเลย เดี๋ยวพี่หอบไปเองก็ได้ วินช่วยปอยเก็บร้านดีกว่า น้อง เค้าจะได้กลับเร็วหน่อย"ภาริณีตอบ วินหันกลับไปมองเด็กสาว ที่ก้มหน้าซักผ้าเช็ดโต๊ะอยู่และหันกลับมาพูดกับภาริณี
"งั้นก็ได้ครับ พี่ภา พรุ่งนี้เจอกันนะครับ"วินบอกหญิงสาว
"ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ" ภาริณีตอบ ก่อนจะเดินออกจากร้านไป เด็กสาวยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับการซักผ้าเช็ดมือที่อ่างล้างจานจนวิน รู้สึกผิดสังเกตุ
"อ้าว ยัยปอย เป็นอะไรรึเปล่า" วินถามเมื่อเห็นใบหน้าที่เรียบเฉย เหมือนตุกตาหินอ่อนของปอย
"เปล่าค่ะ" เธอตอบ มือที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดเข้าไปใหญ่เมื่อต้องแช่ อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน วินเอื้อมมือไปดึงผ้าเช็ดมือผืนนั้นจากมือ เล็กๆของปอย ความอบอุ่นจากมือที่สัมผัสกันวิ่งขึ้นมาถึงหัวใจ เธอ น้ำตาเริ่มที่จะเอ่อล้นขอบตาจนเธอต้องเบือนหน้าหลบ "เอามานี่มา พี่ซักเองดีกว่าขืนปล่อยเราซักแบบนี้ถึงเช้าแหงๆ แล้วก็ต้องไปหาหมอรักษามือเปื่อยอีก" วินล้อ แต่ก็อดแปลกใจ ในท่าทางแปลกๆของปอยไม่ได้
"ตกลงมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าปอย หรืองานหนักไป" วินถาม
"เปล่าค่ะ" ปอยตอบพร้อมกับหันมายิ้ม วินมองหน้าตุ๊กตาหินอ่อน ที่ยิ้มจนตาหยีพร้อมกับหัวเราะ
"ค่อยยังชั่วหน่อย ถ้ามีอะไรไม่สบายใจบอกพี่นะ" วินพูดพร้อม กับเดินไปตากผ้าเช็ดมือที่หลังร้าน
"ไปเถอะ ป่านนี้คุณแม่ปอยรอแล้ว" วินบอกพร้อมกับปิดไฟใน ร้านเมื่อเด็กสาวเดินออกจากประตูไป
วินรู้สึกหัวใจพองโตทุกครั้งเมื่อภาริณีเข้ามาที่ร้านในช่วงบ่าย ของทุกวัน หลังจากวันแรกที่เธอเดินเข้าร้านมาเพียงลำพัง วิน ก็ไม่ได้เห็นน้ำตาของเธออีก มีเพียงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ อย่างอารมณ์ดีของเธอที่แต่งแต้มหัวใจเขาจนรู้สึกเบิกบาน นี่ละมังการเยียวยาของหัวใจสองดวง... เขาคิด
"คืนนี้พี่ภาว่างมั้ยครับ" วินเอ่ยถาม
"ทำไมหรอวิน" หญิงสาวถามกลับ
"ผมว่าจะชวนพี่ภาไปทานข้าวแล้วฟังเพลงกันครับ" วินรวบรวม ความกล้าเอ่ยถาม
"หรอ แล้วปอยไปด้วยมั้ย" หญิงสาวถามพร้อมกับเลิกคิ้ว
วินทำหน้าสงสัยพร้อมกับเอียงคอเหมือนเด็ก ทำไมต้องถามถึง ปอยนะ ก็เราจะชวนเดทแท้ๆ ก่อนที่จะตอบ
"ไม่ครับ ผมอยากไปกับพี่แค่สองคน" วินตอบ หัวใจของเขาเต้น เร็ว คำตอบที่เขาได้จะเป็นอย่างไรนะ สมหวังหรือผิดหวัง แต่ดู เหมือนเขาไม่ได้เผื่อใจให้กับความผิดหวังมากนัก
"ไม่ดีกว่าค่ะ วิน " หญิงสาวตอบพร้อมกับสีหน้าลำบากใจ
วินรู้สึกเหมือนหัวใจตนเองหยุดเต้นไปชั่วขณะ เขาไม่ได้เผื่อใจ สำหรับคำตอบแบบนี้จริงๆ วันเวลาที่ผ่านมาความสนิทสนม คุ้นเคยที่ต่างมอบให้กันมันควรจะเพียงพอกับคำตอบที่เขาหวัง จะได้รับไม่ใช่หรือ..
