ฉันเป็นดั่งนกไร้ขา บินไปบินมาไร้จุดหมาย โอกาสลงดินนั้นไซร้ ต่อเมื่อความตายมาเยือน
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
27 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+"หยุดให้ท้ายพันธมิตร" โดย"คำ ผกา"+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

ขออนุญาตคั่นบลอกเวียดนามด้วยข่าวเด่นประเด็นร้อน
ด้วยการเอาบทความของนักเขียนที่ผมชื่นชอบมากที่สุดคนนึง คือ คุณคำ ผกา (ผมเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง กระทู้ดอกทอง และ จดหมายจากสันคะยอม ของเธอจบไป ขึ้นแท่นหนังสือในดวงใจของผมไปแล้ว) มาลงในบลอกนี้

บทความนี้ ลงตีพิมพ์ครั้งแรกใน นิตยสารมติชน สุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7-13 พย. 2551


***********************************************

หยุดให้ท้ายพันธมิตร

คำ ผกา


1

ปฏิกิริยาของแพทย์หลายสถาบันที่มีไปในทิศทางเดียวกัน ย่อมมิใช่การตอบโต้ด้วยอารมณ์เป็นแน่ เพราะแพทย์เหล่านี้มีวุฒิภาวะมากกว่านักการเมืองที่มากล่าวหามากมายนัก.... เวลาที่เด็กกระทำผิด ผู้ใหญ่อาจดุเด็กว่า "เดี๋ยวตีให้ตายเลย" แต่ก็ไม่เคยมีใครตีเด็กจนตายดังที่พูดสักราย เพราะผู้ใหญ่เพียงมีเจตนาสั่งสอนให้เด็กรู้ว่าตนกระทำผิดและให้มีความสำนึก เพื่อจะได้ไม่ทำผิดอีก...

เจตนารมณ์ที่สำคัญของหลายวิชาชีพในสังคม รวมทั้งแพทย์ คือ การลงโทษทางสังคม เพื่อเป็นการประกาศว่าไม่เห็นด้วยและต้องการประณามการกระทำที่ป่าเถื่อน และเป็นอนารยะของบุคคลเหล่านั้น มิได้มี "เจตนาฆ่า" อย่างที่บางคนพยายามยัดเยียดข้อหาให้...แพทย์เหล่านั้น ย่อมตระหนักในหน้าที่และมีคุณธรรมพอที่จะแยกแยะถูกผิด คงมิได้มองว่า "ตำรวจและนักการเมืองเลว" บางคน มีความเป็นมนุษย์น้อยกว่าที่จะให้การรักษาช่วยชีวิต เมื่อมีความจำเป็น แม้ว่าในทางกลับกัน ฝ่ายที่เข่นฆ่าประชาชนจะคิดกับประชาชนเช่นนั้นก็ตาม...

ว่าการประกาศไม่รักษาตำรวจและนักการเมืองเลย เป็นเพียง "สัญลักษณ์" ของการ "รังเกียจ" และ "ขยะแขยง" ต่อการใช้ความรุนแรง...

พวกเขาไม่ยอมรับรู้การซื้อเสียง ติดสินบนกลไกการเลือกตั้งและกระบวนการยุติธรรม อันทำให้ได้รับเสียงข้างมากตามระบอบ "ธนาธิปไตย" พวกเขาท่องได้เพียงวาจาอมตะว่า "พวกเขามาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย"

(อ้างอิงแหล่งที่มาบทความของหมอในเว็ปไซต์มติชน)

"ถ้าเราชะลอระบบเศรษฐกิจลง ชะลองบประมาณ 3 ปี ข้างหน้า ไม่มีงบซื้อที่ดิน สิ่งก่อสร้าง มีแต่งบเงินเดือน ค่าใช้สอย งบไม่ต้องขาดดุล และเสริมเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ต้องกลัวคนรวย เศรษฐีหยุดเอากำไรเพียง 3 ปี อีกอย่างก็ยึดทรัพย์ และประหารชีวิตนักการเมือง 4-5 คน ยึดทรัพย์นักการเมืองสักล้านล้านบาท เพื่อเอามาเป็นค่าใช้จ่าย เมื่ออาชญากรการเมืองถูกประหาร จะได้รู้หมู่รู้จ่า" ศ.ดร. ชัยอนันต์กล่าว ผู้จัดการออนไลน์ 29 ตุลาคม 2551 (ขีดเส้นใต้โดยผู้เขียน - คำผกา)

