Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
15 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ ตอนที่ 6 <เพราะใจฉันหวิว>



ทำไปทำมาเลยกลายเป็นว่าฉันจะได้ควงหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งของสาวน้อยสาวใหญ่ทั่วประเทศไทยไปงานวันอาทิตย์นี้ อันที่จริงฉันเกือบตอบรับเป็นคู่ควงเจ้าของงานไปเสียแล้ว หากตอนที่เขามายื่นบัตรเชิญให้ถึงบ้านไม่ทำสายตาโลมเลียฉันอย่างนั้น ยอมไปกับไอ้หน้าปลาจวดดีกว่าไปกับแกย่ะ

อันที่จริงคุณปวริศ หนุ่มฮอตอีกคนที่ติดอันดับต้นๆ ของไทยคนนั้นไม่ได้รูปชั่วตัวดำ ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงเลยต่างหาก แถมมีตัวเลขรายได้ต่อปีที่ทำให้ใครต่อใครตาโตได้ง่ายๆ เทียบกับอายุสามสิบปีที่ถือว่ายังน้อยเหลือเกิน สรุปว่าเป็นบุคคลที่มากมายไปด้วยทรัพย์ ทั้งรูปทรัพย์และทรัพย์สิน แต่ดูด้วยหางตาขวาข้างเดียวก็รู้ว่าเป็นไอ้พวกผู้ชายน่ารำคาญ หนอย...ทำมาประจบประแจงแม่ฉัน คุณน้านิลอย่างนั้น คุณน้านิลอย่างนี้ คิดว่าฉันต้องแล่นออกจากบ้านทุกวันๆ เพราะใครกันเล่า

การมีข้อเสนอระดับสูงอย่างคุณแทนธรรม์มาเกยตื้นอยู่ตรงหน้าจะให้ปฏิเสธก็คงมาเรียกฉันว่าควายได้แล้ว หล่อเข้มเซ็กซี่เข้าขั้นที่กระเทยไทยเทใจให้หมดขนาดนั้น จะทำหยิ่งไม่รับไว้ก็กระไรอยู่ แถมฉันยังกุมความลับเขาไว้อีกอย่าง ความลับที่ทำให้ฉันเบาใจได้ว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับชะนีแสนเซ็กซี่อย่างฉัน นั่นเพราะ เขาเป็นเกย์!

'อะไรนะเพชร แกว่าคุณแทนเป็น...อย่างว่ากับ...กับคุณพล'

นึกถึงสีหน้ายัยสุตอนนั้นแล้วยังข้องใจไม่หาย ถ้าไม่ได้ก้อยมาช่วยขยายความทีหลังล่ะก็

'ทำไมแกต้องทำหน้าอย่างนั้น...แล้วพูดอย่างกับแกรู้จักคุณพล'

'อ่า...เดี๋ยวนะ พี่เพชรเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า สองคนนั้นน่ะนะ เป็นคู่ขากัน'

น้องก้อยทำหน้าประหลาดอีกคน

'จริง จริ๊ง...ก็มีอยู่วันนึง เมื่ออาทิตย์ก่อนโน้นน่ะ พี่เข้าไปในออฟฟิตพี่ชายก้อย ก็อย่างที่เคยบอกนั่นแหล่ะ ไปเรื่องที่พี่ชนท้ายรถคุณแทนเขา แล้วบังเอิญว่าพี่หุนหันพลันแล่นไปหน่อย เลยไปพังประตูเขาเข้าเลยเห็นภาพเด็ด รู้เปล่า...พี่ชายก้อยนะ เป็นควีน เหลือถอดอีกไม่กี่ชิ้นก็หมดตัวแล้ว... ส่วนคุณพลนั่นน่ะ เป็นคิง ชัวร์ เห็นมือยังคาแผงอกควีนอยู่เลย ใช้โซฟารับแขกในห้องทำงานเลยนะ แหม...นี่พี่ไม่อยากเล่าหรอกนะนี่'

กว่าจะรู้ตัวว่าไม่อยากเล่าก็ละเอียดยิบไปแล้วล่ะฉัน

'มันจะเป็นไปได้ยังไง...' นังสุอุทานลอยๆ ก่อนค่อยๆ ยกเก้าอี้ที่ล้มขึ้นมาทิ้งตัวนั่งลงอย่างทุลักทุเล

'เอ...พี่เพชรว่า เมื่ออาทิตย์ก่อนเหรอคะ อืม...มีวันนึงที่พี่แทนกลับบ้านมากับรถตูดบุบ และก็เสื้อ...อ๊ะ!'

ก้อยทำท่าเหมือนแสงสว่างแห่งปัญญาประดิษฐ์สว่างวาบขึ้นข้างหัว แล้วค่อยๆ ลดดวงตาที่กลมโตหรี่ลงมามองหน้าฉันอย่างพิจารณา

'น้องก้อยคะ...เป็นอะไรไปหรือเปล่า' ฉันไม่ค่อยไว้ใจคนบ้านนี้นักซักเท่าไร คนพี่ก็เบี่ยงเบน คนน้องนี่ฉันก็กลัวใจนัก

'พี่เพชรเห็นตอนพี่แทนกับพี่พลเขาคลุกวงในกันจะๆ เลยหรือเปล่า...หมายถึง เอ่อ...' น้องก้อยหยุดนิดหนึ่งหันไปทำท่าเกรงใจอาจารย์สาวที่ยังดูเลื่อนลอย ก่อนป้องปากพูดเบาๆ

'คือ เห็นตอนล้วง ตอนควักกันเลยไหม'

ตึง!

'อะไรของแกนักหนาหายัยสุ!' ฉันสะดุ้งโหยง เมื่ออาจารย์สุภาหน้าซีดลุกขึ้นพรวดให้เก้าอี้ต้องมีอันเป็นไปอีกหน

'กุลธิดา วันนี้อาจารย์รู้สึกไม่ค่อยสบาย ไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาคุยกันใหม่ได้ไหม นะ...' น้ำเสียงโหยๆ มันพูดกับลูกศิษย์อย่างนั้น

'อ่า...ค่ะ' ก้อยทำท่าลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบตกลงไปอย่างนั้น ก่อนที่ยัยสุจะเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางน่าเป็นห่วง

'เพื่อนพี่เป็นอะไรไปเนี่ย...น่าเป็นห่วงแฮะ หรือว่า...มันจะปิ๊งคุณแทนอยู่'

ฉันเดาส่ง กะว่าอีกเดี๋ยวค่อยโทรหามันปลอบอกปลอบใจลูบไหล่ลูบหลังก็ยังไม่สาย

'โอ้ย...ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่ถ้าหมายถึงพี่พลล่ะ ไม่แน่'

เป็นความรู้ใหม่จริงๆ ค่ะ นี่เพื่อนฉันไปติดใจนายคุณพลนั่นรึ ตายละหวา...

'ทำเป็นเล่นไปซี...ยังไง เมื่อไหร่ ที่ไหน ไม่เห็นจะเคยรู้มาก่อนเลย ก้อยรู้อะไรมั่ง'

'ปล่อยเรื่องอาจารย์สุไปก่อน พี่เพชรไม่ต้องเป็นห่วง อันนั้นเดี๋ยวก้อยจัดการเองค่ะ'

น้องก้อยตัดจบเรื่องไปอย่างนั้นด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ หมายความว่ายังไงกัน

'สรุปว่า...พี่เพชรเห็นแค่พี่แทนถอดเสื้ออยู่กับพี่พลเท่านั้นใช่ไหม' ไม่ปล่อยให้ฉันซักต่อเลยรึไง เล่นยิงสวนมาซะแทบไม่ทันหายใจ

'ก็...เท่าที่เล่านั่นแหล่ะ แต่เห็นแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ให้พี่ดูมากไปกว่านี้เห็นทีจะไม่ไหว'

'งั้นก็...โอเค้'

โอเคอะไร ทำไมทำใจรับได้ง่ายนัก นี่พี่ชายเธอนะจ๊ะ

'ว่าแต่...ก้อยเคยได้ยินมาว่า พี่เพชรเกลียดพวกผู้ชายหรือคะ ถึงได้ไม่ยอมมีแฟนอย่างนี้'

จู่ๆ น้องก้อยก็ถามหลุดประเด็นมาอย่างนั้น นี่เราไม่ได้กำลังนินทาพี่ชายเธออยู่หรอกเหรอ

