|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Chapter 14 นับหนึ่งใหม่ที่ไต้หวัน
ตอนที่ 14 นับหนึ่งใหม่ที่ไต้หวัน
ฉันมีความรักมาก็หลายแบบ หลายหน รวมถึง กับผู้ชายหลายคนด้วย แต่ไม่เคยมีใครทำให้ฉันงง เท่าเวสเลยได้ตายสิ !!
นอกจากเขาจะเป็นผู้ชายแสนเชยในเรื่องความรัก แถมยังหัวโบราณสุดๆ ชนิดไม่น่าเชื่อว่าเป็นบอยแบนด์ขวัญใจวัยรุ่นแท้ๆ ดันคิดแบบนั้น แล้วเขาก็ยังสร้างความพิศวงให้ฉันประหลาดใจได้ไม่จบไม่สิ้นกันเลยค่ะคุณขา ตอนที่เขาบอกว่าเรายังอยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะยังไม่ได้แต่งงานกันมันน่าเกลียด แต่เพื่อความมั่นใจคุณรู้ไหมเขาทิ้งอะไรไว้ให้ฉัน?
วัวค่ะ...วัว!! วัวธนูด้วยนะคะ ไม่ใช่วัวธรรมดาเสียด้วยสิ!!
นี่อะไรน่ะ? ฉันถามเสียงแหลมขึ้นมาเมื่อเขายื่นกล่องใส่ตุ๊กตาวัวนั่นให้ฉัน
วัวธนูมันชื่อคุณเฮงล่ะ
ละ..แล้ว...ทำไมเหรอ?
หรือว่านี่จะเป็นของขวัญที่เขาให้ฉันแต่ก็ดูไม่น่าใช่นะ เพราะมันไม่ได้น่ารักพอจะประดับห้องให้ด้วย แล้วฉันยังสังหรณ์ใจแปลกๆ อีกต่างหาก ใจจริงก็อยากจะถามว่าไอ้วัวนี่มันประกันความรักของของเราตรงไหน แต่ฉันยังเกรงใจเลยไม่ได้ถามออกไป
คุณเฮงจะช่วยคุ้มครองมิเชลเอง อ่า....ขอบใจนะ
ฉันรับมาค่ะ ตามกฎของผู้หญิงไม่ควรเรื่องมากเวลามีหนุ่มให้ของขวัญอะไรก็ตาม และควรจะทำหน้าปลาบปลื้มสุดๆ เพื่อเขาจะได้ดีใจ แต่ตอนนี้ฉันทำหน้าปลื้มไม่ออกล่ะค่ะ ให้อะไรก็ไม่รู้ไอ้วัวดินปั้นขมุกขมัวนี่น่ะเหรอของแทนใจ
มิเชลคุณเฮงไม่ใช่ตุ๊กตานะ เธอต้องเลี้ยงดูเขาด้วย
หา? มามุกไหนกันเนี่ย?