วินพยักหน้าช้าๆอย่างพูดไม่ออก เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆอยู่ ในร้านยิ่งเงียบลงไปอีกสำหรับเขาในเวลานี้ นี่เขาควรจะถาม เธอหรือเปล่านะ ว่าทำไม แต่ก็กลัวกับคำตอบเสียเหลือเกิน
รถสัญชาติเยอรมันสีดำที่คุ้นตาเข้ามาจอดเทียบข้างร้านกาแฟ วินมองผ่านหญิงสาวออกไปเขาเห็นว่ากระจกรถด้านตรงข้าม คนขับถูกเลื่อนลง ชายวัยกลางคนคนนั้น..
วรุณ..มองเข้ามาในร้าน ภาริณีซึ่งนั่งหันหลังให้กับรถคันนั้น เห็นความผิดปกติในแววตาของวินและจะหันกลับไป แต่ก็ต้อง หยุดเมื่อวินเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้ แน่นอน เขาตั้งใจให้วรุณ เห็นอย่างชัดเจน...
"ทำไม ครับ" วินถามขณะที่ยังกุมมือหญิงสาวอยู่ น่าแปลกที่เขา กลับไม่รู้สึกถึงความผูกพันที่ควรจะเกิดขึ้น ภายในใจมีแต่ความ ปวดร้าวหญิงสาวใช้มืออีกข้างกุมทับมือของเขาไว้..ก่อนที่จะถอน หายใจและพูดกับเขา
"วิน ...พี่ควรจะบอกเรื่องนี้กับวินมานานแล้ว ..แต่พี่เห็นแก่ตัวเกิน ไป" เธอบอก
"พี่รู้ว่าเธอรู้สึกกับพี่อย่างไร...แน่นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้.. สำหรับเรา" เธอพูดต่อ
วินนั่งฟังด้วยความสงบ หัวใจมันว่างเปล่าจนรู้สึกได้ ...
"ที่พี่มานี่... พี่ต้องการที่พัก .. ที่ที่จะเยียวยาหัวใจตัวเอง...แต่พี่ก็ เกรงว่าพี่จะเสียความอบอุ่นที่วินมีให้กับพี่ไป..หากพี่บอกว่าเธอ เป็นเพียงน้องชายที่พี่รัก" เธอบอก
"พี่ภาตั้งใจที่จะเยียวยา...หรือรอครับ" วินถามด้วยน้ำเสียงเลื่อน ลอย
"คนที่เคยเจ็บอย่างแสนสาหัส..แล้วกลับมายังที่เดิมที่ตอกย้ำความ เจ็บปวด คงไม่ใช่มาเพื่อรับการเยียวยาใช่มั้ย" วินพูดต่ออย่างไม่ ต้องการคำตอบ
"คนที่กลับมายังที่ที่เคยมีความสุขก็เพราะยังมีหวัง ยังรอคอย...ผม น่าจะเดาได้" วินยังคงพูดต่อ
ดวงตาโตกลมของหญิงสาวที่เคยสดใสกลับหม่นหมองลงอย่าง เห็นได้ชัด หญิงสาวบีบหลังมือของวินอย่างเข้าใจ
"วิน จากวันนั้นพี่ไม่ร้องไห้ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เสียใจ แต่พี่รู้ว่าชีวิตพี่ มันยังต้องเดินต่อ" เธอพูด
