สโกลารีซูฮกอินทรีเจ๋ง เก้าอี้ประธานาธิบดีสั่น
ชาวแซมบ้าร่ำไห้ทั้งประเทศ หลังทีมชาติบราซิล เจ้าภาพ โดน อินทรีเหล็ก ทีมชาติเยอรมนี ไล่ถลุงไปแบบไม่ไว้หน้าพ่ายแพ้แบบหมดรูปไปถึง 7-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบรองชนะเลิศ ส่งผลให้ อินทรีเหล็ก เยอรมนี ฉลุยเข้าชิงชนะเลิศเป็นทีมแรก รอเจอผู้ชนะระหว่าง ฟ้าขาว อาร์เจนตินา กับ อัศวินสีส้ม ฮอลแลนด์ ในวันที่ 13 ก.ค. ส่วนเจ้าภาพทำได้แค่ไปรอชิงอันดับ 3 ชาวแซมบ้าจำนวนมากทำใจรับไม่ได้ ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันเอง ฉีกตั๋วเข้าชมฟุตบอลโลกโชว์สื่อ บ้างเดินออกจากสนามตั้งแต่กรรมการยังไม่เป่านกหวีด ทั้งเกิดกระแสข่าวลือในเครือข่ายสังคมออนไลน์ทั่วโลกว่าเกิดจลาจลขึ้นในเมืองเซาเปาโล ของบราซิล แต่สุดท้ายเป็นแค่ข่าวโคมลอย ขณะที่บิ๊กฟิล หลุยส์ เฟลิเป สโกลารี กุนซือทีมบราซิล ออกมายืดอกรับผิด ชี้เป็นวันเลวร้ายที่สุดในอาชีพการเป็นโค้ช ส่วนดาวิด ลุยซ์ กองหลังทีมแซมบ้า หลั่งน้ำตาขอโทษแฟนบอลบราซิลที่ทำให้ต้องผิดหวัง สถิติบอลโลกจารึกความพ่ายแพ้ย่อยยับอัปราชัยที่สุดของบราซิล ในรอบ 94 ปี
เบื้องหลังศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบรองชนะเลิศ คู่แรก ที่สนามเอสตาดิโอ มิไนเรา เมืองเบโล ฮอริซอนเต ประเทศบราซิล เมื่อวันอังคารที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ระหว่าง อดีตแชมป์โลก 5 สมัยอย่าง เจ้าภาพ บราซิล ปะทะแข้งกับ อินทรีเหล็ก เยอรมนี อดีตแชมป์โลก 3 สมัย ซึ่งผลปรากฏว่า เยอรมนี ถล่มเอาชนะ บราซิล ไปด้วยสกอร์ที่เหลือเชื่อถึง 7-1 ส่งให้ทัพ อินทรีเหล็ก ลอยลำเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นทีมแรก รอพบกับผู้ชนะระหว่าง อาร์เจนตินา กับ ฮอลแลนด์ ที่สนามมาราคานา สเตเดียม ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ต่อไป ส่วนบราซิลได้แค่ชิงอันดับ 3 เป็นรางวัลปลอบใจ ในวันที่ 12 ก.ค.
เกมนี้ เจ้าภาพ บราซิล อยู่ในสภาพที่พิการ เนื่องจากต้องขาด 2 กำลังสำคัญอย่าง เนย์มาร์ กองหน้าตัวเก่ง และติอาโก ซิลวา กองหลังกัปตันทีม โดยรายแรกบาดเจ็บหนักถึงขั้นกระดูกสันหลังร้าวจนต้องถอนตัวออกจากการแข่งขันไปแล้ว ส่วนรายหลังติดโทษแบน ทำให้ต้องส่ง ออสการ์, ฮัล์ค และแบร์นาร์ด เป็น 3 ประสานแนวรุก โดยมี เฟรด ยืนเป็นหน้าเป้า ด้านทีม อินทรีเหล็ก เยอรมนี วาง โทมัส มุลเลอร์ และ มิโรสลาฟ โคลเซ เป็นคู่กองหน้า ครึ่งแรกเล่นไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กองเชียร์เจ้าภาพก็ต้องช็อกตะลึงตาค้างกันทั้งสนาม เมื่อบราซิลโดนเยอรมนีถลุงนำห่างก่อนถึง 5-0 จากการทำประตูของ โทมัส มุลเลอร์ นาที 11, มิโรสลาฟ โคลเซ นาที 23 ซึ่งประตูนี้ทำให้ โคลเซ ทำสถิติเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ที่จำนวน 16 ประตู แซงหน้า โรนัลโด อดีตกองหน้าทีมชาติบราซิล 1 ลูก, โทนี โครส ซัด 2 ลูก นาที 24 กับ 26 และซามี เคดิรา นาที 29 จบครึ่งแรก บราซิล ตามหลัง เยอรมนี 0-5 สวนครึ่งหลัง อินทรีเหล็ก มายิงเพิ่มได้อีก 2 ลูก จาก อันเดร ชูร์เล ตัวสำรอง ที่เหมากระทุ้งคนเดียว 2 ลูก นาที 69 กับ 79 ให้เยอรมนีนำสุดกู่ 7-0 ก่อนที่ เจ้าภาพบราซิลจะมาได้ประตูกู้หน้าตีไข่แตกเป็น 1-7 จากการซัดของ ออสการ์ นาที 90 จบเกม เยอรมนี ถล่มแหลก เจ้าภาพ บราซิล แบบไม่ไว้หน้า 7-1 เข้าชิงเป็นทีมแรกรอเจออาร์เจนตินาหรือฮอลแลนด์ต่อไป ส่วนบราซิลไปรอชิงที่ 3