'ไม่ใช่เกลียด หล่อๆ พี่ก็ชอบ แต่มีแต่พวกที่ชอบมองพี่ยังกะจะกลืนกิน ไม่ไหว...น่ารังเกียจ'

'งั้น...ถ้าเป็นพวกผู้ชายประเภทสองพี่ก็คบได้ ใช่มะ'

อ๋อ...รู้ทางละ กลัวเรารังเกียจพี่ชายเธอล่ะสิ...แหม น่ารัก อยากมีน้องสาวอย่างนี้บ้างจัง

'ก็...ไม่อันตรายดีนี่ ถ้าหมายถึงพี่ชายเราน่ะนะ ก็ดูน่าคบดี' โดยเฉพาะเวลาถูกเรากวนให้โมโห คล้ายๆ จะมีสะบัดสะบิ้งเล็กๆ ควีนก็เงี้ย น่าแกล้ง...ทำงอนก็ยังหล่อ เสียดายจริง

'อืม...งั้นก้อยก็โล่งใจ... จริงๆ แล้วก้อยก็พอรู้มาบ้างนะ เรื่องพี่แทนกับพี่พล แต่ไม่นึกว่าจะมีคนอื่นมารู้ด้วย อ๊ะ...ไม่ใช่หมายความว่าพี่เพชรเป็นคนอื่นคนไกลนะคะ อย่าน้อยใจก้อยนะ'

นั่น...ความลับไม่มีในโลกจริงๆ ด้วย ก็ว่าอยู่แล้ว ทำไมคนใกล้ตัวจะไม่รู้ แล้วก็นะ ใครจะไปน้อยใจเล่า น้องก้อยออกน่ารักขนาดนี้

'ว้า...อย่างนี้ พี่เพชรคงไม่ตามน้านิลมาหาก้อยที่บ้านบ่อยๆ เหมือนสาวๆ คนอื่นสิ เสียดายจัง อยากมีพี่สาวบ้าง...นะคะพี่เพชร' รำพึงรำพันเสร็จก็โดดมาเกาะแขนฉันหนับ

'ไม่ได้มาเป็นพี่สะใภ้ก็มาเป็นพี่สาวก้อยก็ได้ มีแต่พี่ชาย มันน่าเบื่อ นะคะ นะค้า...'

คนอย่างฉันใช่ว่าจะมีใครมาอ้อนกันบ่อยๆ สาวน้อยนี่ก็น่าเอ็นดู อะ...เอาใจเด็กมันนิด

'จ้า...เป็นลูกคนเดียวมายี่สิบห้าปี มีน้องมั่งก็ดีเหมือนกัน' ฉันเอื้อมมือไปโคลงหัวน้องก้อยเบาๆ เห็นเธอยิ้มสมใจ แถมเหมือนเห็นแววเจ้าเล่ห์ในดวงตามันฉายมาวูบหนึ่ง เอ...ไม่มั้ง คิดไปเองมากกว่า ออกน่ารักใสๆ อย่างนี้มีรึจะเจ้าเล่ห์ คิดไปเองน่ายัยเพชร

ก้อยคุยติดพันอยู่กับฉันด้วยเรื่องเผาพี่ชายล้วนๆ ถึงขั้นเดินตามมาที่รถรอจนฉันขึ้นไปสตาร์ทเตรียมออกตัวเธอก็ยังยืนรอส่ง แต่การส่งฉันออกรถก็กลับไม่สำเร็จเมื่อออดี้สี่ประตูของฉันมันเกเรเอาเสียดื้อๆ อะไรกัน ไม่เห็นมีอาการมาก่อน

สุดท้ายก้อยเลยเสนอตัว(ให้คนอื่น) ไปส่งฉันยังป้ายแรกร้านตัดเสื้อ ทีแรกนึกว่าคู่ขาพี่ชายเธอจะมา แต่กลายเป็นว่าพ่อรูปหล่อมาเสียเอง เก๊าะ...ดีเลย กำลังอยากหาคนป่วน แถมยังถูกฉันหลอกให้เสียค่าน้ำมันขับรถอ้อมกรุงเทพมาส่งฉันถึงบ้านที่อยู่คนละทางกับบ้านเขา แหม๊...สบายใจจริง

แต่พอนึกถึงดวงตาคมบาดลึกคู่นั้นที่จ้องมองมาตอนฉันออกมาส่องกระจกลองชุดนอกห้องแล้วมันยังหวิวๆ ไม่หาย ทั้งๆ ที่รู้ว่านั่นเขามองด้วยความริษยาอยากมีไอ้ที่ตัวเองไม่มีอย่างฉันมันก็ยังรู้สึกร้อนๆ คนอะไร...นี่ถ้าเป็นผู้ชายแท้ๆ มองกันอย่างนี้มิต้องรีบถอดชุดออกมากองให้มองแต่เนื้อๆ กันเลยรึ

ดูเอาอย่างตอนที่ฉันจะลาเขาลงมาจากรถสิ แค่แกล้งส่งจูบให้หน่อยล่ะทำตัวแข็ง ถ้าเดาไม่ผิดคงนั่งขนลุกอยู่เป็นแน่ แหม...สะใจ

'เอื้ออาทรฉันที คนจะมีรักใยขวาง...'

"อวิกา สวัสดีค่ะ" โทรศัพท์อยู่ในมือฉันพอดีตอนที่นั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่บนเตียงนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องให้ใครไปรักผัวใครอยู่นานก็รับสายได้รวดเร็ว

"ผมช่างเสริมจากออดี้นะครับ รถคุณเพชรที่แจ้งให้มาลากนะครับ ผมดูแล้วมันไม่ได้เสียตรงไหนเลย สภาพยังดีทุกอย่าง"

เสียงช่างหนุ่มรุ่นพี่ฝีมือดีคนเดิมที่แสนจะคุ้นเคยเพราะปะกันหลายหนด้วยสาเหตุยิบย่อยของรถประจำกายฉัน ตั้งแต่รอยข่วนสีข้างรถจนไปถึงการถองประตูบ้านด้วยความใจร้อนของฉันเอง ช่างคนนี้นี่แสนดี ติดต่อได้ทุกเรื่อง

"อ้าว...ก็ตอนนั้นสตาร์ทไม่ติด แช้กๆๆ อยู่สองสามทีก็แน่นิ่งไป นี่เพชรไม่ได้โกหกเอามันนะคะ" ฉันรีบเถียง ก็มันใช้ไม่ได้จริงๆ นี่หว่า

"ผมก็ไม่ได้ว่าคุณเพชรสะตอสักหน่อย แต่เครื่องมันไม่ได้เสีย"

แกค่อนข้างสนิทใจกะฉันค่ะ หนอย...หลอกด่า

"แล้วมันอะไรล่ะคะที่เสีย อารมณ์มันเสียหรือไง" อดไม่ได้ค่ะ อดไม่ได้

"น้ำมันหมดครับ"

"..."

"ขับมาได้ยังไงให้น้ำมันแห้งถัง สัญญาณเตือนอะไรก็มี รถยี่ห้อนี้ไม่ใช่บุโรทั่งนะครับ นี่ผมแค่นั่งมอไซค์ไปซื้อน้ำมันที่ปั๊มมาก็เติมได้สบายเครื่องแล้ว...พรุ่งนี้สายๆ ผมจะให้ช่างขับไปส่งที่บ้านท่านรัฐมนตรีฯ ก็แล้วกัน บอกคนที่บ้านไว้ด้วยล่ะครับ...สวัสดีครับ"

......................................................