"หากความรักเป็นเพียงด้านหนึ่งของชีวิตที่มันล่มไป มันก็ยังเหลือ อีกด้านที่ยังต้องประคองเอาไว้" เธอบอกกับเขา
"เรื่องของเรา มันเป็นเพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆบน ความจริงที่เราเลือกที่จะมองข้ามหรือไม่รับรู้" หญิงสาวพูดต่อ
"พี่หลอกตัวเอง ว่ามาที่นี่เพื่อจะลืม และเพื่อเยียวยา แต่ความจริง แล้ว ..เป็นอย่างที่วินพูด"
เธอปล่อยมือที่กุมมือวินอยู่และดึงมือทั้งสองข้างมาประสานบน โต๊ะตรงหน้า พร้อมๆกับที่รถเยอรมันสีดำคันนั้นเคลื่อนออกไป
"พี่มาที่นี่เพื่อ..รอ.. แม้ว่าความหวังมันจะริบหรี่เพียงไหนแต่ความ รู้สึกอบอุ่นที่มันอยู่ก้นบึ้งของหัวใจพี่มันบอกให้พี่เข้มแข็งพอที่ จะรอ พร้อมๆกับความอบอุ่นมีน้ำใจของทั้งน้องชายและน้องสาว ของพี่ทั้งสองคนที่ประคับประคองพี่ไว้" เธอบอกพร้อมกับก้ม หน้ามองแก้วกาแฟตรงหน้า
วินสังเกตุเห็นรถเยอรมันคันนั้นเคลื่อนที่จากไป ความรู้สึกผิดหวัง และความรู้สึกผิดมันปนเปกันอย่างแยกไม่ออก เขาถอนหายใจ ออกมาพร้อมกับพิงพนักเก้าอี้
"แต่ผมไม่ได้หลอกตัวเอง...ผมรักพี่" วินพูด
ภาวิณีเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ก่อนจะพูด "ก็อาจใช่ แต่ก็ไม่ก่อนที่วินจะรักร้านกาแฟร้านนี้ และคงไม่มาก ไปกว่าที่วินรักร้านกาแฟร้านนี้ นั่นเป็นสิ่งที่วินเลือกที่จะไม่รับรู้" เธอบอก
"ผมไม่เข้าใจ " วินตอบพร้อมกับสบตาหญิงสาว
"วินต้องค้นใจตัวเองแล้วล่ะ ว่าระหว่างพี่และร้านกาแฟร้านนี้ สิ่งไหนที่วินรักมากกว่า และมั่นคงกว่า" เธอตอบ "พี่คงไม่มาที่ร้านนี้อีก..มันคงดีสำหรับเราทั้งคู่ วินลองคิดในสิ่ง ที่พี่พูดให้ดี เราทั้งคู่ยังคงต้องการเวลาที่จะ..เยียวยา..กันจริงๆใน เรื่องนี้" ภาวิณีวางเงินค่ากาแฟลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะลุกและเปิด ประตูออกไป.. และสะดุดสายตากับร่างเล็กๆของปอยที่ยืนอยู่อีก ฟากของถนนภาวิณีเห็นอาการสะอื้นของปอยได้อย่างชัดเจน.... ก่อนที่ปอยจะวิ่งจากไป วินมองตามทั้งสองคนอย่างสับสน...