หลังจบเกม บรรยากาศในบราซิลที่เคยคึกคักกลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ประชาชนชาวบราซิลต่างร่ำไห้เสียใจที่เจ้าภาพจบเส้นทางฟุตบอลโลก 2014 เพียงแค่รอบรองชนะเลิศ โดยหลุยส์ เฟลิเป สโกลารี กุนซือทีมชาติบราซิลกล่าวด้วยความผิดหวังว่า นี่คือวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผม เราอยากให้ทุกคนยกโทษกับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น เราขอขอบคุณแฟนๆ สำหรับการสนับสนุนและให้กำลังใจในยามที่เราพ่ายแพ้ ผมต้องรับผิดชอบกับผลการแข่งขัน ที่เลวร้ายในนัดนี้ ผมเป็นคนเลือกตัวผู้เล่นและวางแผน การเล่น ดังนั้น ผมต้องรับผิดชอบ หลังเสียประตูแรก ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่เราวางเอาไว้ เราพยายามทำทุกวิถีทางแล้ว แต่เราไม่สามารถทำอะไรเยอรมนีได้ พวกเขาเป็นทีมที่มีทักษะที่ยอดเยี่ยม นี่คือความพ่ายแพ้ ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่เราต้องเรียนรู้และก้าวเดินต่อไป พวกเราไม่ต้องการนำเนย์มาร์มาเป็นข้อแก้ตัวในแมตช์นี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือเยอรมนีเป็นผู้กำหนดเกม พวกเขาเป็นผู้ควบคุมในช่วงเวลานั้น มันไม่เกี่ยวกับเนย์มาร์เลย ข้อความที่ผมอยากส่งไปถึงชาวบราซิลก็คือขอให้ทุกคนอภัยให้กับเราสำหรับฟอร์มการเล่นในนัดนี้ ผมเสียใจที่เราไม่สามารถผ่านสู่รอบชิงชนะเลิศได้ และเราจะพยายามคว้าอันดับ 3 มาครองให้ได้ กุนซือทีมบราซิลกล่าว
ส่วนดาวิด ลุยซ์ กองหลังทีมชาติบราซิล ซึ่งสวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมในนัดนี้ ถึงกับหลั่งน้ำตาขอโทษแฟนบอลของตัวเอง ยอมรับรู้สึกผิดหวังสุดๆ ที่ทำให้แฟนบอลชาวบราซิลต้องเสียใจ ผมแค่อยากจะทำให้ประชาชนชาวบราซิลมีความสุข เพื่อชาวบราซิลของผม ที่เจ็บปวดมามากแล้ว โชคร้ายที่เราไม่สามารถทำได้ ผมเสียใจจริงๆ เสียใจต่อประชาชนชาวบราซิเลียนทุกคน ผมอยากเห็นพวกเขามีรอยยิ้ม ทุกๆ คนรู้ว่ามันมีความสำคัญมากแค่ไหนสำหรับผมที่อยากทำให้ประชาชนชาวบราซิลมีความสุข แต่นั่นแหละเพราะนี่คือฟุตบอล อย่างไร ก็ตาม พวกเขา (เยอรมนี) ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเขาเตรียมตัวมาดีกว่าและเล่นได้ดีกว่า เราปล่อยให้มีการเสียประตู 4 ลูกภายในเวลาแค่ 6 นาที มันเป็นวันที่น่าเศร้า แต่เราต้องเรียนรู้จากสิ่งนี้
ทางด้านโจอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติ เยอรมนี ยอมรับรู้สึกเห็นใจชาวบราซิลที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวด หลังจากเจ้าภาพ แซมบ้า พ่ายต่อเยอรมนี ยับเยินหมดสภาพ 1-7 ตกรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2014 พร้อมทั้งเผยว่าเยอรมนีก็เคยพบเหตุการณ์สุดช็อกแบบนี้มาแล้ว ในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี ซึ่งเป็นเจ้าภาพในตอนนั้น พ่ายต่ออิตาลี 0-2 หลังต่อเวลาพิเศษ ในเกมรอบรองชนะเลิศ โดย เลิฟ กุนซือทีมอินทรีเหล็กกล่าวว่า เราก็เคยช็อกและเจอประสบการณ์แบบนี้เหมือนกันในฟุตบอลโลกปี 2006 พวกเขาช็อกและไม่คาดคิดว่าจะเป็นฝ่ายตามหลัง และหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นแมตช์ที่ง่ายสำหรับเรา เราตั้งความหวังไว้สูงในปี 2006 และรู้สึกกดดันเพียงใดเมื่อต้องลงสนามในฐานะเจ้าภาพ ประชาชน 200 ล้านคนที่นี่อยากเห็นคุณเข้ารอบชิงชนะเลิศ มันก็เลยทำให้นักเตะของคุณกดดัน ผมขอแสดงความเสียใจกับเขา (สโกลารี) ด้วย ผมรู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร เลิฟระบุ
