บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
10 พฤศจิกายน 2548
 
All Blogs
 

เซนแห่ง "ผ่านพบไม่ผูกพัน" --ดร.สุวินัย ภรณวลัย

วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ตื่นสายและยุ่งมาก ๆ ยังไม่มีสมาธิมากพอที่จะมานั่งเขียนอะไรแบบตามใจตัวเองก็ขอกินบุญคนอื่น ขออิงงานเขียนของอาจารย์สุวินัย เอาเป็นว่าขอเป็นแฟนพันธ์แท้อาจารย์สุวินัยอีกวัน ไม่แน่ว่าต่อไปจะได้ไปฝึกมวยจีนกับอาจารย์หรือไม่ ยังอยากอายุยืนอยู่ครับ ตอนนี้โรคยังไม่มี และยังมีสุขกับการมีชีวิตและที่สำคัญยังมีความสุขที่ได้เข้ามาโพสต์ในชุมชนแห่งนี้อยู่ครับ ติดตามเนื้อหาทั้งหมดได้เลยครับ...

--------------------------------------------------------

คัดจากคอลัมน์ "เซนของนักกลยุทธ์" นสพ.กรุงเทพธุรกิจรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2548

-------------------------------------------------------

ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของงานเขียนของท่านอาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล โดยเฉพาะงานเขียนชิ้นล่าสุดของท่านเรื่อง "ผ่านพบไม่ผูกพัน" (สำนักพิมพ์สามัญชน 2548) ซึ่งเป็นงานเขียนเชิงภูมิปัญญาที่ตกผลึกในระดับลึกสุดของเขา

ในที่นี้ผมจะนำเสนอภูมิปัญญาเซนที่แฝงอยู่ใน "ผ่านพบไม่ผูกพัน" ของอาจารย์เสกสรรค์มาให้ดื่มด่ำกันอีกครั้ง....

"ยามแสง เมื่อเห็นแสงแรกของวันโลมไล้คลื่นเขา จงเป็นหนึ่งเดียวกับภาพนั้น ราวทั่วทั้งพิภพไม่มีสิ่งอื่นใด"

"ยามสายเมื่อนอนเหยียดอยู่บนพรมหญ้าริมห้วยก็อย่าปล่อยให้ภาพรุ่งอรุณตามมาปิดบัง
ฉากแดดที่ผ่านลอดลงมาจากยอดไม้"

ครั้นตกค่ำยินหริ่งหรีดเรไร
ก็อย่าฝังใจจำอยู่กับเสียงน้ำไหล
ที่กล่อมให้หลับตอนกลางวัน" (หน้า 29-30)

เสกสรรค์กล่าวว่า ถ้าคนเราสามารถเข้าหาห้วยยามเบื้องหน้าเช่นนี้ได้ เราจะพบว่าดวงตะวันสวยกว่าเดิม ไอห้วยเย็นฉ่ำกว่าที่คิด สายน้ำมีถ้อยคำจะเอื้อนเอ่ย ค่ำคืนมีความไพเราะของมันแล้ว ปัจจุบันจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เปิดห้วงยามมหัศจรรย์ให้เราได้เชื่อมโยงโดยไม่ผูกมัดทุกห้วงขณะคือสิ่งใหม่ที่ไม่มีอะไรซ้ำซากหมุนวน

ผมดื่มด่ำ "ผ่านพบไม่ผูกพัน"ของเสกสรรค์ชิ้นนี้ราวกับกำลังเสพ งานศิลปะชั้นสูงชิ้นหนึ่ง หนังสือเล่มนี้ประกอบไปด้วยภาพถ่ายจำนวนมากที่เสกสรรค์เป็นคนถ่ายภาพเอง โดยที่ภาพถ่ายเหล่านี้เมื่อมองผ่านสายตาศิลปินอย่างเสกสรรค์ที่ตัวเขาอ่านความหมายของชีวิตจากสิ่งที่เขาเห็นและบันทึกเป็นภาพถ่าย ลายลักษณ์อักษร เราจะแลเห็นความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวระหว่างตัวเขาผู้ถ่ายภาพกับสิ่งที่ถูกถ่ายออกมาซึ่งสะท้อนมุมมองที่ต่างไปจากความเคยชินดั้งเดิมของคนทั่วไป







ยกตัวอย่าง

ภาพถ่ายบันไดที่พิงพาดไปสู่ความว่างเปล่า(หน้า 41)สะท้อนถึงการเตือนสติเกี่ยวกับการชิงเด่นชิงดี มุ่งไต่เต้าบันไดขั้นสูงสุดของชีวิต

หรือภาพแนวของโต๊ะเก้าอี้ที่เงียบงันอยู่ในลานโล่ง(หน้า 34-35) ที่ยืนยันให้เราเห็นอีกครั้งว่า ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา

หรือภาพเชือกที่พันมัดเสาสองต้นให้ผุพังไปพร้อมกัน(หน้า 39) ที่สอนให้เราตระหนักถึงเรื่องความรักกับพันธนาการ

เสกสรรค์กล่าวว่าผู้ที่เดินตามรอยศาสดาที่แท้โบสถ์อาจอยู่ในบ้าน วิหารอาจอยู่ในใจสำหรับคนประเภทนี้ ซึ่งเป็นผู้ตื่นรู้ ที่สามารถเชื่อมร้อยตนเองเข้ากับแก่นใจกลางจักรวาลได้ สามารถเคลื่อนไหวลีลาศไปกับเปลวไฟและสายน้ำแห่งนิรันดรด้วยอาการสงบนิ่ง คนเช่นนี้ยืนนั่งที่ใด ที่นั้นย่อมเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ (หน้า 54)

คนเราในใจมีสิ่งใด ในโลกก็มีสิ่งนั้น หากในใจมีโบสถ์วิหาร สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางย่อมเรียงรายปรากฏตัว คนผู้นั้นจะพาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ติดตัวไปด้วยทุกหนแห่งเนื่องเพราะ
ตัวเขาเองคือ สถานที่ดังกล่าว

สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงมาเยือนเขาโดยไม่ผ่านผู้ใด(หน้า 60)

สำหรับบุคคลเช่นนี้เสกสรรค์กล่าวว่าสัมผัสสัมพันธ์ระหว่างเขาผู้นั้นกับชีวิตจะเปลี่ยนไปจากเดิม จะไม่มีการดำรงอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป ขณะเดียวกันก็ไม่มีโซ่ตรวนล่ามร้อยจองจำ ตัวเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของอไรบางอย่างที่ทั้งเติมเต็มและว่างเปล่า ทั้งโอบกอดและปลดปล่อย ทั้งสงบนิ่งและเลื่อนไหลอยู่ในเวลาเดียวกัน

ในหนังสือ "ผ่านพบไม่ผูกพัน" ของเสกสรรค์เล่มนี้ บางตอนผมอ่านราวกับกำลังชื่นชมบทกวี บางตอนราวกับกำลังชื่นชมภาพศิลปะ แต่บางตอนราวกับกำลังได้ฟังมนตราอันไพเราะลึกซึ้งดังต่อไปนี้

"ที่สำคัญคือการเป็นหนึ่งเดียวกับประสบการณ์ของตนเอง"

"จงผนึกแนบตัวเองเข้ากับห้วยยามแห่งสัจจะ"มีเพียงเพื่อก้าวออกจากความมืดมนเบื้องหน้า หากเพื่อพุ่งตรงไปสู่แสงสว่างทางปัญญาที่อยู่เหนือปัญญาทั้งปวง"

"และ ณ จุดนั้น อย่าได้อาศัยแสงสว่างที่ปรากฏไปส่องแสดงให้เห็นคำสอนใด หากเป็นหนึ่งเดียวกับเสี้ยวแสงด้วยการเผาสลายความไม่รู้"

"จงผนึกแนบตัวเองกับสิ่งนี้ มิใช่เพียงเพื่อหลีกลี้จากความร้อนรุ่มของชีวิต หากยังเป็นการค้นหาความสงบที่แผ่คลุมมาจากใจกลางของจักรวาล"

"และ ณ ที่นั้นอย่าได้อาศัยความเงียบห่อร่างหุ้มกันภัย หากจงกลายเป็นส่วนหนึ่งของความสงบเย็นที่ปลอบประโลมทุกชนิด"(หน้า 58-60)

แต่บางฉากบางตอนใน "ผ่านพบไม่ผูกพัน" เล่มนี้ ก็ให้ความรู้สึกที่วาบหวามสุดโรมานซ์สุดบรรเจิด ดังข้อความต่อไปนี้ที่เสกสรรค์บรรยายออกมาได้อย่างงดงามยิ่งนัก


ผาหินและหินผา...สายลม สายน้ำ แสงตะวัน กระทั่งดวงดาว และดวงจันทร์ ล้วนสัมผัสสัมพันธ์กับภูผาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ขณะที่ชั่วโมงสมรสระหว่างหินผากับองค์ประกอบเหล่านี้ก็ให้ภาพชวนฝันได้ ไม่แพ้การเสพรักของคนเรา

ใครก็ตามที่เคยเห็นแสงแรกของทิวาวารสาดไล้ แผ่นผาย่อมหวนนึกถึง กอดแรกที่ตนเคยมอบให้คนรักยามลืมตาตื่นนิทรา