ก่อนจะแสดงปฏิกิริยาต่อบางตอนของบทความ และบทพูดที่ยกมาข้างต้น ฉันจะย้อนกลับไปที่ความรู้สึกหลังเหตุการณ์ 7 ตุลาคม



2

ถามว่ารู้สึกอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ฉันพยายามที่จะไม่ตอบคำถามนี้ทันที หลังจากเกิดเหตุการณ์ เพราะมันง่ายมากที่จะด่วนประกาศออกไปว่า "รัฐบาลทรราชฆ่าประชาชน" ดังที่กลายเป็นพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์บางฉบับ และคำว่า "รัฐบาลทรราช" นั้นก็อยู่คู่กับประวัติศาสตร์การเมืองไทยมาโดยตลอด จนกระทั่งเราขึ้นป้ายให้รัฐกลายเป็นผู้ร้ายตลอดกาล ส่วนประชาชนนั้นคือเหยื่อ คือผู้อ่อนแอที่มักจะถูกข่มเหงโดยรัฐ อย่างไม่ชอบธรรมเสมอมา (แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น แต่ไม่ได้แปลว่าจะเป็นอย่างนั้นเสมอไปทุกกรณี)

เหตุผลอีกประการหนึ่ง คือ ความขัดแย้งอันแหลมคมที่เกิดขึ้น ณ สยามประเทศเวลานี้ มันเกิดจากเหตุที่มองด้วยตาเปล่าของสามัญชนอย่างเราไม่เห็น เว้นแต่ใครจะมีกล้องจุลทรรศน์ จึงจะเข้าไปส่องวินิจฉัยจนเห็นเหตุการณ์นั้นได้ (และดูเหมือนนักข่าวต่างประเทศ จะมีกล้องจุลทรรศน์ที่ว่า เราจึงพอได้อาศัยอ่านข่าวและบทความจากหนังสือพิมพ์อังกฤษ แคนาดา ญี่ปุ่น อเมริกา ซึ่งให้ทั้งข้อมูลและความคิดเห็นที่กระจะกระจ่างกว่าข่าวในหนังสือพิมพ์ไทยหลายขุม)

กลับมาที่ความรู้สึก แน่นอนว่าทุกคนตระหนกต่อการสูญเสียชีวิต ร่างกาย แขนขา ดวงตาของคนที่คิดว่าได้ออกไปกู้ชาติ หรือขจัดการเมืองชั่วๆ ออกไปจากการเมืองไทย เห็นใจตำรวจที่ออกไปทำหน้าที่ของตนเอง และหลายคนบาดเจ็บและเสียชีวิต

ข่าวที่บอกว่าตำรวจคนหนึ่งถูกแทงด้วยด้ามธงจนทะลุกลางหลัง ยังตามหลอกหลอน (อย่าลืมว่าฉันเป็นผู้หญิงขวัญอ่อน) อยู่จนถึงวันนี้ และหลอนยิ่งขึ้น เมื่อยังมีคนพยายามจะบอกว่า กลุ่มผู้ชุมนุมของพันธมิตรเป็นกลุ่มคน ที่มาชุมนุมอย่างสันติและปราศจากอาวุธ

เราจำเป็นต้องมาพูดกันอย่างตรงไปตรงมาว่าท่ามกลางการเรียกร้องให้ใช้ "สันติวิธี" (ที่ตอนนี้เกือบจะมีความหมาย-หรือไม่มีความหมาย-พอๆ กับคำว่า "รักนะ จุ๊บ จุ๊บ" ที่วัยรุ่นชอบพูดกัน)

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนนั้น เครื่องมือสำคัญที่ใช้กันอยู่ตลอดเวลา คือ ความรุนแรง โดยเฉพาะความรุนแรงของถ้อยคำที่ใช้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในการพูดบนเวทีพันธมิตรฯ นั้น คำที่จะขาดเสียไม่ได้เลยคือคำประเภท ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ (ล่าสุดพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ผู้จัดการถึงกับใช้คำว่า สัตว์นรก)



