|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ ตอนอวสาน (T T) <เพราะเธอ เลอค่าอมตะ>
หากใครมาเห็นภาพของชายหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งทำท่าซังกะตายอยู่ที่ล๊อบบี้รีสอร์ทในตอนนี้ก็คงจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น คนหนึ่งเป็นนักธุรกิจหนุ่มผู้ร่ำรวยประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานพร้อมกับรูปลักษณ์ที่น่าหลงใหลใฝ่ฝันทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่สาวประเภทสองและสามตามสถานที่ทั่วไป ส่วนอีกคนเป็นทั้งเพื่อนทั้งลูกน้องคู่ใจที่ใช้ความสามารถในการล่อลวงได้เป็นประโยชน์เพื่อหายอดสั่งสินค้าได้สูงลิ่ว
แต่ตอนนี้ทั้งคู่ดูไม่ต่างอะไรกับยาจกตกยากที่นั่งรอขอทานแห่งความเมตตาของผู้หญิงสองคนที่หนีหายไปคนละทิศละทาง แถมยังมีภาพสาวน้อยนั่งตาบวมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พร้อมทั้งคนอีกสองคนที่ยืนทำหน้ายุ่งเหยิงอยู่ใกล้ๆ คนหนึ่งเป็นเพื่อนของสาวน้อยที่นั่งซึม และอีกคนเป็นชายหนุ่มนำเข้าจากนอกผู้ได้แจ๊คพอตมาดูหนังไทยตอนไคลแม็กซ์ถึงขอบเวทีทั้งที่ไม่เกี่ยวสักนิด หากผู้จัดการรีสอร์ทมาเห็นเข้าคงได้อัญเชิญพวกเขาทั้งหมดออกไปให้พ้นส่วนต้อนรับตรงนี้เป็นแน่แท้โทษฐานที่สร้างความหดหู่ให้แก่รีสอร์ทไม่เป็นหน้าตาที่ดีกับแขกผู้เข้าพักอื่นๆ
"แถวนี้คงมีแต่พวกอกหักรักคุด ดูไปแล้วไม่เจริญหูเจริญตาเลย" รวิชาหรือลูกชุบในชื่อที่ทั้งสองหนุ่มผู้น่าสงสารปนเวทนานั้นรู้จักเอ่ยขึ้นมาดังๆ หลังจากเดินมาหยุดมองภาพกลุ่มคนที่สร้างปัญหาด้วยความระอาหัวใจ
"คุณชุบ พูดอะไรอย่างนั้น" นทีผู้ที่เป็นสามีของเธอรีบปราม เขาก็เข้าใจอยู่หรอกว่าภรรยาตัวเองเจ็บแค้นแทนเพื่อนถึงสองคนที่แพ้ภัยแห่งความรักแตกกระเจิดกระเจิงหายไปหมด แต่ครั้นจะปล่อยให้เธอมากระแนะกระแหนซ้ำเติมคนที่กำลังใจหดหายแถมจิตใจเข้าสู่ภาวะอักเสบอย่างนี้เห็นจะไม่ดีแน่
"ก็มันจริงไหม เล่นอะไรกันไปเรื่อย นึกว่าตัวเองแสดงละครหลังข่าวกันอยู่หรือไง ถึงได้คิดทำอะไรพิเรนทร์อย่างนั้น"
รวิชายังยืนกอดอกพูดด้วยความดังของเสียงระดับเดิม คนเป็นสามีชักไม่กล้าแหยมเพราะตัวเองก็รู้ดีว่าพอแม่คนนี้โกรธขึ้นมาแล้วน่ากลัวขนาดไหน เขาไม่เอาตัวไปเสี่ยงกับเรื่องของคนอื่นหรอก ต่อให้สงสารคนที่อยู่ในชะตารันทดก็ตาม
"ก้อยขอโทษ ทุกเรื่องเลย เพราะก้อยคนเดียวที่ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ทันคิดว่าเกิดพี่เพชรรู้เข้าแล้วจะเป็นยังไง ก้อยผิดจริงๆ" กุลธิดาทำท่าจะร้องไห้ออกมาอีกรอบหลังจากที่เพื่อนปลอบให้เงียบไปสำเร็จ เดือดร้อนฝนต้องรีบพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
"เอาเถอะ ที่น้องก้อยทำไปนั่นก็เพราะอยากให้พี่ชายตัวเองสมหวัง แล้วพี่ก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะลุกลามไปกันใหญ่ถ้าเกิดว่าพวกบรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายไม่บ้าจี้ทำตามความคิดแค่สนุกๆ ของน้องก้อยอย่างนั้น มาถึงตอนนี้แล้วก็หาทางแก้กันไปแล้วกัน พี่ช่วยเท่าที่ช่วยได้เท่านั้น"
เพื่อนสาวในกลุ่มคนเดียวที่แต่งงานแล้วพูดทิ้งไว้ให้ใครต่อใครได้สะอึกสำทับอาการปวดอก ก่อนที่จะชวนสามีกลับที่พักของตนเองเพราะความทนไม่ได้ที่เห็นผู้ชายสองคนไร้ซึ่งความคิดใดๆ หรือแม้แต่จะรีบทำอะไรสักอย่างเพื่อตามเพื่อนเธอกลับมา
"ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ยัยสองคนนั่นมาชอบผู้ชายแบบนี้ได้ยังไงกัน" กลับมาถึงที่พักแล้วเธอก็ยังหงุดหงิดแทนเพื่อนไม่หาย
"น่า น่า คุณชุบ อย่าโมโห อย่าเครียด เดี๋ยวลูกเราเครียดตามไปมันจะไม่ดีนา" นทีรีบตามมานั่งบนเตียงเพื่อโอบไหล่ภรรยาไว้พร้อมทั้งบีบนวดเอาใจให้คลายอาการขุ่นมัว หนึ่งคือกลัวมีผลกระทบกับลูกอย่างว่า สองคือกลัวตัวเองโดนลูกหลง
"จริงๆ นะ ไม่รู้มันคิดอะไรอยู่ ตาคุณพลนั่นก็อีกคน... ปล่อยเขาหาทางแก้ปมที่ผูกไว้เอาเองก็แล้วกัน ฉันก็พูดกับยัยสุให้มันเย็นลงเท่าที่จะทำได้แล้ว"
"คุณทำดีที่สุดแล้วน่า" นทียิ้มให้ภรรยาตัวเองอย่างรักใคร่ห่วงใย
"ฉันไม่อยากให้เพื่อนรักสองคนต้องมานั่งเศร้าโศกเสียใจนี่นา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีอย่างฉันเสมอไปเสียเมื่อไหร่ มีสามีก็แสนจะน่ารัก รู้จักเอาใจอย่างนี้"
การชื่นชมสามีตรงๆ ของรวิชาเป็นการหยอดปุ๋ยที่ดีเยี่ยม สามีเธอถึงได้ยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงหอมแก้มภรรยาฟอดใหญ่เป็นรางวัลที่พูดได้ถูกใจเสียเหลือเกิน
"ทีนี้ก็เหลือแต่ว่าทางคุณแทนจะทนรับการตัดสินใจของเพชรได้นานแค่ไหน เอาเถอะ โดนเสียมั่งก็ดี ถือว่ารับโทษที่ทำไว้ก็แล้วกัน"
รวิชาพูดอย่างปลงๆ กับเรื่องของเพื่อนสาว มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเอาชนะตัวเองได้ยังไงเท่านั้นจริงๆ ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับตัวเขาเองทั้งหมดแล้ว
ทริปพิเศษอย่างที่กุลธิดาตั้งใจจัดมาเพื่อให้พี่ชายกับว่าที่สะใภ้ได้ลงเอยกันด้วยดีกลับกลายเป็นการก่อความบาดหมางอย่างรุนแรงไปอย่างสมบูรณ์เมื่อพี่ชายเธอตั้งสติได้วิ่งตามคนที่เพิ่งกระชากหัวใจเขาออกมาจากสระน้ำกลับมาแล้วต้องพบว่าเธอได้เช็คเอาท์ออกไปแล้วอย่างรวดเร็ว พนักงานต้อนรับบอกแค่ว่าเธอรีบให้ทางรีสอร์ทจัดรถไปส่งที่สนามบินภูเก็ตโดยด่วน พร้อมทั้งให้ทางรีสอร์ทหาตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่เร็วที่สุดกลับกรุงเทพฯ โดยไม่สนใจว่าค่าตั๋วจะแพงระยับระดับไหน หรือจะใช้วิธีใดก็ตาม เธอจะทุ่มจ่ายทั้งหมด ข้าวของทั้งหมดในห้องพักเธอสั่งให้จัดส่งตามกลับไปทีหลังเพราะเธอจะไม่ยอมจะเสียแม้แต่เพียงนาทีในการเก็บสัมภาระลงกระเป๋า และนั่นก็แทบทำให้พี่ชายเธอแทบจะเรียกรถตามไปที่สนามบินแทบจะในทันทีที่ได้ยิน เพื่อที่จะพบว่าคืนนี้ไม่มีเที่ยวบินไปกรุงเทพอีกแล้วและไม่มีชื่อผู้โดยสารที่ชื่ออวิกาในเที่ยวบินของพรุ่งนี้ไม่ว่าจะเป็นไฟลท์ไหนก็ตาม