และถ้าหากท่านเคยจับต้อง ภูผายามต้องแสงจันทร์เพ็ญท่านย่อมรู้สึกราวกับว่า ดวงเดือนกำลังห่มผ้าให้กับผู้ชายของเธอ

ยามนั้น หากยินเสียงน้ำไหลยินอยู่ตามหลืบซอกของเทือกเขา พร้อมเสียงลมพัดแผ่วจากผาหนึ่งสู่ผาหนึ่ง บางทีท่านอาจต้องกลั้นใจ เพราะไม่ต้องการล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของฟ้าดิน(หน้า 69)

เสกสรรค์กล่าวไว้ตอนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ว่า "ถ้าเราอยากรู้จักผู้ใดอย่างแท้จริงสักคน จงดูเส้นทางที่เขาเลือกและวิถีปฏิบัติของเขาขณะอยู่บนเส้นทาง แต่ไม่ควรใส่ใจดูว่า เขาไปถึงปลายทางหรือไม่" (หน้า 153)

ต้นทางสะท้อนปัญญาคน ปลายทางสะท้อนปัญญาฟ้า ส่วนวิถีชีวิตบนเส้นทางคือจุดบรรจบทางวิญญาณระหว่างฟ้าสกับคน(หน้า 154)

นานมากแล้วที่ตัวผมไม่ได้อิ่มเอมกับงานเขียนที่ลงตัวทั้งด้านภาพและลายลักษณ์อักษร ที่ลงตัวทั้งด้านความจริงและความงาม ที่ลงตัวทั้งด้านความสูงส่งและความลึกล้ำ เหมือนอย่าง "ผ่านพบไม่ผูกพัน" ของอาจารย์เสกสรรค์เล่มนี้





 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2548
11 comments
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2548 14:13:20 น.
Counter : 604 Pageviews.

 

i like the way of SEN

 

โดย: puimnida 10 พฤศจิกายน 2548 11:36:03 น.  

 

อืมมม...

อาจารย์ สุวินัย....ผมว่าแก หัวดี มีปรัชญา..นะครับ

เคยเรียนกับแก เคยอ่านหนังสือ ของแก..

 

โดย: กุมภีน 10 พฤศจิกายน 2548 12:00:29 น.  

 

ชอบหนังสือเล่มนี้ของ อ.เสกสรรค์มากๆเลยค่ะ

 

โดย: rebel 10 พฤศจิกายน 2548 12:16:41 น.  

 

ไม่ค่อยมีใครเขียนหนังสือได้อย่างพี่เสก
อาจารย์เสกสรรค์ นะคะ
สุดยอดจริงๆ

 

โดย: grappa 10 พฤศจิกายน 2548 13:17:35 น.  

 

และในห้วงจักรวาล บนลานฟ้า
มองตรงหน้า ..ดาวเรียงราย ใช่ไหมนี่
หนึ่งประกายประดับฟ้า ณ ราตรี
ถึง คนที่ ห่วงใย แม้ไกลกัน

มีศรัทธา ต่างเข็มทิศให้คิดถึง
ห้วงคำนึง ผูกพัน ในม่านฝัน
ประกายดาวในคืนฟ้าไร้จันทร์
ณ ครานั้น ฝันเรื่ม ต้น หนทางเดิน

(เดี่ยวมาแต่งต่อค่ะ)

 

โดย: อิอิ IP: 61.91.224.221 10 พฤศจิกายน 2548 13:22:58 น.  

 

ข้างบนมีแต่ คอหนังสือ ทั้งนั้นเลย
ผู้น้อยไร้ปัญญา ต้องขอล่วงหน้าไปก่อน

 

โดย: erol 10 พฤศจิกายน 2548 17:50:43 น.  

 

อ่า มาทักทายคุณ คนเดินดิน อะนะอ่านข้างบนยังไม่ค่อยแตกฉานอะ

 

โดย: อินทรีทองคำ 11 พฤศจิกายน 2548 6:43:27 น.  

 

สวัสดีตอนเช้าค่ะ
ชอบหนังสือของผู้เขียนท่านนี้เหมือนกันค่ะ
แต่เราจะผ่านพบไม่ผูกพันรึป่าว




...

 

โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) 11 พฤศจิกายน 2548 7:53:20 น.  

 

ไปเมืองไทยรายวัน สัญจร รึเปล่าค่ะ

 

โดย: erol 11 พฤศจิกายน 2548 12:04:49 น.  

 

นี่นสิค่ะพี่ ต้องเกิดเรื่องเร็วๆนี้แน่ๆ พูดจากันแรงเหลือเกิน

 

โดย: erol 11 พฤศจิกายน 2548 12:55:22 น.  

 

พี่ว่าที่สวนลุมพินี ฝนตกแล้วจะหยุดอีกไหมค่ะ

 

โดย: erol 11 พฤศจิกายน 2548 14:09:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.