แล้ว...เลี้ยงยังไงเหรอ? ไอ้ฉันก็บ้าจี้รับมุกเสียด้วยสิ
มานี่เธอมีธูปไหม? ไปจุดธูปมาไหว้บอกกล่าวคุณเฮงซะ จุดเผื่อฉันด้วยนะคนละ 9 ดอก
หา? เวสไม่สนใจสีหน้าประหลาดใจของฉัน แต่เขาจัดแจงวางไอ้วัวน่าเกลียดนั่นไว้บนหิ้งสูงเหนือศีรษะ
ถ้าเป็นคุณเฮงล่ะก็ไว้ใจได้เลย ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเธอมาก
เอ่อ...อ่า ฟังแล้วฉันไม่รู้จะตอบยังไงเลยค่ะ เวสเห็นสีหน้าอ้ำอึ้งของฉันเข้าเขาก็หัวเราะออกมา
อ้อ...ขอโทษลืมแนะนำไป มิเชลคุณเฮงน่ะเขาเป็นของขลังพี่หยงหยงให้ฉันมา เขามีอำนาจปกป้องคุ้มครอง และจะช่วยดูแลเธอได้เพราะงั้นก็ไหว้บอกกล่าวคุณเฮงหน่อยก็แล้วกัน
อ๋อ....โธ่เอ้ย แล้วก็ไม่บอกแต่แรกเล่นเอางง
เมื่อหายงงแล้วฉันก็ไปจุดธูปมาไหว้ตามที่เขาบอก เวสพึมพำอธิษฐานอยู่เสียนานกว่าเขาจะเงยหน้าขึ้นมา อย่างกับจะฝากฝังฉันไว้เจ้าวัวตัวนั้นจริงๆ
อย่าลืมหาหญ้า หาน้ำให้คุณเฮงกินด้วยนะ ไม่งั้นคุณเฮงกินกระดาษหมดบ้านฉันไม่รู้ด้วยนะ หึ หึ
แหม...เวสพูดเสียอย่างกับว่ามันเป็นวัวจริงๆ อย่างนั้นแหละ
ก็วัวจริงๆ น่ะสิ...แต่ไม่ใช่วัวมีชีวิตเท่านั้นเอง
จ้าๆ ขอบใจนะ
นี่อย่าลืมนะ....เดี๋ยวหิวขึ้นมาแล้วไปเคี้ยวผมเธอแบบคราวที่แล้วไม่รู้ด้วยนะ ฉันยกมือขึ้นจับเส้นผมทันที ฝันร้ายที่เคยเจอเมื่อสองเดือนก่อนกลับมาให้เห็นลางๆ
เมื่อกี้ว่าอะไรนะเวส? เขาไม่ตอบแต่ยักไหล่แล้วคลี่ยิ้มออกมา พลางสำทับว่า
ผมแหว่งไม่รู้ด้วย!! อีตานั่นพูดได้แค่นั้นแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไปเฉยเลย ยิ่งทำให้ฉันกลัวเข้าไปใหญ่
ห๊า...นี่พูดอะไรน่ะ กลับมาอธิบายเดี๋ยวนี้นะ
ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ อย่าลืมหาหญ้าให้คุณเฮงกินบ่อยๆ แล้วถ้ามีปัญหาอะไรโทรหาฉันไม่ได้ก็บอกคุณเฮงนั่นแหละ เดี๋ยวเขาไปเรียกฉันเอง เวสพูดไปก็ใส่รองเท้าไปเหมือนว่าไอ้วัวนั่นเป็นใช้เป็น S.O.S.ในกรณีฉุกเฉินได้ยังงั้นแหละ
อย่ามาอำกันแบบนี้สิไม่ตลกนะ
มิเชลฉันไม่โกหกหรอก....ยังมีอีกมากที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับตัวฉัน
หมายความว่ายังไง?