"แล้วพี่จะไปตามหาคุณเพชรเขาที่ไหนกันก้อย พี่จะทำยังไงดี" แทนธรรม์ถึงกับละเมอถามเอากับน้องสาวเมื่อพยายามโทรเข้าเครื่องอวิกาแล้วพบแต่สัญญาณที่บอกว่าผู้รับปิดเครื่อง ล๊อบบี้รีสอร์ทเป็นสถานที่ที่เขามีแรงเดินมาถึงได้ หลังจากที่รถของรีสอร์ทรับกลับมาส่งแต่เขาไม่มีจิตใจที่จะเดินต่อไปให้ถึงห้องพักแม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ไกลหรือไปลำบากแต่อย่างใด
ส่วนทางพลเองก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันหลังจากที่โดนสุภาตบหน้าเข้าฉาดใหญ่เพราะเขาเพิ่งจะมายอมเฉลยเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ปิดบังมาไว้ตลอด เรื่องที่เขาและเธอพบกันครั้งแรก เรื่องที่เขาและเธอได้มีสิ่งผูกพันกันไว้ในคืนนั้นโดยที่สุภาเองไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ เขาเป็นผู้ชายที่ฉวยโอกาสมาโดยตลอด แต่เขาก็อยากให้เป็นอย่างนั้นหากมันจะทำให้เธอติดอยู่กับเขาได้ เพราะความเห็นแก่ตัวของเขาแท้ๆ สุดท้ายจึงต้องเสียเธอไป
พลยังนึกถึงคำพูดสุดท้ายของสุภาก่อนที่เธอจะปิดประตูใส่หน้าเขาได้ดี
'ถ้าถึงพรุ่งนี้เช้าเมื่อไหร่ ฉันจะรีบออกไปทันทีและหวังว่าคงจะไม่ได้เจอหน้าคุณอีกต่อไป'
'คุณสุ อย่าใจร้ายกับผมสิครับ คุณก็รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงทำอย่างนั้น คุณก็รู้นี่ว่าผมรักคุณ'
'ยังจะอยากให้ฉันเชื่ออีกหรือไง ที่ผ่านมาฉันจะถือว่าฝันไปทั้งหมด คุณก็จงตื่นมาพบกับความจริงได้ ความจริงที่ฉันจะไม่มาอยู่ในชีวิตของคุณอีกต่อไป'
'คุณสุ...มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง ที่ผ่านมาทั้งหมดล่ะ คุณไม่ได้คิดแบบเดียวกับผมเลยหรืออย่างไรกัน'
เขาคิดเพียงแค่เรื่องราวที่ผ่านมาจะสามารถดึงเธอไว้ได้เท่านั้น
'ฉันแค่เคยคิด แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อมันจบไปแล้ว' เธอพยายามจะดึงประตูปิดแต่ก็ไม่สามารถทำได้เมื่อมือใหญ่แข็งแรงราวคีมเหล็กจับขอบประตูไว้แน่น
'แล้วผมจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีคุณ'
'อ้อ...ถ้าอย่างนั้นคุณรู้สึกยังไงล่ะตอนนี้ คิดยังไง อยู่ได้ไม่ได้มันไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกแล้ว เพราะฉันกับคุณไม่ได้มีอะไรติดค้างกันแล้วนี่ ใช่...มันไม่เคยมีอะไรมาตั้งแต่ต้น'
นิสัยเจ้าชู้เพลย์บอยของเขากำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองเข้าอย่างจัง ทุกอย่างมันเริ่มจากตรงนั้น และมันก็คงจะจบไปอย่างนั้น เขายอมเจ็บเพื่อไถ่โทษกับผู้หญิงหลายๆ คนที่เขาเคยคบเล่นๆ และปลีกตัวหนีจากมาอย่างไม่ไยดี แต่เพียงอย่างเดียวที่เขาขอโอกาสในตอนนี้คือการเห็นใจสักครั้งจากคนที่เขารักจริง
'ครั้งสุดท้ายที่ฉันจะขอ คุณจะสัญญาว่าจะให้ฉันได้ไหมคะ คุณพล'
'ครับ ได้ทุกอย่าง' เขาดีใจจนแทบโดดตอนที่เธอออกปากถาม คิดแต่เพียงว่าหากทำอะไรให้เธอได้บ้างเธอจะหันมาเห็นใจอภัยให้ความผิดครั้งนั้น
'ช่วยออกไปให้พ้นสายตาฉันในวันพรุ่งนี้ ฉันอยากกลับบ้านไปด้วยดีและไม่มีคุณอีกต่อไป ลาขาดค่ะ คุณพล'
แค่นั้นมันก็เพียงพอกับการทำร้ายจิตใจเขาได้อย่างทารุณ คนอย่างเขาจะหน้าด้านอ้อนวอนเธออยู่ได้อย่างไรทั้งที่รับคำทำเพื่อเธอได้ทุกอย่างไปแล้ว
และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของบุคคลที่มานั่งด้วยร่างไร้วิญญาณตรงล๊อบบี้นี้อีกคน
"ไอ้พล มะ มึงไปทำอะไรคุณสุไว้" แทนธรรม์เหลือบไปมองเพื่อนที่นั่งอมทุกข์อมโศกเป็นเพื่อนเขาอยู่ใกล้ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีไปกว่านั้นอีกแล้ว
"กู...หลอกเขาว่ะ"
"เออ รู้ว่าหลอก ก็เพราะไอ้หลอกนี่แหละถึงได้แห่มานั่งหมดสภาพกันอยู่นี่ กูถามว่ามึงไปหลอกเรื่องอะไรเขาไว้"
แทนธรรม์เริ่มมีสติเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยเมื่อได้ด่าเพื่อนให้คลายความวิตกจริตของตัวเอง
"กูหลอกเขาว่า เอ่อ เขามีอะไรกับกูแล้วว่ะ" คราวนี้พลขยับเข้ามาใกล้เพราะรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรหากใครจะมาได้ยินเรื่องนี้เข้า ต่อให้ความเป็นจริงแล้วสุภายังไม่ได้พลาดท่าเสียทีเขาไปก็ตาม ในตอนนี้เขาอยากจะปกป้องเธอด้วยเกียรติที่เหลืออยู่น้อยนิด แต่อาจติดลบในสายตาคนที่เขากำลังคิดถึงใบหน้าอยู่ก็ได้
"เฮ้ย! อะ อะไรของมึงวะไอ้พล"
นั่นเป็นเสียงไต่ระดับบ่งบอกอารมณ์หลุดสติอันแรกที่ดังขึ้นจากเขาหลังจากที่อวิกาหายตัวไป
"ก็ อันที่จริง กูเจอคุณสุครั้งแรกที่ผับ แล้วก็นะ อย่างว่า วันนั้นเธอมาคนเดียว กูก็กลัวคนสวยๆ จะเหงาก็เลยคุยไปนั่งคุยด้วย ทำไปทำมาเธอคุยเพลินกับกูจนดื่มมากเกินเมาพับ กูก็นึกว่าเหมือนกับ เอ่อ เคยๆ ก็เลยพาเธอไปที่ห้อง แล้วเธอก็หลับไป ก็เท่านั้น มึงก็รู้นี่หว่าว่ากูไม่ทำอะไรคนที่ไม่เต็มใจหรือไม่รู้ตัวน่ะ"
แทนธรรม์ทำหน้าเหมือนผีหลอก ผีบ้าเพื่อนตัวเองที่นั่งเล่าเรื่องเสมือนตัวเองไม่ผิดคนนี้แหละกำลังถอดร่างออกมาหลอกเขา
"แล้วทีนี้พอเช้าเขาตื่นขึ้นมาก็ตกใจร้องลั่น เห็นอาการก็รู้เลยว่ายัง... ยังไม่เคย ทีนี้ กูก็เลยโมเมไปซะ...เท่านั้นเอง" พลเล่าไปอึกอักไป ใช่ว่าเรื่องแบบนี้มันสมควรจะเล่าให้ใครฟังเสียเมื่อไหร่ พฤติกรรมอันชั่วร้ายภายใต้หน้ากากเพื่อนของนายแทนธรรม์ที่ไม่สนใจผู้หญิงหน้าไหนมันไม่ใช่สิ่งที่น่าเปิดเผย
"ไอ้..." อาการชี้หน้าด่าค้างของแทนธรรม์ทำให้รู้ได้ว่าเขาถึงขั้นเหลืออด ก่อนที่จะถอนใจเฮือกใหญ่พร้อมถามต่อ "มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่"
"ก็...นานแล้วล่ะ ก่อนที่มึงจะเจอคุณเพชรอีกมั้ง"
แทนธรรม์ส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะว่าอะไรต่อไปดี นี่ว่าเขามีเรื่องน่าปวดหัวแล้ว เพื่อนเขานี่ยิ่งทำเรื่องน่าปวดกบาลไปยิ่งกว่าอีก
"แล้วไง มึงติดต่อเขาไปอีกบ่อยๆ หรือไงถึงได้มาคบกันจนทะเลาะกันแตกหักทำคนอื่นเดือดร้อนตามไปด้วยเนี่ย"
พลทำท่าสะอึกเมื่อโดนตอกย้ำ
"จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ติดต่อไปอีกหรอก คุณสุเขาไม่ยอมให้เบอร์ให้อะไรทิ้งไว้เลย รู้แต่ชื่อสุ เป็นใครมาจากไหนไม่รู้ มึงรู้ไหมวะแทน..."
