บราซิล คำนี้หลายคนมักนึกถึง "ฟุตบอล" และไม่ใช่เพียงแค่เกมการแข่งขันฟุตบอล หากแต่เป็นสิ่งดีๆ และเรื่องราวมหัศจรรย์ของกีฬาลูกหนัง เพราะทุ่งหญ้าขนาดไม่เกิน 150 หลา เปรียบเสมือนเวทีแสดงงานศิลป์ และอัจฉริยะบน "ทุ่งหญ้าแห่งความฝัน" เหล่านั้น เป็นที่รวมความสามารถเฉพาะตัว และการเล่นฟุตบอลอย่างรวดเร็ว สร้างสรรค์ แถมมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสวยงามที่ได้ดู
หนึ่งศตวรรษในประวัติศาสตร์ลูกหนัง "แซมบ้า"พวกเขาผลิตบุคคลแห่งตำนานมากมาย อาทิ การินชา, เปเล, แจร์ซินโญ, ทอสเทา, โซคราเตส, ซิโก, โรมาริโอ, โรนัลโด้ และโรนัลดินโญ แม้ในฟุตบอลโลก 2010 พวกเขาจะไม่สามารถเรียกพรสวรรค์ของ กาก้า กับ โรบินโญ ให้แสดงออกมาได้แต่ทั้งคู่ก็จะกลายเป็นตำนานเช่นรุ่นพี่ได้ในไม่ช้า คำถามคือบราซิล มีวิธีปรุงแต่งทีมของพวกเขาให้เป็นทีมที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ในใจคอลูกหนังได้อย่างไร
ความใฝ่ฝันในเสื้อเหลือง
"คำว่าทีมชาติบราซิล เป็นมากกว่าการรับใช้ทีมชาติ เพราะเสื้อสีเหลืองของพวกเรา คือครอบครัวเดียวกัน เพราะฟุตบอลในบราซิล เป็นเหมือนศาสนา ทุกคนพูดถึงฟุตบอลตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ช่วงฟุตบอลโลก หรือทัวร์นาเมนต์ใดทัวร์นาเมนต์หนึ่ง นั่นคือข้อแตกต่างระหว่าง ยุโรป กับ บราซิล เพราะในยุโรป ฟุตบอล ถูกพ่วงด้วยธุรกิจ แต่ในบราซิล เราหายใจเป็นฟุตบอลใน 24 ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน" คาร์ลอส อัลแบร์โต ตอร์เรส แบ็กขวากัปตันทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์โลก 1970 กล่าว
อเลกซ์ เบลลอส นักข่าวบราซิเลียน และผู้ประพันธ์หนังสือ "อะ บราซิเลียน เวย์ ออฟ ไลฟ์" ได้ยกคำพูดของ เลโอนาร์โด วิงแบ็กซ้ายทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์โลก 1994 มาไว้เป็นคำโปรยว่า "ฟุตบอลของบราซิล เป็นมากกว่าพลัง แต่เป็นวัฒนธรรมเพื่อติดต่อกับโลกภายนอก และการพ่ายแพ้ของทีมชาติบราซิล จะทำให้ผู้คนป่วยและหมดแรงในการใช้ชีวิตประจำวัน"
ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
บราซิล เป็นประเทศใหญ่ มีผู้คนกว่า 183 ล้านคน และในจำนวนนั้นผู้ชายทั้งหมดล้วนปรารถนาเป็น "นักฟุตบอลอาชีพ" เพราะฟุตบอลไม่ใช่เพียงแค่เกมการแข่งขัน เพราะฟุตบอลคือ "การแก้ปัญหาของชีวิต" นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ของบราซิล เกือบทั้งหมด เกิดในย่านชุมชนแออัด บ้านโกโรโกโส และย่านชานเมือง ชีวิตต้องต่อสู้เพื่ออยู่รอดอย่างหนัก และการได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ คือการแก้ปัญหาชีวิต ที่จะนำเขาหลุดพ้นจากที่อยู่ดังกล่าว
การจะออกจากความทุกข์ยากเหล่านั้น การจะได้เข้าเรียน จะได้เข้ารับการศึกษา ไม่ต้องไปเป็นพ่อค้ายาข้างถนน กีฬาเป็นหนทางเดียวของบราซิล โดยเฉพาะฟุตบอล นั่นทำให้พวกเขาแสดงทุกสิ่งทุกอย่างออกมา และเป็นแรงขับเคลื่อนของชีวิต
ดังนั้นการเรียนรู้กีฬาลูกหนังของเด็กบราซิล จึงแตกต่างจากยุโรป เนื่องจากในดินแดนแซมบ้า จะไม่มีระบบลีกมาเป็นสิ่งกีดขวางพรสวรรค์ ทว่าหากเต็มไปด้วยแรงจูงใจที่จะทำบางสิ่งบางอย่างให้ลูกบอล เป็นมากกว่าลูกหนังที่ใช้เตะในเกมการแข่งขัน ทุกๆ คนสามารถแสดงความสามารถกับลูกบอลได้อย่างเป็นอิสระ จะไม่มีใครไปบอกเด็กอายุ 8 ขวบให้เล่น แบ็กขวา ที่ในลีกเยาวชนยุโรป ใช้เป็นกรงขังพรสวรรค์ของเด็ก พรสวรรค์ของเด็กจึงไม่พ่ายแพ้ต่อระบบลีก
แต่เมื่อเด็กเหล่านั้นแสดงพรสวรรค์ทั้งหมดออกมา และพร้อมที่จะเข้าสู่การอบรมของโค้ช ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเคี่ยวอย่างหนัก เมื่อโรนัลดินโญ อายุ 16 ปี เขาต้องซ้อมวันละ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ขึ้นไป ทว่าสถาบันลูกหนังเยาวชนต่างๆ ใน อังกฤษกลับให้เด็กวัยเดียวกันซ้อมเพียง 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
จริงอยู่เด็กแต่ละคนจะเข้าสู่สโมสรฟุตบอลเมื่ออายุ 10-12 ปี ทว่าแต่ละสโมสรจะปล่อยให้เขาเค้นฝีเท้าออกมาโดยยังไม่แบ่งแยกว่าใครถนัดฟุตบอลชายหาด ใครเป็นขาใหญ่จากฟุตบอลข้างถนน เพราะที่นี่พวกเขาหนึ่งในนั้นจะกลายเป็นตำนานในอนาคต สโมสรฟุตบอลจะค่อยๆ สร้างเด็กให้เติบโตอย่างที่เขาถนัด และนั่นทำให้เด็กสนุกกับฟุตบอล ไม่ใช่เล่นฟุตบอลเพื่อหน้าที่ และสิ่งต่างๆ เหล่านั้นจะทำให้เด็กโตมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ดี
ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเป็นลมหายใจ หากมีใครถามว่าเด็กผู้ชายในบราซิลอยากเป็นอะไร จะไม่มีใครตอบว่าเป็นหมอ เป็นครู หรืออื่นๆ หากแต่เป็น กาก้า, เปเล, ซิโก หรือแม้แต่ เนย์มาร์
และคนบราซิลก็มีความเชื่อว่า นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ หรือตำนานลูกหนังของพวกเขา เกิดขึ้นทุกๆ วันในประเทศบราซิล
ข้อมูลจาก //www.komchadluek.net