3

ไม่เพียงแต่ความรุนแรงอันเกิดจากการใช้ถ้อยคำหยาบคาย ยังมีความรุนแรงอันเกิดจากการใส่ร้ายป้ายสีคนที่ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ โดยเฉพาะนักวิชาการที่วางตัวเป็นกลาง และออกมาวิจารณ์พันธมิตร ต่างก็โดนแกนนำพันธมิตรฯ กระซวกด้วยคำพูดที่รุนแรง หยาบคาย อาจารย์ภูวดล ทรงประเสริฐ นั้นออกมาด่าเพื่อนร่วมอาชีพเสียๆ หายๆ ราวกับหมาบ้า ที่สำคัญเรื่องที่ออกมาด่าล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องใส่ไคล้ จนถึงขั้นโกหก หลอกลวงทีเดียว

เชื่อว่าต่อไปนี้ใครก็ตามที่ออกมาวิจารณ์พันธมิตร นอกจากจะโดนกล่าวหาว่าเป็นสาวกทักษิณ รับเงินทักษิณแล้ว รายการต่อไปคือโดน "ซ้อเจ็ด" ผู้อ้างว่าสถิตอยู่ ณ ใต้เตียงของทุกคนในประเทศไทย ออกมาเขียนถึงพฤติกรรมทางเพศ ความสำส่อน การผิดผัวผิดเมีย และอีกสารพัดความลามกอุจาดเท่าที่คนอย่างซ้อเจ็ด จะจินตนาการขึ้นได้ ขอเพียงเพื่อจะดิสเครดิตศัตรูทางการเมือง

หากว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม จะทำให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน จิตใจ ฉันคิดว่าพวกเราทุกคนต่างต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างน้อยที่สุดในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา พวกเราต่างพากัน "ให้ท้ายพันธมิตร" ด้วยการ "เงียบ" แม้ไม่เห็นด้วยก็ไม่ยอมที่จะพูดดังๆ เพราะกลัวจะเปลืองตัว และกลัวที่จะถูกมองว่าเป็นฝ่ายของทักษิณ หรือเป็นพวกด้อยการศึกษาถูกหลอกล่อ โดยนโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทยเก่า กลัวจะถูกมองว่าเป็นพวกหน่อมแน้มไร้เดียงสาไม่รู้เท่าทันนักการเมือง

น่าสลดใจยิ่งกว่านั้น คนที่ตาย คนที่บาดเจ็บในเหตุการณ์ ล้วนแต่เป็นคนเล็กๆ ที่เป็นเหยื่อของอุดมการณ์ที่บรรดาแกนนำปลุกปั่นขึ้นมา และถึงบัดนี้ ทั้งสนธิ จำลอง สมศักดิ์ สมเกียรติ สุริยะใส ก็มีความสุขดีท่ามกลางกองเลือดสาวกของพวกตน และไม่มีทีท่าจะสำนึกผิดแม้แต่น้อยต่อการสร้างสถานการณ์พาคนไปตาย เพียงเพื่ออยากปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง เพื่อเป็นเงื่อนไขให้ทหารออกมาทำรัฐประหาร

ร้ายไปกว่านั้นยังพยายามที่จะป่าวประกาศว่า รัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมเพราะตั้งอยู่บนกองเลือดของประชาชน หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านก็บอกว่า จะไม่ฝ่ากองเลือดไปประชุมสภาฯ เป็นอันว่า ต่างฝ่ายต่างใช้เลือดคนตาย เป็นบันไดป่ายปีนไปหาผลประโยชน์ของตนอย่างเมามัน

ไม่เพียงแต่อ้างเอา "เลือด" ฝ่ายพันธมิตรฯ ยังอ้างคำว่า "ประชาชน" ซึ่งสำหรับคนรู้เรื่องประชาธิปไตยชั้นแค่ประถม (อย่างที่เคยเขียนไปแล้ว) อย่างฉันเชื่ออย่างไร้เดียงสาว่า คนที่มีความชอบธรรมจะอ้างคำว่าประชาชนได้ มีแต่ตัวประชาชนเองเท่านั้น และช่องทางที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ คือ เรายืนยันเสียงของเราผ่านการเลือกตั้ง และผ่านการจัดตั้งเครือข่ายกลุ่มผลประโยชน์เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกรัฐสภา เพื่อคานอำนาจของคนที่ได้รับเสียงของเราไปแล้วกลับใช้เสียงนั้นไปในทางที่มิชอบ