อีกเกือบสิบนาทีกว่าจะทุ่มตรง ราชรถลีมูซีนสีดำคันใหญ่ก็เคลื่อนมารับฉันถึงบันไดหน้าบ้าน อย่าหวังว่าจะมีภาพเจ้าชายรูปงามมายืนรออยู่โถงกลางบ้านให้เจ้าหญิงผู้เลอโฉมค่อยๆ เยื้องย่างเป็นนางงามลงมาจากบันไดวนชั้นบน นิยายเรื่องนี้คนแต่งเขาไม่เอาซึ้ง (?) จะมีก็แต่สาวสวยที่แต่งตัวเสร็จตั้งแต่หกโมงครึ่งมายืนพิงวงกบประตูรอ พร้อมหน้าพร้อมตาท่านรัฐมนตรีและภรรยาที่มารอดูหน้าชายหนุ่มผู้โชคร้ายได้ลูกสาวไปควงในคืนนี้

"นานทีจะมีใครกล้าเอาขาแหย่สุ่มไก่ชน ขอพ่อดูหน้าสักที ใครกันที่มันจะทนลูกจิกตีได้"

รู้รึยังคะ ว่าฉันได้บุคลิกการพูดจามาจากใคร

"ท่านรัฐมนตรีคะ มีคนมาเชิญท่านกับภรรยาไปอีกงานนึงนะคะ ไม่ไปสักทีเล่า มารอส่งลูกสาวออกเรือนหรือไง ทุกทีไม่เห็นเคยสนใจเพชรเลย" ฉันกระทบกระเทียบบิดาตัวเองพองามด้วยความสนิมสนมของคนในครอบครัว (พ่อก็ไม่เว้น) ขณะที่ลีมูซีนที่ว่าไหลมาไม่ถึงหน้าประตูเสียที

"ทุกทีไม่เห็นมีใครกล้ามาชวนลูกเพชรไปไหนอย่างนี้นี่นา เห็นไม่เคยรับนัดหนุ่มไหน นี่ต้องพิเศษล่ะสิท่า แหม...พูดแล้วตื่นเต้น ว่ามั๊ยคุณนิล" พ่อฉันพยักเพยิดไปทางแม่ที่ชะเง้อชะแง้อยู่ข้างๆ

"ก็อยากจะรู้เหมือนกัน คนที่ทำให้เพชรปฏิเสธพ่อปาล์มได้ คงไม่ธรรมดา" แม่ยังงอนฉันอยู่ ที่ฉันไม่รับนัดพ่อปาล์ม หรือคุณปวริศขวัญใจแม่ยกนิลประดับ

รถจอดสนิทแล้ว อีกนิดเดียวทั้งพ่อและแม่ก็จะได้รู้ว่าคนนี้ไม่ธรรมดายังไง (แต่ฉันรู้มากกว่าแน่ๆ ละหนึ่งข้อ)

"อ้าว...นึกว่าใคร ลูกชายคุณรำไพเพื่อนคุณนิลเองนี่ ใช่ไหม...หล่อจัดขนาดนี้พ่อจำได้" พ่อหันมาถามแม่ยิกๆ แต่แม่ฉันอ้าปากค้างไปชั่วขณะ เหมือนถูกมนต์สะกด ไม่เว้นแม้แต่ฉันเมื่อได้เห็นเจ้าของร่างที่ก้าวมานั้นอย่างเต็มตา

ฉันแทบจะตาพร่าไปหมดกับผู้ชายในชุดสูทออกงานที่ดูดีไปทุกกระเบียดนิ้ว ร่างสูงของชายหนุ่มที่มาพร้อมจมูกคมสัน คิ้วเข้มดวงตาคมลึกคู่นั้นจ้องมองตรงมาที่ฉันอย่างเปิดเผย รูปหน้าและกรามสันแข็งแรงที่เปิดให้เห็นชัดเจนจากผมดกหนาที่ถูกหวีปัดเรียบไปทางด้านข้างนั้นงามราวกับบรรจงปั้นแต่งด้วยฝีมือของจิตรกร ไหล่กว้างและแผงอกที่ยืดอย่างสง่าผ่าเผยบ่งบอกถึงความมีอำนาจและมั่นใจของเจ้าของ ช่วงขาที่ยาวตรงแข็งแรงคงจะซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงเนื้อดีสีดำสนิท โธ่...คุณแทน ถ้าคิดจะฆ่ากันให้ตายช้าๆ ด้วยท่าทางของผู้ชายมาดดี ปนความเซ็กซี่อย่างร้ายกาจที่คุณแสดงออกมา ฉันขอบอกว่าคุณทำสำเร็จ

"เฮ้ย...คุณนิล ยัยเพชร! กลับมาสู่พื้นโลกก่อน" พ่อกระซิบใส่หูสตรีหมายเลขหนึ่งและสองของบ้านเพื่อเรียกสติคืนมา

"สวัสดีครับท่านรัฐมนตรีอิทธิ คุณนิลประดับ ผมขออนุญาตมารับคุณเพชรไปร่วมงานด้วยกันกับผมนะครับ" เขายกมือไหว้พ่อและแม่ฉันด้วยท่วงท่าที่ไม่ขัดตาแม้แต่น้อย แสดงอาการซ่อนเร้นมิดชิดอย่างนี้นี่เล่า สาวถึงได้ติดตรึม

"อ่า...เอ้อ...เชิญค่ะ" แม่ฉันคงยังมึนค้าง นี่ขนาดปัดตกแท่นอันดับหนึ่งไปแล้วนะนี่

"ฝากดูแลเพชรเค้าด้วยนะ แล้วพามาส่งดีๆ ด้วยล่ะ" พ่อฉันพูดฝากลูกสาวไว้กับหนุ่ม ยังกับคืนวันงานพรอม ใจจริงพ่อนั้นฉันรู้ดีหรอก ว่ามันเป็นอีกแบบ 'ฝากดูเพชรอย่าให้ไปจิกใครด้วยนะ แล้วพยายามลากเอามาคืนด้วยล่ะ'

"ครับ แล้วผมจะพาคุณเพชรมาส่งไม่ให้ดึกมากครับ" เขาก้าวเข้ามาใกล้ฉันอีกก้าว ซึ่งตามมารยาทอันงามงดหมดจดของสาวไฮโซสูงส่ง ฉันต้องเชิดหน้าก้าวลงมาเกาะแขนเขา แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน แม่ฉันก็ดึงแขนเอาไว้ก่อน

"แน่ใจแล้วเหรอลูก แม่ว่า...นายแทนเนี่ย ชอบกลอยู่นา ถึงจะหล่อ...มาก ก็เหอะ" แม่ฉันยังฝังใจกับภาพวันนั้น โธ่...ที่แม่เห็นน่ะแค่อาจาด ฉันสิ...เห็นถึงเครื่องต้มยำ เผ็ดร้อนกว่าแยะ

"ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่...แค่ไปงานด้วยกัน ดีซะอีก ได้มั่นใจว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์" ฉันทำหน้าทะเล้นใส่แม่บังเกิดเกล้าหนึ่งที ได้รับกลับมาเป็นการตีต้นแขนเบาๆ

"บ้ารึไงเรา นี่เขาเป็น...อย่างนั้นจริงๆ เหรอ" ยัง แม่ยังยึดแขนฉันไว้กระซิบกระซาบต่อหน้าชายหนุ่มที่เริ่มปรากฏปมสงสัยที่หัวคิ้ว

"พอแล้ว...ไว้ค่อยกลับมาเม้าท์ได้มั๊ยแม่ลูก มันเสียมารยาท ปล่อยเพชรมันไปเสียที มีแต่กลัวแทนพ่อหนุ่มนี่ต่างหาก มันเคยพลาดท่าใครไปที่ไหนเล่า คุณนิลนี่!"

แล้วคู่ดูโอแห่งวงนินทาก็มีอันต้องพ่ายกับการร่วมวงยื่นหน้าของท่านรัฐมนตรีอิทธิ แม่จำต้องมองตามฉันไปเกาะแขนล่ำๆ ของชายหนุ่มแค่เปลือกนอกขึ้นรถไปด้วยสายตาพิลึก

การปรากฏตัวของเรา อันหมายถึงฉันกับคุณแทนแทบจะทำคนหน้าโรงแรมตาบอดจากแสงไฟแฟลชวูบวาบที่กระหน่ำยิงมาแบบไม่คิดชีวิต งานเปิดตัวโรงแรมพ่วงงานครบรอบสามสิบปีของเจ้าของใหญ่โตตามราคาคุยของคนในแวดวงจริงๆ ตั้งแต่ถนนหน้าโรงแรมจนไปถึงห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ที่เป็นสถานที่จัดงานถูกปูพรมแดงยาวเป็นทางเดิน นี่ถ้ามีดาราฮอลีวู้ดอีกหน่อยฉันจะคิดว่ามาร่วมงานรับตุ๊กตาทองแล้วนะนี่

"พรุ่งนี้คุณกับผมคงได้เป็นข่าวลงหลายสำนัก ทำใจหน่อยนะครับ ผมมันระดับติดโหวตหนุ่มฮอตแห่งปี บางที คุณอาจโดนสาวๆ เขม่นเอาได้"

สาบานเถอะว่านี่ไม่ใช่คำพูดของเก้งในคราบหนุ่มเจ้าเสน่ห์ นี่หลงตัวเองขนาดกล้าพูดหน้าตาเฉย

"บังเอิญว่าชั้นก็อยู่ทำเนียบสาวสวยเซ็กซี่แห่งปีเหมือนกันนะคะ พรุ่งนี้คุณอาจถูกจ้องทำร้ายจากผู้ชายกลุ่มใหญ่ก็ได้ ใครจะไปรู้" ฉันโต้กลับขณะเกาะแขนเขาเดินเข้าไปในงานด้วยบุคลิกมาดมั่นนางพญา ให้มันรู้กันไปว่าใครแน่กว่าใคร

"แต่ผมมั่นใจว่าผมชนะ...ถ้าเกิดว่าจะมีใครมาทำร้ายผมล่ะก็นะ"

"อุ้ย...เป็นจาพนมหรือคุณน่ะ หรือซุปเปอร์แมน ฮึ?"

"ผมเป็นแค่ 'แมน' ครับ หากคุณจะยอมเข้าใจเสียที"

"อ๋อ...เหรอคะ แมนก็แมน อย่างน้อยคืนนี้ชั้นก็จะปล่อยให้คุณแมน ไม่งั้นมันก็จะกลายเป็นว่าฉันควงเพื่อนสาวมางาน...ขายขี้หน้าตายชัก"

ฉันลอยหน้าลอยตาตอบกลับ ได้ยินแต่เสียงถอนใจหนักๆ จากฝั่งเขาเท่านั้น

คนแรกที่ปรี่ออกมารับตามเสียงฮือฮาของคนในงานและนักข่าวหน้างานกับการปรากฏตัวของฉัน (และเขา...ด้วยก็ได้ ชิ) ไม่ใช่ใคร เป็นคุณปวริศสุดหล่ออันดับสองรองจากคนที่ฉันควงมา เฉือนกันไปด้วยคะแนนโหวตตามโพลในเลขหลักหน่วยเท่านั้น

"สวัสดีครับคุณเพชร อ๊ะ...นึกว่ามากับใคร ที่ปฏิเสธผมเพราะคุณแทนธรรม์นี่เอง ยินดีต้อนรับสู่คลับเลิฟครับผม"

ใครสั่งใครสอนให้ตั้งชื่องานเสี่ยวอย่างนั้นค้า...เกลียดคุณจัง

"ยินดีด้วยครับ สำหรับครบรอบวันเกิด และโรงแรมใหม่" คุณแทนยื่นมือไปสัมผัสเจ้าของมืออีกหนึ่งที่ยื่นมาก่อนหน้าแล้ว ความหล่อสูสี แต่คุณแทนมาดดีกว่าอย่างเฉือนขาด นี่ล่ะ ประโยชน์ของการควงคนคนนี้มา รู้สึกว่าเหนือชั้นขึ้นจม

"ตอนนี้เข้างานมาแล้ว กฎของงานไม่ได้ระบุว่าต้องควงคู่คนเดิมตลอดงาน เพราะฉะนั้น...ผมขอเป็นคนเทคแคร์คุณเพชรต่อก็แล้วกันนะครับ คุณแทนธรรม์"

โห...อะไร ขอกันง่ายๆ อย่างนี้ ฉันไม่ใช่โสเภณีนะคะ ย่างเข้างานได้ด้วยเท้าสองข้างยังวางไม่ตรงดีก็จะระริกระรี้ไปหาผู้ชายคนใหม่ นี่ถ้าผู้ชายทั้งแท่งแบบแมนๆ นี่โดนขออย่างนี้คงมีต่อย แต่เขาไม่ใช่...ฉันเองก็ได้วะ

"ขอโทษนะครับ..." เปล่า...ฉันยังไม่ได้ต่อยหรือจิกใครด้วยกำลังและวาจา คุณแทนกลับเอามืออีกข้างมายึดมือฉันที่ยังคล้องแขนเขาอยู่ให้แน่นขึ้นกว่าเดิมพร้อมคำพูดนุ่มๆ แต่เหมือนจะทุ่มดังโครมใส่หัวคนแถวนี้

"สุภาพบุรุษอย่างผมก็คงต้องขออนุญาตดูแลสุภาพสตรีคนนี้ไปตลอดงานเหมือนกัน ต้องขออภัยจริงๆ นะครับ และ...'เรา' คงต้องขอตัวก่อนครับ"

"คะ?...ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ" ฉันแทบจะรับมุกตามเขาไม่ทัน เมื่อจู่ๆ ก็จะลากฉันหนีไปเสียอย่างนั้น มือก็จับไว้แน่นจริง

"อะไรของคุณ ผีผู้ชายเข้าสิงหรือไง...ความจริงคุณน่าจะชอบใจที่ดีดตัวฉันออกมาได้ซะอีกนะ" ต้องกระแนะกระแหนเสียหน่อย เดี๋ยวผิดคาเรคเตอร์

"ผีบ้าอะไรของคุณ นี่ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นเจ้าของงานผมชกหน้าหงายไปแล้ว หยามกันชัดๆ" เขากัดฟันกรอดพูดกับฉันด้วยอาการที่เกือบลืมไปว่านี่ไม่ใช่ชายแท้

"แปลกจริง...ทำอย่างกับชั้นเป็นผู้หญิงของคุณอย่างนั้นน่ะ รึว่าแค่ทำให้สมจริง" ฉันหรี่ตาหาเรื่อง แต่อะไรบางอย่างในใจมันกระตุกอยู่ ตัวฉันย่อมรู้ดี

"บ้ารึไง ใครเป็นผู้หญิงของผม คุณเป็นอะไรกับผม" นั่น...ทำโวยใส่ขึ้นมาทันควันเชียะ

"ลูกสาวเพื่อนแม่คุณไง พอมั๊ย"

เขาไม่ตอบแต่หันมาทำหน้ารำคาญใส่ ก่อนที่จะปล่อยมือจากฉัน

"เอาละ...ถ้าเห็นแก่หน้าผม อย่าไปควงใครในงานนี้อีก นอกจากผม...รู้ไหม" เขาสั่งฉัน บังอาจจริงเชียว

"นี่ถ้าไม่ติดว่ารู้ไส้รู้พุงคุณปรุโปร่ง ชั้นคงคิดว่าคุณหวงจริงๆ แล้วนะนี่"

"ชาติหน้าบ่ายๆ เถอะครับ แล้วอย่ามาหยอกผมมากนัก ผมไม่ใช่เพื่อนเล่น" จู่ๆ ก็ทำหงุดหงิดใส่ฉันขึ้นมา อะไรกันฟะ เดี๋ยวรอจังหวะเหมาะๆ แม่จะเล่นคืนมั่ง ตอนนี้ต้องรักษากริยาไว้ก่อน เชอะ...น่าหมั่นไส้จริง

งานจัดเป็นแบบค๊อกเทลปาร์ตี้สีสวย บรรดาอุปกรณ์ตกแต่งประดับประดาถูกเนรมิตให้มีสีหวานสดใสเพื่อเข้ากับคอนเซ็ปท์ 'คลับเลิฟ' ของงาน ตำแหน่งตรงกลางฮอลล์กว้างมีเค้กวันเกิดที่ออกแบบมาได้อย่างเก๋ไก๋ในแบบที่ระบุรูปทรงไม่ได้ขนาดกว้างยาวน่าจัดเลี้ยงโต๊ะจีนลิงลพบุรีได้อิ่มทั้งจังหวัด รอบๆ พื้นที่วางเค้กไฮไลท์ของงานมีเชิงเทียนประดับอยู่รายรอบ ฉันยังนึกหลอนๆ ว่าเดี๋ยวพอได้เวลาจุดเทียนตัดเค้กนี่คงร้อนน่าดู ยิ่งถ้าเอาใครไปยืนตรงกลางคงเหมือนงานบูชายัญ

ในขณะที่ฉันกำลังเดินเพลินกับการทดลองชิมโน่นนิด นี่หน่อย ประกอบกับพันช์สีสวยผสมแอลกอฮอล์แต่พองาม คนหล่อที่ฉันหนีบมาด้วยกลับโดนสาวๆ มาฉกไปเสียฉิบ ชิ...บอกเราให้อย่าไปควงใคร ทีตัวเองล่ะกลับทำตัวเป็นดอกไม้สีม่วงให้แมลงวันตัวเมียตอมหึ่ง แล้วดูสิ...ทำท่าเป็นสุภาพบุรุษ ครับๆ ผมๆ หนอย...เปิดโปงมันงานนี้เลยดีไหม

ฉันเลยทำเป็นไม่สนใจเขามั่ง แล้วก็อย่างว่า พอบรรดาหนุ่มๆ ถูกแย่งความสนใจไปจากสาวที่ควงมาด้วยเพราะเธอเหล่านั้นดันไปหลงเก้งหล่อๆ พวกเขาก็เลยต้องเบนเข็มมายังสาวเสน่ห์แรงที่บังเอิญยืนอยู่โดดเดี่ยวอย่างฉัน

"คุณเพชรใช่ไหมครับ ผมเคยไปงานที่คุณเพชรเดินแบบด้วยนะครับ ไม่คิดว่าจะได้เจออีกครั้ง แถมยังฉายเดี่ยวเสียด้วย" หนุ่มหน้าแหลมคนนึงทักฉันอย่างนั้น

"เพชรก็แค่มาในงานตามคำเชิญน่ะค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ" ฉันก็แค่มาตามมารยาทสังคม แล้วจะฉายเดี่ยวฉายกลุ่มมันก็เรื่องของฉัน เกี่ยวอะไรกับแกยะไอ้หน้าเสี้ยม

"แล้วคุณแทนธรรม์ที่มาด้วยกันเขาไปไหนเสียแล้วล่ะครับ ทิ้งสาวสวยอย่างคุณเพชรยืนอยู่อย่างนี้ไม่กลัวใครมาคว้าไปหรือไงกัน" ใครอีกคนถลามาจากทิศไหนไม่มีใครรู้ มาตามฟีโรโมนรึไง

"เพชรก็ไม่ทราบเหมือนกันซีคะ พอดีว่าแค่มาด้วยกันกับเค้าเท่านั้น เลยไม่ค่อยได้สนใจเท่าไร" ยุ่งอะไรด้วยฟะ หน้าอย่างแก หุ่นยังกะแจ๊คแฟนฉัน ใครมันหน้ามืดคว้าแกมาควงด้วยเนี่ย

"ขอโทษครับหนุ่มๆ " คุณปวริศอีกแล้ว โฮ้ย...เบื่อจริงเล้ย

"สำหรับคุณเพชร...ผมขอใช้สิทธิเจ้าของงานดูแลเพียงคนเดียวนะครับ"

มาแล้วค่ะ ไอ้คนน่ารังเกียจ หน้าตาก็ออกจะหล่อเหลาสาวกรี๊ดติดอันดับ แต่ทำไมถึงได้ใช้ความใหญ่ความโตมาเบ่งใส่คนอื่นเขาอย่างนี้ พ่อฉันเป็นตั้งรัฐมนตรียังไม่เคยทำเบ่งใส่ใคร นอบน้อมยกมือรับไหว้ทุกคน

'ไม่ว่าเขาจะยากดีมีจนมาจากไหน ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร จำเอาไว้ เขาก็มีสิทธิในความเป็นคนเหมือนกัน'

คำสอนของพ่อฉันยังดังก้องอยู่ในหัวฉันเสมอ ยิ่งมาดังเอาอีตอนมีคนทำท่าเบ่งวางก้ามโตขวางทางเดินฉันอย่างนี้แล้วเกิดอยากจะมีเฮจริงๆ ไม่ได้ๆ ต้องรักษากริยามารยาทไว้

นับหนึ่งถึงสี่สิบเก้าก็เห็นสองหนุ่มอ้วนผอมถอยฉากไปเพราะเกรงใจความใหญ่ของคุณปวริศ

"พันช์อร่อยถูกใจไหมครับ ผมเห็นสาวๆ ส่วนใหญ่ชอบดื่มกัน ผมเลยคิดสูตรพิเศษขึ้นมาให้แก่สาวๆ โดยเฉพาะ แก้วที่คุณเพชรถืออยู่นั่นสูตรผมเลยนะครับ กะว่าจะใส่ไว้ในเมนูแนะนำของเรสทัวร์รองค์ในโรงแรมผมด้วยนะ"

"รสชาติดีค่ะ เปรี้ยวนำ หวานตาม มีกลิ่นแอลกอฮอล์ให้พออารมณ์ดีด้วย เพชรชอบค่ะ" แต่จะเกลียดก็อีตอนรู้ว่าคุณคิดสูตรนี่แหล่ะ ล้วงคออ้วกออกมาตอนนี้นี่ยังทันไหมคะ

"อีกเดี๋ยวจะมีเซอร์ไพรซ์ของงานแล้ว มาทางนี้ดีกว่าครับ" เขาถือวิสาสะมาจับบริเวณข้อศอกฉันเพื่อดึงให้ตามเขาไป

เพียะ!

"โอ๊ะ..."

สองเสียงประหลาดประสานกันอย่างลงตัว พอดีว่าปฏิกิริยาโต้ตอบฉับพลันของมนุษย์อย่างฉันมันออกมาจากไขสันหลังค่ะ มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือแก้วเลยตีเข้ามือเขาอย่างพอเหมาะพอเจาะ

"อ๊ะ...ตายละ เพชรเห็นแมลงหวี่มันบินมาเกาะมือคุณปวริศพอดีน่ะค่า" ฉันทำยิ้มตาปรอยกลบเกลื่อน บ้าแล้ว แมลงหว่งแมลงหวี่ที่ไหนมามีกันตอนนี้ที่นี่

"แมลงหวี่...อ่า...ครับ ไม่เป็นไรครับ เชิญทางนี้ดีกว่าครับ" เขายังดูมึนๆ กับมุกแมลงหวี่ของฉัน แต่ใครจะไปทัดทานความงามยามแย้มยิ้มของฉันได้ หึ หึ หึ เสร็จทุกรายไป

เขาลูบมือตัวเองที่กำลังจะขึ้นรอยแดงพร้อมชักชวนโดยการพยักเพยิดไปทางส่วนด้านหน้าใกล้เวที คงไม่คิดจะมาแอบแต๊ะอั๋งฉันอีกแล้วล่ะ ไม่งั้นคราวนี้คงมีตีผึ้งกันมั่งแล้ว

เดินไปยืนรอเซอร์ไพรซ์ที่ว่าอยู่ไม่นานนัก ไฟสว่างในงานก็ถูกหรี่ลงจนเป็นแสงสลัวจนเกือบมืด ฉับพลันไฟสีต่างๆ ก็กวาดไปทั่วในงานจากเพดานสูง

เอาล่ะสิเหวย...ทำไมตาขวาเริ่มกระตุกประหลาด ลางสังหรณ์จากความบ้าเด่นดังของเจ้าของงานเริ่มทำฉันใจคอไม่ดี

"สาวสวยผู้โชคดีของเราในวันนี้..." เสียงพิธีกรดังขึ้นมาจากไหนไม่รู้พร้อมเสียงรัวกลองที่คาดว่าน่าจะมาจากเครื่องซาวน์มิกซ์

"เธอคือ...แท้น แท้น แท้น แธ่น แท้น แท้น แท้น แธ่น..." เออ...เอาเข้าไป

"สาวชุดแดงตรงนั้นครับ!"

สิ้นเสียงพิธีกร สายตาหลายคู่ก็หันขวับมาจากทุกทิศทุกทางตามจุดรวมดวงไฟหลากสี ทำไมต้องช้านอีกแล้ว...

"โอ้...ไม่ใช่ใครอื่นไกลครับ คุณอวิกานี่เอง เธอคือผู้โชคดีที่ยืนอยู่ใกล้กับชายหนุ่มที่สำคัญที่สุดของคืนนี้..."

ฉันยืนปั้นหน้าเซ็งเมื่อเหตุการณ์ที่ไม่เกินความคาดหมายเกินไปมันเกิดขึ้นจริงๆ เห็นใครคนหนึ่งวิ่งเหยาะๆ มายื่นไมค์ลอยให้คุณปวริศ

"คุณเพชรครับ ยินดีด้วยครับสำหรับของขวัญเซอร์ไพรซ์ผู้ร่วมงานสาว...สวย ของผมในคืนนี้"

ของผม! กล้าพูด ฉันไปเป็นของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เห็นจะจำได้

"อาจจะดูแปลกไปนิด..." เขาหยิบกล่องอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าในสูท และไม่ต้องเสียเวลาให้ใครเดาสุ่มเอามันส์ เขาก็เปิดมันออกมา

ถึงตอนนี้ฉันเพิ่งเห็นว่าจอภาพจำนวนมากที่ติดตั้งอยู่ในงานกำลังฉายภาพฉัน คุณปวริศ และไอ้กล่องเจ้าปัญหานั่นอยู่ เดาได้ว่าเสียงฮือฮาที่เกิดขึ้นคงมาจากการซูมของกล้องเข้าที่สร้อยเพชรในมือเขา

"อาจจะแปลกไปนิดหากผมจะมอบสร้อยเพชรให้กับเจ้าของร้านเพชร... แต่ใครจะเหมาะไปกว่านี้คงไม่มีอีกแล้วครับ สำหรับคุณครับ"

อ่า...เอ้า...ใครมายัดไมค์ใส่มือฉันอีกแล้ว

"พูดอะไรหน่อยครับ ทุกคนรอฟังคำพูดของผู้หญิงสวยที่โชคดีที่สุดในวันนี้อยู่"

ไม่เอาค่ะ เก็บกลับไปเลย

"ขอบคุณค่ะ สำหรับเซอร์ไพรซ์ เพชรบังเอิญโชคดีจริงๆ ที่มายืนอยู่ใกล้คุณที่สุดในคืนนี้เข้า" บังเอิญบังแอนอะไร ก็คุณลากฉันมาเองเห็นๆ แต่จะให้พูดหักหน้าเจ้าของงานก็ดูกระไรอยู่

"ให้ผมใส่ให้นะครับ" เขาทำท่าจะอ้อมมือมาแตะหลังต้นคอฉัน ไม่มีวันซะหรอก

"อ๊ะ...อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ พอดีสร้อยที่เพชรใส่อยู่เป็นคอลเลคชั่นใหม่ของร้าน เพชรอยากโปรโมทนานๆ น่ะค่ะ ขออภัยนะคะ" ฉันพูดจบก็ได้ยินเสียงหัวเราะครืนจากผู้ร่วมงาน

"ถ้าอย่างนั้น เพื่อเพิ่มดีกรีความหวานของงานคลับเลิฟ เราขอมอบเพลงเต้นรำสุดซึ้งให้แก่ทุกท่านได้เต้นรำกับคู่สุดสวยสุดหล่อกันได้เลยครับ" พิธีกรคนเดิมทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม รีบประกาศกลบเกลื่อนความอิหลักอิเหลื่อที่อาจเกิดขึ้น

"เต้นรำกับผมสักเพลง นะครับ..." น้ำเน่าเกินไปแล้วค่ะคนแต่ง หักมุมเรื่องซะทีดีกว่าไหมคะ

"เห็นทีจะไม่ได้นะครับ พอดีว่าคืนนี้คู่ควงคุณเพชรเป็นผม เพราะฉะนั้น ก็คงต้องเต้นรำกับผม ใช่ไหมครับ...คุณเพชร" จู่ๆ คนที่หายไปกับไฟสลัวก็ปรากฏตัวออกมาค่ะ แถมยังมาโอบเอวฉันไว้ด้วยแขนอุ่นๆ อีก แล้วยิ้มละมุนที่ใส่ตาฉันนั่นก็ อืม...

"ค่ะ..." เฮ้ย...ฉัน เป็นอะไรไปนี่ ทำไมถึงปล่อยคนที่บังอาจมาแตะเนื้อต้องตัวฉันเกินปลายก้อยทำได้ถึงขนาดนี้ แต่...ไม่เป็นไร หยวนๆ นี่ไม่ใช่ผู้ชายสักหน่อย อีกอย่าง...โอบไว้ก็ดี ขืนปล่อยอาจมีทรุดละลายกันตรงนี้ก็ได้ สงสัยจะเป็นเพราะพันช์

คุณแทนพาฉันออกมาจากลำแสงไฟกลางงานพร้อมสายตาหลายสิบคู่ที่จ้องมองมาอย่างค้างๆ กลายเป็นว่าคู่เปิดฟลอร์ของงานไม่ใช่คุณปวริศ กลายเป็นหนุ่มหล่ออันดับหนึ่งกับคนที่เพิ่งสะบัดหน้าหนีสร้อยเพชรมาสโลว์ซบอยู่กับเขาตรงนี้ ตรงที่ยังถูกภาพจับไปอยู่บนจอยักษ์อย่างจะๆ

ความเงียบหลายนาทีที่ฉันยังมามึนให้เขาโอบเต้นรำอยู่นานเริ่มทำให้ฉันหายใจไม่คล่อง อกเขาทำไมมันกว้างอย่างนี้ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อนๆ มันให้ความรู้สึกเคลิ้มขนาดนี้เลยเหรอ แถมยังหวิวๆ ในช่องอก ช่องท้อง ฉันไม่เคยเป็นลม แต่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าฉันอาจได้พบประสบการณ์แรกนี้ในชีวิตก็เป็นได้หากไม่พูดอะไรขึ้นมาเสียก่อน

"คุณกำลังขโมยซีนเจ้าของงานอยู่รู้ไหม" ฉันก้มหน้าพูดอู้อี้ เดี๋ยวก่อน ยังไม่กล้ามองหน้าเขาได้ ทำไมสาวมั่นอย่างฉันมาตายเอาตอนนี้ แถมกับมนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเพศที่สามอีกต่างหาก

"รู้...ผมไม่ได้โง่นะครับ"

เสียงกระด้างอย่างกับน้ำคลองเรียกสติเตลิดเปิดเปิงของฉันให้กลับมา

"แล้วชั้นไปบอกตอนไหนว่าคุณโง่...ฉลาดนักนี่ กล้าหักหน้าเจ้าของงานกันอย่างนี้น่ะ"

"ก็ใครใช้ให้เขามาแย่งคู่ควงผมไปอย่างนั้น ผมถือว่าเป็นการหยามผมก่อน" เขายังเถียง

"ช่วยไม่ได้...ก็คุณอยากปล่อยให้ชั้นอยู่คนเดียวทำไม"

"แล้วผมจะผละออกมาได้ยังไง รู้ไหม...ผู้หญิงนี่น่ากลัวมากๆ เล่นรั้งตัวผมไว้กันสุดแรงขนาดนั้น เสียเนื้อเสียตัวไปตั้งเท่าไหร่แล้วไม่รู้...ตอนที่ผมต้องการความช่วยเหลือคุณกลับไปหว่านเสน่ห์ใส่หนุ่มๆ ซะนี่"

"ทีคุณล่ะ...ไปยืนเด่นให้ชะนีห้อยโหนเกาะแข้งเกาะขา แหม...รู้หรอกนะว่าอยากเด่นในหมู่สาวๆ กลบเรื่องฉาวของตัวเองน่ะ ชิ...บอกชั้นไม่ให้ไปควงใคร ตัวเองล่ะทำหน้าตาเฉย"

เขาชะงักเสียจังหวะไปนิดหนึ่ง แต่ก็พาฉันพลิ้วต่อได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"พูดยังกับ...ทำประชดผม คุณ...หวงผมเหรอ"

"บ้ารึไง...ชั้นจะหวงคุณไปทำส้อมอะไร ใช้การก็ไม่ได้" ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงต้องรีบเถียงไม่ทันคิดอย่างนั้น แต่ดูเหมือนเขาจะเริ่มเข้าโหมดโมโหเสียแล้ว ดูทำตาวาวๆ เอ่อ...ไม่ได้กลัวนะ

"จะให้ผมพิสูจน์ไหม ว่าใช้การได้จริงหรือเปล่า..." เขาก้มหน้าลงมาต่ำ พูดเบาเกือบกระซิบ ริมฝีปากอยู่ห่างขมับฉันไม่ถึงคืบ แย่แล้ว...หรือเขาจะเป็นเสือไบ ได้สองเพศ

"ชิ...อย่ามาขู่นะ ชั้นไม่กลัวคุณหรอก วิชาป้องกันตัวฉันก็พอมี แต่ถ้าจะให้สะใจ ชั้นจะไปฟ้องสามีคุณว่าคุณทำอะไรชั้น" เชิดหน้าพูดออกไปถึงใจจะยังหวิวๆ กับความใกล้ชิดอยู่ก็ตาม เพราะพันช์นั่นแน่ๆ

ตาเข้มๆ ของเขาจ้องกลับมาอย่างข่มขวัญ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะโต้ตอบมาด้วยวาจาหรือท่าทางใดๆ ไฟทั้งฮอลล์ก็สว่างวาบขึ้นเมื่อเพลงจบลง (เพลงเต้นรำบ้าอะไรของมัน ยาวยังกับเพลงหนังอินเดีย) เขาปล่อยแขนที่โอบฉันไว้ในทันที แต่ยังไม่ยอมห่างไปไหน

