Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
10 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
[ตอนพิเศษ] เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ – Rainy Day



<<BestChild: มีตอนพิเศษมาวางอีกแล้ว แหะ หมดก๊อกจริงๆ แล้วค่ะ จะว่าไปตอนนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องยาวที่จบไปเท่าไรนะ แค่อยากเขียนเรื่องของเธอบ้างเท่านั้นเอง อ้อ...ตอนนี้ไม่มีมุกฮานะคะ ออกตัวก่อนเลย>>
********************************************************


ความเงียบกริบในหอประชุมกำลังสร้างความกดดันยิ่งยวดให้แก่คนบนเวที เชื่อเถอะว่าต่อให้ฝึกฝนมาดีแค่ไหนก็ต้องเกิดอาการประหม่า ในเมื่อต้องมาทำการแสดงบนเวทีใหญ่โตโดยปราศจากอุปกรณ์เสริมใดๆ ต่อให้บรรดาผู้ชมที่เก้าอี้แบบเธียร์เตอร์ด้านล่างจะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นก็ตาม

ก็บรรดาเฮียๆ เจ๊ๆ เหล่านั้นน่ะ กรรมการคัดเลือกรอบแรกนี่นา

ฉันเป็นรายต่อไปจากชายโปะหน้าขาวผมยาวประบ่ารวบตึงใส่ชุดหมีที่กำลังแสดงละครใบ้บนเวที เขากำลังดึงอะไรสักอย่างตามจินตนาการเข้าหาตัว ด้วยแนวการดึงและมือที่แสดงการจับนั้นน่าจะเป็นเชือกตึงเส้นใหญ่ แต่เหมือนมันจะไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย เขาออกแรงมากขึ้น มากจนสังเกตได้ถึงการเกร็งของกล้ามเนื้อแขน ใบหน้าเหยเกนั่นมันยิ่งกว่าสมจริง เขายังคงดึงมันต่อไป อีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น อ๊ะ!

เชือกขาด เขาหงายหลังไปตามแรงของเชือกที่ขาดสะบั้นออกจากกัน เขาตกใจมากและแทบจะผวาลุกขึ้นพรวดในทันทีเพื่อพุ่งไปยังปลายเชือกด้านนั้น แต่ทว่า... เชือกนั้นมันกำลังหนีเขาไป เขาวิ่งตามมัน จากการวิ่งช้าๆ จนเร็วขึ้น เร็วขึ้น เขากำลังวิ่งอย่างสุดชีวิตเพื่อจะไปให้ถึงปลายเชือกที่หนีเขาห่างออกไปทุกที ทุกที ไขว่คว้า มือทั้งสองข้างของเขากำลังไขว่คว้าหาปลายเชือกนั้น แค่เอื้อม...เอื้อมสุดปลายแขน แต่มันก็ยังไม่ถึง ขาเขากำลังอ่อนแรง แรงหายใจหอบกำลังสะท้อนขึ้นลงในอกเขา แทบจะรับรู้ได้ถึงความอึดอัดจากการหายใจถี่และลมหายใจขาดห้วงทั้งที่ไม่มีเสียงใดจากบนเวทีที่บ่งบอกว่าเขากำลังเหนื่อยหอบแม้แต่น้อย

เขาก้าวขาช้าลง ช้าลง จนสุดท้ายเขาก็สะดุดพื้นหกล้ม มือที่ไขว่คว้านั้นได้แต่อากาศ เขากำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่หลุดมือไปเพียงแค่ปลายนิ้ว เขากำลังโทษตัวเอง ร่ำไห้ทั้งที่ไม่มีทั้งน้ำตาและเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากปากเขา แต่ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านมันส่งผ่านมาถึงฉัน แม้ไม่ทันรู้ตัว น้ำตามันดันไหลออกมาเฉยๆ

เสียงปรบมือแน่นๆ จากกรรมการทั้งสี่คนที่นั่งเรียงกันตรงเก้าอี้แถวที่ห้าจากด้านหน้าเวทีดังก้องไปทั่วห้องประชุม ไม่เว้นแม้แต่ผู้เข้าร่วมคัดเลือกรายต่อไปอย่างฉันที่ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่กับความรู้สึกรวดร้าวที่เขาสื่อออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

ชายหน้าขาวเด้งตัวลุกขึ้นยืนยืดอกสง่าผ่าเผยก่อนจะโค้งคำนับงามๆ ให้กรรมการหนึ่งครั้งแต่ยาวนาน นานเท่าที่เสียงปรบมือจะจางหายไปเลยทีเดียว และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งฉันก็อดที่จะขำไปกับยิ้มแป้นแล้นนั้นไม่ได้ ที่ดูเป็นยิ้มกว้างอย่างนั้นก็อาจเป็นเพราะรอยลิปสติกสีแดงแจ๋ที่เขาวาดไว้รอบปากจนเกินไปกว่าขนาดปากจริง ขนาดว่าหน้าหุบๆ ยังดูเป็นยิ้มได้ด้วยการวาดมุมปากยกขึ้นไปเกือบกลางแก้มเป็นรอยยิ้มบนหน้าขาววอก