คนที่ยืนอยู่ข้างประชาธิปไตย ทั้งหันหลังให้กับรับประหาร ไม่ว่าจะทางตรงหรืออ้อมของเราทุกวันนี้ ไม่ได้โง่ถึงขนาดจะไม่ระแวดระวังต่อสิ่งที่เรียกว่า ทรราชเสียงข้างมาก หรือ the tyranny of the majority อันเป็นคำอธิบายอันโด่งดังของ Alexis de Tocqueville (1805-59) - ระบุชื่อและช่วงชีวิตของเจ้าของคำพูด เพื่อระลึกว่าโลกเขาตระหนักถึงจุดอ่อนประชาธิปไตยเสียงข้างมากมานานนักหนา ไม่ต้องรอให้แกนนำพันธมิตรมาชี้หน้าด่าคนไทยว่าไม่เข้าใจ "แก่น" ประชาธิปไตยและงมงายกับการเลือกตั้ง และเพราะเราตระหนักในปัญหานั้น สิบกว่าปีที่ผ่านมาหลังจากที่เรามีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง เราจึงพยายามสร้างกลไกของระบบการตรวจสอบการทำงานของรัฐ เราจึงยอมรับการเมืองที่เคลื่อนไหวนอกรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของสมัชชาคนจน, เครือข่ายสลัม, เครือข่ายป่าชุมชน, เครือข่ายผู้ติดเชื้อ ฯลฯ (แต่ไม่ใช่ม็อบที่เต็มไปด้วยการปลุกระดม ด้วยคำพูดโกหกหลอกลวงแถมพ่วงไสยศาสตร์ ทั้งยังกระหายเลือดอย่างการชุมนุมของพันธมิตรแน่ๆ)

แม้จะเตาะแตะต้วมเตี้ยม แต่พวกเราก็กำลังเรียนรู้

บทความ "เมื่อหมอไม่รักษาคนเลว" ของ น.พ. เกษม ตันติผลาชีวะ ที่พยายามจะแก้ต่างให้กับการออกแถลงการณ์ของแพทย์บางสถาบันที่ประกาศไม่รับรักษาตำรวจ ว่าเพื่อเป็นการลงโทษทางสังคมและเป็นเพียงการแสดงเชิงสัญลักษณ์ เหมือนที่แม่ดุลูกว่า "จะตีให้ตาย" แต่ไม่หมายความว่าจะตีลูกจนตายจริงๆ

คุณหมอขา...หนูนอนไม่ค่อยจะหลับ...เอ๊ย คุณหมอคะ คำพูดอย่าง "จะตีให้ตาย" นั้นเป็นคำอุปมาอุปไมย เป็นโวหาร อย่างเดียวกับคำพูดที่ว่า "รักคุณเท่าฟ้า" คงไม่มีคนบ้าที่ไหนเชื่อว่า การบินไทยรักคุณเท่ากับพื้นที่ของผืนฟ้าจริงๆ เช่นเดียวกับคำพูดที่ว่า "อิ่มจนท้องจะแตก" และโวหารที่ทุกคนที่อยู่ในวัฒนธรรมเดียวกันสามารถถอดรหัสได้ตรงกันหมดนี้ คงไม่อาจเอาไปเทียบได้กับแถลงการณ์ที่หมอบอกว่า จะบอยคอตตำรวจด้วยการไม่รับรักษา เพราะมิเช่นนั้นแถลงการณ์ หรือการแถลงจุดยืนใดๆ ก็ตามในสังคมนี้ ก็คงมีไว้เพื่อขำ เพื่อเป็นสัญลักษณ์อย่างนั้นหรือ กลุ่มพิทักษ์สิทธิ์สัตว์บอยคอตคนใส่เฟอร์นั้น ก็ทำไปขำๆเอง ใครเขาบอยคอตกันจริงเล่าอย่างนั้นหรือ?