"รู้ เป็นอาจารย์ก้อยไง" แทนธรรม์สวนเพื่อนทันควัน
"ไม่ใช่ กูไม่ได้ถามมึงอย่างนั้น กูหมายถึง มึงรู้ไหมว่าตกหลุมรักมันเป็นยังไง ไม่น่าเชื่อใช่ไหมวะ เจอกันแค่นั้น แต่กูกลับฝันถึงหน้าตื่นๆ ตกใจตอนที่เขาตื่นมาเจอกูนอนข้างๆ นั่นทุกคืน กูนะ ต้องไปนั่งที่ผับนั่นประจำ เผื่อได้เจออีกครั้ง ตามไปบ่อยๆ จนเหมือนบ้า สุดท้ายก็ต้องขอบใจมึงมากที่ให้กูไปรับก้อยจนเจอเขาเข้าให้ อย่างกับสวรรค์ประทาน"
คนที่เป็นสวรรค์สำหรับเพื่อนกำลังนั่งนึกอะไรได้ มิน่าเล่าคราวนั้นมันถึงได้ระริกระรี้จะตามไปรับน้องสาวเขาให้ได้
"แล้วเขาก็เกิดเล่นด้วยกับมึง ว่างั้น"
"ง่ายๆ งั้นก็ดีน่ะสิ กูต้องลงทุนเสียความเป็นสุภาพบุรุษพยายามพูดอ้อมๆ ให้เขานึกถึงเรื่องคืนนั้นเพื่อที่จะได้แสดงความเป็นเจ้าของก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ เข้าไปจีบ...ทำไมทำหน้ารังเกียจกันอย่างนั้นวะ" พลหยุดพูดเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนตัวเอง
"หากกูตัดเพื่อนกับมึงตอนนี้จะทันไหม"
อันที่จริงไม่ต้องให้แทนธรรม์พูดออกมาเขาก็รู้ดีว่าเขาทำกิริยาน่าโดนด่าขนาดไหน แต่เมื่อมันเริ่มไปแล้วก็ดันกลับหลังไม่ได้ มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ และเมื่อเขาได้หัวใจของเธอมาแล้ว สิ่งที่คนรักกันเขาต้องการจะทำก็คืออยากแสดงความจริงใจ การเปิดเผยเรื่องที่ปิดบังไว้เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง เพียงแต่เขาไม่คิดว่าคุณสุของเขาจะใจแข็งได้ถึงขนาดนี้
"พี่สองคนคุยอะไรกันมุบมิบมาพักแล้ว ฝนได้ยินพี่แทนร้องเอะอะด้วย" ฝนเดินเข้ามาเอ่ยปากถามผู้ชายสองคนที่จู่ๆ ก็มาแอบคุยกันเบาๆ เหมือนกำลังวางแผนจะทำอะไรสักอย่าง ขนาดว่าเพิ่งจะเจอเรื่องร้ายๆ มาก็เพราะไอ้แผนนี่หล่ะ พวกเขายังสามารถรวมหัวกันวางแผนได้อีก
"เปล่า แค่ปรับทุกข์กันเท่านั้น" แทนธรรม์เป็นคนตอบ จริงๆ แล้วทุกข์ที่เขามีนั้นปรับเท่าไหร่ก็คงไม่จางหายไปได้ ตราบใดที่หัวใจเขาไม่รู้อยู่ส่วนไหนของโลกแล้ว
"ผมขอออกความเห็นได้ไหมครับคุณแทน" หนุ่มลูกครึ่งคนที่น่าจะโชคร้ายที่สุดเพราะถูกลากมาเอี่ยวในเหตุการณ์ยุ่งเหยิงนี้ด้วยโดยไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเดินเข้ามาแทรก
"ครับคุณรมย์ ถึงตอนนี้จะมีอะไรก็มาพูดได้ทั้งนั้นแหล่ะครับ" คนถูกถามตอบไปด้วยน้ำเสียงแบบคนหมดแรง
"จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรของคุณมาตั้งแต่ต้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนผิด แต่เรื่องที่ผมอยากจะบอกพวกคุณก็คือ ไม่เคยมีใครไม่เคยทำผิดนะครับ มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกต้องเสมอไปในโลกใบนี้ หากจะมีก็ให้ไอ้คนนั้นมันไปเป็นเทวดาเสีย อย่ามาเป็นคนให้เสียชาติเกิดกันเลย"
สามคนที่อยู่ตรงนั้นอ้าปากค้างมองชายหนุ่มผู้ที่เคยถูกค่อนในใจจากใครบางคนแถวนี้ว่าเป็นไอ้เทวดาพูดออกมาแบบมนุษย์เดินดิน ดินลูกรังเสียด้วย
"การที่คุณมานั่งคร่ำครวญจมอยู่กับความผิดมันไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมา มีแต่จะยิ่งทำให้แย่ลงไปอีก แล้วอีกอย่าง หากคุณเศร้าเพราะเอาแต่คิดเรื่องของตัวเอง ทำไมไม่ลองมองรอบๆ ตัวบ้างว่าอาจมีใครที่เขาจะเป็นยิ่งกว่าหากคุณอ่อนแออยู่อย่างนี้"
ปกติแล้วรมย์ไม่ใช่คนช่างพูดช่างคุยหรือนักโต้วาทีที่ไหน แต่วาทะของเขาในวันนี้อาจทำให้มีใครคิดได้ แทนธรรม์นึกถึงใครอีกคนที่น่าจะหดหู่ไม่น้อยไปกว่าเขาเลยแม้แต่น้อย น้องสาวของเขายังนั่งซึมอยู่ที่เดิมโดยไม่สนใจจะลุกมาเยี่ยมหน้าสรรหาคำค่อนแคะเขาเหมือนเคย เขาอยากจะเขกหัวตัวเองนักที่ปล่อยให้คนที่เคยคิดว่าเป็นคู่แข่งมาสอนสั่ง
"ก้อย..." เขาเดินเข้ามาหาน้องสาวที่ทางฝ่ายนั้นเงยหน้าโทรมๆ ขึ้นมอง สายตาเหมือนเด็กน้อยทำผิดนั่นก็ทำให้เขาเกิดความสงสารขึ้นมาจับใจ
"ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราก็หาทางแก้กันได้น่า พวกเราออกจะเก่งนี่นา ใช่ไหม" แทนธรรม์ลูบหัวน้องสาว
"แต่ก้อยเป็นต้นเหตุ" สาวน้อยยังคงทำหน้าเศร้า
"ใครบอก ไอ้พลนู่นต้นเหตุ ก้อยไม่ผิดสักหน่อย พี่กำลังจะบอกคุณเพชรเขาอยู่แล้ว มันน่ะ ทำอารมณ์ผิดเพี้ยนไปต่างหาก อีกอย่าง ถ้าก้อยไม่วางแผนตั้งแต่ต้นพี่อาจไม่มีโอกาสได้รู้จักคุณเพชรถึงขั้นนี้ก็ได้ จริงไหม"
คำพูดของพี่ชายทำให้กุลธิดารู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย อย่างน้อยเธอก็จะลดโทษของตัวเองลงได้ครึ่งหนึ่ง (อีกครึ่งไปลงที่ไอ้คุณพี่พลผู้สร้างเรื่อง)
"เนาะ แล้วเราจะหาทางแก้กันเนาะ" ก้อยยิ้มให้พี่ชายเพื่อปลอบใจทั้งตัวเองทั้งคนที่ถูกส่งยิ้มให้
ทั้งหมดเริ่มมีเรี่ยวแรงในการพาเอาตัวเองไปนอนพักเพื่อสร้างความฮึกเหิมในวันรุ่งขึ้น ในสภาพสมองบุบบี้อย่างนี้การนอนหลับน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว สองสาวพากันเดินกลับห้อง ในขณะที่สองหนุ่มผู้อาภัพพากันเดินโซซัดโซเซตามไปไม่ไกล แต่หนึ่งในสองสาวนั้นไม่รู้หรอกว่านอกจากสายตาห่วงใยอาทรของพี่ชายแล้วยังมีใครอีกคนที่เผื่อแผ่ความรู้สึกอย่างนั้นให้เธอด้วยเช่นกัน
สิ่งแรกที่แทนธรรม์ตัดสินใจจะทำเมื่อกลับมาถึงกรุงเทพเร็วกว่ากำหนดไปหนึ่งวัน (เพราะทริปล่ม คนเที่ยวป่วยทางใจกันหมด) คือการบุกบ้านท่านรัฐมนตรี คราวนี้เขาจะไม่ยอมทำกระโตกกระตากให้สิ่งล้ำค่าในใจเขาหนีหายไปแน่ เสือที่คอยซุ่มล่าเหยื่อต้องค่อยคืบคลานอย่างองอาจ พอเหยื่อเข้ามาใกล้ต้องอาศัยความฉับไวและไหวพริบในการตะปบให้อยู่หมัด ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเป็นเสือหรือลูกแมวน้อยมากกว่า