ฉันยังมองตามเขาเดินตัวปลิวลงไปจากเวทีอยู่อย่างชื่นชม คนคนนี้ต้องผ่านเข้ารอบแน่ๆ ขนาดฉันไม่ใช่พวกมืออาชีพหรือมีทักษะการแสดงอะไรมากมายยังสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่สื่อออกมาอย่างชัดเจนอย่างนั้น และอาจจะยังมองส่งเขาออกจากห้องประชุมไปหากไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองเสียก่อน

"เชิญคนต่อไป คุณวรพร ปีสามบริหารธุรกิจค่ะ"

เอาล่ะ ถึงตาของฉันแล้ว คราวนี้ฉันกลับมาที่เวทีนี้อีกครั้งพร้อมความมั่นใจหลังจากที่รอบพรีเทสต์ (Pre-test) โดนคอมเม้นท์จากรุ่นพี่ที่ตั้งตัวเป็นกรรมการอุปโลกน์ใส่ไว้เสียยับ ยับจนฉันต้องล้างสมองล้างบุคลิกตัวเองเสียใหม่จนกลายเป็นสาวมั่นใจขนาดนี้ ก็สิ่งที่ฉันพยายามทำมาทั้งหมดมันก็เพื่อทุนพิเศษเรียนการแสดงที่สหรัฐอเมริกาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มนี่นา ใครบ้างจะไม่อยากได้ ยิ่งคนที่มีความประทับใจกับเวทีละครอย่างฉันด้วยแล้ว ไม่มีทางเลยที่จะปัดมันทิ้งไปง่ายๆ โดยไม่พยายามเสียก่อน

ฉันสูดหายใจลึกๆ เรียกเอาแรงใจทั้งหมดขึ้นมาเป็นเพื่อน ลุกขึ้นยืนหลังตรงและก้าวขึ้นไปบนเวทีช้าๆ แต่มั่นคง เอานะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด...




ในเวลาห้าโมงเย็นแบบนี้ อัตราการเคลื่อนตัวของรถยนต์บนท้องถนนที่ห่างจากมหาวิทยาลัยไปไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรนี้มันช่างช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน หรือพูดให้ถูกก็คือไปขี่เต่าน่าจะไปได้ไวกว่าด้วยซ้ำ ค่าที่พื้นถนนขังไปด้วยน้ำเจิ่งนองแถมเม็ดฝนยังคงตกกระทบกระจกหน้ารถดังเปาะแปะไม่ขาดสาย

วันนี้เป็นอีกวันที่ฝนตกลงมาตั้งแต่ช่วงบ่าย แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ เสียด้วย ฉันละ เกลียดจริงๆ วันฝนตก...

เมื่อเกือบชั่วโมงที่แล้วหลังจากการแสดงชุดเกอิชาร่ายรำของฉันจบลง กรรมการทั้งหมดได้แต่นิ่งเงียบ ไม่มีเสียงปรบมือ ไม่มีแม้แต่คำวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ให้ฉัน สีหน้าแต่ละคนก็ยากจะเดาออก ไม่รู้ไปหัดใส่หน้ากากด้านๆ ตายสนิทนั้นมาจากไหน มีแต่คำขอบคุณจากกรรมการหญิงคนหนึ่งและบอกเพียงว่าจะแจ้งผลไปในภายหลัง

บางทีฉันอาจจะพอมีหวังหากวันนี้มันไม่ใช่วันฝนตก

ทุกครั้งที่ฝนตก ฉันมักจะเจอแต่เรื่องร้ายๆ เสมอ ตอนเด็กๆ ฉันเคยตกบันไดแขนหักในวันที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าร้องทำให้ฉันกลัวจนวิ่งพลาดตกบันได และนั่นก็เป็นเพียงครั้งแรกเท่านั้น

ครั้งที่สองในชีวิต ฉันพลาดการสอบเข้าโรงเรียนมัธยมชื่อดังเพราะฝนตก รถเมล์ที่ฉันขึ้นเกิดอุบัติเหตุชนเสาไฟฟ้า และฉันก็ได้รับแผลหัวแตกมาเป็นของขวัญพร้อมกับการไปไม่ทันเข้าสอบ

ครั้งที่สามที่จำได้ดีไม่มีวันลืม ความรักครั้งแรกในตอนปีหนึ่ง วันนั้นฝนตก ฉันตั้งใจแอบเซอร์ไพร์แฟนคนแรกในชีวิตที่ใช้เวลาดูใจกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลายปีแรก บ่มสุกได้ที่จนสี่ปีผ่านไป ฉันตั้งใจจะให้ของขวัญแก่เขาเป็นเสื้อสเว็ตเตอร์ที่นั่งหลังขดหลังแข็งถักเองกับมือในโอกาสที่เขาจะลาไปเรียนต่อเมืองนอก แต่พอไปหาเขาที่ห้องชมรมกลับเจอเขากำลังพลอดรักอยู่กับรุ่นพี่ผู้หญิงหน้าตาสวยสด

วันนั้นฉันโยนสเว็ตเตอร์นรกนั่นทิ้งลงกองขยะข้างตึกชมรมนั่นแหล่ะ แล้วก็ยืนดูสายฝนตกลงบนไหมพรมเปียกชุ่มจนสะใจเพื่อที่จะกลับไปไข้ขึ้นแทบตายอยู่สามวันสามคืน

จากนั้น มันไม่เคยมีเรื่องดีเกิดขึ้นในวันฝนตกเลยแม้แต่น้อย ไม่เจ็บตัวก็ต้องเจ็บใจ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงเรื่องใหญ่

ทำไมฉันต้องมาชื่อเดียวกันกับเจ้าสาเหตุแห่งความโชคร้ายนี้ด้วยนะ

ยังไม่ทันจะได้ร้องกรี๊ดในใจประชดความโชคร้ายกับการจราจรที่ติดขัดแสนสาหัส โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายใบเล็กของฉันที่วางอยู่เบาะนั่งข้างตัวก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

"ว่าไงก้อย"

เพื่อนที่สนิทที่สุดของฉันโทรมา พูดได้ว่าเธอเป็นเพื่อนรักของฉันเลยทีเดียว

"ฝนอยู่ไหนแล้ว มากินข้าวบ้านเรานะวันนี้ พี่แทนทำอาหารหนึ่งอย่าง พี่เพชรทำอีกอย่าง บอกตรงๆ ว่าเราไม่กล้าชิมคนเดียว กลัวท้องเสีย มาทดสอบยาพิษเป็นเพื่อนเราหน่อยเถอะ"

ก้อยก็ยังเป็นก้อยอยู่เหมือนเดิมแม้ว่าจะมีว่าที่พี่สะใภ้เข้ามาอยู่ในวงจรชีวิตเพิ่มอีกคนก็ตาม แสบสันต์ ปากเก่ง แต่ว่านั่นก็เป็นความน่ารักของก้อยอย่างหนึ่ง ทั้งๆ ที่ชอบวางแผนต้มคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แต่ในจิตใจของก้อย ฉันรู้ดีว่าไม่มีพิษมีภัยอะไรแถมหวังดีกับคนรอบข้างเสมอ

"เพิ่งออกจากมหาวิทยาลัยเอง เดี๋ยวเราดูก่อน ไม่รู้จะไปทันก่อนค่ำหรือเปล่านะ"

"เอาน่า มาให้ทันเถอะ เมนูเด็ดๆ ทั้งนั้น เห็นพี่เพชรบ่นๆ ว่าหลังๆ นี้ไม่ค่อยเจอกันพร้อมเพรียงเลย สงสัยพี่เพชรกะรื้อฟื้นความหลังอีกแหงๆ คิดแล้วเสียว...ต้องมาช่วยกันหลบลูกดอกพี่เพชรด้วย เรื่องอะไรจะให้เรากับพี่แทนโดนทิ่มอยู่สองคนเล่า ไม่เอาหรอก"

เฮ้อ เอาอีกแล้ว สงสัยคำพูดที่ว่าทำผิดครั้งเดียวจะติดตัวไปชั่วชีวิตนั่นจะจริง

"ไม่โทรเรียกอาจารย์สุกับพี่พลล่ะ"

ฉันเสนอทางเลือกอีกสองชีวิตที่เคยเข้าร่วมกระทำการต้มตุ๋นแฟนสาวของพี่ชายก้อย

"ฮึ ไม่เอาอ่ะ เบื่อสองคนนั้น ชอบมาทำหวานเลี่ยนเอียนต่อหน้า อิจฉาน่ะ เข้าใจไหม"

แล้วมันเรื่องอะไรจะต้องให้ฉันไปวุ่นวายกับเรื่องในครอบครัวของคนอื่นด้วยเล่า ก้อยเอ้ย...

"เออๆ เดี๋ยวถ้าไปทันแล้วก็เจอเองน่ะ แค่นี้ก่อนนะ ยังไม่ได้ใส่บลูทูธ คุยนานไม่ได้"

"เดี๋ยวๆ คัดเลือกเป็นไงมั่ง"

เกือบน้อยใจแล้วที่ไม่ถาม

"ห้าสิบ ห้าสิบน่ะก้อย เราไม่หวังอะไรมากหรอก วันนี้ฝนตก" เป็นรหัสที่เรารู้กันแค่สองคน ฝนตก คือ ดวงตก

"... ฝนรู้รึเปล่า ว่าในห้าร้อยคนจะมีคนดีๆ อยู่กี่คน" ก้อยนิ่งไปพักหนึ่งเพื่อจะถามอะไรประหลาดๆ และฉันก็ไม่สามารถจะตอบมันได้ด้วย

"ในห้าร้อยคนจะเป็นคนดีอยู่ทั้งหมดห้าร้อยคน หากเราเลือกที่จะมองแต่ด้านดีของพวกเขาเท่านั้น...แล้วฝนรู้รึเปล่าว่าในคนหนึ่งคนจะมีความดีอยู่กี่อย่าง"

"ไม่รู้หรอก ก้อยบอกเราสิ"

"ในคนหนึ่งคนจะไม่มีความดีอยู่เลยหากเราไม่ตั้งใจจะมองหามัน..." ก้อยเงียบไปให้ฉันคิดอีก หมายความว่า ให้ฉันมองสิ่งดีๆ บ้างอย่างนั้นเหรอ แล้วมันมีที่ไหนกันเล่า

"เพราะฉะนั้น!" ฉันสะดุ้งเฮือกแทบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูไม่ทันเมื่อจู่ๆ ปลายสายก็ประกาศเสียงดังออกมา

"ฝนควรจะมากินข้าวบ้านเราให้ทัน...เอาละ แล้วเจอกัน ตามนั้นนะ" ว่าแล้วก้อยก็วางสายไปเฉยๆ

ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนเรา แต่เอาเถอะ ยังไงก็เพื่อนรักกันนี่นะ รักกันขนาดที่ว่าฉันยอมเล่นด้วยทุกอย่างตามแผนหลุดโลกของก้อย ยอมร่วมมือแกล้งทำเป็นหลงรักพี่ชายของก้อยเพื่อเร่งปฏิกิริยาระหว่างพี่ชายเธอกับสาวที่เขาหมายปองให้เร็วยิ่งขึ้น ประกอบกับการเปลี่ยนบุคลิกกะทันหันเพื่อสร้างความตกใจให้พี่เพชร ตอนที่ก้อยบรรเจิดแนวคิดที่ไม่รู้ไปขุดมาจากไหนนั้นพอดีกันกับที่ฉันกำลังช็อคกับคอมเม้นท์รุ่นพี่ว่าไม่มีความมั่นใจ บุคลิกดูเรียบเฉยและอายเกินไปแม้แต่ขณะอยู่บนเวที ไม่เหมาะสมกับการเป็นนักแสดงแม้แต่น้อย

ฉันเลยเออออห่อหมกพร้อมทั้งให้ความร่วมมือในการแสดงนั้นอย่างแนบเนียนจนแม้แต่ก้อยเองยังออกปากชมว่าเนียนเหลือเชื่อ

ใช่ มันย่อมเนียนเหลือเชื่อแน่แท้ ในเมื่อนั่นมันไม่ใช่การแสดงตบตา เพียงแต่ว่ามันเป็นการกระทำที่ออกมาจากใจจริงต่างหาก

ก้อยเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากจนไม่อยากให้อารมณ์ส่วนตัวของตัวเองไปทำให้เกิดความคลางแคลงใจอะไรกับเธอ ไม่อยากที่จะเปิดเผยให้เธอรู้ความจริงที่ว่า ฉันเคยแอบคิดอะไรกับพี่แทน พี่ชายของเธอจริงๆ

พี่แทนเปรียบเสมือนเจ้าชายรูปงามในละครเวทีที่ฉันเคยได้ดูครั้งแรกในชีวิตเมื่อตอนเจ็ดขวบ ที่บ้านพาฉันไปนั่งด้านหน้าใกล้เวที เจ้าหญิงแสนสวย เจ้าชายรูปงามและเสียงทุ้มก้องกังวานยามขับขานเพลงออกมา นั่นคือความประทับใจแรก ความประทับใจที่เป็นแรงผลักดันให้ฉันอยากเป็นนักแสดงเพื่อสักวันจะได้พบเจ้าชายรูปงามเช่นนั้นบ้าง

ถึงแม้ว่าพอโตมาเป็นสาวแล้วจะรู้ว่านั่นมันคือความเพ้อฝัน แต่ด้วยความหลงในมายาแห่งการแสดงบนเวทีก็ทำให้ฉันถอนตัวออกมาไม่ได้แล้ว การแสดงเป็นอีกสิ่งที่ฉันรักถึงจะไม่ใช่วิชาเอกในการเรียนของฉันก็ตามที แต่สิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่านั้นคือการแสดงออกความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมาโดยหลอกตัวเองว่านี่คือการแสดง มันเป็นความรู้สึกอีกแบบที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะทำได้จริงๆ แถมทำแล้วสบายใจกว่าการเก็บงำเอาไว้ภายใต้ท่าทางเรียบร้อยเกรงใจคนรอบข้างเสียอีก

และวันที่ฉันแสนจะปวดจี๊ดในใจกับเรื่องนั้นมันก็เป็นวันที่ฝนตกเสียด้วย

วันนั้นฝนตกหนักในช่วงเช้ามืดและหยุดไปในตอนสายๆ ฉันไปเยี่ยมพี่แทนที่โรงพยาบาลหลังจากที่เล่นเอาใจฉันแป้วไปเพราะได้ข่าวว่าพี่แทนเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ฉันตั้งใจไป'แสดง'ความรู้สึกจริงๆ ตามที่ได้ตกลงกับก้อยไว้ว่าถึงเวลาเปิดเผยแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขอทำตามใจตัวเองอีกครั้ง ไม่นึกจริงๆ ว่านั่นจะทำให้พี่เพชรเข้ามาเจอพอดี ไอ้ที่ตั้งใจจะโมเมเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ต่ออีกนิดเลยเป็นอันต้องพับไป

ต้องตีหน้าตายบอกพี่แทนไปว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขาสักหน่อย โธ่เอ๋ย เราหนอเรา

หลังจากนั้นฉันก็ใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง อยากหลงนักเจ้าชายรูปงามแสนเย่อหยิ่ง เลยตามไปเกาะติดทุกสถานการณ์ระหว่างคนสองคนที่พยายามจะถูกปั่นหัวให้เข้าใจกันโดยก้อยเพื่อนฉันที่เล่นอะไรแผลงๆ มาตลอด หนักๆ เข้าภาพของเจ้าชายขี่ม้าขาวกลับเริ่มบูดเบี้ยวไป เหมือนม้าจะเริ่มกลายเป็นลามะ เหมือนเจ้าชายจะกลายเป็นคนเดินดินที่บังเอิญหล่อเหลาพราวเสน่ห์

สุดท้าย เจ้าชายก็กลายเป็นคนธรรมดา...

การเกิดอาการหลุดเพราะหลงรักสาวของพี่แทนทำเอาฉันตาสว่างว่าอันที่จริงแล้วพี่แกก็ไม่ใช่เจ้าชายรูปงามมาจากไหน เป็นคนธรรมดาที่มีรัก หลง และที่สำคัญเขาก็ไม่ได้รักเราเสียด้วยน่ะสิ

ทุกวันนี้ฉันเลยได้แต่ไหลเรื่อยแล้วแต่ตามใจว่าใครจะลากไปไหนก็ได้ มันก็ไม่ได้มีใครมากมายนอกไปจากก้อยเท่านั้น วันดีคืนดีก็ไปนั่งดูพี่แทนทำตาละห้อยเวลาพี่เพชรดุ บางทีพี่แทนก็นั่งง้อพี่เพชรที่แสนร้ายชอบแกล้งทำเป็นงอนทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ได้งอนสักนิด อันนี้พี่แทนไม่รู้เพราะพี่เพชรมาแอบกระซิบกับพวกเราทีหลัง

รักกันปานจะกลืนขนาดนี้แล้วฉันจะไปหลงอยู่ได้ยังไง

โทรศัพท์ฉันดังขึ้นมาอีกครั้งในตอนที่ความเร็วของรถสามารถเร่งเพิ่มขึ้นได้ด้วยการจราจรที่เริ่มคล่องตัว ฉันก้มหน้าลงไปมองโทรศัพท์ที่โยนไว้เบาะนั่งข้างตัวพร้อมกับเอื้อมมือข้างหนึ่งไปรับโดยละสายตาจากหน้ารถไปชั่วครู่ทั้งที่เท้ายังกดคันเร่งอยู่ด้วยความชะล่าใจ แค่ชั่วครู่เท่านั้นที่ทำเอาฉันเกือบซวยแบบกู่ไม่กลับอีกครั้ง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าแอ่งน้ำข้างถนนมันได้ถูกล้อรถฉันผ่าเข้ากลางและน้ำที่ขังอยู่ก็แสนจะจงใจกระเซ็นไปโดนคนขี่จักรยานเมาเท่นไบค์ผู้โชคร้ายที่ริมฟุตบาทจนเขาเสียหลักล้มโครมไปต่อหน้าต่อตา

อารามตกใจฉันเลยรีบตีไฟฉุกเฉินเมื่อจอดเข้าข้างทางทันที ในใจยังแอบคิดว่ายังโชคดีที่เข้าล้มไปด้านในฟุตบาท เกิดล้มออกนอกถนนแล้วฉันชนเขามันจะเป็นยังไงกัน นอกจากผิดแถมยังบาปอีก

"โอย แย่แล้วๆ ขอโทษค่ะ เป็นยังไงบ้าง ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ขอโทษมากๆ จริงๆ ค่ะ" ฉันปรี่เข้าไปหาคนที่เพิ่งยันตัวลุกขึ้นยืนได้พร้อมร่างกายเปียกม่อล่อกม่อแลก รอยเปื้อนจากคราบน้ำขังบนพื้นสกปรกเป็นดวงๆ ตามเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขานั่นก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดหนักเข้าไปอีก เดี๋ยวคงโดนด่าเรียกค่าเสียหายยับอีกแน่ เห็นไหม วันฝนตก!

เขายังไม่พูดอะไรและฉันก็ไม่สามารถสังเกตสีหน้าเขาได้เมื่อผมยาวๆ ของเขามันปรกหน้าปรกตาแถมน้ำย้อยหยดติ๋งอยู่ขณะที่เขาก้มลงหยิบเป้สะพายหลังขึ้นมาปัดๆ เอาเศษฝุ่นเศษดินออก แต่ดูเหมือนการทำอย่างนั้นจะไม่ช่วยเท่าไหร่ในเมื่อเป้นั้นก็เปียกชื้นไปด้วยน้ำเหมือนกัน

"เอ่อ เดี๋ยวฉันจะรับผิดชอบที่ทำน้ำสาดโดนคุณให้นะคะ ยังไงก็ได้" เมื่อฉันพูดกับเขาอีกประโยค นั่นแหล่ะเขาถึงได้ยกมือขึ้นเสยผมเปิดให้เห็นใบหน้าเต็มๆ

คนอะไร มอมๆ อย่างนี้นี่ยังหล่อได้อีก

"ไม่ต้องหรอกครับ ไม่มีอะไรแตกหักเสียหาย" เขามองหน้าฉันนิ่งๆ อยู่อึดใจหนึ่งก่อนพูดด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนไม่สนใจอะไรกับการเป็นมนุษย์ตัวเปียกน้ำดำๆ ที่ยืนเด่นให้คนผ่านไปผ่านมามองและมุง

"แต่ฉันไม่สบายใจเลยค่ะ เพราะฉันเป็นสาเหตุแท้ๆ มัวแต่ตั้งใจจะรับโทรศัพท์" ถึงแม้ว่าโทรศัพท์สายนั้นฉันจะไม่ได้รับมันก็ตาม

"เอาเถอะครับ ผมก็ไม่ได้เป็นอะไร" เขายกเป้ขึ้นสะพายบ่า ย่อขาลงเพื่อจับแฮนด์จักรยานตั้งใจจะดึงให้มันตั้งขึ้นมาแต่ว่า...

"โอ๊ย!" เขาปล่อยจักรยานนั่นให้ร่วงลงพื้นไปอีกครั้งแล้วยกขาขึ้นมากุมข้อเท้าไว้ เอาแล้วไง

"อูย ท่าทางคุณจะเจ็บตัวเพราะฉันเข้าจริงๆ แล้วล่ะค่ะ ฉันพาไปหาหมอดีกว่า" เวลาอย่างนี้ฉันเพียงต้องการเสนอตัวอย่างคนที่กลัวความผิด ท่าทางน่าจะเป็นนักศึกษา คิดว่าไม่น่าพ้นสถาบันเดียวกับฉันถึงแม้ว่าจะไม่เคยเจอหน้ากันก็ตาม อย่างน้อยก็น่าจะพอไว้ใจให้อาศัยรถไปโรงพยาบาลได้

"อืม...งั้น คงต้องรบกวนแล้วครับ" เขาทำท่าครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะตกลงใจพยักหน้ารับความช่วยเหลือจากฉัน



หลังจากฉันและเขาพยายามยกเอาจักรยานที่พับเก็บได้นั้นยัดลงกระโปรงท้ายรถของฉันแล้วอัญเชิญคนที่ซวยกว่าฉันในวันนี้ขึ้นรถมานั่งคู่กัน ฉันก็รีบคว้าเอาบลูทูธมาเสียบเข้าข้างหูทันที เรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิดซ้ำซาก แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจริงๆ เสียด้วยทั้งที่เพิ่งออกจากจุดเกิดเหตุมาไม่ทันเท่าไหร่

"ฮัลโหล ฝนพูดค่ะ"

"ฝนนะ นี่พี่เอง เมื่อกี้โทรมาทำไมไม่รับสาย" อ้อ สายนี้นี่เองตัวการ

"พอดีไม่สะดวกน่ะค่ะ มีอะไรรีบหรือเปล่าคะพี่"

"พี่ไปสืบรู้ผลการคัดเลือกมาล่ะ รู้เปล่ามีคนเข้ารอบคัดเลือกแค่สองคนเองนะ"

นั่นเป็นพี่ที่ชมรมคนหนึ่ง คนที่ทั้งด่าทั้งยุจนฉันฮึดสู้ และก็เป็นผู้สังเกตการณ์ในการคัดเลือกรอบนี้ด้วย

"จะ จริงหรือคะ เขาต้องการแค่สองคน นั่นหมายความว่า จะไม่มีรอบตัดสินแล้วสิคะ"

"ใช่ๆ กรรมการชุดนี้โหดจริง ขนาดแค่คัดกรองยังตัดไม่มีเหลือ" ประโยคตื่นเต้นนั่นไม่ช่วยให้ฉันรู้สึกดีสักนิด

"แล้ว...ฝน" ฉันไม่กล้าถามจริงๆ ไอ้ห้าสิบห้าสิบในตอนแรกจะเหลือเท่าไหร่เชียว

"นี่ล่ะ เหลือเชื่อ ฝนได้ทุนนะ รู้เปล่า"

"หา! ฝนได้ทุน" อารามดีใจเลยเผลอเหยียบเบรกไปกะทันหันจนคนข้างๆ หัวคะมำ ฉันหันไปยิ้มแหยๆ พร้อมก้มหัวขอโทษเขาทีหนึ่งซึ่งเขาก็กลั้นยิ้มขำๆ ตอบกลับมา ดีนะว่าคันหลังไม่ตามมาใกล้น่ะ

"เห็นว่าพวกกรรมการเขาอึ้งไปเลยตอนที่ดูเกอิชาร่ายรำจบ มันเป็นการแสดงที่เขาไม่คาดว่าจะเจอแล้วได้เจอ ยังไงล่ะ นอกนั้นมันไม่เด่นไง สุดยอดไหมฝน"

"โอ๊ย...เป็นไปได้ไง อ๊ะ! แล้วอีกคนที่ได้ทุนล่ะคะ ใช่คนหน้าขาวละครใบ้หรือเปล่า" ฉันรีบประมวลผลและภาพประทับใจในตอนนั้น

"ใช่เลย รายนั้นน่ะ คะแนนขาดลอยนำลิ่ว"

"ว่าแล้วเขาต้องชนะอีกคน เขาแสดงดีมากๆ เลยนะพี่ ยิ่งตอนท้ายที่นั่งเศร้ากองกับพื้นนั่น ฝนงี้น้ำตาไหลเลย เป็นคนแรกในรอบสามปีที่ทำให้ฝนประทับใจได้มากขนาดนี้เลยนะ" ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนได้ยินคนข้างๆ หัวเราะเบาๆ นี่ขำเราหรือเปล่านะ

