Smile Trip I - Part IV : วัดบางยี่ขัน
|
ความเดิมตอนที่แล้ว
พอออกจากชุมชนมัสยิดหลวงมาได้ ผู้คนก็กระจัดกระจาย
แยกเป็น 2 กลุ่มเพราะเดินตามกันไม่ทัน
เราเดินตาม คุณจุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา (นัท) ซึ่งเป็นวิทยากรที่คุ้นเคยกันจากทริปของสยามทัศน์
ข้ามถนนพระปิ่นเกล้ามายังเส้นทางไปวัดดาวดึงษา
เดินตามกันมาแล้วเดินผ่านวัดดาวดึงษาไปซะงั้น ...
ที่คุณนัทเดินนำเลี้ยวเข้ามาคือ "วัดบางยี่ขัน"
เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาเลยทีเดียว
ประวัติของวัดตามป้ายข้อมูลของกรมศิลปากรที่ติดอธิบายไว้ บอกว่า
วัดบางยี่ขันมีอีกชื่อหนึ่งว่า "วัดมุธราชาราม" เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาประมาณ พ.ศ. 2172
ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานครอบคลุมเนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาม 44 ตารางวา
ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2526
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาด 11.80 x 22.20 เมตร
รูปทรงสถาปัตยกรรมเป็นฝีมือช่างสมัยอุธยาตอนกลาง มีหน้าบันและคันทวยไม้แกะสลัก
กระเทาะและพุกร่อนไปตามกาลเวลา ...แต่ก็ทนแดด ทนฝน ทนลมมาได้ถึงป่านนี้
ใบเสมารอบพระอุโบสถทำด้วย ศิลาทรายสีแดง
ภายในพระอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนัง ภาพเทพชุมนุมและภาพทศชาติชาดก
ฝีมือคงแป๊ะ (อดีตนักโทษประหารซึ่งเป็นจิตรกรเอกในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น)
โดยเฉพาะภาพที่เขียนอยู่ด้านหลังพระประธานในพระอุโบสถ
เป็นภาพพระพุทธเจ้าประทับดอกบัว มีเหล่าสาวกและสัตว์ต่างๆ เช่น ปู ปลา เฝ้าอยู่เบื้องล่าง
นับว่าเป็นผลงานฝีมือจิตรกรคงแป๊ะที่มีความงามเป็นพิเศษ แต่ต่างจากภาพที่อื่นภาพหนึ่ง
พระประธานเป็นศิลาทราบปางสมาธิสมัยอยุธยา พระพุทธรูปปางมารวิชัย 2 องค์
และพระพุทธรูปปางต่างๆ จำนวนกว่า 100 องค์
ภายในพระอุโบสถมีสิ่งสวยงามละลานตาให้ชมตามคำอธิบายข้างบันนั่นแหละ
เยอะจนเราเองก็คงบรรยายไม่หมด จำเรื่องเล่าประกอบก็ไม่ได้มาก
ความรู้ในเรื่องราวเกี่ยวกับชาดก ทศชาติ คติธรรมในการสร้างงานยังไม่ลึกซึ้ง
ก็ขอแปะภาพให้ชมไปพลางๆ นะ
เทพประจำทวารบาล
ภาพเทพชุมนุมที่วัดนี้ ก็ยังมีเทวดาที่หันหน้ามองคนมาฟังธรรม
ไม่ได้หันหน้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ (พระประธาน) เช่นเดียวกับวัดดุสิดารามที่ผ่านมาเมื่อตอนเช้า
ก็เป็นความสนุกอีกอย่างของเราในการเข้านั่งดูภาพเทพชุมชนในโบสถ์ต่างๆ
ดูว่า มีเทวดาไม่ทำตามระเบียบปฏิบัติบ้างรึป่าว
สุวรรณสามชาดก
ภาพทศชาติชาดกจะอยู่บริเวณช่องระหว่างหน้าต่าง
โดยหยิบยกเอาฉากสำคัญๆ ของเรื่ื่องนั้นๆ มาเขียน
โดยจะเขียนเรียงลำดับให้เดินดูในลักษณะทักษิณาวัตร คือเวียนตามเข็มนาฬิกา
เริ่มจาก เต-ชะ-สุ-เน-มะ-ภู-จะ-นา-วิ-เว (ไปค้นหากันเองนะว่าย่อจากชื่อไหน เรื่องเป็นยังไง)
นอกจากนี้จิตรกรยังแทรกภาพผลไม้ดังๆ ของย่านบางยี่ขันลงไปในภาพด้วย
ดูเอาเองนะว่าตะก่อนนั้น ย่านนี้มีผลไม้อะไรที่โดดเด่น
ภาพตรงข้ามพระประธาน ก็ยังคงเป็นภาพผจญมาร มีพระแม่ธรณีบีบมวยผล
ตามขนบคติการสร้างวัดแบบดั่งเดิม
พระพุทธรูปที่ตั้งรายล้อมพระประธานก็มีเยอะมาก
แล้วยังมีที่เรียงติดผนังด้านในอีกหลายองค์ด้วย
และเราจะสังเกตเห็นว่า ผนังโบสถ์นี้ไม่ว่างเลย ...มีลายดอกไม้ร่วงเติมเด็มพื้นทีว่างด้วย
ดื่มด่ำกับความงดงามของภาพจิตรกรรมและพระพุทธรูปมากมาย
เราก็แยกตัวออกมาเดินวนเวียนภายนอกดูบ้าง
แม้จะมีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดไปหลายครั้งแล้ว ก็ยังคงพื้นศิลาแลงบางส่วนเอาไว้ดูด้วย
ถ้าไปยืนมองเล็งตรงหน้าโบสถ์ เราจะเห็นชัดเลยว่า มีลักษณะแอ่นน้อยๆ แบบอยุธยา
หน้าต่างก็ตกแต่งแนวๆ ศิลปะอยุธยาเลยด้วย
ของแบบนี้ ต้องเข้าไปดูบ่อยๆ แล้วค่อยๆ สังเกตเอา ก็จะจับลักษณะของศิลปะแต่ละสมัยได้เอง
งานประดับหน้าบันด้านหน้าพระอุโบสถ์เป็นไม้แกะสลักแล้วประดับกระจกสี
แต่ด้านหลังนั้น เป็นงานไม้แกะสลักล้วนๆ แต่เรามองดูจากเบื้องล่าง
เหมือนจะเป็นปูนปั้น ...คงต้องหาโอกาสแวะเวียนไปยืนเล็งอีกสักที
ใช้เวลาวนเวียนศึกษาและเรียนรู้ทั้งในเชิงศิลปะและประวัติศาสตร์อยู่นาน
วิทยากรก็ได้รับแจ้งว่าอีกคณะนึงมุ่งหน้าไปสถานที่ต่อไปแล้ว
กลุ่มของพวกเราก็เลยต้องข้ามวัดดาวดึงษาไป ...แล้วเดินตามวิทยากรไปยังจุดหมายต่อไป
โปรดติดตามตอนต่อไป
Create Date : 15 กรกฎาคม 2555 |
|
7 comments |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2555 8:58:07 น. |
Counter : 2684 Pageviews. |
|
|
ขอบคุณที่แวะไปทักทายค่ะ
ภาพเขียนฝาผนังสวยมากค่ะ วัดนี้ยังไม่เคยไปเลยค่ะ
มีความสุขกับวันหยุดนะคะ