4

ความจริงใจประการเดียวที่ฉันหาได้จากบทความของ น.พ. เกษมคือ ชื่อบทความที่บอกว่า "เมื่อแพทย์ไม่รักษาคนเลว" และอีกหลายข้อความที่ฉันขีดเส้นใต้ไว้อันสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติอันไม่ปกติของคุณหมอ เช่น การอวดอ้างว่า แพทย์ย่อมมีวุฒิภาวะมากกว่านักการเมือง หรือความพยายามในการยัดถ้อยคำอย่าง "ตำรวจและนักการเมืองเลว" ลงไปในบทความ

หากคุณหมอมีวุฒิภาวะจริงย่อมตระหนักว่า คนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนั้นมักจะไม่ตัดสิน ผิด ถูก ดี เลว กันอย่างหยาบๆ ดังเช่นที่คุณหมอเขียนมา แม้แต่นักโทษที่อยู่ในคุกเรายังไม่อาจไปชี้หน้าว่าพวกเขาเป็นคนเลว เพราะคนเราย่อมกระทำการขัดต่อกฎหมายด้วยเหตุผลหลายร้อยหลายพันประการ ทั้งน่าเห็นใจและไม่น่าเห็นใจ และอาจเป็นด้วยการพิพากษาอย่างหยาบนี้เอง ที่ทำให้คุณหมอเชื่อว่า อะไรก็ตามที่เป็นความรุนแรงจากรัฐนั้น ถือเป็นความเลว แต่อะไรก็ตามที่เป็นความรุนแรงอันมาจากฝูงชน (ที่อ้างว่าทำในนามของประชาชน) ถือเป็นความดี เป็นการต่อสู้เพื่อพิทักษ์บ้านเมืองไปเสียหมด

หากทักษิณจะมีความผิดที่ให้อภัยไม่ได้ ฉันคิดว่าความผิดนั้นคือ เขาทำให้คนกลุ่มหนึ่งเกลียดชังเขาเสียจนสามารถทิ้งหลักการ เหตุผล ปัญญา และใช้แต่อารมณ์แห่งความเกลียดชังนั้นผลักดันให้พูด และทำให้สิ่งที่ไม่น่าจะพูดและไม่น่าจะทำ

บนฐานของมรดกทางอุดมการณ์ที่ชนชั้นนำฝ่ายขวาไทย ที่พยายามสร้างภาพประชาธิปไตยไร้สมรรถภาพ (สงสัยต้องเอาไวอะกร้าช่วย) บวกภาพนักการเมืองฉ้อฉล ต่ำช้า สุดท้าย มรดกที่เราต่างดื่มกินกันอยู่ทุกวันนี้ คือ ความไม่ไว้ใจระบอบการเลือกตั้งและลึกๆ แล้วโหยหาการปกครองที่เข้มแข็งเด็ดขาดพร้อมอาญาสิทธิ์ของผู้ปกครอง ที่มาในมาดของผู้มีบุญและปลอด ซึ่งผลประโยชน์ทั้งปวง

แต่คำถามหนึ่งถามว่า ในโลกใบนี้มีคนที่มีชีวิตอยู่โดยปราศจากซึ่งผลประโยชน์ใดๆ จริงหรือ ขอโทษ แม้แต่ผีที่ศาลพระภูมิยังเห็นแก่อาหารเซ่นไหว้และของแก้บน นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่ขี้ก็เหม็นเหมือนกันทุกคน จะปลอดจากมลทินและผลประโยชน์



5

และเพื่อจะไม่เป็นการ "ให้ท้ายพันธมิตรฯ" ด้วยการนิ่งเฉย ฉันได้ยกคำพูดของชัยอนันต์ สมุทรวณิช นักวิชาการที่เคยน่านับถือ แต่ก็ต้องสูญสิ้นความนับถือ (อย่างน้อยจากคนที่ไม่มีความหมายคนหนึ่งอย่างฉัน) เพราะไปยืนข้างพันธมิตรราวกับเป็นนักรัฐศาสตร์ที่ไม่รู้จัก กอไก่ ขอไข่ (แต่ฉันเชื่อว่า ชัยอนันต์รู้ว่าตนเองทำอะไร และรู้ด้วยว่าอุดมการณ์ที่ตนเองไปสนับสนุนอยู่นั้นฉ้อฉลต่อคนส่วนมากของประเทศแค่ไหน และนั่นทำให้เรายิ่งสูญสิ้นความนับถือต่อเขา)