สามสัปดาห์หลังจากวันนั้น ทั้งภาริณีและปอยไม่ได้มาที่ร้านอีก งานในร้านช่างวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเย็นหลังเลิก งานของคนทำงานสำนักงาน วินจ้างพนักงานเพิ่มอีกหนึ่งคน เพื่อช่วยงาน.. แต่เขามักจะให้พนักงานกลับก่อนเสมอและจัดการ เก็บร้านตัวคนเดียวมาตลอดสามสัปดาห์
เสียงหัวเราะที่คุ้นเคยยังแว่วอยู่ที่ไหนสักแห่งในหัวใจ .. นี่หรือ คือสิ่งที่เขาเลือกที่จะไม่รับรู้...หน้าขาวใสเหมือนตุ๊กตาหินอ่อน ที่ยิ้มจนตาหยีเมื่อชี้ให้เขาดู หน้ากากที่แขวนอยู่ข้างผนังหลังจาก เจ้าตัวปีนป่ายไปเจาะและแขวนมันไว้
"สวยมั้ยล่ะ" เสียงใสๆแว่วมา
"หน้ากากใบเดียวทำรสนิยมดีขึ้นเป็นกอง"
"ทำไมถึงเลือกเรียนตกแต่งภายใน"
"ก็อยากรู้ว่าจบสาขานี้มาแล้วจะหางานได้มั้ย" ตุ๊กตาหินอ่อนลอย หน้าลอยตาตอบ
"ทำไม"
"ก็ มีรุ่นพี่จบมาแล้วหางานไม่ได้เลยต้องมาเปิดร้านกาแฟน่ะ ว้าย!ๆๆ" เด็กสาวร้อง เมื่อเขาสาดน้ำในอ่างล้างมือใส่
"แต่ผมไม่ได้หลอกตัวเอง...ผมรักพี่"
"ก็อาจใช่ แต่ก็ไม่ก่อนที่วินจะรักร้านกาแฟร้านนี้ และคงไม่มาก ไปกว่าที่วินรักร้านกาแฟร้านนี้ นั่นเป็นสิ่งที่วินเลือกที่จะไม่รับรู้"
เขารักร้านนี้จริงๆ ทุกวันที่ผ่านมาร้านนี้เคยอบอวลไปด้วยความรัก ข้าวของทุกชิ้นล้วนแต่มีเรื่องราวที่อบอุ่น...ที่เขากลับไม่เคยใส่ใจ..
แม้ความเหงามันทำร้ายจิตใจเขาอย่างสาหัส แต่วินก็เลือกที่จะเว้น ที่ ของเด็กสาวเอาไว้ เขาไปพบปอยที่บ้านแต่ก็ได้รับคำตอบเพียง ว่าเธอ ไม่สบายและไม่พร้อมที่จะพบเขา ไม่ยอมแม้แต่จะรับสาย เมื่อเขาโทรไป
เด็กสาวตัวเล็กที่คอยตามเขาทุกฝีก้าว ตั้งแต่เล็กจนโต ความคุ้นเคย ผูกพันมันสานตัวแน่นหนาจนกลายเป็นเงาของกันและกัน... แต่ ใครบ้างที่จะหันมามองเงาของตัวเอง...
"แม้ว่าความหวังมันจะริบหรี่เพียงไหนแต่ความรู้สึกอบอุ่นที่มัน อยู่ก้นบึ้งของหัวใจพี่มันบอกให้พี่เข้มแข็งพอที่จะรอ"
"คนที่เคยเจ็บอย่างแสนสาหัส..แล้วกลับมายังที่เดิมที่ตอกย้ำความ เจ็บปวด คงไม่ใช่มาเพื่อรับการเยียวยาใช่มั้ย"
"คนที่กลับมายังที่ที่เคยมีความสุขก็เพราะยังมีหวัง ยังรอคอย... ผมน่าจะเดาได้"
เรื่องราวในอดีตวนเวียนกันเข้ามาในห้วงคำนึงของวินจนกระทั่ง เสียงเปิดประตูดังขึ้น
"ร้านปิดแล้วครับ" วินตอบโดยไม่เงยหน้ามอง
"ผมรู้แล้ว"เสียงนุ่มๆทุ้มๆของชายวัยกลางคนที่บัดนี้หน้าตารกไป ด้วยหนวดเครา
วินและวรุณสบตากันก่อนเด็กหนุ่มจะถอนหายใจและเชิญเขานั่ง ที่โต๊ะ
"มีแต่น้ำเปล่านะ" วินบอกพร้อมกับนำน้ำเปล่าไปให้วรุณพร้อม กับนั่งลงตรงข้าม เรื่องราวต่างๆได้ถูกถ่ายทอดออกมาจากทั้งคู่ วินชี้แจงเรื่องวันที่ทำให้วรุณเข้าใจผิด ส่วนวรุณเองบอกเรื่องที่ เขาไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ทางบ้านเลือกไว้ให้และออกมาใช้ชีวิต ลำพังเพื่อหญิงสาว
"แล้วเราจะทำยังไงต่อ" วรุณเอนหลังกับพนักเก้าอี้
"เราจะทำอะไรได้" วินตอบ พร้อมกับยิ้มให้
"ที่นี่เป็นที่ๆผมและภาริณีเคยมีความสุขมีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม" วรุณพูดพร้อมกับมองไปรอบๆร้าน
"คนที่ผิดหวังกลับมาที่ที่เคยมีความสุขทำไมรู้ไหมครับ" วินถาม
วรุณพยักหน้าและหมุนแก้วน้ำในมือก่อนจะตอบ.." รอ "....
วรุณเลื่อนเมาส์บนโต๊ะกาแฟอย่างไม่ค่อยถนัดเพราะโต๊ะนั้นค่อน ข้างเล็ก
"เมื่อไรจะหาโต๊ะที่ใหญ่กว่านี้ให้ผมซักทีนะ" วรุณบ่นขณะที่สาย ตายังคงมองอยู่ที่ข้อมูลในจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค
"ยอดขายลดลงอีกแล้ว ทีมขายทีมนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ" ชายวัยกลาง คนบ่นเด็กหนุ่มซึ่งกำลังถูพื้นอยู่ถึงกับชะงัก ก่อนจะตอบ
"เป็นเจ้าของบริษัทนี่ดีจริงๆนะครับ ไม่เข้าบริษัททั้งบ่ายเลยก็ได้ ถ้าพนักงานมาทำอย่างนี้สงสัยโดนไล่ออกไปแล้ว"
"นี่ร้านกาแฟนะครับไม่ใช่ สำนักงานให้เช่า" จะได้มีเครื่องใช้ สำนักงานให้ครบแล้วคุณวรุณคงไม่ปักหลักอยู่ตลอดไปละมังครับ"
วินเดินไปหยิบผ้าและน้ำยาเช็ดกระจกไปทำความสะอาดหน้า ร้าน
"ก็ไม่หรอก ... แต่นี่มันนานเท่าไรแล้วนะ" วรุณถามโดยไม่เงย หน้าจากข้อมูลในจอ
"สามเดือนแล้ว" วินตอบพร้อมกับฉีดน้ำยาเช็ดกระจกลงบน กระจกหน้าร้านวงใหญ่ เงาของคนสองคนปรากฏอยู่หลังกระจก ที่มีแต่คราบน้ำยา
"แล้วต้องรอถึงเมื่อไร" วรุณถามพลางเอนตัวบิดขี้เกียจบนเก้าอี้
วินเช็ดน้ำยาบนกระจกออก เงาทั้งสองชัดเจนขึ้นพร้อมๆกับความ อบอุ่นที่วิ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
"ก็คงขึ้นอยู่กับการกระทำของเราในวันนี้ละมั้ง" คำตอบของวิน ทำให้วรุณหันมามองและรีบลุกขึ้นจนกาแฟและข้าวของบนโต๊ะ หล่นเกลื่อนพื้น
ภาริณีและปอยจูงมือกันเข้ามาในร้าน
"ได้ข่าวว่า เจ้าของร้านมีหุ้นส่วนใหม่ที่ขี้เกียจมาก ไม่ช่วยทำงาน ในร้านเลย" ภาริณีพูดยิ้มๆเมื่อมองไปยังข้าวของที่วางเกลื่อนพื้น
"ก็ผมมันนักลงทุนนี่คุณ คอยดูแลผลประกอบการอย่างเดียว" วรุณ ตอบ
"แล้วที่บ้านช่องไม่ยอมกลับนี่ละคะ" หญิงสาวถามต่อ
วรุณเดินเข้าหาเธอพร้อมทั้งเอื้อมมือแข็งแรงไปกุมมือเธอไว้ ก่อน จะโน้มตัวมาพูดกับเธอ " มันขึ้นอยู่กับว่าคุณตีความหมายของคำว่าบ้านไว้อย่างไร... หากบ้านหมายถึงที่ที่มีความรักและความอบอุ่นแล้วล่ะก็... ทุกแห่งที่มีคุณ... คือบ้านของผม"
หญิงสาวทำจมูกย่น ตาโตกลมเป็นประกาย "โถ พ่อนักธุรกิจ คิดอยู่นานมั้ย ประโยคนี้น่ะ" ก่อนจะคล้อง แขนไว้ที่รอบคอเขา ..