ก็หมายความว่านี่เป็นโอกาสดีที่เราจะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ก่อนที่เราจะแต่งงานกัน เวสพูดแค่นั้นแล้วดึงฉันเข้ามาหอมแก้ม
เป็นเมียหยางเล่ยน่ะไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องอดทนหน่อยล่ะ....แล้วฉันจะโทรหานะ
นัยน์ตาของเขาพราวแสงประหลาดมันทำให้ฉันหวั่นใจบอกไม่ถูก เขาไม่เหมือนผู้ชายขี้เล่นที่ฉันเคยรู้จัก แต่กลายเป็นคนพูดอะไรกำกวมมีลับลมคมนัยอย่างบอกไม่ถูก
ที่จริงฉันอยากฝากยายหนูไว้กับเธอจะได้คุ้นเคยกัน แต่ตอนนี้ฉันว่าเราค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า เวสพูดแค่นั้นแล้วตะโกนเข้าไปในห้อง ปล่อยทิ้งให้ฉันยืนเอ๋อด้วยความงงต่อไป
คุณเฮงครับ ผมฝากดูแลมิเชลด้วยนะ มีอะไรก็ไปเรียกผม
เขาฝากฝังฉันไว้ให้วัวช่วยดูแล ความจริงมันน่าขำนะ ฉันอยากจะช่วยขำอยู่หรอกนะ แต่ไอ้ท่าทางจริงจังของเขานี่สิทำเอาฉันขำไม่ออกเลยให้ตายสิ
เวสกลับไปแล้วทิ้งให้ฉันอยู่ในห้องคนเดียว เมื่อเหลียวมองไปที่ตุ๊กตาวัวดินปั้นนั่นฉันก็ขนลุกบอกไม่ถูก ยิ่งพอคิดถึงฝันร้ายเมื่อสองเดือนก่อนที่โดนวัวแดงตัวใหญ่กินผมเข้าไปด้วยล่ะก็ ฉันต้องรีบส่ายหน้าแล้ววิ่งเข้าห้องนอนทันที
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยิ้มแหยๆ อยู่หน้าพี่ซิงผู้จัดการวง Vanilla Shade ผู้เคร่งขรึมของเขา ซึ่งบัดนี้ใบหน้าบึ้งตึงของนั้นมากกว่าระดับปกติเสียด้วยซ้ำ จนเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ ต้องรีบมากันท่า จินเซี่ยวเซินเพื่อนจอมทะเล้นของหยางเล่ยนั้นสวมกอดเขาพลางกระซิบว่า
แกโดนฆ่าแน่ๆ ทำเอาหน้าคนฟังที่ว่าซีดอยู่แล้วยิ่งซีดเข้าไปอีก
มาร์ตี้อย่าไปแกล้งเวสสิ!! เฉินซื่อหวี่พี่คนโตของวงดึงร่างเล็กกว่าจำเลยประจำวันนี้มาลูบหน้าลูบหลังบ้าง
ไม่ตายหรอกน่า....ถ้าพี่ซิงโกรธคงบอกว่านายไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีกต่อไปแล้ว รีบๆ ไปง้อซะ หลี่เซี่ยเฟยเพื่อนสนิทอีกคนรีบดันหลังหยางเล่ยไปหาพี่ซิง ก่อนคนที่กำลังถูกพูดถึงอยู่นั้นจะโกรธไปมากกว่านี้
พี่ซิงครับ...ผมขอโทษ
ขอโทษแล้วมันหายหรือยังไง? ประโยคที่สวนออกมานี่แทบทำให้ตัวต้นเรื่องหมดแรงยืน ได้แต่ยืนนิ่งทำน้ำตาคลอเบ้า
เฮ้อ...เอาเถอะ ฉันขี้เกียจด่าซ้ำเติม เพิ่งโดนไล่ออกจากบ้านมาไม่ใช่เหรอ?
ครับ คนถูกถามพยักหน้า
ถ้าทางคราวนี้พ่อนายจะโกรธจัดนะ....คงไม่ยอมรับง่ายเหมือนคราวที่แล้วหรอก
หยางเล่ยอยากจะเถียงนักว่าคราวที่แล้วก็ไม่ใช่ว่าง่ายสักหน่อย ตอนนั้นเขายังอายุไม่ถึง 20 ปียังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน แน่นอนว่าพ่อของเขาคัดค้านการเข้าวงการเต็มที่ กว่าพ่อจะยอมมาเป็นผู้ปกครองเซ็นสัญญาการเป็นนักร้องในค่าย Milky Way ให้ เรียกว่าต้องกล่อมกันแล้วกล่อมกันอีกว่าทุกอย่างทำเสร็จไปหมดแล้ว ถ้าขาดเขาคนเดียวเพื่อนร่วมวงอีก 3 คนจะพลอยเดือดร้อนไป พี่ซิงเองก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลไม่ให้นอกลู่นอกทางเด็ดขาด พ่อของเขาใช้เวลาตัดสินใจอยู่นานจนคนอื่นใจใจคว่ำกันหมด Vanilla Shade หวิดไม่ได้ออกอัลบั้มเสียแล้ว แต่ก็อีกนั่นแหละพ่อยอมรับความตั้งใจครั้งนี้ในวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียว แต่หนนี้ดูมันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวคงไม่จบลงด้วยดีเหมือนครั้งก่อนแน่ๆ
หลังจากคุยกันพักใหญ่ดูหนุ่มใหญ่อย่างเฉินเจี้ยนซิงดูจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง ความตึงเครียดจึงลดน้อยถอยลง ทำให้คนที่กำลังเกร็งอยู่ได้หัวใจทั่วท้องเสียที
แล้วคิดจะทำยังไงต่อ เขาถามหยางเล่ย
ผมรู้ว่าวิธีตัดสินใจของผมอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดสำหรับอาชีพนักร้อง แต่ในฐานะลูกผู้ชายแล้วมันสำคัญมาก ไม่งั้นมันจะเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิตผม
โอ้โฮ...เว้ย!! ตั้งแต่รู้จักกันมาฉันเพิ่งเห็นนายคิดอะไรจริงจังก็หนนี้แหละ
จินเซี่ยวเซินอดไม่ได้ที่จะล้อเลียนขึ้นมา แต่เมื่อเห็นพี่ซิงส่งสายตาตำหนิมาจึงเงียบเสียงลงไม่กล้าแซวอะไรอีก
ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มันอาจจะง่าย ดีสำหรับธุรกิจแต่ว่า...ผมน่ะ
เรื่องนั้นน่ะพอได้แล้ว!! พี่ซิงตวาดเสียงดังขึ้นมากก่อนจะพยายามเก็บอารมณ์แล้วพูดต่อ
นายเลือกทางเดินไปแล้วนี่ จะทำไปเพราะอะไรนั่นมันเป็นเหตุผลส่วนตัวของนาย จะมาคิดย้อนหลังทำไมว่าดีหรือไม่ดี...มันไม่มีประโยชน์ เหตุผลกับการแก้ตัวมันไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกัน.....เพราะนายแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว
ครับ น้องสุดท้องของ Vanilla Shade จำต้องรับคำอย่างหงอยๆ เพราะหาคำแย้งไม่ได้จริงๆ
เอาเถอะ....ถ้ามองในแง่บวกไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลดีอะไรเลย อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ไม่กลายเป็นชนักปักหลัง ที่ความแตกนักข่าวมารู้ทีหลังแล้วจะแย่ยิ่งกว่าทุกวันนี้
พี่ซิง... หยางเล่ยค่อยยิ้มออกมาได้บ้าง
เวลาคงช่วยให้คนอื่นเข้าใจ ฉันว่าทุกคนคงไม่ได้มองมุมเดียวกันหมดหรอก ถ้าเราจับประเด็นแง่บวกมาขยายน่าจะทำเรื่องนี้บางเบาลงได้บ้าง เพราะมันแสดงให้เห็นว่านายเป็นคนมีความรับผิดชอบ...สมเป็นลูกผู้ชาย แต่ว่า..... ทุกคนในห้องฟังแล้วพากันยิ้มให้กำลังใจหนุ่มผมสีน้ำตาล ใช่ว่าทุกอย่างจะไม่มีทางออก
บอกมาเถอะครับผมยินดีทำทุกเรื่อง...ถ้าผมทำได้ล่ะก็
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่นายหรอกเวส อยู่ที่มิเชลต่างหาก?
เอ๋? มิเชลทำไมเหรอครับ?
แฟนคลับเขามองว่าหล่อนไม่ใช่คนที่นายสมควรจะทุ่มเทให้ พูดให้ง่ายเข้าก็เหมือนพระเอกไปรักนายร้ายใครจะเชียร์กันล่ะ แล้วความดีงามในแบบลูกผู้ชายที่นายเพียรสร้างน่ะ...ใครจะมองเห็น ผลที่ได้มันก็แค่...เด็กหนุ่มที่อ่อนโลกกับความรัก เลยก้าวเดินผิดพลาดเท่านั้น สุดท้ายก็เป็นแค่ไอ้โง่!!
คำพูดประโยคหลังนั่นมันเสียดแทงเจ้าของเรื่องอย่างหนักจนหน้าซีดเผือดทันที ผู้จัดการวงเห็นดังนั้นจึงค่อยลดระดับคำพูดของตนเองลง
ฉันไม่ได้หมายความว่านายโง่ที่ตัดสินใจแบบนี้ แต่มันคือภาพโดยรวมที่สังคมจะเห็นเป็นแบบนั้น แล้วแทนที่จะเห็นใจพวกนาย กลับจะยิ่งพุ่งความหมั่นไส้ไปที่มิเชลน่ะสิ
ครับ...เรื่องนั้นผมเข้าใจ ผมคิดว่าจะให้มิเชลเขาเก็บตัวเงียบๆ ไปสักระยะ เรื่องซาแล้วค่อยออกงาน หรือไม่ก็...แต่งงานแล้วเป็นแม่บ้านอย่างเดียว
โอ้ยยยยยยย!! แม่นั่นคงจะยอมหรอกนะ หนนี้ไม่ใช่เสียงพี่ซิงคนเดียว แต่เป็นเสียงของเพื่อนร่วมวงแทบทุกคนดังประสานกันขึ้นมา
เวสมิเชลน่ะ...อย่างนี้ๆๆ
จินเซี่ยวเซินไม่กล้าวิจารณ์มิเชลในทางลบนัก อย่างไรหล่อนก็เป็นเมียเพื่อนของเขาไปแล้ว จึงได้แต่ทำท่าทางประกอบว่าแม่เจ้าประคุณคงมีหวังวีนแตก และออกงิ้วแน่นอนถ้ารู้การตัดสินใจของสามีเข้าล่ะก็
มิเชลทำงานมาตลอด คงไม่ชินกับการอยู่บ้านเฉยๆ เป็นช้างเท้าหลังหรอก ขนาดเฉินซื่อหวี่ผู้ซึ่งไม่นิยมนินทาชาวบ้านยังอดไม่ได้เลย
ตั้งแต่เกิดเรื่องมิเชลน่ะเปลี่ยนไปเยอะ...อย่ากังวลเรื่องนั้นเลย
เวสนายนี่มันมองโลกในแง่ดีเกินไปจริงๆ เขาอาจจะยอมทนสักช่วงหนึ่งแต่ต่อไปล่ะ นายไม่มีทางควบคุมแม่นั่นอยู่หรอก
หลี่เซี่ยเฟยส่ายหน้าไม่เชื่อใจเจ้าหล่อนเลยสักนิด เรื่องนี้จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้เพราะพฤติกรรมที่ผ่านของหล่อนเอง มันฝังรากความคิดในใจทุกคนไปแล้ว
ฉันไม่ได้คิดจะควบคุมนี่ คนเราน่ะมีชีวิตเป็นของตัวเองทุกคนไม่มีใครควบคุมใครได้ด้วยคำว่าพ่อแม่ หรือสามีภรรยาหรอก เพียงแต่ว่า....
เวสคลี่ยิ้มอ่อนๆ ขึ้นมา นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลใสที่เคยอ่านง่ายคู่นั้น บัดนี้มันดูนิ่งจนเหมือนบ่อน้ำเล็กๆ ที่ผิวน้ำใสสะอาดราวกระจก แต่ความลึกนั้นสุดจะหยั่ง ดังไม่มีที่สิ้นสุด
คิดอะไรอยู่งั้นหรือเวส?
เป็นพี่ซิงที่ถามขึ้นมา เขาเองรู้สึกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเติบโตเป็นชายหนุ่มอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาแค่เพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น
ผมไม่ได้ทำลายชีวิตตัวเองด้วยความรักอย่างที่ใครๆ กำลังคิดหรอก....เรื่องนี้ผมแค่ทำอย่างที่ผมควรจะทำ ส่วนมิเชลก็จะแนะนำเขาว่าควรทำยังไง ถ้าเขาทนแรงบีบคั้นจากสังคมไม่ได้แล้วหนีไปอีก เขาก็จะยืนขึ้นไม่ได้แล้วก็คงเอาแต่หนีตลอดไป...ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้จริงๆ....
เสียงของชายหนุ่มแผ่วลงราวกับกำลังรำพึงให้ตนเองฟังเท่านั้น โดยไม่รู้ตัวไอดอลหนุ่มพาตัวเองเข้าสู่โลกส่วนตัวเรียบแล้ว จึงเผลอเผยความในใจบางส่วนออกมา สรรพนามในการพูดเมื่อครู่ก็พลอยเปลี่ยนไปด้วย
แต่ถึงตอนนั้นไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง จะได้อย่างที่ฉันคาดการณ์ไว้หรือเปล่ามันก็ไม่สำคัญแล้ว ไม่เป็นไรจริงๆ เพราะฉันเต็มที่กับเรื่องนี้แล้ว...
เฮ้ย! พูดอย่างกับไม่ใช่เรื่องตัวเองแน่ะ
จินเซี่ยวเซินฟังแล้วก็อุทานขึ้นมา จริงอย่างที่เขาว่า เหมือนหยางเล่ยกำลังวิจารณ์เรื่องของใครสักคนมากกว่ากำลังพูดถึงชีวิตคู่ของตนเอง
เวสเรื่องนี้มันมีนัยยะลึกกว่าที่เรารู้กันใช่ไหม? นายปิดบังอะไรไว้หรือเปล่า? หยางเล่ยคงไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มเมื่อครู่ของเขา มันดูราวกับเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนที่พวกเขาคุ้นเคย จนเมื่อหลี่เซี่ยเฟยทักขึ้นมาสีหน้าของหนุ่มผมสีน้ำตาลค่อยกลับมาเป็นปกติ
.แพท....ก็ไม่มีอะไรหรอก....เพียงแต่...บอกตามตรงฉันเองยังไม่แน่ใจเลยว่าความรักมันยืนยาว ยังมีอีกหลายเรื่องที่มิเชลไม่รู้เกี่ยวกับตัวฉัน เหมือนที่นายรู้....แล้วถ้าเกิดเขารับไม่ได้ยังไงมันก็ต้องจบนี่
คำพูดแฝงความหมายนั้นพอให้เข้าใจกันสองคนโดยเฉพาะ หลี่เซี่ยเฟยพยักหน้ารับและช่วยพูดกลบเกลื่อนขึ้นมา เมื่อเห็นสายตาประหลาดใจของเพื่อนๆ
ค่อยๆ เรียนรู้กันไปก็ได้ นิสัยเสียของนายน่ะพวกเรายังรับได้เลยนี่เนอะ เขาหันไปขอเสียงสนับสนุนจากเพื่อนๆ
นั่นสิ...ไม่ว่าจะเรื่องขี้เซา นอนละเมอ กินจุ งองแง...แล้วก็... เฉินซื่อหวี่ชูนิ้วขึ้นมานับพฤติกรรมเพื่อน
สกายพอแล้วเฟ้ย!!
เอาน่าอีกหน่อยก็ชินกันไปเอง อย่าเพิ่งคิดมากเลย ฮ่า ฮ่า มั่นใจตัวเองกว่านี้หน่อยไอ้น้องชาย
คนพูดยกมือขึ้นลูบหัวเขาเป็นการปลอบโยน หยางเล่ยมองเฉินซื่อหวี่อย่างซาบซึ้ง แม้ว่าเจ้าตัวจะมองเขาเป็นเด็กเสมอ และเข้าใจไปคนละเรื่องกันก็ตามที
นั่นสิ....ถ้านายแย่ขนาดนั้น ยัยนั่นคงไม่ยอมตามนายกลับมาหรอก จินเซี่ยวเซินพูดปลอบใจขึ้นมาอีกคน
เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องของอนาคต ชีวิตคู่น่ะต่อให้มั่นใจว่าเราเข้าใจกันแค่ไหน รักกันแค่ไหน มันก็ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวอยู่ดี ถ้ามันไปกันไม่ได้ก็คือไม่ได้นั่นแหละ ดูอย่างฉันกับเมียสิรักกันมาตั้งแต่มัธยมปลาย คิดว่าเข้าใจกันดีทุกอย่างสุดท้ายแต่ละคนก็คิดถึงเรื่องตัวเองมากกว่า แต่ไม่จำเป็นต้องมากังวลล่วงหน้าหรอกนะ เวส...อย่าเพิ่มความเครียดให้ตัวเองกับเรื่องที่มันยังไม่เกิดเลย
เฉินเจี้ยนซิงหมายถึงชีวิตคู่ของเขากับผู้ประกาศข่าวสาว ที่จบลงด้วยการแยกกันอยู่มาหลายปีแม้จะไม่ได้หย่าล้างอย่างเป็นทางการก็ตาม เพราะต่างคนต่างมีความฝัน ต่างคนต่างบ้างาน ไม่มีใครเป็นฝ่ายยอมเสียสละเพื่อประครองชีวิตคู่เลย ในเมื่อต่างฝ่ายต่างสนุกกับงานของตนเอง ทุกอย่างจึงยุติลงเหลือไว้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น ซึ่งนั่นยังนับว่าดีที่พวกเขายังสามารถคงมิตรภาพบางส่วนเอาไว้ได้ ถึงแม้ความรักที่เคยมีมายาวนานนับสิบปีจะจบลงแล้วก็ตาม
แหะ แหะ ผมแค่เผื่อใจไว้เท่านั้นแหละครับ ยังไงก็...อยากจะทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดก่อน แต่ถ้ามันจบลงแบบไม่แฮปปี้จะได้ไม่ต้องเสียใจมาก
พูดเสียอย่างกับคนแก่....นายเพิ่งเริ่มต้นเองนะเวส หลี่เซี่ยเฟยส่ายหน้า
ก็เพราะคู่ของฉันไม่ได้เริ่มอย่างปกติ เราไม่ได้เริ่มด้วยความรักนี่....แต่เราเริ่มด้วยความจำเป็น เริ่มด้วยการรับผิดชอบกับสิ่งที่ก่อขึ้นไปโดยไม่ได้วางแผนไว้
หึ หึ ไอ้หนูเมื่อวันก่อน โตเป็นหนุ่มแล้วเหรอเนี่ย พี่ซิงฟังแล้วหัวเราะออกมาจนได้ อย่างน้อยเด็กในความดูแลของเขามันก็รู้จักคิดอะไรมากขึ้นแล้ว และมองเห็นว่าที่เรื่องเลวร้ายอย่างนี้เพราะพลาดตรงไหน ทั้งหมดนั้นเป็นการกระทำของตนเองแท้ๆ ไม่ใช่เพราะใครอื่นเลย ทำให้บรรยากาศเคร่งเครียดเมื่อแรกเริ่มผ่อนปรนขึ้นเป็นลำดับ
งั้นเราก็ร่วมงานกันต่อได้ ยังไงคอนเสิร์ตของ Vanilla Shade ในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะไม่ยกเลิกแน่นอน เรื่องนี้ฉันจะไปคุยกับผู้ใหญ่ให้เอง ดูเฉินเจี้ยงซินจะสบายใจขึ้นมาก
ขอบคุณครับพี่ซิง ขอโทษนะครับที่ผมทำให้เดือดร้อน...ทุกๆ ฉันขอโทษนะ
เออน่า...อย่าคิดมาก อีกสามหนุ่มยกมือขึ้นตบไหล่าเขาคนละทีสองที แล้วส่งยิ้มให้อย่างร่าเริงเมื่อเรื่องทุกอย่างมีแววจะคลี่คลายไปในทางที่ดี
เมื่อสำนึกได้ก็ดีแล้ว ต่อไปนี้อย่าก่อเรื่องอีกถ้ามีเรื่องอะไรก็ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ให้รีบบอกฉัน อย่าคิดว่าจัดการแก้ไขเองได้ด้วยตัวคนเดียว เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องลำพังตัวนายแล้ว แต่เป็นเรื่องของครอบครัว....ครอบครัวที่ชื่อ Vanilla Shade เข้าใจไหม? เมื่อสรุปผลเรื่องออกมาได้ในทางค่อนข้างดี หนุ่มต่างวัยทั้ง 5 คนก็ยิ้มให้กันด้วยความโล่งอก