"ตัดเค้กเมื่อไหร่ผมจะพาคุณไปส่งบ้านทันที...ก่อนที่ผมจะอดใจไม่ไหว"

"คุณจะทำอะไรชั้น" บ๊ะ...ตบปากตัวเองสักทีดีไหม ทำไมปากไวอย่างนี้ เกิดเขาตอบอะไรเพี้ยนๆ มาจะทำหน้ายังไง

"ถ้าอยากรู้จะลองดูก็ได้นะ คุณลองชวนผมอยู่กับคุณคืนนี้ทั้งคืนจนถึงเช้า สองต่อสอง ในห้องสี่เหลี่ยม กับเตียงนุ่มๆ...คุณก็จะรู้ว่าผมจะทำอะไร"

ถึงจะพอรู้ถึงความเจ้าอารมณ์ปากร้ายของคนคนนี้แต่ก็ไม่คิดว่าจะโต้มาอย่างนี้ ชะนีอย่างฉันจะสู้ไงไหว ยางอายก็มีเหมือนกัน กว่าจะรู้ตัวก็เผลอค้อนเขาไปหนึ่งที สะบัดหน้าพรึ่ดเดินหนีเขาไป แต่เสียงหัวเราะเบาๆ ที่ลอยมาทำให้รู้ว่าเขาตามมาเดินอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่าง

งานดำเนินไปจนถึงขั้นสุดท้ายตัดเค้ก คุณแทนตามประกบฉันแจไม่เปิดช่องให้ใครเข้ามากระแซะแทรกแซง เห็นสายตาริษยาของสาวๆ หลายคนมองมาฉันยิ่งเกิดความอยากสร้างศัตรู บางทีฉันถึงกับควงแขนเขาลากเดินโชว์ไปมาด้วยความสะใจ และทันทีที่เค้กก้อนแรกถูกส่งถึงมือผู้ใหญ่ในงาน เขาก็ลากฉันกลับจริงๆ อย่างที่พูด

ก่อนที่เราจะเข้าไปนั่งในลีมูซีนสุดหรูที่ไม่รู้ว่าเขาไปเอามาจากไหน เห็นเขากระซิบพูดอะไรบางอย่างกับคนขับก่อนที่จะปิดม่านทึบระหว่างห้องโดยสารกับส่วนคนขับ นั่นทำให้ฉันรู้สึกระแวงแปลกๆ

"คุณพูดอะไรกับคนขับ" ฉันขยับตัวออกมาห่างๆ เขานิดหนึ่ง ถึงจะเกย์ แต่ตอนนี้ฉันไม่ค่อยไว้ใจ เทียบกับตอนที่ปะทะฝีปากกันในงาน ดูเหมือนฉันจะเป็นรองอยู่สักหน่อย

"บอกให้เขาขับช้าๆ เอื่อยๆ เผื่อได้มีเวลาทำอะไรทัน"

ทำอะไร! แล้วในรถนี่นะ ทำไมไม่ไปหาที่กว้างๆ หน่อยเล่า...เฮ้ย...นี่ฉันคิดอะไรเนี่ย

"ห้องโดยสารนี้เก็บเสียงด้วยนะ ไม่ต้องกลัวเสียงเล็ดลอดไปถึงหูคนอื่นด้วย"

จู่ๆ เขาก็ทำตาวิบวับประหลาด พร้อมกับค่อยๆ คลายกระดุมคอเสื้อ หนึ่งเม็ด สองเม็ด สามเม็ด อืม...เซ็กซี่จัง บ้าแล้ว...นี่มันไม่ใช่ผู้ชาย ฮึ่ย...ไหงเห็นเป็นงั้นไปได้ อ๋อ...เพราะพันช์

"เสียงอะไร...ทำไมต้องกลัวเสียงเล็ดลอด" ฉันถามหวาดๆ กระเถิบไปชิดประตูอีกนิด ถ้าเกิดเขาบ้ากามอยากลองผู้หญิงขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ ฉันมีอะไรพอสู้ได้มั่งไหมนะ วันนี้ไม่มีอาวุธเสียด้วย ลำพังแรงอันน้อยนิด (แต่เกินมาตรฐานหญิงไทย) อย่างฉันคงไปสู้ผู้ชายตัวใหญ่ แถมล่ำ กล้ามเป็นมัดๆ ที่แอบรู้จากการสัมผัสนั้นไม่ได้ อ๊ะ...ส้นเข็ม รองเท้านี่น่าพอไหว เจาะเข้ากลางกล่องดวงใจคงใช้การไม่ได้ตลอดชีวิต หึ หึ หึ

"นี่คุณคิดอะไรอยู่เนี่ย...หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...โอย" อยู่ๆ เขาก็ทำหัวเราะงอหายหลังจากนั่งจ้องหน้าฉันมาพักหนึ่ง ทำไมยะ

"รู้ตัวรึเปล่าว่าหน้าสวยๆ ของคุณมันเหวอเหรอหรามากๆ...แต่ก็...น่ารักนะ" เขายิ้มให้ฉันหลังจากหัวเราะกว้าง นี่เขาคงเมาไปอีกคนถึงได้ลืมตัวลืมกำพืดทำท่าเหมือนผู้ชายเจ้าชู้กำลังตะล่อมสาวอย่างนั้น แถมเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากๆ เอาเสียด้วย

"คุณไม่ต้องมาทำเนียน รีบๆ ให้คนขับคุณเร่งความเร็วส่งชั้นกลับไปหาท่านรัฐมนตรีอิทธิเร็วๆ ด้วย"

เมื่อเห็นท่าไม่ได้การต้องอ้างชื่อพ่อ เริ่มไม่ไว้ใจทั้งเขาทั้งตัวเองแล้วสิ มันหวิวๆ ชอบกล

ฉันใช้นิ้วเกี่ยวม่านกระจกข้างออกมองภายนอกเล็กน้อย ถนนคุ้นตาทำให้รู้ว่าใกล้ถึงบ้านฉันแล้ว ตลอดทางฉันพยายามสงบเสงี่ยม ไอ้ผู้ชายที่อาจมีสองเพศคนนี้นี่จะมาไม้ไหนก็ไม่รู้ ทำเก็บปากเก็บคำไว้ก่อนเป็นดี แหย่อะไรมาก็ต้องทำนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวเข้าไว้ ต่อกรไปในสภาพนี้เห็นทีจะไม่ฉลาด

ยิ่งเวลาที่เขาทำตาแพรวพราวมองมาแล้วใจมันแกว่งๆ ชอบกล ที่น่าเจ็บใจคือทำไมฉันไม่รังเกียจเขาเลยไม่รู้ ถ้าเกิดคนอื่นมามองฉันอย่างนี้มีคงจกตากันมั่งแล้ว อ๋อ...ก็บอกแล้วว่า เพราะพันช์!

รถเข้ามาจอดนิ่งสนิทอยู่ตรงหน้าบ้าน ณ จุดเดิมที่มันเคยมาจอดรับ ต่างกันเพียงตอนนี้สาวสวยชุดแดงอยากออกไปใจจะขาด ไม่มีมาดหลงเหลือเหมือนขาไปอีกแล้ว

"เดี๋ยว!..." เขาเอื้อมมือมายึดประตูไว้ตอนที่ฉันตะเกียกตะกายจะออกไปโดยไม่รอใครมาเปิด แต่ที่น่ากลั้นหายใจมันเป็นความที่มืออีกข้างเขาเกาะอยู่ที่เบาะด้านหลังฉัน มันเลยเหมือนเขากักฉันไว้ระหว่างแขนสองข้าง

"ผมมีเรื่องสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง"

"อะไร...รีบๆ ว่ามา" ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวลากคอคนหล่ออย่างคุณขึ้นห้อง ชั่วโมงนี้ มึนๆ อย่างนี้ล่ะไม่สนใจแล้วว่าจะเกย์ จะกะเทยอะไร รับได้หมด อูย...ไม่ได้ตั้งใจมองไล่เข้าไปในกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เขาปลดออกไปสามเม็ดแล้วหรอกนะ

"อืม... หอม..." เขาทำกิริยาอย่างว่าจริงๆ อีกนิดเดียวปลายจมูกเขาก็คงมาแตะที่ขมับฉันแล้ว เย็นไว้ เย็นไว้ อย่าแสดงกริยาไม่งามออกไปเชียว นังเพชร ท่องไว้ นี่เก้งป่า เก้งป่า อย่าพลาดท่าเชียวหล่อน

"วันนี้ทำไมไม่เหมือนทุกที กลิ่นนี้ผมก็ชอบนะ แต่มันให้ความรู้สึก ร้อน...แรง..."

