ปิดฉากเรียบร้อยสำหรับชาติเจ้าภาพบราซิล พ่ายแพ้อดเข้าชิงฯ แบบย่อยยับสุดครั้งประวัติศาสตร์ ขาดเนย์มาร์ กับติอาโก ซิลวา ถึงเละ เจอ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ไล่ถล่มชุดใหญ่ถึงบ้าน 7-1 ในเกมการแข่งขันรอบเซมิไฟนอล เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา

    บราซิล ก่อนเกมแอบหวังว่าจะทะลุเข้าชิงฯ ที่มาราคานาอาทิตย์นี้ได้ แต่ฝันที่วาดไว้กลายเป็นฝันร้ายที่จะถูกจารึกให้แฟนบอลทั่วโลกจดจำไปอีกนานเท่านาน เพราะแค่ครึ่งชั่วโมงแรกก็โดนเยอรมนียิงเละไปแล้วถึง 5-0 โทมัส มุลเลอร์ น.11, มิโรสลาฟ โคลเซ น.23, โทนี โครส น.24, 26, ซามี เคดิรา น.29 ครึ่งหลังมาโดนเพิ่มอีกเบาะๆ 2 ลูก อังเดร ชูร์เลอ น.69, 79 ก่อนที่จะมาได้ประตูตีไข่แตกจากออสการ์ ในนาทีที่ 90

    หลังเกมนักเตะแซมบ้าที่ทำแฟนบอลช็อกร้องไห้อย่างไม่เชื่อสายตาตั้งแต่ช่วงกว่า 20 นาทีแรกของเกมการแข่งขัน ออกมากล่าวขอโทษและยอมรับผิดต่อคนทั้งชาติ

    ลุยซ์ที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทน ติอาโก ซิลวา ที่ติดโทษแบน เสียใจอย่างที่สุดที่พาทีมไปไม่รอด

    "เราต้องขอโทษทุกๆ คน ขอโทษชาวบราซิลทุกๆ คน" ลุยซ์กล่าวทั้งน้ำตา "ผมอยากเพียงแค่เห็นทุกคนมีรอยยิ้ม เราทุกคนรู้ว่าสำคัญแค่ไหนสำหรับผมที่จะได้เห็นคนทั้งชาติมีความสุข อย่างน้อยที่สุดด้วยฟุตบอล พวกเขาเล่นดีกว่าเรา พวกเขาเตรียมพร้อมมาดีกว่า พวกเขาเหนือกว่าอย่างชัดเจน"

    "มันเป็นวันที่น่าเสียใจที่สุด แต่มันก็เป็นวันที่เราเรียนรู้จากมันได้"

    เซซาร์ ผู้รักษาประตู รู้สึกช็อกเช่นกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นในแมตช์นี้ และยอมรับว่าคงใช้เวลาอีกนานกว่าจะหาย แต่ก็ขอแสดงความยินดีกับเยอรมนี ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดขนาดนี้

    "ด้วยความสัตย์จริง มันยากที่จะอธิบายอะไรออกมา"

    "คุณไม่สามารถอธิบายสิ่งที่อธิบายไม่ได้"

    "มันเป็นอะไรที่สวยงามมากแล้วที่เข้ามาถึงรอบนี้ ผมขอบคุณชาวบราซิเลียนและแฟนบอลทุกคนที่ต้องได้รับการชื่นชมปรบมือให้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำเพื่อสนับสนุนเรามาตลอด"

    "นักเตะทุกคนต้องกล่าวขอโทษ แต่เราต้องรู้ว่าเยอรมนีแข็งแกร่งมาก หลังจากเสียประตูแรกไป เราก็ช็อตไปทันที ไม่มีใครคาดคิด"

    "เราจะกลับบ้าน สวมกอดกับครอบครัว และขอบคุณแฟนๆ เรามาได้เกือบนัดชิงฯ อยู่แล้ว แต่เราทำไม่ได้"

สโกลารีรับวันเลวร้ายสุดในชีวิต

    หลุยส์ เฟลิเป สโกลารี โค้ชแซมบ้า รับบราซิลพ่ายแพ้ย่อยยับ 7-1 ต่อเยอรมนีหนนี้ ถือเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของตนแล้ว และฝันของเจ้าภาพที่จะเข้าถึงนัดชิงฯ ให้ได้ ก็สลายไปตั้งแต่ครึ่งแรกที่เสีย 5 ลูกรวด ภายในระยะเวลาแค่ 19 นาทีเท่านั้น ซึ่งก็มาจากแนวรับที่สับสน เกมรุกที่สุดยอดและแน่นอนของเยอรมนี ไม่เพียงแต่ช็อกแฟนบอลชาวบราซิเลียนแล้วยังรวมถึงแฟนบอลทั่วโลกอีกด้วย

    "วันนี้เป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผม แต่ชีวิตยังต้องเดินหน้าต่อ สิ่งที่ผมอยากจะพูดกับชาวบราซิเลียนและแฟนทุกคนคือ เราได้พยายามเท่าที่เราจะทำได้แล้ว ดีที่สุดแล้ว ในการเจอกับทีมที่แข็งแกร่งมากๆ"

    "ผมขอโทษที่เราไม่สามารถไปถึงเป้าที่วางไว้ได้ แฟนบอลเป็นกำลังใจให้เรามาตลอด แม้จะโดนไป 5, 6 หรือ 7 ประตู"

    "ผมต้องรับผิดชอบต่อผลการแข่งขันที่เป็นหายนะของเรานัดนี้ ผมเป็นคนจัดตัวลงสนาม ผมเป็นคนต้องรับผิดชอบ เราอยากให้ทุกคนยกโทษให้เรา กรุณาให้อภัยเรากับความผิดพลาดครั้งนี้ด้วย"