ความใจร้อนและร้อนใจของคนวัยหนุ่มทำเอาท่านรัฐมนตรีและภรรยาถึงกับทำหน้างงเมื่อมีหนุ่มหล่อแต่เริ่มเข้าโหมดโทรมด้วยหนวดเคราเขียวครึ้ม ใต้ตาเริ่มคล้ำเป็นดวงมาเยี่ยมเยียนถึงบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ นัยว่าเพิ่งกลับเข้าบ้านจากตักบาตรพระบิณฑบาตไปหยกๆ คนที่ห่างไกลความเป็นพระก็ตามเข้ามาเสียแล้ว
"สวัสดีครับ ผมมาหาคุณเพชรครับ"
ท่านรัฐมนตรีรีบรับไหว้ชายหนุ่มที่ค้อมตัวลงทำความเคารพนบนอบค่าที่ตกใจในความสุภาพเรียบร้อยผิดปกติของเขา
"เพชรไม่อยู่หรอก อ้าว ก็นึกว่าจะรู้ เพิ่งไปเที่ยวกันมาไม่ใช่เหรอไง"
"อ่า ผม ไม่ทราบจริงๆ ครับ แล้วคุณเพชรเขาไปไหนหรือครับ"
แทนธรรม์ยังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าบ้านในตอนที่ถามออกมาอย่างเกรงใจ ก็เห็นว่าทั้งท่านรัฐมนตรีและภรรยานั้นกำลังแสดงอาการมึนงงกับการปรากฏตัวของเขาอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเขาจะต้องเสียเครดิตความเป็นคนมีสัมมาคารวะรู้จักเกรงใจผู้อื่นในวันนี้เขาก็ต้องยอมละ อย่างไรเรื่องแรกคือเขาต้องไปตามหัวใจของเขากลับมาก่อน
"ป่านนี้ขึ้นเครื่องไปแล้วมั้ง เห็นว่าไฟลท์แปดโมงเช้านะ" คุณนิลประดับช่วยบอกให้เขาได้ทำหน้าซีดก่อนก่อนท่านรัฐมนตรีที่อ้าปากไม่ทัน
"ขึ้นเครื่อง! คุณเพชรจะไปไหน ไปได้ยังไงกัน" การทำเป็นโง่ถามคำถามงี่เง่ามักเป็นสิ่งที่ไม่เกินความคาดหมายนักสำหรับพระเอกนิยายไทยในเวลาอย่างนี้
"ทำไมจะไปไม่ได้เล่า ก็มันไปแล้วเนี่ย" ท่านรัฐมนตรีเกาหัวแกรกตอบชายหนุ่มไปอย่างไม่เข้าใจอาการ
"งั้น งั้น ผมลานะครับ จะรีบไปตามคุณเพชร"
ว่าแล้วเขาก็ยกมือไหว้อย่างรวดเร็วก่อนจะรีบหมุนตัวโดดขึ้นรถยุโรปคันโตที่มีคนขับพร้อมสรรพ นัยว่าคนเป็นแม่ไม่ยอมให้ลูกชายขับรถเพราะเกรงว่าอาการเซื่องซึมจากการอดนอนของเขาจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่รถคันนั้นจะกระชากตัวออกไปอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของคนที่เป็นนาย
เมอร์ซีเดสสีดำพุ่งเข้ามาจ่อหัวกับขอบฟุตบาทอาคารผู้โดยสารได้ยังไม่ทันหยุดนิ่ง ประตูหลังก็ถูกเปิดผลัวะพร้อมคนที่อยู่ในนั้นโจนออกมาอย่างรีบร้อน ชายหนุ่มหน้าตาดีจัดร้อนรนพรวดพราดเดินเข้าไปยืนอยู่หน้าไฟลท์บอร์ดเพื่อกวาดสายตามองหาทุกเที่ยวบินที่ออกแปดโมง
"แปดโมงๆๆ โอย...อีกแค่ยี่สิบนาที ปัดโธ่เว้ย ไฟลท์ๆๆๆ ไหนว้า โอ้ย ไปไหนก็ไม่รู้..."
อาการงึมงำพูดคนเดียวในเช้าวันอาทิตย์ที่คนในสนามบินสุวรรณภูมิยังไม่แน่นหนามากนักก็สามารถทำเอาแทนธรรม์เป็นจุดสนใจได้ไม่น้อย จากรูปร่างหน้าตาที่ดูดีบาดใจสาวทุกชาติทุกวัยเสียแต่ว่าเขาไม่มีสายตาไว้มองใครอีกต่อไปแล้ว
แทนธรรม์ตัดสินใจเดินเร็วๆ ตะลุยเข้าไปยังทุกๆ ช่องเช็คอินที่ระบุไว้สำหรับเที่ยวบินแปดโมงเช้าทุกช่องเพื่อมองหารูปร่างคนที่คุ้นตาและติดอยู่ในใจเขามาตลอดระยะเวลาหลังๆ มานี้โดยไม่สนใจสายตาใครจะมองแบบประหลาดๆ ก็ตาม
"ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าจะเช็คอินไฟลท์ไหนหรือครับ"
เจ้าหน้าที่สนามบินคนหนึ่งคงเห็นท่าไม่ค่อยดีหากจะมีใครมาวิ่งพล่านให้หวาดระแวงอย่างนี้เลยตรงเข้ามาทักทายด้วยความสุภาพพร้อมยิ้มสยาม
"ไฟลท์ไหนก็ไม่รู้ครับ วิ่งตามหาจนหอบจะขึ้นอยู่แล้ว"
"ขอดูตั๋วหน่อยสิครับ ผมช่วยดูให้"
"ตั๋วก็ต้องอยู่ที่คนจะไปสิครับ จะมาอยู่ที่ผมได้ยังไง"
คนที่ทำท่าคล้ายจะกลายเป็นหัวรถจักรเถียงกลับแบบรำคาญๆ และนั่นก็ทำให้คนถามอึ้งไปอีกนิด
"สรุปว่าคุณไม่ใช่ผู้โดยสารหรอกหรือครับ"
"อ้า...ไม่ใช่ครับ แต่..." แทนธรรม์เกิดฉุกใจคิดอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน ในเมื่อมีเจ้าหน้าที่ที่แสนดีมายื่นมือให้ความช่วยเหลืออย่างนี้แล้ว จะให้เขาปฏิเสธไปก็กระไรอยู่
"แต่มีคนหนึ่งที่กำลังจะไป เขาลืมของสำคัญมากทิ้งไว้น่ะครับ เอ้อ ถ้าไม่รบกวนเกินไป ยังไงช่วยหาทางประกาศให้เธอรีบมารับของนี้ก่อนได้ไหมครับ"
เจ้าหน้าที่สนามบินหนุ่มคนที่ว่าหรี่ตามองชายหนุ่มที่เปลี่ยนทีท่าเป็นการขอร้อง และการขอร้องด้วยสายตาวิงวอนอย่างนั้นมันก็ใช้ได้ผลเสียด้วย ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายที่กำลังจะเกิดอาการบางอย่างหลุดตรงนี้เพราะเสน่ห์หนุ่มที่มีของแทนธรรม์
"นะครับ" เขายิงกระสุนซ้ำอีกนัดเมื่อเห็นท่าลังเลของเจ้าหน้าที่ผู้โชคดีคนนั้น
"แหม ก็ได้ๆ ช่วยก็ช่วย จะให้ประกาศว่าอะไรล่ะ" นั่น ชัดเลย
แล้วเขาก็รีบไปขอกระดาษโน๊ตและปากกาจากพนักงานสาวตรงเคาท์เตอร์เช็คอินเพื่อมาเขียนข้อความตามที่จะให้ประกาศแล้วส่งให้กับเจ้าหน้าที่คนนั้น พอเขารับไปอ่านก็อ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มกริ่มแล้วรีบไปทำตามที่ร้องขอด้วยความเต็มใจยิ่ง
สาวสวยรูปร่างอรชรแต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพแห่งโปรตีนคับอกนั่งอ่านนิยายแปลที่ขึ้นชื่อปกหราประมาณว่าอะไรนายๆ ร้ายๆ ยัยๆ ทำนองนั้นอยู่พร้อมแก้วคาปูชิโนที่พร่องไปกว่าครึ่งในร้านกาแฟหอมกรุ่นของอาคารผู้โดยสารขาออก เธอยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปไหนเมื่อสักไม่กี่นาทีมานี้มีประกาศว่าไฟลท์ที่เธอจะขึ้นดีเลย์ไปไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง หาหนังสือแหววๆ อ่านสักเล่มในเวลาที่จิตใจขมสนิทอย่างนี้คงดีไม่น้อยแล้วสำหรับอวิกา
"ฮี-จอน โผเข้าหา จอง-อึน-โย พร้อมน้ำตาแห่งความปิตินองหน้าท่ามกลางสายตาทุกคนในสนามบิน ชายหนุ่มสามารถรั้งตัวคนรักเขาไว้ได้ในตอนที่เธอเกือบจะจากเขาไปไกลแสนไกล... อิธ่อ นิยายเอ๊ย..."