โทมัส มุลเลอร์ กองหน้าตัวเก่งทีมชาติเยอรมนี กล่าวว่า แน่นอนคุณไม่สามารถคาดหวังเรื่องนั้นได้ นั้นแสดงให้เห็นว่าแต่ละเกมแตกต่างกันอย่างไร บราซิลเล่นได้แตกต่างกว่าทีมที่เน้นตั้งรับ และเราก็ฉกฉวยความได้เปรียบนี้เอาไว้ในแนวทางที่ไม่ธรรมดา มันเป็นเรื่องบ้าบอคอแตกมาก นอกจากนี้ มุลเลอร์ซึ่งยิงไปแล้ว 5 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ ยังต้องการให้เพื่อนร่วมทีมรักษาฟอร์มเก่งแบบนี้เอาไว้ต่อไป เพราะมีงานหนักรออยู่ในรอบชิงชนะเลิศที่ต้องเจอกับผู้ชนะระหว่างอาร์เจนตินากับฮอลแลนด์ ในนัดชิงชนะเลิศ ที่สนามมาราคานา วันที่ 13 ก.ค.นี้ คุณต้องรักษาฟอร์มนี้เอาไว้ให้ได้ ทุกแมตช์มีความแตกต่าง เหมือนอย่างที่ทุกคนพูดถึงเราในแง่ลบหลังเกมรอบ 16 ทีมกับแอลจีเรีย ตอนนี้พวกเขาจะต้องยกย่องในผลงานของเรา เราคือทีมที่เต็มไปด้วยคุณภาพ และเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมมากๆ
สำหรับความพ่ายแพ้ย่อยยับ 1-7 ของบราซิล สร้างสถิติขึ้นมาใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งยับเยินที่สุดของบราซิลในรอบ 94 ปี นับตั้งแต่ปราชัยต่อ อุรุกวัย 0-6 ในศึกโคปา อเมริกา ปี 1920 นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 38 ปี ที่บราซิลแพ้คาบ้านด้วยสกอร์ขาดลอยที่สุดในเกมสำคัญ และเป็นการแพ้ขาดลอยที่สุดของทีม แซมบ้า ในการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยก่อนหน้านี้ บราซิล เคยแพ้ฝรั่งเศสด้วยสกอร์แค่ 0-3 ในเกมนัดชิงชนะเลิศปี 1998 รวมทั้งยังเป็นผลแพ้-ชนะขาดลอยที่สุดในฟุตบอลโลก รอบรองชนะเลิศ หลังจากเยอรมนี เคยถล่มออสเตรีย 6-1 เมื่อปี 1954
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่ภาพตำรวจบราซิลจับกุมแฟนบอลชายรายหนึ่ง ซึ่งก่อเหตุทะเลาะวิวาทหลังจากทีมชาติบราซิลแพ้ให้กับทีมชาติเยอรมนี โดยรอยเตอร์ระบุด้วยว่าแฟนบอลชาวบราซิลจำนวนมากไม่พอใจผลการแข่งขัน บางรายจงใจฉีกบัตรเข้าชมการแข่งขันต่อหน้าสื่อโทรทัศน์และเดินทางกลับบ้านตั้งแต่ยังไม่จบการแข่งขัน ขณะที่นักวิเคราะห์การเมืองบราซิลระบุว่าความพ่ายแพ้ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาลบราซิล ซึ่งอาจทำให้นางดิลมา รุสเซฟ ประธานาธิบดีบราซิล สูญเสียคะแนนในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะจัดขึ้นในเดือน ต.ค.ที่จะถึง เนื่องจากประชาชนจำนวนมากคัดค้านการใช้เงินงบประมาณมหาศาลในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลเวิลด์คัพ
ขณะที่ผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ ทวิตเตอร์ ในทวีปอเมริกาและยุโรปจำนวนหนึ่ง เผยแพร่ภาพเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมประท้วงก่อจลาจลในเมืองเซาเปาโลของบราซิล โดยระบุว่าเป็นการก่อเหตุของกลุ่มผู้ไม่พอใจผลการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมบราซิลและเยอรมนี แต่เว็บไซต์ บัซฟีด สื่อออนไลน์ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่าภาพการจลาจลดังกล่าวไม่ใช่เหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 ก.ค. แต่เป็นภาพการชุมนุมประท้วงรัฐบาลบราซิลเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.56 ซึ่งตำรวจหน่วยปราบปรามจลาจลยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม