หายช็อกกันหรือยัง?
ทั่วทุกหัวระแหงในแดนแซมบ้า ราวถูกกระหน่ำซ้ำเติม ประเทศมีปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจมากพออยู่แล้ว และการรับหน้าเสื่อในฐานะเจ้าภาพไม่ได้รับการขานรับจากทุกฝ่าย หนทางเดียวที่พอทุเลาความเดือดดาลของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยคือการคว้าแชมป์ ใช่! แชมป์คือเป้าหมายเดียวเท่านั้นสำหรับบราซิล!
อีเวนต์ "บ้านแห่งฟุตบอล" ครอบงำไปทั่ว ในฐานะเจ้าภาพทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของ เนย์มาร์ ทำให้เขาปิดฉากทัวร์นาเมนต์นี้เร็วเกินคาด ความมั่นใจที่มีต่อแชมป์โลก 5 สมัยถดถอยลง กระนั้น การเล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเองทำให้โอกาสคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ยังอยู่ในมือ แม้การเสียซูเปอร์สตาร์ก่อนหน้าเกมกับเยอรมัน เป็นการบอกกลายๆ กับแฟนบอลถึงการเตรียมตัวเตรียมใจหากทุกอย่างไม่เป็นอย่างฝัน อย่างไรก็ดี ไม่มีใครคาดคิดถึงสกอร์ 1-7 อันยับเยินมาก่อน
ตอนนี้ ถึงเวลาตั้งสติกันใหม่ และด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยม บราซิล ยังคงเป็นชาติเดียวที่โลดแล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย "ไม่มีบราซิล ไม่ใช่ฟุตบอลโลก" การตัดสินใจและเปลี่ยนแปลงอาจต้องการเวลา ขณะที่ เยอรมัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามีสิทธิ์สูดกลิ่นโทรฟี่นับตั้งแต่ยูโร 96
บราซิลแพ้เพราะอะไร? นี่เป็นเวลาชำแหละทัพ "เซเลเซา" เจ้าของสถิติแพ้มากที่สุดตลอดกาล
1. แชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ
บราซิล คว้าแชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ในประเทศตัวเองเมื่อ 1 ปีก่อน และทีมในนัดชิงชนะเลิศที่ไล่ต้อนสเปน 3-0 ก็เป็นผู้เล่นกับที่ใช้ในนัดเปิดสนามฟุตบอลโลกปีนี้
อย่างไรก็ดี นั่นเสมือนหอกกลับมาทิ่มแทงตัวเอง การขาดแมตช์อย่างเป็นทางการรวมถึงอาการเห่อเหิมในชัยชนะเหนือ "กระทิงดุ" ส่งผลต่อมุมมองของสโคลารี่อย่างชัดเจน เขายังยึดมั่นในตัวเปาลินโญ่ ให้เป็นตัวหลักในฟุตบอลโลก ทั้งที่เจ้าตัวเพิ่งผ่านฤดูกาลอันเลวร้ายกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ด้วยผลงานที่มีคะแนนเฉลี่ยเพียง 6.87 และมันส่งผลต่อความมั่นใจของเขาตั้งแต่ก่อนทัวร์นาเมนต์
เปรียบเทียบกับ แฟร์นันดินโญ่ (7.38) แล้ว มิดฟิลด์จากแมนฯ ซิตี้ สมควรเป็นตัวจริงมากกว่า ความสำเร็จเมื่อ 12 เดือนก่อนคือภาพลวงตาโดยแท้ มันเป็นหลุมพรางล่อหลอกให้ "บิ๊กฟิล" ตาพล่ามัวและไม่ได้เตรียมการให้พรักพร้อมสำหรับผู้เล่นของเขา
2. ศูนย์หน้า...ซากเรียกพี่
นี่เป็นปัญหาของหลายทีมในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ในการขาดศูนย์หน้าธรรมชาติที่มีคุณภาพเพียงพอ เช่นเดียวกับเจ้าภาพอย่างบราซิล
เฟร็ด ศูนย์หน้าจากฟลูมิเนนเซ่ กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดร่วมในคอนเฟดเดอร์เรชั่นส์ คัพ เมื่อปีที่แล้ว (5 ประตูเท่ากับ เฟร์นานโด ตอร์เรส ของสเปนและทำ 1 แอสซิสต์ทั้งคู่ แต่ตอร์เรสลงเล่นเป็นจำนวนนาทีน้อยกว่า) เป็นมือวางอันดับ 1 ของทีมด้วยความหวังว่าเขาจะทำสำเร็จอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม อดีตกองหน้าโอลิมปิก ลียง โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง และผลงาน 1 ประตูจากลูกโขกจ่อๆ ในเกมกับแคเมอรูน จากโอกาสทั้งหมด 12 ครั้ง ถือว่าน่าผิดหวัง เช่นเดียวกับการผ่านบอลสำเร็จแค่ 71 ครั้งจาก 6 แมตช์ (เฉลี่ยนัดละ 11.8) ประทานโทษนะฮะ ตัวเลขนี้รวมถึงการเขี่ยบอลด้วย! (ซึ่งเขาเป็นคนเขี่ยอย่างน้อย 1 ครั้งในแต่ละเกม)
เราไม่อาจพิพากษากองหน้าจากจำนวนประตูเท่านั้น หากเขาลงมาต่ำเพื่อมีส่วนร่วมในการปั้นเกม โถ...โลกสวยเอาโล่หรือไงพ่อคุณ! ผลงานสร้างโอกาสแค่ 3 ครั้งตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ของเฟร็ด รวมทั้งการมีโอกาสยิงมากกว่าทีมอื่นๆ ดูอย่างไรก็ต้องถือว่าล้มเหลว
ก๊อกสอง โช อดีตกองหน้าเอฟเวอร์ตันและแมนฯ ซิตี้ ผลงานไม่ดีกว่ากันจากจำนวน 0 ประตู และผ่านบอลสำเร็จแค่ 40 เปอร์เซนต์
ในประเทศที่บ้าคลั่งฟุตบอล และมีประชาชนกว่า 200 ล้านชีวิต พวกเขาน่าผลิตศูนย์หน้าที่มีคุณภาพดีกว่าได้ในอีก 4 ปีข้างหน้า
3. นายประตู...น้ำ
ขณะที่ ชูลิโอ เซซาร์ ก้มเก็บบอลที่ก้นตาข่าย 7 ครั้ง มานูเอล นอยเออร์ พิสูจน์ให้เห็นว่าคู่ควรกับรางวัลถุงมือทองคำ และโกลเดนบอล อวอร์ดส์
บราซิลมีโอกาสยิง 4 ครั้งในเกมกับเยอรมัน แต่นอยเออร์ไม่สะทกสะท้าน เขาสัมผัสบอล 59 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของผู้เล่นเยอรมัน และเขาพร้อมขยับออกจากเส้นในฐานะสวีปเปอร์ตัวสุดท้ายเมื่อเพื่อนร่วมทีมดันขึ้นสูง นั่นเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่า เขาเหนือกว่าเซซาร์
นายทวารแซมบ้าปัดลูกยิงครั้งแรกของ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ไว้ได้ แต่ไม่อาจต้านทานการซ้ำดาบสอง เมื่อกองหลังหายหัวกันไปหมด นอกจากนั้น เซซาร์ยังน่าทำผลงานได้ดีกว่าในการปัดป้องลูกยิงของ อันเดร เชือร์เล่ ที่ตะบันเช็ดใต้คานในประตูปิดท้าย แน่นอน ส่วนหนึ่งแห่งความยับเยินมาจากแนวรับอันหละหลวม แต่ความจริงอีกอย่างที่ต้องยอมรับคือ เซซาร์พ้นช่วงพีกของตัวเองไปเนิ่นนานแล้ว
4. ดาวิด ลุยซ์...ถุย!
ด้วยค่าตัวระห่ำ 50 ล้านปอนด์ของ ดาวิด ลุยซ์ ในการย้ายจากเชลซีไปอยู่กับ ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง ดาวเตะหัวฟูย่อมถูกคาดหวังถึงฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมสำหรับฟุตบอลโลกในบ้านตัวเอง
ความผิดพลาดหลายครั้งในเกมกับเยอรมัน ก่อให้เกิดคำถามถึงคุณภาพของลุยซ์ อย่างไรก็ตาม ในฐานะกัปตัน ลุยซ์ย่อมรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าลูกทีม เขาวิ่งแหลกทั้งช่วงมีบอลและไม่มีบอล พยายามจ่ายบอลยาวถึง 20 ครั้งเมื่อบราซิลต้องการครองบอลและเปิดเกมจากแนวรับ นอกจากนั้นเขาเสียฟาวล์ 3 ครั้ง และมีสิทธิ์โดนไล่ออก หากการชักศอกใส่โคลเซ่ถูกเป่าเป็นจังหวะฟาวล์ การยืนเคียงข้าง ติอาโก้ ซิลวา ทำให้เขาดูแข็งแกร่งตามไปด้วย แต่อย่างที่เห็นหลายครั้งในชุดสิงห์บลูส์ ลุยซ์ไม่อาจควบคุมแนวรับได้อย่างเรียบวุธ หากปราศจากคู่ขาที่ดีพอ
ทีมที่มีผลงานแย่ที่สุดในบอลโลก 2014
บราซิล (พบเยอรมัน) 5.91
โปรตุเกส (พบเยอรมัน) 5.94
สเปน (พบฮอลแลนด์) 5.98
ฮอนดูรัส (พบฝรั่งเศส) 6.00
ออสเตรเลีย (พบสเปน) 6.06
เครดิต : หนังสือพิมพ์ "สปอร์ตแมน"