ฉันไม่อยากจะเชื่อว่านักรัฐศาสตร์ชั้นนำของเมืองไทย สามารถพูดจาชี้ทางสว่างให้กับปัญหาของการเมืองไทยว่าแก้ได้ง่ายๆ เพียงจับนักการเมืองเลวไปประหารชีวิต! มีแต่เด็กที่ยังดูดหัวแม่โป้งตัวเองอยู่เท่านั้น ที่เชื่อในนิทานธรรมะปราบอธรรม เราเป็นฮีโร่มาช่วยโลกด้วยการจับสัตว์ประหลาดมาฆ่าทิ้งให้หมด แล้วทุกอย่างจะดีเอง มีแต่เผด็จการล้าหลังเท่านั้นที่เชื่อเรื่อง "หนักแผ่นดิน" และเชื่อว่า แผ่นดินจะสูงขึ้น เบาลง หากจับคน (ที่เราคิดว่า) ชั่ว ไปฆ่าทิ้งเสีย อาจารย์ชัยอนันต์คงอยากให้ฮิตเลอร์คืนชีพกระมัง จะได้มาช่วยสร้างค่ายกักกันนักการเมืองเลว

ถามว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ คำตอบ คือ รู้สึกว่า จะต้องกล้ามากขึ้นที่จะหยุดให้ท้ายพันธมิตรอย่างเปิดเผย และกล้าที่พูดถึงคนที่ถูกสังคมเชิดชูเสียจนไม่มีใครกล้าแตะต้อง ไม่ว่าจะเป็นราษฎรอาวุโส ที่นับวันจะเลอะเลือนเลื่อนเปื้อน หรือนักรัฐศาสตร์ชั้นนำที่นำความผิดหวังมาสู่เรา

หวังว่าจะไม่มีใครออกไปตายสังเวยกลุ่มที่ใช้ชื่อเพื่อประชาธิปไตย แต่เรียกร้องให้โยนระบบการเลือกตั้งทิ้ง (เราเรียกการเมือง 30-70 ว่าระบบการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือ? ) และกำลัง exploit คำว่า ประชาชนอย่างไร้ความละอาย.



หมายเหตุ
-คำเน้นคำเส้นใต้ เป็นไปตามต้นฉบับของคำ ผกา
-บทความที่เน้นตัวหนา โดยเจ้าของบล็อก






Create Date : 27 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2551 1:46:15 น. 22 comments
Counter : 774 Pageviews.

 
สวัสดีครับ ถ้าให้ร่ายลำเพลงยุทธ์ ผมว่าไม่ดีกว่า อิอิ ขี้เกลียดพิมพ์แห้ยว ที่กล่าวมา ผมไม่ปฎิเสธครับว่าเรื่องจริงบนความคิดเห็น อิอิ แต่ผมอาจจะขอเพิ่มอีกสักข้อครับ ที่ว่าท่านนายก ทักษิิณ(ท่านยังเป็นนา่ยกบนความคิดครับ บนความถูกต้องครับ) ผมเข้าใจว่าธรรมชาติของคนเก่ง คนที่ประสบความสำเร็จมามากมาย ความมั่นใจตัวเองย่อมมีครับ แต่ท่านมีความมั่นใจตัวเองสูงมาก งั้นการที่มีคนที่บอกเตือน แต่ท่านก็ยังไม่ให้น้ำหนัก ทำแต่งาน แล้วเป็นไงครับ เมื่อถึงจุดมันก็แตกครับ ไม่มีใครยอมหลอกครับ ไม่มีใครอยากจะแบ่งข้าวในจานให้คนอื่นหลอกครับ นี่คือปมของปัญหา การเป็นคนเลวบ้าง ไม่ใช่จะไม่ดี เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นอาวุธสำหรับใช้ป้องกันตัวเองได้ครับ ดีเกินไปใช่ว่าจะประเสิรฐ ถ้าเราต้องเจอกับพวกซาตานที่มาแค่ขออาศัยร่างมนุษย์ือยู่ครับ เรื่องจริงครับ ผมคัดหลอกมาจากซินเซียเยอะปาเป้าครับ อิอิ(ผมคิดของผมแบบนี้ครับ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกสำหรับมุมมองของคนบางคน ไม่ว่ากันเด้อ อิอิ)


โดย: 4444 IP: 58.9.25.185 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:4:24:08 น.  

 
ใช่เลยค่ะ " หยุดให้ท้ายพันธมิตร "..


โดย: I_sabai วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:5:57:24 น.  