" ก็ ไม่หรอก เพราะ วินเค้าเปิดเพลงนี้กล่อมกันทุกวัน สองคน" วรุณวางมือไว้ที่เอวของหญิงสาว
"อภัยให้ผมนะ" วรุณเอ่ยปาก
"ค่ะ" หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มให้
ใบหน้าขาวใสและดวงตาที่เรียบเฉยเหมือนตุ๊กตาหินอ่อนของ ปอย มองเด็กหนุ่มอย่างไม่แน่ใจ
"ปอย " เด็กหนุ่มเอ่ยปากทักก่อนแต่ก็นึกคำพูดอะไรไม่ออกทั้งที่ ก่อนนี้เขาคิดไว้เป็นร้อยประโยค
"คะ" เด็กสาวพูดโดยที่ยังไม่มองหน้าเขา
"ปอยจะกลับมามั้ย" วินถามเสียงสั่นความมั่นใจที่เคยมีก่อนหน้า มันหายไปไหนหมดนะ
"ปอยไม่รู้" เธอตอบพร้อมกับมองไปรอบๆร้าน ข้าวของและ อุปกรณ์ในร้านยังอยู่ในสภาพเดิม แต่มันดูไร้ชิวิตชีวาไม่เหมือน ก่อน
"ปอยไม่รู้ว่า มันจะกลับมาเหมือนเดิมได้ยังไง" เธอตอบด้วยน้ำ เสียงไม่มั่นใจ
วินก้าวเข้ามาใกล้และเอื้อมมือไปกุมมือไว้ แต่เด็กสาวชักมือกลับ อย่างรวดเร็ว
"ปอยจะให้พี่รอถึงเมื่อไร ถึงจะอภัยให้พี่" วินถาม
"ปอยไม่รู้....จากวันนั้นปอยไม่เคยแน่ใจ...ปอยขอตัวไปเก็บของ ก่อน" เด็กสาวเดินเลยไปหลังร้านเพื่อเก็บของที่เธอทิ้งเอาไว้ใน ห้องของเธอ
วินได้แต่ยืนซึมอยู่อย่างนั้น น้ำตาที่กลั้นไว้เริ่มเอ่อล้นขอบตา วันเวลาที่ผ่านมาความเหงาได้ทำร้ายจิตใจอย่างสาหัส ยิ่งเราเว้น ที่ในใจให้เขาไว้มากเท่าไรยิ่งปวดร้าวทรมานมากเท่านั้น...
ภาริณีและวรุณมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นและถอนใจ หญิงสาวคลาย มือจากวรุณก่อนจะเดินตามเด็กสาวไป แต่วรุณฉุดแขนเธอไว้ พร้อมกับส่ายหน้า...
"เราช่วยเขาไม่ได้หรอก...เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้" วรุณบอก หญิง สาวได้แต่ยืนมองเด็กหนุ่มที่เคยชอบเธอด้วยความสงสาร
เด็กสาวไขกุญแจเข้าไปในห้องพักหลังร้านของเธอ ภายในห้อง มืดสนิท แต่เธอรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งแปลกไป.. เธอเอื้อมมือไปเปิด สวิชต์ไฟด้วยความระมัดระวัง ทันทีที่หลอดไฟสว่างขึ้น เธอต้อง ตะลึงกับภาพที่เห็น...
กระดาษสำหรับร่างภาพเป็นร้อยใบถูกปิดอยู่ทั่วทั้งห้องอย่าง สะเปะสะปะ แต่ละใบเป็นภาพร่างของเธอในอิริยาบทต่างๆกัน ในร้าน... ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ เธอปีนไปแขวนหน้ากาก หรือตอน ที่สาดน้ำจากอ่างล้างหน้าเล่นกับเขา... เด็กสาวเดินเข้าไปดูภาพ ร่างเหล่านั้นอย่างเหม่อลอย ก้อนสะอื้นวิ่งขึ้นมาถึงลำคอ เด็กสาวยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา ภาพที่ปรากฏตรงหน้าเลือนรางลงเพราะม่านน้ำตา.. เธอเดินไป ยังตู้เสื้อผ้าและเปิดมันออก...
