Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
บนถนนสู่ 2014




11/7/2553

แม้บราซิลจะไม่ได้อยู่แดนซ์จังหวะแซมบ้ากันแล้วในเวิลด์คัพ ฉบับแอฟริกัน แต่อีกหนึ่งภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าของชาวบราซิลทั้งประเทศในบอลโลกครั้งนี้ยังคงเหลืออยู่ นั่นคือการประกาศความพร้อมเบื้องต้นในฐานะเจ้าภาพฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งต่อไปบนผืนแผ่นดินตัวเองในปี 2014 ตรงกับมหกรรมลูกหนังโลกครั้งที่ 20 พอดิบพอดี

อีกประมาณ 1430 วันหรือ 4 ปีข้างหน้า อาจเนิ่นนานสำหรับหลายคน แต่สำหรับการรับหน้าเสื่อจัดอีเวนต์ใหญ่ระดับบอลโลก คือจังหวะที่พร้อมเข้ามาถึงตัวได้ทุกขณะจิต

ว่าไปแล้วก็อาจเป็นโชคอยู่นิดๆ ที่ประเทศบราซิลได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพกีฬาใหญ่สองรายการติด ทั้งบอลโลก 2014 ตามด้วยโอลิมปิก 2016 จึงเป็นการเตรียมพร้อมในหลายๆ ด้านไปพร้อมกัน

สำหรับฟุตบอลโลกที่บราซิลมาประกาศศักดาบนผืนแผ่นดินแอฟริกันตามธรรมเนียมปฏิบัติของเจ้าภาพครั้งหน้า ฟีฟ่าและฝ่ายจัดการแข่งขันของบราซิล ตกลงเลือกซานด์ตอน คอนเวนชั่น เซนเตอร์ ศูนย์ประชุมใหญ่กลางนคร

โจฮันเนสเบิร์ก ไว้ทำพิธีเปิดตัวโลโก้อย่างเป็นทางการของศึก ''บราซิล 2014'' เมื่อค่ำคืนวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางแขกเหรื่อและนักข่าวจากทั่วทุกมุมโลกนับพัน

ขนาดศูนย์ประชุมใหญ่ที่ซานด์ตอนจัดว่าไม่เล็กเท่าไหร่ แต่ถึงเวลาจริงแล้วกลับแน่นเปรี๊ยะแบบไม่มีที่ยืน เพราะนอกจากฝั่งบราซิลที่มากันเป็นกองทัพ ผู้สื่อข่าว ตากล้องภาพนิ่งและทีวีจากทุกชาติพากันลงทะเบียนเข้าชมงานนี้จน รายชื่อเกินความจุทีเดียว

แน่นอนว่าอีเวนต์ระดับชาติแบบนี้ บุคคลสำคัญระดับ ''บิ๊กเนม'' ที่ต้องมาปรากฏตัวคือประธานาธิบดี ลูอิส อินาซิโอ ลูล่า ดา ซิลวา หรือที่คนบราซิลเรียกกันสั้นๆ ว่า ''ลูล่า'' กอดคอมากับ ริคาร์โด้ เทเชร่า บิ๊กบอสฝ่ายจัดการแข่ง

ขันปี 2014 และ เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานใหญ่ฟีฟ่า หัวเรี่ยวหัวแรงในการยื่นโอกาสจัดบอลโลกอีกครั้งนับแต่ปี 1950 ให้บราซิลเมื่อสองปีก่อน

เช่นเดียวกับตำนานนักเตะที่มีส่วนนำแชมป์โลกทั้ง 5 สมัยมาสู่บราซิลทั้งอดีตและปัจจุบัน

รุ่นเก่าสุดที่เริ่มหายหน้ากันไปทีละคนสองคนที่มาร่วมในงานนี้คือ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ตอร์เรส หรือที่รู้จักกันแค่ชื่อหน้าสองพยางค์ ในฐานะกัปตันทีมผู้นำทีมเซเลเซา ชูโทรฟี่แชมป์โลกสมัยยังเป็นถ้วย ชูลส์ ริเม่ต์ ที่เม็กซิโกตั้งแต่ปี

1970 โน่น

ลุงคาร์ลอส ในวัย 65 สังขารร่วงโรยถึงกับต้องเดินเขยกกันแล้ว แต่เจ้าของประตูสุดงามที่เขาตะบันเสียบตาข่ายอิตาลี ที่โดนนำมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอด 40 ปีให้หลัง ยังหน้าตาแจ่มใสเมื่อถูกนักข่าวถามถึงความพร้อม

ของบราซิลในอีก 4 ปีข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา

น่าเสียดายที่ตำนานอย่างเปเล่ ไม่ได้โผล่มาร่วมงานนี้ด้วยเพราะติดธุระด่วน ไม่งั้นคงมาได้แผ่บารมีรังสีออร่ากันไม่แพ้ตอนบิดโอลิมปิกแน่

ที่เหลือล้วนเป็นดาวเตะระดับตำนานรุ่นต่อมา ทั้งคู่หูนรกแตก เบเบโต้ กับโรมาริโอ จอมถล่มประตูจากรุ่นแชมป์โลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา มาถึงมาร์กอส คาฟู แบ็กขวาตัวกลั่นเจ้าของปลอกแขนกัปตันชุดแชมป์ปี 2002 ล้วนแต่

มาช่วยโปรโมตการเป็นเจ้าภาพให้บ้านเกิด เช่นเดียวกับคาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า กุนซือที่เพิ่งเป็นอดีตกับทีมชาติแอฟริกาใต้ ผู้คุมบราซิลหยิบแชมป์สมัย 4 มาครองเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ก็มาร่วมด้วย

นับเป็นหนที่สองถัดจากเมื่อปี 1950 ที่บราซิล ได้จัดบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติอันน่าภาคภูมิไม่น้อยหน้ามหาอำนาจลูกหนังชาติอื่นๆ เลยทีเดียว

..ก่อนไปว่ากันต่อ ขออนุญาตย้อนหลังไปที่ปูมหลังของสหพันธ์ฟุตบอลบราซิล ''Confederacao Brasileira de Futebol'' ที่มีชื่อย่อว่า CBF กันสักหน่อย

องค์กรลูกหนังแดนแซมบ้า ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1914 และเข้าเป็นสมาชิกฟีฟ่าในปี 1923 ก่อนผันตัวเองขึ้นสู่ตำแหน่งเบอร์หนึ่งของลูกหนังโลกในต่างยุคสมัยถึง 5 ครั้งอย่างที่เราทราบกัน

ความยิ่งใหญ่ในของบราซิล ไม่ได้อยู่เพียงแค่นั้น ไหนจะมีแชมป์โคปา อเมริกา อีก 8 สมัย, แชมป์โลกรุ่นเยาว์ต่างๆ เช่น ยู-21 นี่ก็คว้าไป 4 สมัย, รุ่นยู-17 อีก 3 ไปจนถึงฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2 ไม่เว้นแม้แต่สนามเล็ก

อย่างฟุตซอล เวิลด์ คัพ ที่บราซิลซัดไปอีก 4 ครั้ง ตบท้ายด้วยบอลชายหาดชิงแชมป์โลกอีก 3 สมัย

นี่ยังไม่รวมถ้วยเล็กถ้วยน้อยอีกเยอะ แค่นี้ก็สรุปได้แล้วว่าอะไรที่เป็นลูกกลมๆ คนบราซิลเก็บกวาดเรียบหมด นอกจากฟุตบอลที่เข้าเส้นเลือดแล้ว คนที่นั่นยังบ้าวอลเลย์บอล, บาสเกตบอล, เทนนิส และกีฬามอเตอร์สปอร์ต โดย

เฉพาะวอลเลย์บอลนี่เก่งขนาดเป็นแชมป์โลกมาแล้วเหมือนกัน และไม่ใช่แค่ผู้ชายอกสามศอกเท่านั้นที่เล่นบอลเก่ง สาวๆ ชาวแซมบ้านั้นก็เก่งกาจไม่แพ้กัน เลยทำให้ฟุตบอลนั้นเป็นกีฬายอดฮิตตลอดกาลของบราซิลไปอย่างไร้คู่ต่อกรจริงๆ

เมื่อเอ่ยถึงนักบอลบราซิล คงไม่มีใครบอกว่าไม่รู้จัก หรืออย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยินชื่อ เอ็ดสัน อรันเตส โด นาสซิเมนเต้ ''เปเล่'' ราชาลูกหนังตัวจริงเสียงจริงของทีมเซเลเซา เช่นเดียวกับรายชื่อยาวเหยียดเป็นกิโลเมตร

หากอยากเติมชื่อของพวกการินช่า, ดีดี้, วาว่า, ทอสเทา, แจร์ซินโญ่, ซิโก้, โซคราเตส มาจนถึงรุ่นหลังอย่างโรนัลโด้, โรนัลดินโญ่, กาก้า หรือพวกตำนานที่เป็นแขกรับเชิญของงานแถลงข่าวนี้เข้าไปอีกก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

ต้นกำเนิดของบราซิล คล้ายคลึงกับอีกหลายๆ ประเทศที่ได้คนยุโรปมาค้นพบ โดยรายของประเทศที่ใหญ่สุดบนแผ่นทวีปอเมริกาใต้ และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกนั้น มีชื่อของนักสำรวจชาวโปรตุเกส เปโดร อัลวาเรส กาบรัล ที่ ลัดเลาะมหาสมุทรมาพบอย่างเป็นทางการเมื่อ ค.ศ. 1500

ด้วยอิทธิพลของพวกโปรตุเกส กระทั่งประกาศเอกราชเมื่อปี 1822 ทำให้บราซิล มีภาษาโปรตุกีสใช้โดยปริยาย ไม่ว่าจะเป็นยุคของกษัตริย์ปกครองหลังจากนั้น หรือภายหลังสถาปนาเป็นสาธารณรัฐในปี 1889 ก็ตาม

เมื่อพูดถึงบราซิล ที่เราให้นิกเนมพวกเขานอกจาก ''แซมบ้า'' ก็คือ ''แดนกาแฟ'' โดยบราซิล ผลิตกาแฟส่งออกถึง 3 ใน 4 ของตลาดโลก นอกจากนั้นยังปลูกอ้อยที่นอกจากใช้ทำน้ำตาล ยังนำไปผลิตเชื้อเพลิงขายได้อีกต่างหาก

ผลิตผลอื่นๆ อีกมากมายที่บราซิลมีทรัพยากรเป็นของตัวเอง บนผืนดินกว่า 8.5 ล้านตร.กม. เป็นรองแค่รัสเซีย, จีน, แคนาดา และสหรัฐฯ ทำให้ที่นี่มีทุกอย่างครบถ้วน ภายใต้ประชากรร่วม 200 ล้านชีวิต ที่ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาคริสต์นิกายแคธอลิกเป็นหลัก

อาณาเขตของประเทศบราซิล แบ่งออกเป็น 5 แคว้นใหญ่ กับอีก 26 รัฐ บวกเขตปกครองพิเศษที่มีเมืองหลวง บราซิเลีย เป็นศูนย์กลางเข้าไปอีกหนึ่ง

แต่ละเมืองได้ชื่อว่ามีฟุตบอลอยู่ในสายเลือดทั้งนั้น จึงไม่ต้องสงสัยว่าเมื่อบราซิล ได้รับสิทธิ์เป็นหนึ่งเดียวของทวีปอเมริกาใต้จากนโยบายโรเตชั่นของแบล็ตเตอร์เมื่อปี 2007 จึงมีเมืองต่างๆ ชูรักแร้ขอเป็นเจ้าภาพจัดบอลโลก

เกือบ 20 เมือง ก่อนโดนหั่นเหลือแค่ 12 ในตอนนี้

ทั้ง 12 เมือง ประกอบด้วยเบโลโอรีซอนตี, บราซิเลีย, กุยาบา, กูรีติบา, ฟอร์ตาเลซา, มาเนาส์, นาตาล, ปอร์ตูอาเลเกร, เรซีเฟ, รีโอเดจาเนโร, ซัลวาดอร์ และเซาเปาลู ส่วนที่ตกสำรวจได้แก่ เบเลง, กัมปูกรันดี, โกยาเนีย, รีโอบรัง โก, โฟลเรียนอโปลิส

อ่านเจอชื่อทั้งหลายแหล่ที่อาจออกเสียงเพี้ยนไปจากที่เราคุ้นกัน อย่างเบโลโอรีซอนเต้ หรือเซาเปาโล ก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ เจ้าของภาษาเขาออกแบบนั้นจริงๆ โดยเฉพาะตัว ''โอ'' ที่ใช้เสียง ''สระอู'' แทน

อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอย่างเจ๊หมวย ''มาเฟียรี่'' ได้ชี้แจงแถลงไขไปในหลายๆ ทัวร์นาเมนต์แล้ว ตัวอย่างเห็นๆ ก็คงเป็น ''คริสติอานู่ รูนัลดู้'' นั่นไง พออ่านจากเวอร์ชั่นอังกฤษยังเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้เลย

เมืองเจ้าภาพ ''บราซิล 2014'' ในขณะนี้ก็ถือว่ายังไม่สะเด็ดน้ำดีเท่าไหร่นะครับ ที่ผ่านการคัดเลือกมาเป็นแค่ตัดตัวเบื้องต้น แถมทำท่าว่าจะเหลือแค่ 11 ด้วยซ้ำโดยไม่รวม เซาเปาโล เมืองใหญ่ที่ส่งโครงการไม่ทันเส้นตายเมื่อกลาง

เดือน พ.ค. เลยโดนฟีฟ่า และฝ่ายจัดกาชื่อไปอีกราย

เรื่องจะลงเอยอย่างไร คงต้องเจรจากันอีกหลายรอบล่ะครับสำหรับเซาเปาโล ไม่งั้นบราซิล เป็นเจ้าภาพจริงๆ โดยไม่มีเมืองดังระดับนี้อยู่ด้วยคงแปลกพิลึก


ก่อนเข้าสู่พิธีการสำคัญ ก็เป็นสุนทรพจน์ของประธานาธิบดี ลูอิส อินาซิโอ ลูล่า ดา ซิลวา แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล, ริคาร์โด้ เทเชร่า ประธานฝ่ายจัดการแข่งขันบอลโลก 2014 หนึ่งในบอร์ดบริหารของฟีฟ่า และเซปป์ แบ

ล็ตเตอร์ บิ๊กบอสของวงการลูกหนัง ที่กล่าวถึงความสำเร็จและภาคภูมิใจที่ได้เห็นชาติที่คลั่งบอลอันดับหนึ่งได้จัดบอลโลกอีกหน

โดยเฉพาะท่านลูล่า แกเตรียมโพยมายาวเหยียดครับ โควตา 5 นาที ผู้นำบราซิลเอ่ยปากขอต่อเวลาดื้อๆ แบบนักการเมือง กว่าจะสรุปจบได้กินเวลาเข้าไปอีกเป็นสามเท่า เรียกเสียงเฮฮาจากแขกเหรื่อในงานได้พอหอมปากหอมคอ

ขั้นตอนเปิดตัวสัญลักษณ์ของการแข่งขันในอีก 4 ปีข้างหน้าอย่างเป็นทางการ ยังมีศิลปินชื่อดังเช่น บาร์บาตูเกส, บอสซา กูก้า โนว่า ไปจนถึง วาเนสซ่า ดา มาต้า เจ้าของรางวัลแกรมมี่ โผล่หน้ามาสลับฉากสร้างความคึกคักใน

จังหวะแซมบ้าให้ได้ขยับกันทั้งฮอลล์ ก่อนจอภาพบนเวที จะเผยวีทีอาร์นำเข้าสู่ไฮไลต์ประจำงาน

โลโก้ของฟุตบอลโลก 2014 ได้รับการออกแบบง่ายๆ ภายหลังการจัดประกวดของทางฟีฟ่า และฝ่ายจัดการแข่งขัน ที่ส่งเทียบเชิญ 25 บริษัทในบราซิลร่วมเข้าประกวด ผ่านการคัดเลือกของกรรมการทั้ง 7 อันประกอบไป

ด้วยคนดังระดับไฮโซอย่าง ออสการ์ นีเมเยอร์ สถาปนิกชาวบราซิล, ฮันส์ ดอนเนอร์ ดีไซเนอร์ชื่อดัง, จีเซล บุนด์เชน ซูเปอร์โมเดลคนสวย, เปาโล โกเอลโญ่ นักประพันธ์, อีเวเต้ ซันกาโล่ นักร้อง และริคาร์โด้ เทเชร่า ในฐานะประธานฝ่าย

จัดการแข่งขัน ไปจนถึงเจอโรม วัลเค่ เลขาธิการฟีฟ่า มาร่วมคัดเลือก

ผลปรากฏว่าโลโก้ในชื่อของ ''Inspiration'' อินสไพเรชั่น หรือแรงบันดาลใจ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ประจำการแข่งขันในอีก 4 ปีข้างหน้า ภายใต้แนวคิดที่ประกอบด้วยมือทั้งสามที่ชูขึ้นประกาศชัยชนะ และรวมตัว

เข้าหากันเป็นถ้วยฟีฟ่า เวิลด์ คัพ โดยมือที่ประสานกันยังหมายถึงความสามัคคีของมนุษยชาติ ที่ขาดไม่ได้คือการใช้สีเหลืองและเขียวที่หมายถึงประเทศบราซิลเป็นหลัก

ความทรงจำจากการเป็นเจ้าภาพครั้งก่อนเมื่อปี 1950 ถือเป็นเรื่องราวของความผิดหวังมหาศาลสำหรับชาวบราซิล เมื่อแฟนกว่า 170,000 คนแออัดเข้าไปในชามอ่างยักษ์ มาราคาน่า ดูทีมตัวเองโดนอุรุกวัยเชือดไป 1-2 ได้

ฉลองแค่ตำแหน่งรองแชมป์โลก

เหตุการณ์ในอีก 64 ปีให้หลังจะเป็นอย่างไร เผลอเดี๋ยวเดียวมันก็กระเถิบเข้ามาให้รู้สึกกันแน่นอน

ชู้ตเอ๊าต์

ข้อมูลจาก //www.siamsport.co.th




Create Date : 11 กรกฎาคม 2553
Last Update : 11 กรกฎาคม 2553 8:13:25 น. 1 comments
Counter : 953 Pageviews.

 


"ปลาหมึกPaul แชมป์ฟุตบอลโลก 2010ตัวจริง"



แต่อายุไม่ยืนไปถึงปี 2014 แน่ เพราะวงจรชีวิตเขา
แค่ 3 ปีเศษก็แก่ dead แล้ว
เกิดปี 2008..ยังอยู่อีกแค่ไม่ถึงปีดีค่ะ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:44:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ล่องแม่ปิง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อังกฤษเป็นชาติที่เริ่มเล่นฟุตบอล แต่บราซิลเป็นชาติที่สอนการเล่นฟุตบอล

มีคำพูดธรรมดาๆประจำฟุตบอลโลกอยู่ประโยดหนึ่งว่า"ฟุตบอลโลกที่ไม่มีบราซิล ก็ไม่ใช่ฟุตบอลโลก"


จะจริงเท็จประการใด แฟนบอลทั่วโลกยังไม่เคยทราบ เพราะที่ผ่านมา 20 ครั้ง และครั้งที่ 21 ในปี 2018 บราซิลยังคงได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายอิกครั้ง ในฐานะเจ้าภาพ


ผมยังนึกไม่ออกว่าหากบราซิลไม่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ฟุตบอลโลกในปีนั้นจะขาดอะไรไปบ้าง....มนต์ขลังลีลาแซมบ้า. สีเขียว-เหลืองที่แต่งแต้มฟุตบอลโลกทุกครั้งเสมอมา หรือกองเชียร์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมา น้องๆขบวนพาเหรดงานคานิวัล ผมว่าคงไม่เกิดขึ้นในรุ่นของผมนะครับ
Friends' blogs
[Add ล่องแม่ปิง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.