 
เราไม่รู้จะได้กลับไปทำงานเมื่อไรโดนยึดสนามบินไว้ออฟฟิตอยู่ตรงนั้น กำัลังนั่งประชุมอยู่บุกเข้ามาตีหัวยามทำลายข้าวไม่รู้เรื่องอะไรดีว่ามีทหารมาช่วยออกมาคิดว่าเองชีวิตไม่รอดซะแล้วแวะมาเล่าให้ฟังค่ะ


โดย: kun_isara วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:08:49 น.  

 
บทความนี้ผมแจกจ่ายไปยังเพื่อนสนิท มิตรสหายมาแต่เริ่มแรก

พวกกินหญ้า สองกลวง
โง่ซ้ำซาก

โบราณเขาให้เอาไปฆ่าทิ้ง


โดย: จอมยุทธไร้เงา (เฒ่าน้อย ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:44:09 น.  

 
เห็นด้วยกับผู้เขียนค่ะ จากใจเลย

ยิ่งวันนี้ได้ยินคำว่า
"เรายึดสนามบิน เพื่อให้ประวัติศาสตร์จารึกไปชั่วลูกหลานว่า เราทำเพื่อพวกเขา" ฯลฯ บลาๆๆ

เผลอเอารีโมทเขวี้ยงและด่าหยาบคายแบบที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำมาก่อน

เมื่อวานรู้เรื่องที่เพื่อนของเพื่อนจะแต่งงาน แต่เจ้าบ่าวยังบินมาไม่ได้ สงสารจับใจ นึกถึงว่าถ้าเป็นตัวเอง คงได้โทรไปลาใครๆ แล้วเอาแหวนไปขาย ซื้อเซาเออร์สักกระบอก กลับบ้านมาแต่งหน้าแต่งชุดเจ้าสาวสวยๆ ...แล้วก็ไปสนามบิน หุหุ (ต้องเปิดเพลง Kill Bill ประกอบกิจกรรมด้วยนะ)


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:02:44 น.  

 
กลุ้มใจมาก..
บ้านทำธุรกิจ เกี่ยวกับโรงแรม (ยังไม่นับเจ๊งยับค่าข้าว) 2 เดือนสุดท้าย ทัวร์ยกเลิกแล้ว
ถ้าขอให้เราอดทน (อ้างจากคำพูดคุณจำลอง)
ช่วยจ่ายค่าดอกเบี้ยหนี้ให้เราด้วย (อย่าว่าเงินต้นเลย ดอกเบี้ยยังไม่พอจ่าย)


โดย: tempopo วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:13:35 น.  

 


โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:05:49 น.  

 
ความเห็นของกลุ่มพันธมิตรค่อนข้างจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ

รู้ว่ากำลังทำผิด แต่จะทำ วันนี้คนอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่อีกหน่อยจะเข้าใจว่าทำเพื่อลูกหลานไทย

เป็นความคิดที่หลอกตัวเอง
หลอกคนอื่น
เพื่อจะทำผิดกฏหมาย โดยไม่ต้องรู้สึกผิด

ไร้อนาคตจริงๆ


โดย: MARON CREAM วันที่: 28 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:11:21 น.  

 
คอนโด ตัวเองอยู่ใกล้มัฆวานขนาดเดินไปถึง

แต่ไม่เคยไปให้ท้ายพันธมิตรเลย

พวกเขาจะรู้ไหมว่า คนเกลียดกันทั้งเมืองแล้ว


โดย: grappa วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:11:01:09 น.  

 
เหนื่อยใจว่ะ


โดย: calcium_kid วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:21:42:53 น.  

 
ชี้ชัด ตรงประเด็น ไม่แอ๊บแบ๊ว

***********************

แถลงการณ์ของ ๕ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน

หลังจากคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม ( คตร. ) ภายใต้การนำของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มีมติเสนอแนะให้นายกรัฐมนตรียุบสภาผู้แทนราษฎร และหลังจากนายกรัฐมนตรี ได้อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง

เรา กลุ่ม ๕ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอแสดงจุดยืนทางการเมืองต่อสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ดังต่อไปนี้

๑.ขอประณามแกนนำพันธมิตรที่ยึดสนามบิน โดยนำความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศมาเป็นตัวประกันเพื่อกดดันในทางการเมือง
๒.ขอประณาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาและบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลาย ต่อความพยายามก่อรัฐประหารเงียบ
๓. ขอสนับสนุนรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต่อการใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อยุติการชุมนุมของพันธ
มิตรที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองเพื่อธำรงไว้ซึ่งระบบระเบียบแห่งกฎหมายข
องบ้านเมือง