อวิกาอ่านพึมพำอยู่เบาๆ แถมสบประมาทตัวละครอย่างสะใจตัวเอง ชีวิตจริงที่ไหนมันจะโรแมนติกหอมหวานอย่างในนิยายบ้าง ไหนจะเรื่องของเธอล่ะ ไม่เห็นมันจะออกมาดีแฮปปี้เหมือนนิยายสักนิด
ถึงจะแอบค่อนขอดอยู่ทั้งในใจและออกนอกใจมาเป็นเสียงบ่นเบาๆ แต่เธอก็ยังเปิดอ่านหน้าต่อไปด้วยยังลุ้นเงื่อนอันโตของเรื่องว่าพี่ อึน-โย กับน้อง ฮี-จอน นี่เขาเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันหรือเปล่า
แต่แล้วเธอก็ต้องขมวดคิ้วพร้อมชะงักแก้วกาแฟในมือที่กำลังจะชนปากเมื่อได้ยินชื่อและนามสกุลตัวเองชัดเจนผ่านลำโพงทุกตัวในสนามบินแห่งนี้
"ท่านผู้โดยสารที่ชื่อคุณอวิกา...โปรดทราบ คุณอวิกา...โปรดทราบ..."
เธอวางแก้วลงกับโต๊ะเบาๆ เมื่อมั่นใจว่าหูตัวเองไม่ฝาดไปแน่ๆ นั่นน่ะมันหมายถึงเธอชัดๆ
"กรุณามาที่ส่วนตรวจเอกสารเดินทางด่วน ท่านได้ลืมหัวใจอีกครึ่งหนึ่งของตัวเองไว้ กรุณามารับด่วน..."
แกร๊ง!
เสียงแก้วคาปูชิโนคว่ำดังขึ้นมารับเสียงประกาศในทันทีที่มันจบลง อาการชักกระตุกนั่นก็ไม่ได้เกิดมาด้วยโรคทางกรรมพันธุ์แต่อย่างใด แต่ไอ้หัวใจที่ว่าลืมไว้ต่างหากนั่นที่เป็นสาเหตุ แค่นั้นยังไม่พอ ข้อความทั้งหมดนั่นยังถูกกล่าวซ้ำอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนแจ่มแจ๋วให้ได้ฮือฮากันไปทั่วทั้งหัวดำหัวแดง
คนที่เหลือครึ่งใจแบบภาคบังคับรีบลุกขึ้นสะพายกระเป๋าขึ้นบ่าพร้อมลากกระเป่าเดินทางใบเล็กอีกใบเดินเร็วๆ ออกไปยังจุดที่ว่านั่น ไม่ใช่ไม่รู้ว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการประกาศมารับของอะไรพิลึกพิลั่นอย่างนั้น ก็ให้มันรู้กันไปว่าใครหนากว่ากัน
ภาพหญิงสาวแสนสวยที่แทนธรรม์มองเห็นแล้วใจกระตุกกำลังเดินสโลว์โมชั่นเข้ามาช้าๆ ใบหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มหวานเจี๊ยบ อีกนิดเธอคงโผเข้าหาเขาและกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันนัวอย่างในฉากจบหนังรักทั่วๆ ไป เพียงแค่กำลังนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ก้อนเนื้อในอกเขาก็เต้นแรง เลือดสูบฉีดอย่างรวดเร็ว มือไม้ก็เย็นเฉียบไปหมด ในหัวขาวโพลน อีดนิดเดียวเขาคงจะหัวใจวายไปกับจินตนาการบรรเจิดนี้แล้วเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
"เป็นบ้าอะไรของคุณ หา!"
แต่บังเอิญว่าตัวจริงเสียงจริงนั้นปรี่เข้ามาราวพายุบุแคมพร้อมเท้าสะเอวหาเรื่องด้วยน้ำเสียงเขียวปั๊ดสาดมาอย่างไม่สนใจไว้หน้าหนุ่มหล่อที่เริ่มจะเกิดอาการหงอขึ้นมาอีกแล้ว
"ผม...แค่ไม่อยากให้คุณไป คุณจะหนีผมไปจริงๆ หรือครับ" เขากำลังง้อ ทั้งง้อและหงอในเวลาเดียวกัน
"ฉันไม่ได้หนีใคร แต่ฉันต้องการที่จะไป ไม่ว่าใครก็ห้ามฉันไม่ได้ทั้งนั้น" คำประกาศิตที่ออกจากปากเรียวสวยเคลือบสีส้มแวววาวนั่นมันบาดเข้าขั้วหัวใจแทนธรรม์เต็มๆ
"อย่าไปเลย ผมขอโทษ เหตุผลทั้งหมดมันก็มีชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเพียงแต่คุณจะยอมรับฟัง"
"ไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะฟัง ในเมื่อฉันตัดสินใจทุกอย่างไปแล้ว มันจบแล้วค่ะคุณแทนธรรม์"
แม้แต่ชื่อเรียก แม้แต่กิริยาอาการที่เคยอ่อนหวานสนิทสนมก็เปลี่ยนไปหมด กลายเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน
"จบไม่ได้ ผมไม่ให้จบ!" เข้าตาจนเขาก็ดื้อเป็นเหมือนกัน
"แต่ฉันจะจบ คุณก็อยู่ส่วนคุณไป ฉันก็จะไปตามทางของฉัน เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ชัดมั๊ย"
ชัด ชัดจนคนแถวๆ นั้นที่เริ่มทยอยมาดู 'หัวใจ' ที่คุณอวิกาลืมเอาไว้นั้นมันมีหน้าตายังไงได้ยินกันถ้วนทั่ว
"ไม่ คุณพูดอะไรผมไม่ได้ยินสักอย่าง ผมรู้แต่ว่าวันนี้ผมต้องทำให้คุณยกโทษให้ผมให้ได้เท่านั้น เรื่องอะไรผมจะปล่อยคุณไปเล่า ผม...ไม่อยากให้คุณไป"
อวิกาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหมือนพยายามข่มสติอารมณ์ให้คงที่เพื่อถามคำถามด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำลงอย่างจงใจ
"เพื่ออะไร? เพราะอะไร?"
"เพื่อคุณ และเพราะคุณ ทั้งหมดนั่นเลย เพราะคุณคือคำตอบ รู้ไหม... คุณคือคำตอบของทุกอย่างนะ คุณเพชร" การพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงแถมหน้าด้านไม่อายใครที่เริ่มจับทางได้ว่าเกิดการงอนง้อขึ้นในสนามบินนั้นทำให้อวิกาเม้มปากแน่น พูดต่อไม่ออกขึ้นมาเฉยๆ
"ถ้าคุณจะถามต่อ ว่าผมหลอกคุณทำไม นั่นก็เพราะผมอยากเข้าใกล้คุณ มากกว่าที่ใครจะเคยได้ใกล้ มากกว่าที่ใครจะเคยได้สัมผัส ผมยอมที่จะเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ยอมที่จะถูกคุณมองอย่างนั้นและกลายเป็นผู้ชายงี่เง่าน่ารังเกียจที่ใช้มารยาทุกอย่างล่อหลอกให้คุณมาหลงให้ได้ ผมกลายเป็นคนโง่ที่ทำตามแผนของน้องตัวเองไปโดยไม่รู้จักคิด นั่นก็เพราะเพียงความรู้สึกเดียวเท่านั้น คุณเพชร คุณยังอยากรู้อีกไหมว่าความรู้สึกนั้นมันคืออะไร จะให้ผมบอกอีกกี่ครั้งก็ได้ ว่าผม..."