"โอ๊ย ดีใจ เอาไว้เดี๋ยวฝนโทรไปคุยกับพี่อีกทีนะคะ ตอนนี้ขับรถอยู่ เดี๋ยวเกิดดีใจมากไปขับรถอันตรายแย่...บายค่ะ"

ปลายสายทางโน้นวางไปแล้ว แต่ฉันยังยิ้มอยู่จนมาถึงที่หน้าโรงพยาบาลนั่นแหล่ะ เขาก็พูดขึ้น

"อันที่จริงปล่อยผมไว้ตรงนี้ก็ได้ คุณกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับ"

"ไม่ได้สิคะ ต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด" ยิ่งตอนนี้อารมณ์ดีๆ อยู่ด้วย วันฝนตกก็ไม่เลวเท่าไหร่แฮะ มีเรื่องดีได้เหมือนกัน แต่ก็หลังจากเจอเรื่องแย่ๆ ล่ะนะ

"ไม่เป็นไรครับ ไว้วันหน้าเวลาเราเจอกันอีกทีค่อยว่ากันใหม่ก็ได้ ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก"

"ก็ใช่ว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ชดใช้กันตอนนี้เลยดีกว่าค่ะ" ฉันยังดื้อ เกิดทิ้งไว้ค้างคาน่ากลัวคืนนี้นอนไม่หลับ

"เจอกันอีกแน่ๆ ครับ อย่างน้อยก็อีกเป็นสองสามเดือนกว่าจะเก็บตัวเข้าคอร์สย่อย ไหนจะไปเรียนด้วยกันอีกเป็นปี ยังมีเวลาอีกเยอะ" เขายิ้มแล้วพูดให้ฉันอึ้ง อึ้งอยู่นาน นานจนเขาปลดล๊อครถก้าวขากะเผลกเดินลงไปแถมยังหันมาพูดอะไรต่ออีกนิด

"ไว้เจอกันคราวหน้าที่มหาวิทยาลัยนะครับ คุณเกอิชา อ้อ จักรยานผมฝากไว้ก่อนละกัน ช่วงนี้ผมคงขี่ไม่สะดวกอยู่ดีหายเมื่อไหร่ค่อยไปเอาคืน...อีกอย่าง ผมเองก็ประทับใจการร่ายรำแบบนั้นนะ เข้มแข็ง อ่อนโยน และเด็ดเดี่ยว"

พูดจบเขาก็ปิดประตูปังแล้วหมุนตัวหันหลังเดินจากไปท่ามกลางสายฝนโปรยปรายแบบไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่นัก และนั่นก็ทำให้ฉันระลึกอะไรบางอย่างได้ หุ่นแบบนี้ ผมยาวๆ แบบนี้ เดี๋ยวต้องเจอกันอีกเป็นปี แล้วเรื่องที่ประทับใจนั่นก็...

อืม...ฉันชักจะรักวันฝนตกแล้วสิ


********************************************************

THE END


ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ


บุญรักษานะคะ



Create Date : 10 กันยายน 2551
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 2:26:29 น. 9 comments
Counter : 824 Pageviews.

 
มาแปลกนะคะ นึกว่าลงเรื่องน้องก้อย
กลายเป็นฝนไปได้ คงเพราะฝนตกรึเปล่านะช่วงนี้
แต่อ่านแล้วดีจังค่ะ


โดย: dena IP: 203.155.149.89 วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:7:54:51 น.  

 
น่าจะแต่งเรื่องนี้เป็นเรื่องยาวนะค่ะ

น่าสนุกดี


โดย: เด็กนิสัยเสีย วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:15:28:27 น.  

 
ฝนพรำนำหนาวมา
เยือกอุราเย็นถึงใจ
อยากอุ่นหนุนแนบใน
จึงขอใคร่เข้าในเรือน
มาพักในคืนนี้
แสนอุ่นดีบ้านของเพื่อน
ไม่ลืมแม้ลาเลือน
ได้มาเยือนแสนยินดี


โดย: คนมีแผลพ่อแม่ไม่รัก วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:0:56:20 น.  

 
..


โดย: คนมีแผลพ่อแม่ไม่รัก วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:22:53:33 น.  

 
กรี๊ดค่ะ อยากกรี๊ดดังๆ น้องน้อยก็น่ารัก น้องฝนก็น่ารัก ขอต่อทั้งสองคู่เลยได้ไหมคะ???


โดย: เมฆฝน IP: 71.36.219.212 วันที่: 14 กันยายน 2551 เวลา:6:12:04 น.  

 
แหงก!

มันจะทรมานคนเขียนไปหรือเปล่าคะ คุณเมฆฝน

ลำพังเรื่องเดียวก็ปาไปสี่เดือน เกิดขอต่ออีกสองเรื่องในจังหวะงานหลวงเข้าจัดขนาดนี้
น่ากลัวใช้เวลากันเป็นปีกว่าจะจบ เง้อออ...

เอาเถอะค่ะ ถ้ายังรอกันไหวก็ในไม่ช้าเกินไปนักคงมีเรื่องใหม่มาให้อ่านกัน ตอนนี้ขอทำตัว
ขี้เกียจเรื่อนเฉื่อยก่อนนะ แหะ แหะ



โดย: BestChild วันที่: 14 กันยายน 2551 เวลา:11:00:36 น.  