อนึ่ง หลังการยุติการชุมนุมที่สนามบินทั้งสองแห่ง หากมีการรัฐประหารหรือมีปฏิกริยาที่ส่อไปในทางรัฐประหาร เราจะยืนหยัดต่อสู้กับการกระทำดังกล่าวและพลังปฏิกริยาต่อระบอบประชาธิปไตยทั้งหลาย โดยสงบ เปิดเผย และปราศจากอาวุธ อย่างถึงที่สุด

รองศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์
รองศาสตราจารย์ ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช
อาจารย์ ดร.ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล
อาจารย์ ธีระ สุธีวรางกูร
อาจารย์ ปิยบุตร แสงกนกกุล

คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:2:38:13 น.  

 
ยุคนี้ กฎหมู่ครองเมือง ส่วนคนไทยก็ดีแต่พูดว่า "ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง" โดยไม่ดูว่าไอ้ที่ทำอยู๋มันส่งผลเสียต่อคนอื่นและประเทศชาติอย่างไร


โดย: Marquez วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:10:25:18 น.  

 
ถูกใจจังเลย แต่ต้องหันซ้ายหันขวาก่อนค่ะ
รอบตัวมีแต่พันธมิตรค่ะ อึดอัดมากๆๆๆ


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:19:03:06 น.  

 
เวียดนามหายไปไหนแล้วครับ
5555555


โดย: nanoguy IP: 125.24.117.50 วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:8:59:01 น.  

 



โดย: แต็ก IP: 118.172.135.215 วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:14:37:03 น.  

 
ขำความเห็นคุณแพนด้าฯ

เปิดทีวีมาเจอภาพยึดสนามบินกันอย่างสนุกสนานทีไร หงุดหงิดทุกที

เห็นนักวิชาการออกมาให้สัมภาษณ์ปรามรัฐบาลว่าอย่าใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมแล้วหงุดหงิดทุกที

เมื่อคืนดูข่าวเห็นภาพพวกเสื้อแดงรุมทุบรถแล้วก็หงุดหงิด

เมื่อไหร่จะรู้สึกตัวกันซะทีวะ


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:12:26:47 น.  

 
มาชวนไปอ่านนวนิยายเรื่องใหม่ของ คุณอนุสรณ์ ที่บล็อกเลยค้า


โดย: grappa วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:9:35:33 น.  

 
แวะมาดูหลายรอบแล้ว.... นิ่งเชียว


โดย: calcium_kid วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:21:26:27 น.  

 
+ แหะๆ ไม่ได้มาเยี่ยมบล็อกคุณฟ้าดินซะนานเลย ... สำหรับบทความนี้ ก็ค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ ผมเป็นกลางๆ เอียงเหลืองหน่อยๆ แต่ พธม. ทำถึงขนาดนี้ ก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกันอ่ะครับ มันดูจะล้ำเส้นของความพอดีมากเกินไปหน่อย

+ สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้าด้วยอ่ะคร้าบผม


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 26 ธันวาคม 2551 เวลา:2:26:46 น.  

 

Gift For HappY new YeaR 2 0 0 9 By Khunkao Rimnam


โดย: p_tham วันที่: 28 ธันวาคม 2551 เวลา:5:14:05 น.  

 
May you enjoy all the happiness, profitable business
and success in every thing thougthout the year.
อำนวยพรปีใหม่ให้พร้อมพรั่ง
ทุกสิ่งหวังจงงดงามตามมุ่งหมาย
กอปรกิจการก้าวหน้าอย่ารู้คลาย
ทั้งใจกายเกษมสันต์นิรันตร์เทอญ


โดย: Mpum วันที่: 28 ธันวาคม 2551 เวลา:18:56:57 น.  

 
พี่ๆๆๆ มีไรจะให้อ่านล่ะ
พี่จุ้ยโทรมาหาเเอมด้วย 555
เเวะไปอ่านที่บลอกเเอมนะ
(ตอนนี้อัพเเต่เรื่องพี่จุ้ยอ่ะ แหะๆ)


โดย: This road is mine วันที่: 30 ธันวาคม 2551 เวลา:23:09:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฟ้าดิน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ความจำสั้น ความฝันยาว.....
Friends' blogs
[Add ฟ้าดิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.