นี่ฉันคิดไปเองหรือเขาทำเสียงยั่วยวนจริงๆ กันแน่

"ผมชอบกลิ่นอย่างที่คุณใส่วันก่อนๆ นี้ หอม เย็น บอกผมได้มั้ย น้ำหอมกลิ่นอะไรครับ"

"ปกติชั้นไม่ใส่น้ำหอมถ้าไม่ได้ออกงาน" ตอบเสียงรัวเร็ว ขณะที่ลุกลี้ลุกลนหาทางออก

"อื้อ...จมูกผมไม่ผิดแน่ๆ ปกติผมได้กลิ่นจะรู้เลยว่ายี่ห้อไหน กลิ่นอะไร แต่กลิ่นที่คุณใช้ ผมไม่เคยรู้มาก่อน" เขายังขยับเข้ามาใกล้อีก โอย...ใจฉันหวิว ไม่ได้แล้ว ไม่ได้ ต้องรีบหนีไปไม่งั้นได้เสียแน่

ผลัวะ!

ประตูถูกเปิดออกได้สำเร็จ ก่อนที่ฉันจะโดดพรวดออกไปพร้อมหันกลับมาตอบให้พ่อคนเซ็กซี่เร้าใจได้หายสงสัย

"ปริกลี่ฮีท ลาเวนเดอร์ แป้งเย็นกระป๋องเหล็กรุ่นพ่อใช้น่ะ รู้จักไหม"



********************************************
<จบตอนที่ 6>

Someday Well Know - Mandy Moore & Jonathon Foreman


ยังรักษาระดับความถี่การลงเรื่องได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้ว่าตอนนี้จะย้าว...ยาว ก็ตาม

หวังว่าคนอ่านจะยังไม่ทิ้งกันไปนะคะ

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า

บุญรักษาค่ะ



Create Date : 15 มิถุนายน 2551
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 2:32:44 น. 8 comments
Counter : 296 Pageviews.

 
อืม ยาวไปนิด แต่ก็ยังสนุกค่ะ
คุณแทนน่าจะรุกมากกว่านี้อีกนิดนะ
คุณเพชรเกือบจะเคลิ้มตามแล้ว


โดย: dena IP: 203.155.149.89 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:8:50:16 น.  

 
สนุกอย่างนี้ ทิ้งไม่ลงหรอกค่ะ ^^


โดย: บู้บี้ IP: 133.82.251.202 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:15:05:43 น.  

 
555 อ่านแล้วขำกลิ้งเลย ชอบจังเรื่องนี้


โดย: bow IP: 86.10.92.207 วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:10:51:25 น.  

 
ขอบคุณที่มาตอบงานวิทยานิพนธ์นะคะ

แล้วว่างเมื่อไหร่จะมาตามอ่านนิยายค่ะ


โดย: กากีแกมเขียว วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:18:35:33 น.  

 
สนุกดีค่ะ ขอบคุณม๊ากกกกกกกกกกกกกค่ะ


โดย: Pang IP: 118.175.166.5 วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:13:46:57 น.  

 
เพลงมันมาก อิอิ นึกไม่ทันว่าจะเป็นเสียงยายมัวร์

เอิ๊กกก กล่นแป้งปิกกี้ นี่หอมแล้วหรือคะ

โอ๊ยยยย ใครมาเห็นพี่อ้อตอนนี้ต้องอย่างขำ หัวเราะก๊ากลั่นห้องไม่พอ ยังตบมืออย่างเมามัน

กรี้ดดดดดดดด สร้อยเพชรคอเล็กชั่นใหม่ ขอใส่โปรโมทนาน ๆ

55555555555555555

โอ๊ยยยย เหนื่อย.....


ทำร้ายคนแก่นะนี่ เหอะ เหอะ


โดย: พรายทราย วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:48:27 น.  

 
นึกไม่ถึงว่าเป็น แมนดี้ มัวร์
กรรม นีกไม่ทัน ไปได้ไหงนี่ โอ๊ยยย หัวเราะเมามันมากไปแน่ ๆ


โดย: พรายทราย วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:49:17 น.  

 
.....นู๋ ก็เคลิ้มแทน

ล้อเล่น ^^


โดย: RuNz วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:1:33:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BestChild
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่ใช่คนเลว แต่ไม่ใช่คนดี
ไม่ใช่คนมีน้ำใจ แต่ไม่ได้เห็นแก่ตัว
ไม่ใช่คนใจร้าย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงใจดี
ไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ไม่ใช่คนยอมคน
รับรู้ในตัวตน และไม่สนใครจะว่าอย่างไร
รู้จักให้อภัย แต่ไม่ใช่ไม่รู้จักแค้น
เป็นผู้หญิงแท้ที่ชอบโชว์แมน แต่ความจริงแสนจะอ่อนโยน O_o!!!


~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ~


"...มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกต้องเสมอไปในโลกใบนี้ หากจะมีก็ให้ไอ้คนนั้นมันไปเป็นเทวดาเสีย อย่ามาเป็นคนให้เสียชาติเกิดกันเลย"

โรม / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ







"คนที่บอกว่าคุณไม่สวยคือคนที่ไม่ได้มองคุณรู้ไหม ถ้าหากเพียงมองคุณดีๆ รู้จักมองให้ถึงความเป็นตัวคุณแล้วก็จะรู้ว่าคุณน่ะสวย..."

ยอด / ผมก็เป็นพระเอกคนหนึ่ง







จิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้พอดีทั้งสองฝ่ายมันไม่ใช่สิ่งที่จะซื้อหาง่ายๆ เมื่อได้มันมาแล้วต้องรักษามันไว้ให้ดี อย่าทิ้งขว้างเหมือนเป็นสิ่งที่หมดค่า เพราะรู้ไหม ว่าหากแกปล่อยมันหลุดมือไปแล้วความสูญเสียจะเทียบไม่ได้กับอะไรทั้งนั้น"

อวิกา / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ






"...ไอ้ผู้ชายมาดแต๋วที่พี่ก่นด่านักหนาตรงหน้านี่นะ...เท่าที่รู้จักมา บอกได้คำเดียว...โคตรแมนเลยเว้ยค่ะ"

นงนุช / แมน







คุณค่าที่ว่า ความรู้สึกในทุกๆ ใบหน้าของคนในรูปคือ 'ความสุข' ไม่เห็นจะต้องมีองค์ประกอบเป็นฉากสวยงาม

ลูกชุบ / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"...คุณกับผมอาจดูต่างกัน คุณเชื่องช้า ผมว่องไว คุณใจเย็น ผมใจร้อน คุณชอบจดจ้องและลากเส้น แต่ผมชอบมองผ่านเลนส์และกดชัตเตอร์ แต่รู้มั๊ยในจุดประสงค์ของทั้งหมดมันคือสิ่งเดียวกัน..."

นที / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"มันเป็นแค่ความทรงจำ จะดีหรือร้าย เราไม่สามารถลบมันออกไปได้ เก็บมันไว้ในอดีตและเดินต่อไปยังอนาคตข้างหน้า ปล่อยให้ความทรงจำเป็นเพียงแค่ความทรงจำ"

Matsumura Ryo / Hiroshima eki สถานีแห่งความทรงจำ








"...บางทีสิ่งที่แกเห็นมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เหรียญยังมีสองด้านได้เลยแก ประสาอะไรกับใจมนุษย์เล่า มันขึ้นอยู่กับว่าแกเลือกที่จะรับมันทุกด้านหรือเปล่า หากแกเลือกที่จะรับไว้เพียงด้านเดียวแล้วทุกข์ไปตลอดชีวิตน่ะมันคุ้มกันไหม..."

ลูกชุบ / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ









เฮ้อ... ผู้ชาย ไม่มีไม่ตาย แต่อยากได้สักคนแฮะ

"ฉัน"/ ท้องฟ้า หาดทราย สายลม ผมกระเจิง




ฝากคำทักทายไว้ด้วยจิ...รักตายเลย




ShoutMix chat widget




BestChild ในคอลัมน์นักเขียนรับเชิญ ลายปากกา 2009

BestChild ในคอลัมน์ "ลายรัก" ลายปากกา 2010




Friends' blogs
[Add BestChild's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.