 
บู้บึ้ก็ไม่ชอบวันฝนตกค่ะ
แต่อ่านเรื่องนี้แล้ว อยากได้วันฝนตกแบบน้องฝนจัง

ปล. หลายครั้ง บู้บี้เข้ามาอ่านแล้ว มันเม้นต์ไม่ได้ มันแจ้งว่าใส่รหัสผิดน่ะค่ะ


โดย: บู้บึ้ IP: 124.87.98.56 วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:23:39:16 น.  

 
ย้อนอดีตหลายที่แล้ว สงสัยเครื่อง Time machine ตอนนี้ไม่ค่อยแข็งแรง
ตั้งท่าเครื่องเครื่องย้อนกลับไปอ่านทีไร โดนคนลากกลับออกมาโลกปัจจุบันทุกที

กร่อย ๆ ร้อน ๆ ง่วง ๆ อิอิ วันนี้มาบ่นจริง ๆ


โดย: พรายทราย วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:18:19:11 น.  

 
พยายามตีตั๋วขึ้น Time machine ต่อ


โดย: พรายทราย วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:13:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BestChild
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่ใช่คนเลว แต่ไม่ใช่คนดี
ไม่ใช่คนมีน้ำใจ แต่ไม่ได้เห็นแก่ตัว
ไม่ใช่คนใจร้าย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงใจดี
ไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ไม่ใช่คนยอมคน
รับรู้ในตัวตน และไม่สนใครจะว่าอย่างไร
รู้จักให้อภัย แต่ไม่ใช่ไม่รู้จักแค้น
เป็นผู้หญิงแท้ที่ชอบโชว์แมน แต่ความจริงแสนจะอ่อนโยน O_o!!!


~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ~


"...มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกต้องเสมอไปในโลกใบนี้ หากจะมีก็ให้ไอ้คนนั้นมันไปเป็นเทวดาเสีย อย่ามาเป็นคนให้เสียชาติเกิดกันเลย"

โรม / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ







"คนที่บอกว่าคุณไม่สวยคือคนที่ไม่ได้มองคุณรู้ไหม ถ้าหากเพียงมองคุณดีๆ รู้จักมองให้ถึงความเป็นตัวคุณแล้วก็จะรู้ว่าคุณน่ะสวย..."

ยอด / ผมก็เป็นพระเอกคนหนึ่ง







จิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้พอดีทั้งสองฝ่ายมันไม่ใช่สิ่งที่จะซื้อหาง่ายๆ เมื่อได้มันมาแล้วต้องรักษามันไว้ให้ดี อย่าทิ้งขว้างเหมือนเป็นสิ่งที่หมดค่า เพราะรู้ไหม ว่าหากแกปล่อยมันหลุดมือไปแล้วความสูญเสียจะเทียบไม่ได้กับอะไรทั้งนั้น"

อวิกา / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ






"...ไอ้ผู้ชายมาดแต๋วที่พี่ก่นด่านักหนาตรงหน้านี่นะ...เท่าที่รู้จักมา บอกได้คำเดียว...โคตรแมนเลยเว้ยค่ะ"

นงนุช / แมน







คุณค่าที่ว่า ความรู้สึกในทุกๆ ใบหน้าของคนในรูปคือ 'ความสุข' ไม่เห็นจะต้องมีองค์ประกอบเป็นฉากสวยงาม

ลูกชุบ / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"...คุณกับผมอาจดูต่างกัน คุณเชื่องช้า ผมว่องไว คุณใจเย็น ผมใจร้อน คุณชอบจดจ้องและลากเส้น แต่ผมชอบมองผ่านเลนส์และกดชัตเตอร์ แต่รู้มั๊ยในจุดประสงค์ของทั้งหมดมันคือสิ่งเดียวกัน..."

นที / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"มันเป็นแค่ความทรงจำ จะดีหรือร้าย เราไม่สามารถลบมันออกไปได้ เก็บมันไว้ในอดีตและเดินต่อไปยังอนาคตข้างหน้า ปล่อยให้ความทรงจำเป็นเพียงแค่ความทรงจำ"

Matsumura Ryo / Hiroshima eki สถานีแห่งความทรงจำ








"...บางทีสิ่งที่แกเห็นมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เหรียญยังมีสองด้านได้เลยแก ประสาอะไรกับใจมนุษย์เล่า มันขึ้นอยู่กับว่าแกเลือกที่จะรับมันทุกด้านหรือเปล่า หากแกเลือกที่จะรับไว้เพียงด้านเดียวแล้วทุกข์ไปตลอดชีวิตน่ะมันคุ้มกันไหม..."

ลูกชุบ / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ









เฮ้อ... ผู้ชาย ไม่มีไม่ตาย แต่อยากได้สักคนแฮะ

"ฉัน"/ ท้องฟ้า หาดทราย สายลม ผมกระเจิง




ฝากคำทักทายไว้ด้วยจิ...รักตายเลย




ShoutMix chat widget




BestChild ในคอลัมน์นักเขียนรับเชิญ ลายปากกา 2009

BestChild ในคอลัมน์ "ลายรัก" ลายปากกา 2010




Friends' blogs
[Add BestChild's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.