    เมื่อถามว่าเขาจะลาออกหรือไม่ สโกลารีตอบ "อย่าลืมว่ายังมีแมตช์เสาร์นี้ ซึ่งเป็นเกมเพลย์ออฟชิงที่ 3"

เลิฟเห็นใจแซมบ้าอดเข้าชิงฯ

    โจอาคิม เลิฟ โค้ชทีมอินทรีเหล็ก แสดงความเห็นใจบราซิล หลังต้องทนดู เยอรมนีไล่ถล่มเละเทะถึง 7-1 ในรอบเซมิไฟนอล อดเข้าไปเล่นในรอบชิงฯ อย่างที่หวังไว้

    เลิฟยืนยันว่าเขารู้ว่าทีมชาติบราซิลเป็นอย่างไร มหาอำนาจลูกหนังของอเมริกาใต้ชาตินี้รู้สึกอย่างไร ที่มารู้สึกอย่างเดียวกับที่เขาเคยประสบพบเจอมาเมื่อครั้งที่พบความพ่ายแพ้ในรอบเซมิไฟนอลต่ออิตาลี 2-0 ในปี 2006

    "เราเคยช็อก และเจอประสบการณ์เช่นเดียวกันนี้มาแล้วเหมือนกันในปี 2006 พวกเขาช็อกและไม่คาดคิดว่าจะตกเป็นฝ่ายตามหลัง และหลังจากนั้นเกมนี้ก็กลายเป็นแมตช์ที่ง่ายสำหรับเราไปเลย"

    "คน 200 ล้านคนที่นี่ ต้องการให้บราซิลเข้ารอบชิงฯ นั่นทำให้นักเตะเกร็ง ผมเห็นใจสโกลารี"

    "5 ประตูใน 18 นาที เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังช็อก และไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี ถ้าจะให้พูดชัดๆ คือ เจ้าภาพไม่สามารถรับมือกับความกดดันได้"

โคลเซทุบสถิติเป้าหมายต่อไปคือแชมป์

    มิโรสลาฟ โคลเซ กลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในฟุตบอลโลกไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับประตูที่ 16 ในเวิลด์คัพ ประตูที่ 2 ของเกม ซึ่งแซงหน้าสถิติเดิมของโรนัลโด อดีตดาวยิงทีมชาติบราซิล ที่มานั่งดูบรรยากาศอยู่ในบ็อกซ์วีไอพีในนัดนี้ด้วย

    "คุณน่าจะเห็นได้ว่าเราเล่นกันได้อย่างลื่นไหลเป็นระบบที่สอดคล้องกันอย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่การซ้อม" โคลเซ กองหน้าวัย 36 ปี ที่ได้ลุยบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 4 สมัย (2002, 2006, 2010, 2014) แต่ยังไม่เคยได้ชูถ้วยแชมป์เวิลด์คัพ กล่าว "เราเล่นเป็นยูนิตเดียวกัน และสำคัญมากที่ลูกเซตพีซของเราได้ผลเสมอ"

    มุลเลอร์ยอมรับว่าเซอร์ไพรส์กับสกอร์ที่ออกมาห่างขนาดนี้ แต่การที่บราซิลยืนกันห่างทำให้งานของพวกเขาง่ายขึ้นเยอะ

    ขณะที่โครสที่เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ กล่าวว่า ทีมของตนถึงดีใจ แต่ก็จะระมัดระวัง ไม่ประมาท เพราะยังมีเกมใหญ่ที่สุดรออยู่อาทิตย์นี้ "เรามาที่นี่เพื่อเป็นแชมป์โลก ไม่มีทีมไหนเป็นแชมป์โลกในรอบเซมิไฟนอล เรายังมีศึกหนักรออยู่อีก 1 นัด นั่นคือความรู้สึกของเราทุกคนตอนนี้"

นาโปลีหนุนซูนิกาตามคาด

    นาโปลี ทีมดังในอิตาลี ต้นสังกัดของ ฮวน ซูนิกา ออกมาแสดงอาการปกป้องฟูลแบ็กจอมโหดทีมชาติโคลอมเบีย ที่เล่นงานเนย์มาร์จนกระดูกสันหลังแตกร้าว จนต้องถอนตัวจากศึกบอลโลกเพราะอาการเจ็บ

    ซูนิกาโดนวิจารณ์หนักจากเหตุการณ์ ขณะที่สมาพันธ์ฟุตบอลบราซิลพยายามเรียกร้องให้มีการลงโทษนักเตะวัย 28 ปีรายนี้ ที่ไม่โดนแม้แต่ใบเหลืองจากจังหวะฉาว แต่ทางฟีฟ่าบอกจะไม่เอาผิดย้อนหลัง เพราะเห็นว่าผู้ตัดสินได้เห็นแล้ว ถือว่ามีดุลพินิจแล้วว่าไม่ต้องโดนลงโทษ

    "นาโปลีขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้เนย์มาร์อดลงเตะรอบรองฯ กับเยอรมนี สำหรับแชมป์ชาวบราซิเลียน เราขอส่งความปรารถนาดีให้หายกลับมาโดยเร็ว"

    "ขณะเดียวกัน ทางสโมสรแสดงการสนับสนุนซูนิกา ที่กำลังโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงและข่มขู่ในหลายๆ ทาง สำหรับการฟาวล์ซึ่งไม่ได้เกิดจากเจตนามาดร้าย แต่โชคร้ายเสียมากกว่า".

ข้อมูลจาก //www.thaipost.net/