Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
4 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
หืดจับชนม้ามืด‘โคลอมเบีย’ ลุ้นแซมบ้า ‘เนย์มาร์’ฟิตทันนำทัพสู้



ระทึกดวล 8 ทีมสุดท้าย “แซมบ้า” ปรับทัพปะทะม้ามืด ขณะที่ “อินทรีเหล็ก” ลุ้นแนวรับฟัด “ไก่ทองคำ”ลุ้นทะลุรอบตัดเชือก การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 20 ที่ประเทศบราซิล เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน-13 กรกฏาคม 2014 ได้เดินทางมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในวันศุกร์ที่ 4 กรกฏาคม มีการดวลแข้งเพื่อชิงตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ 2 คู่

คู่แรก เวลา 23.00 น. ที่สนามเอสตาดิโอ เด มาราคาน่า นครริโอ เดอ จาไนโร่ “อินทรีเหล็ก” ทีมชาติเยอรมนี แชมป์โลก 3 สมัย พบกับ “ไก่ทองคำ” ทีมชาติฝรั่งเศส แชมป์โลก 1 สมัย ซึ่งเป็นเพียงคู่เดียวในรอบนี้ที่อดีตแชมป์โลกโคจรมาปะทะกัน

นัดนี้ “อินทรีเหล็ก” ที่เป็นแชมป์กลุ่ม จี ในรอบแรก ด้วยการถล่ม โปรตุเกส 4-0, เสมอ กาน่า 2-2 และชนะ สหรัฐอเมริกา 1-0 ก่อนจะต้องเล่นถึงช่วงต่อเวลากว่าจะพิชิต แอลจีเรีย 2-1 ในรอบ 2 ซึ่ง โยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์เยอรมนี มีปัญหาในเกมรับเมื่อไม่มีกำลังเสริมอย่าง สโคดราน มุสตาฟี่ ที่บาดเจ็บหนักต้องถอนตัวออกจากการแข่งขันไปแล้ว และต้องลุ้นอาการเจ็บของ มัทส์ ฮุมเมิลส์ ว่าจะเล่นได้หรือไม่ คาดว่าน่าจะเข็นลงแน่ ส่วนเกมแดนกลางอาศัยการคุมจังหวะของ โทนี่ โครส ที่เล่นได้เด่นมาก ขณะที่เกมรุก เมซุต โอซิล เดินเกมกับ มาริโอ เกิทเซ่ โดยมี โธมัส มุลเลอร์ ที่ซัดไปแล้ว 4 ประตูเป็นหน้าเป้า

ทางด้าน “ไก่ทองคำ” ผ่านรอบแรกด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม อี ด้วยการชนะ ฮอนดูรัส 3-0, ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 5-2 และเสมอ เอกวาดอร์ 0-0 ก่อนจะเอาชนะ ไนจีเรีย ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 2-0 เกมนี้ไม่มีปัญหาในการจัดตัว ดีดิเย่ร์ เดส์ชองป์ส กุนซืออาจมีปรับทัพแนวรุกให้ อองตวน กรีซมันน์ ลงตัวจริงร่วมกับ คาริม เบนเซม่า และมาติเยอ วัลบูเอน่า ทำให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ต้องกลับไปนั่งสำรอง ในส่วนของแนวรับ มามาดู ซาโก้ ปราการหลังคนสำคัญหายเจ็บกลับมาทันเวลา น่าจะได้ยืนตัวจริงทันที โดยจะคู่กับ ราฟาแอล วาราน ที่ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรงในเกมชนะ ไนจีเรีย ต้องพักที่โรงพยาบาล 1 คืน ตอนนี้ฟิตพอที่จะลงเล่น

11 ตัวจริงที่จะลงสนาม เยอรมนี : มานูเอล นอยเออร์, เยโรม บัวเต็ง, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, เบเนดิคท์ โฮเวเดส, ฟิลิปป์ ลาห์ม, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โทนี่ โครส, เมซุต โอซิล, มาริโอ เกิทเซ่ และ โธมัส มุลเลอร์

ฝรั่งเศส : อูโก้ โยริส, มาติเยอ เดอบูชี่, ราฟาแอล วาราน, มามาดู ซาโก้, ปาทริซ เอวร่า, มุสซา ซิสโซโก้, โยอัน กาบาย, แบลส มาตุยดี้, มาติเยอ วัลบูเอน่า, อองตวน กริซมันน์ และคาริม เบนเซม่า

สถิติคู่นี้เจอกันมา 25 นัด ฝรั่งเศส ดีกว่าด้วยการชนะ 11 เยอรมนี ชนะ 8 และเสมอกัน 6 ครั้ง ส่วนการพบกันในบอลโลก รอบสุดท้าย 3 ครั้ง เยอรมนี ดีกว่า โดยเกมแรกพบกัน ปี 1958 ที่สวีเดน ในนัดชิงที่ 3 ฝรั่งเศส ชนะ 6-3 จากนั้นพบกันในรอบรองชนะเลิศ ปี 1982 เสมอกัน 3-3 เยอรมนี ชนะจุดโทษ 5-4 และปี 1986 โคจรมาเจอกันในรอบรองชนะเลิศอีกครั้ง เยอรมนี ชนะ 2-0