ว่าแต่ขนกระเป๋าเสื้อผ้ามาทำไมน่ะ? อย่าบอกนะว่าลงเครื่องบินแล้วจับรถเข้าบริษัทเลย เฉินซื่อหวี่เพิ่งสังเกตเห็นกระเป๋าเดินทางใบโตที่เพื่อนกระเตงลากมาด้วย
อ๋อ....เปล่าหรอก แวะไปส่งมิเชลที่บ้านก่อน แล้วค่อยมาที่บริษัท
คำอธิบายของหนุ่มผมสีน้ำตาลทำเอาทุกคนสงสัยหนักเข้าไปอีก คนถูกถามจึงกระท่อนกระแท่นตอบด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ก็...ก็...เรายังไม่ได้แต่งงานกันนี่ จะอยู่ด้วยกันได้ไงน่าเกลียดออก!!
สิ้นคำตอบของหยางเล่ยนั้น คนทั้งห้องก็พากันตะเบงเสียหัวเราะออกมาดังลั่น ชนิดน้ำหูน้ำตาไหลเลยทีเดียว ในขณะที่เจ้าตัวนั่งหน้าแดงแจ๋ทั้งอายที่โดนล้อทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมใครๆ พากันหัวเราะ หาได้รู้เลยว่านี่แหละสิ่งทีเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของเขา เรื่องซื่อบี้อจนน่าเอ็นดูแบบนี้น่ะ ในขณะที่ใครๆ พากันคิดว่า ช่างตอบได้สมกับเป็นหยางเล่ยจริงๆ
สรุปแล้วเย็นวันนั้นหนุ่มน้อยก็ขนข้าวของ ไปขออาศัยกับเฉินซื่อหวี่พี่ใหญ่ของวงนั่นเอง
ตอนใหม่มาแล้วค่ะ...เนื่องจากเวบ F มันล่ม เจ้าแก้วอยากจะอัพให้เท่ากันทั้งสองเวบ ก็เลยดองไว้ก่อนน่ะค่ะอีกสัก 2 ตอน ยัยว่านน้ำ(นางเอกภาคแรก)น่าจะได้ออกมาแล้ว
Create Date : 14 กันยายน 2550 |
|
21 comments |
Last Update : 15 กันยายน 2550 0:01:41 น. |
Counter : 823 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: panwa IP: 58.8.27.191 15 กันยายน 2550 22:20:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 29 กันยายน 2550 0:37:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสมรัศมี 29 กันยายน 2550 7:59:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: Yoawarat 29 กันยายน 2550 10:42:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: เพกร 29 กันยายน 2550 10:58:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองค่ะ (fifty-four ) 29 กันยายน 2550 13:13:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: กุ๊กไก่ (kaijunk ) 29 กันยายน 2550 14:27:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: Takaw IP: 58.8.105.80 29 กันยายน 2550 20:06:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: wa (yoja ) 29 กันยายน 2550 23:59:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: Tippy IP: 61.91.184.26 1 ตุลาคม 2550 12:35:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: littlegirl IP: 203.192.187.2 31 ตุลาคม 2550 16:53:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: ryuzaki 11 พฤศจิกายน 2550 10:34:24 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อยากเห็นคุณเฮงเจอมิเชลจังๆจังเลย..