"ไม่ต้อง" เธอเป็นคนแทรกตัดบทของชายผู้น่าสงสารได้ใจแม่ยกและพ่อยกที่ลุ้นตัวโก่งกันอยู่ใกล้ๆ หนึ่งในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่คนที่เป็นตัวนำสารข้อความประกาศ
"คำพูดที่ออกมาจากปากคนโกหก ฮึ ฉันไม่อยากฟัง คุณมาฟังฉันบ้างดีกว่า ฉันน่ะ เป็นพวกอวดดี หยิ่งยโส คิดว่าตัวเองมีดีจนเชิดใส่ผู้ชายทั้งหมด แต่พอมาเจอคนที่มีเสน่ห์ร้ายกาจ เพียบพร้อมไปเสียหมดทุกอย่างแบบคุณเข้าก็เลยเผลอใจไปนิดหน่อยเท่านั้น อีกอย่างนะ ฉันเป็นพวกชอบเอาชนะ เห็นคุณไม่สนผู้หญิง นั่นคือฉันยิ่งต้องชิงคุณมาให้ได้ แล้วยังไง ตอนนี้ฉันก็ได้ใจคุณมาแล้ว เท่านั้น ก็ไม่เห็นจะวิเศษวิโสตรงไหน"
แทนธรรม์ไม่รู้ตัวหรอกว่าขณะนี้เขาได้ทำสีหน้าอย่างไรกับการพูดพร้อมหน้าเชิดๆ อย่างไม่ยี่หระอะไรของผู้หญิงตรงหน้า แต่ถ้าจะมีใครบอกแทนได้ อาการนั้นเรียกได้ว่า 'ปางตาย' ทีเดียว
"หลังจากที่ฉันโมโหคุณไปแล้วกลับมานอนคิดอีกที ฉันว่า...ฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าคุณสักเท่าไหร่ ไอ้เรื่องจะให้ไปหลงรักชายไม่แท้อย่างคุณนั่นมันก็เกินไป ใครจะไปทำได้ลง สรุปว่าฉันก็ไร้ความจริงใจเหมือนกัน เพราะงั้น ก็เจ๊ากันไป ฉันอภัยให้คุณทั้งหมดก็แล้วกัน" เธอยักไหล่แสดงอาการประกอบคำพูด
"มัน หมายความว่า..." บางทีเขาอาจจะกลายเป็นคนสติเสื่อมถอยไปแล้วก็ได้ในเวลานี้ เทียบกับปากที่ขยับได้ไม่เท่าที่ใจคิด
"มันก็หมายความว่าเราควรจะเลิกแล้วต่อกัน คุณอยู่ส่วนคุณ ฉันอยู่ส่วนฉัน แล้วก็ไม่ต้องมาพบเจอกันอีก หวังว่าแค่นี้คุณคงจะเข้าใจและคิดเองได้นะคะคุณแทนธรรม์"
คราวนี้เธอยิ้ม ยิ้มสวยที่กัดกร่อนใจเขาได้อย่างแสบสันต์ และมันก็ทำให้เขาไม่สามารถหาคำพูดอะไรมาอธิบายทุกสิ่งที่อยู่ในใจให้กับเธอฟังได้ในตอนนี้ ในหัวของเขามันอื้ออึงไปหมด รู้สึกเหมือนโดนตีหัวแรงๆ พร้อมกระทืบซ้ำอีกหลายครั้งจนมึนชา
"เอาล่ะ เมื่อเข้าใจแล้วฉันก็ขอตัวไปขึ้นเครื่องสักที" เธอหมุนตัวกลับเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดแล้วหันหลังกลับมาพูดประโยคสุดท้ายให้กับผู้ชายที่กำลังจะจิตหลุดลอยไป
"อ้อ ลืมบอกไป ของที่จะเอามาให้น่ะ ไม่ต้องหรอกนะ เพราะว่ามันอยู่กับฉันครบทั้งดวงมาตลอด ไม่เคยได้ฝากอะไรคุณไว้เลย ขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้เสียเวลา"
หญิงสาวพร้อมสายตาว่างเปล่ากำลังเดินห่างเขาออกไปทุกที ทุกที เสียงของเธอยังคงดังสะท้อนก้องอยู่ในหัวกลับไปมาเพื่อตอกย้ำให้เขารู้ตัวว่าทั้งหมดที่ผ่านมามันเป็นเรื่องโกหก ความรู้สึกอ่อนหวานวาบไหวทั้งหมดที่ผ่านมานั้นมันเป็นเพียงสิ่งลวงตา เสียงของเธอที่เคยบอกความรู้สึกแก่เขา มันเป็นเพียงลมปากที่ผ่านมาแล้วผ่านไปไม่ได้มีความสำคัญอะไรทั้งสิ้น นี่มันจบลงแล้วจริงๆ ใช่ไหม
รักที่เขามีให้กับเธอมันคงจะหลุดลอยไปแล้วจริงๆ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดมันกำลังจบลง พังลงไปด้วยการกระทำของตัวเองทั้งหมด เกมที่เขาโดดลงไปเล่นอย่างเต็มตัวมันกลับมารุกฆาตตัวเขาเองอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อทุกอย่างไม่เป็นตามที่คาดไว้
เพราะตัวเขาเองทั้งหมดที่ทำให้รักของตัวเองพังทลายลงไป...สิ่งที่เลอค่าที่สุดในจิตใจ กำลังจะเลือนหายไปช้าๆ...
หากในวันนั้นใครได้ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิก็คงจะได้เห็นภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนก้มหน้านิ่งพร้อมหัวใจที่แตกสลายท่ามกลางผู้คนมากมายที่เริ่มหมดความสนใจในตัวเขา ถึงแม้เขาจะยืนอยู่อย่างนั้นนานแสนนานแค่ไหน มันก็จะไม่มีใครหวนกลับมาพร้อมคำหวานหูอีกต่อไป มันจะเป็นเพียงภาพหนึ่งในวันธรรมดาของสายตาของคนที่ผ่านไปผ่านมาเพื่อที่จะลืมมันไป แต่มันจะเป็นภาพที่ฝังอยู่ในจิตใจของชายหนุ่มไป...ตลอดกาล
**************************************************************
<<BestChild: อุ้ยๆ ยังไม่จบสักหน่อยนะคะ>> ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"คุณ คุณแทน เป็นอะไรมากไหมเนี่ย"
น้ำเสียงหวานหูที่คุ้นเคยดังเข้ามาแทรกโสตประสาทของชายหนุ่มพร้อมกลิ่นแอมโมเนียฉุนกึกแทนที่จะเป็นกลิ่นแป้งหอมเย็นอย่างที่เคยเคลิบเคลิ้มเป็นประจำ แทนธรรม์ลืมตาลุกพรวดขึ้นมาทันทีที่เริ่มสำนึกตัวได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร และการทำอย่างนั้นก็หวิดทำให้เขาหน้ามืดร่วงลงกับเตียงในห้องพยาบาลนี้ไปอีกหน
"คุณเพชร! ตัวจริงใช่ไหม คุณจริงๆ นะ" เขาคว้ามือนุ่มๆ ที่ถือสำลีชุบแอมโมเนียนั้นขึ้นมาจับไว้แน่นเหมือนกลัวมันจะหายไป
"อ่า ค่ะ เพชรตัวจริงค่ะ" คนถูกคว้ามือทำหน้าไม่ถูกเมื่อคนที่แจ้งประกาศตามหาหัวใจเห็นหน้าเธอแล้วเป็นลมล้มพับหมดสติไปนั้นฟื้นขึ้นมาพร้อมสีหน้าแสนยินดีปรีดาขนาดนั้น หรือเธอจะเล่นแรงเกินไปจริงๆ
"ตกลงว่าคุณยังไม่ได้ไปใช่ไหม คุณไม่ได้แค่เอาชนะผม คุณไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งผมไปอย่างที่บอกใช่ไหมครับ คุณเพชร" อาการของแทนธรรม์มีทีท่าว่าจะแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อเขายังเพ้อเจ้อเรื่องที่เธอไม่รู้ไม่เห็นด้วยเลยสักนิด
"บางที เลือดอาจจะยังไปเลี้ยงสมองคุณแทนธรรม์ไม่พอเลยออกจะเพ้อๆ ไปสักหน่อยน่ะค่ะ" เจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลของสนามบินคนหนึ่งพูดอออกมาขำๆ เมื่ออวิกาหันมาสบตาขอความช่วยเหลือเพราะไม่แน่ใจว่าคนหน้าหล่อๆ ที่เริ่มออกอาการเอ๋อและเพี้ยนไปนี้จะมีปัญหาทางสมองหรือเปล่า
"คุณแทนคะ เพชรไม่แน่ใจว่าระหว่างที่คุณหมดสติไปนี่คุณไปฝันเห็นอะไรเข้า แต่เพื่อจะทำให้คุณหายสับสนนะคะ คือ ตอนที่เพชรเดินออกมาหาคุณน่ะ คุณยืนยิ้มๆ อยู่ดีๆ ก็หน้าซีดร่วงลงไปกองกับพื้นเสียอย่างนั้น คนเขาเอะอะโวยวายกันใหญ่ เพชรเองก็ตกใจนึกว่าคุณเป็นอะไรไปเสียแล้ว"
คนหมดมาดเป็นครั้งที่ร้อยสิบสองในรอบปีอ้าปากเหวอ นี่เขาหลุดฟอร์มได้น่าทุเรศขนาดนั้นต่อหน้าธารกำนัลเลยหรือไง แต่อย่างน้อย อวิกาก็ยังมานั่งต่อหน้าเขาตอนนี้ ที่นี่ ในความเป็นจริง เขาแทบโดดด้วยความโล่งใจที่ได้รู้ว่าไอ้ที่โดนสลัดรักไร้เยื่อใยที่ผ่านมานั่นเป็นแค่ฝัน
"แล้ว เที่ยวบินของคุณ..."
"มันออกไปเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะคุณนั่นแหล่ะ ทำเพชรตกเครื่อง" หญิงสาวต่อว่าด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังนัก นั่นก็ทำให้เขาใจมาเป็นกอง กองโตด้วย
"คุณเพชร ผมตั้งใจมาขอโทษ ให้คุณให้อภัยผม เรื่องที่โกหกคุณมาตลอด เพียงเพราะผมอยากได้ใกล้ชิดคุณมากกว่าใครๆ เท่านั้นผมถึงได้แกล้งโมเมเป็นเกย์ไป ไม่ได้เจตนาจะเล่นสนุกอะไรเลย ทั้งหมดเป็นเพราะผมอยากเข้าถึงตัวของคุณ เข้าถึงใจของคุณ เท่านั้นจริงๆ"
เขาพูดเร็วแทบไม่เว้นช่วงให้ใครแทรกอะไรได้ ภาพในฝันมันบอกว่าเขาต้องรีบทำทุกอย่างให้เคลียร์โดยไว เรื่องอะไรจะให้ตัวเองจบไปอย่างนั้น เรื่องนี้เขาเป็นพระเอกมันก็ต้องจบสวยสิ!