=========================================================

คู่ที่ 2 เวลา 03.00 น. ที่สนามเอสตาดิโอ คาสเตเลา เมืองฟอร์เตเลซ่า “แซมบ้า” บราซิล แชมป์โลก 5 สมัยสูงสุดในประวัติศาสตร์ และเจ้าภาพ ดวลกับ ทีมชาติโคลอมเบีย ม้ามืดประจำการแข่งขัน ที่อยู่โซนอเมริกาใต้เหมือนกัน

“แซมบ้า” ที่ลงเล่นรอบแรก ชนะ 2 เสมอ 1 เริ่มจากการปราบ โครเอเชีย 3-1 ต่อด้วยเสมอกับ เม็กซิโก 0-0 และยำ แคเมอรูน 4-1 เข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่ม เอ เข้ามาเตะรอบ 16 ทีม เสมอกับ ชิลี 1-1 ก่อนจะสังหารจุดโทษกำชัย 3-2 เกมนี้ได้รับข่าวดีเมื่อ เนย์มาร์ ดาวเตะตัวความหวังหนึ่งเดียวของทีมที่ซัดไปแล้ว 4 ประตู ผ่านความฟิตพร้อมลงสนามหลังจากบาดเจ็บตั้งแต่ต้นเกมที่บดชนะ ชิลี แต่มีปัญหาแดนกลางเมื่อ ลุยซ์ กุสตาโว่ ห้องเครื่องคนสำคัญติดโทษแบน ทำให้ หลุยซ์ เฟลิปเป้ สโคลารี่ เทรนเนอร์รุ่นใหญ่ต้องส่ง เปาลินโญ่ กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งเล่นคู่กับ แฟร์นานดินโญ่ ส่วนแนวรุก เนย์มาร์ ทำเกมกับ ฮัล์ค และออสการ์ โดยมี เฟร็ด เป็นหน้าเป้าเช่นเดิม

ทางด้าน โคลอมเบีย ที่ตีตั๋วเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลก ได้เป็นครั้งแรก ผ่านรอบแรกด้วยการชนะ 3 นัดรวด เริ่มจากถลุง กรีซ 3-0, ชนะ ไอวอรี่ โคสต์ 2-1 และยำ ญี่ปุ่น 4-1 คว้าแชมป์กลุ่ม ซี ก่อนจะมาทุบ อุรุกวัย 2-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยได้ฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงของ ฮาเมส โรดริเกวซ กองกลางตัวรุกที่ซัดไปทุกนัดรวมแล้ว 5 ประตู ขึ้นนำตำแหน่งดาราซัลโวอยู่ในขนาดนี้ ซึ่ง โรดริเกวซ จะเดินเกมร่วมกับ ฮวน กิลเยร์โม่ กวาดราโด้ ที่เดินเกมริมเส้นได้สุดสะเด่า โดยมีแผงรับสุดแกร่งอย่าง มาริโอ เยเปส กับ คริสเตียน ซาปาต้า ปักหลักเป็นเซ็นเตอร์แบ๊ค

11 ตัวจริงที่จะลงสนาม บราซิล : ชูลิโอ เซซ่าร์, แดเนียล อัลเวส, ดาวิด ลุยซ์, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์เซโล่, แฟร์นานดินโญ่, เปาลินโญ่, ฮัล์ค, ออสการ์, เนย์มาร์ และเฟร็ด

โคลอมเบีย : ดาวิด ออสปินา, คามิโล่ ซูนิก้า, มาริโอ เยเปส, คริสเตียน ซาปาต้า, ปาโบล อาร์เมโร่, อเบล อากีล่าร์, คาร์ลอส ซานเชซ, ฮวน กวาดราโด้, เจมส์ โรดริเกซ, วิคตอร์ อิบาร์โบ้ และเตโอฟิโล่ กูเตียร์เรซ


สถิติคู่นี้ บราซิล เหนือกว่าชัดเจน โดยพบกันมาทั้งหมด 25 นัด บราซิล ชนะได้ถึง 15 นัด เสมอ 8 และโคลอมเบีย ชนะได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น

ข้อมูลจาก //www.naewna.com/




Create Date : 04 กรกฎาคม 2557
Last Update : 4 กรกฎาคม 2557 9:04:53 น. 0 comments
Counter : 1160 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ล่องแม่ปิง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อังกฤษเป็นชาติที่เริ่มเล่นฟุตบอล แต่บราซิลเป็นชาติที่สอนการเล่นฟุตบอล

มีคำพูดธรรมดาๆประจำฟุตบอลโลกอยู่ประโยดหนึ่งว่า"ฟุตบอลโลกที่ไม่มีบราซิล ก็ไม่ใช่ฟุตบอลโลก"


จะจริงเท็จประการใด แฟนบอลทั่วโลกยังไม่เคยทราบ เพราะที่ผ่านมา 20 ครั้ง และครั้งที่ 21 ในปี 2018 บราซิลยังคงได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายอิกครั้ง ในฐานะเจ้าภาพ


ผมยังนึกไม่ออกว่าหากบราซิลไม่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ฟุตบอลโลกในปีนั้นจะขาดอะไรไปบ้าง....มนต์ขลังลีลาแซมบ้า. สีเขียว-เหลืองที่แต่งแต้มฟุตบอลโลกทุกครั้งเสมอมา หรือกองเชียร์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมา น้องๆขบวนพาเหรดงานคานิวัล ผมว่าคงไม่เกิดขึ้นในรุ่นของผมนะครับ
Friends' blogs
[Add ล่องแม่ปิง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.