เด็กสาวเดินออกมาจากห้องและพบวินที่ยืนอยู่ที่เดิม เขายังก้มหน้า มองพื้นและกลั้นสะอื้นเป็นระยะเหมือนไม่รับรู้สิ่งใดๆรอบตัวจน กระทั้งเด็กสาวมายืนต่อหน้า
วินเงยหน้าขึ้นและแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง ปอยอยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงสเล็คพร้อมทั้งผูกผ้ากันเปื้อนสีเขียวของร้าน ...วินโผเข้า กอดเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งเด็กสาวพยายามดันตัวออกแต่ก็ รู้สึกถึงอาการสะอื้นที่เพิ่มขึ้นของเขา ในที่สุด วินก็ร้องให้ออก มาอย่างกลั้นไว้ไม่ได้ เด็กสาวยกมือขึ้นวางบนแผ่นหลังของเขา และแนบใบหน้ากับหัวไหล่ของวิน
"งอแงเป็นเด็กไปได้ แค่ให้ดูแลร้านคนเดียวสามเดือนเอง..." เด็กสาวบอก ม่านน้ำตาของทั้งคู่เริ่มเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง
"เราคงต้องตัดสินใจแล้วล่ะ" วรุณเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา ทั้งวิน ปอยและภาริณีหันมามองหน้าเขา
"ตัดสินใจอะไรคะ" ภาริณีถาม
"ก็... ตัดสินใจว่าจะปิดร้านหรือเปิดร้านต่อ เพราะลูกค้าหน้าร้าน มายืนดูละครฟรีตั้งนานแล้ว" วรุณบอกยิ้มๆ
ทั้งปอยและวินต่างรีบป้ายน้ำตาก่อนที่จะเอ่ยพร้อมๆกัน... "ก็ต้องเปิดร้านสิครับ - คะ"
เสียงหัวเราะเข้ามาแทนที่ความเหงาที่ปกคลุมร้านนี้อยู่จนหมด..........
กลิ่นกาแฟ ...........................
Create Date : 31 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2550 10:50:30 น. |
|
14 comments
|
Counter : 938 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: Exact&Sirasak FC IP: 203.146.63.185 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:46:10 น. |
|
|
|
โดย: เพราะรักเธอหมดทั้งใจ IP: 61.7.172.150 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:41:36 น. |
|
|
|
โดย: T@@N IP: 61.19.222.31 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:29:47 น. |
|
|
|
โดย: หยางจัง IP: 58.137.129.220 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:29:51 น. |
|
|
|
โดย: ข้าวโพด IP: 202.123.145.203 วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:12:22:13 น. |
|
|
|
โดย: กลิ่นกาแฟ (กลิ่นกาแฟครับ ) วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:22:06:05 น. |
|
|
|
โดย: mangotip... IP: 118.173.239.106 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:1:39:56 น. |
|
|
|
โดย: กลิ่นกาแฟ (กลิ่นกาแฟครับ ) วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:14:16:14 น. |
|
|
|
โดย: xyz IP: 124.120.209.34 วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:19:55:21 น. |
|
|
|
โดย: กลิ่นกาแฟ (กลิ่นกาแฟครับ ) วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:14:49:53 น. |
|
|
|
โดย: green IP: 173.48.204.158 วันที่: 11 สิงหาคม 2555 เวลา:4:00:00 น. |
|
|
|
| |
|
 |
กลิ่นกาแฟครับ |
|
 |
|
Location :
ปราจีนบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

|
กาแฟหอมๆสักแก้วมั้ยครับ
หากเพื่อนๆต้องการเผยแพร่งานเขียน ของนายกลิ่นรบกวนทำลิ้งมานะครับ หรือไม่ก็ช่วยลงเครดิตให้กับผู้แต่ง หน่อยนะครับ
|
|
|