"เพชรรู้ค่ะ"
"ใช่ คุณรู้ แต่นั่นมันก็เป็นเพราะ...เอ๊ะ!" เขาหยุดพล่ามทันที่ที่เอะใจว่าตัวเองได้ยินอะไรกันแน่
"คุณรู้? หมายความว่า..."
"มันก็หมายความว่าเพชรรู้แล้วว่าคุณทำไปเพราะอะไร ไม่ต้องอธิบายให้เหนื่อยหรอกค่ะ เพชรรู้ตั้งแต่ก่อนคุณปล่อยให้ยัยสุมันมาหลุดปากบอกอีก" อวิกาพูดเรื่อยๆ พลางดึงมือตัวเองออกจากมือที่ยังเย็นเฉียบของเขาเพื่อโยนก้อนสำลีทิ้งลงถังรองรับเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเหลือเกินกับสิ่งที่เธอเพิ่งบอกให้ไอ้หนุ่มใจเสาะนี่รับรู้ แต่สำหรับเขา นี่มันเป็นความรู้ใหม่ที่กระชากใจกันอย่างแรง แถมคนกระชากยังทำหน้าระรื่นอมยิ้มพร้อมเอื้อมมือมาลูบคางสากๆ ที่เริ่มมีไรหนวดขึ้นเขียวครึ้มเพราะขาดการดูแลมาถึงสองวัน
"แหม คุณแทนนี่น่ารักจริงๆ นี่คิดมากเรื่องเพชรจนโทรมขนาดนี้ แถมยังมาใจเสาะเป็นลมเป็นแล้งต่อหน้าผู้คนตั้งมากมาย ทีแรกว่าจะแกล้งคุณให้มากกว่านี้อีกหน่อย แต่คุณเล่นมาเป็นลมอ่อยกันอย่างนี้ เพชรเลยใจอ่อนทำเมินต่อไม่ลงจริงๆ"
"คุณเพชร ผมไม่เข้าใจ" คนที่เพิ่งได้สติกลับเหมือนเสียสติไปอีกรอบเมื่อเจอหมัดผ่านนวมเบาะๆ เขานั่งนิ่งให้อวิกาถูคางเขาเล่นด้วยความมันมือก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นฝ่ายจับมือทั้งสองของเขามากุมไว้เสียเอง
"คุณแทนจำได้ไหมคะ ตอนที่เพชรเจอลูกชุบหลังจากที่คุณทำแผลเสร็จที่ทะเลโน่นน่ะ เพชรก็ไปเดินเล่นคุยกันกับเพื่อนเพชรใช่ไหม ทีนี้ ตอนเพชรกลับมาก็ไม่ทันมีใครสังเกตเห็นเพชรกันสักคน เอาแต่รวมหัวกันตรงหน้าล๊อบบี้คุยอะไรกันงุบงิบ เพชรเลยแอบย่องไปฟัง แหม ก็เล่นคุยกันดังอย่างนั้น คุณจำได้รึเปล่าล่ะว่าพวกคุณคุยอะไรกันน่ะ"
แทนธรรม์นึกตามลายแทงที่อวิกาพูดมา วันนั้นหลังกลับจากสถานพยาบาลของหาดที่พังงา เขาก็ปล่อยเธอไปกับเพื่อนที่มาเจอกันโดยบังเอิญ ส่วนตัวเองก็ไปสุมหัวขบคิดกับสมุนตัวเองต่อว่าจะง้อเธอยังไงพร้อมพิชิตใจให้ได้ในเวลาสามวันสองคืนที่อยู่ที่นี่ และก็ยังจำได้ว่าในรายละเอียดมันรวมไปถึงเรื่องที่ว่าจะมาบอกความจริงกับเธอยังไงด้วยสิ
โธ่เอ๋ย ไอ้แทนเอ๊ย... โดนเข้าแล้วไหมเล่า
"เพชรก็เลยรู้ความจริงกระจ่างหมด ทีแรกเพชรก็ฉุนนะว่ามาหลอกกันได้ยังไง แต่พอซุ่มฟังๆ ต่อไปก็รู้สึกว่าเหตุผลมันน่าจะยอมรับได้ แทนที่จะโมโห เลยกลายเป็นดีใจว่าสุดท้ายคุณก็ไม่ได้เป็นเกย์"
ขากรรไกรล่างของแทนธรรม์คงฝืดสนิท มันถึงได้ขยับลงอีกนิดและยังค้างเอาไว้อยู่เมื่ออวิกาพูดต่อพร้อมการบีบมือเขาเล่นเบาๆ อย่างเอาใจ
"แต่ครั้นจะปล่อยเลยตามเลยไปง่ายๆ มันก็ยังไงอยู่ หนอย มีอย่างที่ไหน หลอกกันได้เป็นกิจจะลักษณะขนาดนั้น เป็นพวกเดียวกันไปหมด ทั้งคุณ ทั้งเพื่อนคุณ น้องก้อย น้องฝน ยัยสุ ยัยเพื่อนฉันมันก็เอาด้วย ปล่อยให้ฉันนั่งกลุ้มอยู่เป็นเดือนๆ ที่ไปหลงรักเกย์เข้าให้ ร้ายมากๆ นะพวกคุณน่ะ"
เขากำลังอึ้ง ทึ่ง แต่ไม่เสียวกับเรื่องที่ได้รับรู้สดๆ ไม่คาดคิดว่ายังมีสิ่งที่อยู่เหนือจินตนาการของน้องสาวตัวเองอยู่อีกคน
"เพชรกะว่ารอคุณมาหว่านล้อมสารภาพความจริงก่อน จากนั้นค่อยทำกระฟัดกระเฟียดโมโหวีนให้วงแตกตามๆ กันไปสักพักค่อยออกมาทำเป็นว่าอภัยให้ ระหว่างนั้นเพชรก็แสดงละครอะไรนิดๆ หน่อยๆ ของกล้วยๆ"
ดูท่าว่ากล้วยของอวิกากำลังจะถูกปอกในไม่ช้านี้แล้ว
"ตอนคุณพูดเรื่อยเปื่อยไปถึงขวดไวน์อะไรนั่นเพชรก็เริ่มรู้แล้วว่าคุณกำลังพยายาม ยัยสุดันมาทำเสียเรื่องคุณก่อน ไม่รู้มันทะเลาะอะไรกับคุณพล หึ คู่ขาอุปโลกน์ของคุณน่ะ หลุดปากบอกออกมาเสียได้ เพชรเลยอาศัยช่วงชุลมุนเล่นต่อ แหม ไม่คิดว่ามันจะได้ผลชะงัดขนาดนั้น หลอกกันดีนัก ขอแก้คืนหน่อยเถอะ แต่บอกตรงๆ เพชรก็สงสารก้อยนะ ร้องไห้ซะขนาดนั้น เดี๋ยวค่อยกลับไปโอ๋ละกัน น้องของเรานี่เนอะ คุณแทน"
คนถูกเรียกกำลังนั่งปรับสภาพจิตใจให้คงที่ในอุณหภูมิร่างกายและระดับการเต้นหัวใจให้เป็นปกติ การถูกดัดหลังอย่างจังนั่นเล่นเอาเขาเกือบเสียผู้เสียคน ปล่อยตัวให้โทรมจนร่างกายอ่อนแอเป็นลมล้มไปเพียงแค่ได้เห็นหน้าเธอเท่านั้น แต่อย่างน้อย เธอก็ทำให้รู้ว่าเขาเห็นเธอเป็นสิ่งล้ำค่าขนาดไหน
"คุณนี่น้า แสดงได้เนียนจนผมใจหายวาบ นึกว่าคุณโกรธผมมากจริงๆ เสียอีก ที่ข้างสระน้ำนั่นน่ะ"
"โธ่ คุณแทน คนที่เขาโกรธกันขั้นนั้นมีใครเขาทำอย่างนั้นกันบ้าง โกรธกันประสาอะไรคว้าคอมาจูบ"
แทนธรรม์อึ้งไปอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ อ้อ นี่เขาถูกเอาเปรียบทางร่างกายอีกแล้วใช่ไหม แถมคนทำยังพูดออกมาได้ไม่มีขวยเขินสะเทิ้นอายสักนิด
"เฮ้อ ไม่นึกว่าชีวิตนี้จะต้องมาโดนผู้หญิงปั่นหัวจนหมุนติ้วล้มพับไปอย่างนี้ คุณนี่...ร้ายอย่างที่เคยคิดไว้จริงๆ ด้วย" แทนธรรม์ถอนใจยาวพร้อมทั้งเปรยต่อ มันเป็นการถอนหายใจที่โล่งที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้สึกมาก่อน ภูเขาลูกโตได้ถูกยกออกไปหมดแล้ว ออกไปพร้อมกับความอบอุ่นที่ถ่ายทอดผ่านฝ่ามือของเธอมายังเขา
"คุณก็ใช่ย่อยซะที่ไหน จะว่าไปเราก็แกล้งยั่วกันไปยั่วกันมาอยู่อย่างนี้ น้องก้อยนี่น่าตีจริงๆ"
ผู้เคราะห์ร้ายรายที่หนึ่งที่เพิ่งสงสารตัวการไปหยกๆ กลับคำมาอยากทำโทษเสียแล้ว
"เอาเถอะ ปล่อยให้ตัวเขาเองเจอเองมั่งก่อนเถอะ เห็นความรักคนอื่นเป็นเรื่องสนุกไปได้นะ ก้อยนี่" พี่ชายแท้ๆ เริ่มโอนเอียงไปทางเดียวกับคนรัก ไม่เข้าข้างน้องเสียอย่างนั้น
"ว่าแต่ นี่คุณคิดจะแกล้งผมโดยการบินหนีไปไกลจริงๆ หรือเนี่ย ทำไมต้องลงทุนขนาดนั้น ไม่กลัวคิดถึงผมมั่งเหรอ"
"อะแฮ่ม.."
เสียงกระแอมไอของเจ้าหน้าที่ประจำห้องพยาบาลดังขึ้นเมื่อเห็นว่าคนสองคนจะสร้างโลกส่วนตัวโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ต้องเตือนสักหน่อยก่อนที่มันจะหวานกันไปให้อิจฉามากกว่านี้
อวิการีบลุกขึ้นดึงคนหล่ออ่อนแรงขึ้นมาจากเตียงแล้วขอบคุณเจ้าหน้าที่คนนั้นพร้อมกึ่งจูงกึ่งลากชายหนุ่มออกมาจากสถานที่ที่ตัวเองไปหยอดน้ำผึ้งกันเอาไว้เดินเร็วๆ ทั้งที่มือยังลากกระเป่าเดินทางขนาดเคบินไซส์ใบเล็กตามมาดังครืดคราด
"โอย ช้าๆ หน่อยก็ได้นี่ครับคุณเพชร" แทนธรรม์โอดครวญเมื่อสาวเจ้าเดินเร็วผิดปกติ ขนาดผู้ชายขายาวอย่างเขายังก้าวผิดจังหวะ
"ช้าไม่ได้ ไม่อายเขาหรือไง เห็นเปล่า คนมองกันใหญ่เลย ก็คุณนี่นะ เล่นประกาศออกมาได้ ให้มารับหัวใจอีกครึ่ง โอ๊ย...หน้าไม่อายจริงๆ"
แทนธรรม์หัวเราะหึทันทีที่นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองจิตหลุดขนาดกล้าไปทำอะไรไว้
"จะเป็นไรไป ประกาศให้เขารู้กันให้หมดไปเลยว่าคู่นี้เขามาง้อกันน่ะ ดีออก จะได้ตีกันไว้เผื่อใครคิดแย่ง"
อวิกาหันขวับมาค้อนเขาหนึ่งวงใหญ่ ก่อนที่จะหันไปยิ้มให้ตัวเอง
หัวใจทั้งสองฝั่งถูกนำมารวมกันอยู่ที่เบาะหลังของเมอร์ซีเดสติดฟิล์มดำมืด พลขับทำหน้าที่ได้อย่างดีไม่มีที่ติเมื่อจับกระแสได้ว่านายของตัวต้องการให้หันมองแต่ด้านหน้าและอย่าสนใจว่าข้างหลังจะทำอะไร
"ตกลงว่าคุณจะแกล้งหนีผมไปไหนหือ คุณเพชร อเมริกา?" แทนธรรม์ถามพลางใช้นิ้วพันเกลียวผมของอวิกาเล่นเมื่อแขนเขาโอบวาดไหล่ของเธอเอาไว้อีกข้าง
"อเมริกาบ้านคุณสิมามีเที่ยวบินเอาตอนเช้าอย่างนี้ แล้วถ้าฉันจะไปไกลๆ เรื่องอะไรจะเอากระเป๋าใบกระติ๊ดเดียวไปเล่า เพชรจะไปฮ่องกงต่างหาก คุณจำได้รึเปล่า ลูกพี่ลูกน้องเพชรที่คุณเจอวันนั้นน่ะ"
เขานึกภาพออกรางๆ วันที่เขามานั่งเป็นจุดสนใจในวันรวมญาติบ้านเธอนั่นเอง
"เขาได้ตั๋วฟรีพร้อมที่พักสามวันสองคืนไปฮ่องกงในช่วงกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ทั้งเกาะ ทีนี้ตัวเขาเองก็ไม่ใช่นักช้อป ก็เสร็จเพชรสิ อันที่จริงเพชรก็เตรียมวีซ่าเตรียมอะไรไว้แล้วนะ พอดีคุณส่งหน่วยเฉพาะกิจคุณมาชวนฉันไปพังงาเสียก่อน เลยกะว่าเดี๋ยวค่อยมาเลื่อนตั๋ว ไม่นึกว่าจะมาพอดิบพอดีเข้าแผนขนาดนี้ ดูสิ เพชรเลยอดไปช้อปเลย"
"อ้อ หลอกผมให้มาวิ่งตามคนจะไปเที่ยวเล่นแค่สองสามวันจนเกือบหมดแรงตาย ร้ายนักนะ อย่าบอกว่าคุณแอบวางแผนกับท่านรัฐมนตรีนะ"
เขาเริ่มระแวง สมัยนี้ใครก็เริ่มไว้ใจไม่ได้
"เปล่าสักหน่อย แผนเผินอะไรไม่มี ก็...แค่ให้ช่วยบอกคุณเท่าที่ควรบอกเท่านั้น ถ้าหากคุณกล้ามาถามหาเพชรถึงบ้านล่ะนะ" อวิกาแอบเม้มเรื่องจริงไว้พอดู
อันที่จริงเธอคุยกับคนที่ได้ตำแหน่งบิดาและมารดาอยู่นาน ค่าที่จู่ๆ ก็เทกระเป๋าเช่าเหมาลำเครื่องบินเล็กด้วยวงเงินในบัตรเครดิตแบบพิเศษที่เธอโทรมาขออนุญาตผู้เป็นพ่ออย่างเร่งด่วนเพื่อให้บินไปรับเธอกลับมากรุงเทพกะทันหัน พอกลับมาเธอเลยต้องแจงเหตุและผลของการกระทำระห่ำนี้ให้ชัด โชคดีที่ว่าเธอกับพ่อนั้นสนิทใจและเปิดใจกันมานานเกินกว่าจะไม่ไว้ใจกันได้ จริงอยู่ว่าเธอไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้คนที่บ้านฟัง แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดนั้นเธอไม่ได้พลาดไปแม้แต่น้อย
'เพชรรักเขาหรือเปล่า'
นั่นเป็นประโยคที่พ่อเธอได้ถามไว้
'รักค่ะ และเพชรก็มั่นใจในตัวเขา อย่างที่พ่อจะได้เห็นด้วยตาตัวเองหากพ่อจะให้โอกาส'
และแทนธรรม์ก็โชคดีที่ได้รับโอกาสนั้นเต็มๆ
"คุณเพชรครับ คุณบอกว่าให้ผมจำความรู้สึกนั้นไว้ให้ดี เพราะผมไม่มีทางจะได้รับมันอีก ตอนนี้ผมอยากรู้ว่า มันจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า" เขาหยอดน้ำเสียงหวานนุ่มใส่ใกล้หูของเธอ
"อยากรู้เหรอ ก้มลงมาใกล้ๆ สิคะ" เสียงที่เธอใช้ตอบเขาก็ใช่ย่อย
แทนธรรม์ยิ้มกริ่มพร้อมกับก้มลงหาเธอช้าๆ เพื่อจะรับเอาความรู้สึก'นั้น' อีกครั้ง ความรู้สึกที่เขาจะได้รับมันตลอดไปไม่มีวันหมด จากผู้หญิงที่ล้ำค่าคนนี้ คนที่เลอค่าอมตะในใจเขาตลอดไป...
*****************************************************************
<จบบริบูรณ์> จริงๆ นะทีนี้
Create Date : 06 กันยายน 2551 |
|
6 comments |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 2:27:10 น. |
Counter : 286 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: บู้บี้ IP: 123.225.214.235 6 กันยายน 2551 13:43:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: 2in1 IP: 124.121.151.183 6 กันยายน 2551 23:00:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: เมฆฝน IP: 71.36.219.212 7 กันยายน 2551 1:40:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 7 กันยายน 2551 11:20:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: dena IP: 203.155.149.89 8 กันยายน 2551 8:06:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: RuNz 17 ธันวาคม 2551 23:04:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
ชลบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ไม่ใช่คนเลว แต่ไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนมีน้ำใจ แต่ไม่ได้เห็นแก่ตัว ไม่ใช่คนใจร้าย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงใจดี ไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ไม่ใช่คนยอมคน รับรู้ในตัวตน และไม่สนใครจะว่าอย่างไร รู้จักให้อภัย แต่ไม่ใช่ไม่รู้จักแค้น เป็นผู้หญิงแท้ที่ชอบโชว์แมน แต่ความจริงแสนจะอ่อนโยน O_o!!!
~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ~
ฝากคำทักทายไว้ด้วยจิ...รักตายเลย
ShoutMix chat widget
BestChild ในคอลัมน์นักเขียนรับเชิญ ลายปากกา 2009 BestChild ในคอลัมน์ "ลายรัก" ลายปากกา 2010
|
|
|
|
|
|
|
จะมีเรื่องพี่โรมไหมคะนี่