จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
Chapter 3 ผมเป็นพ่อแล้วครับ

ตอนที่ 3
ผมเป็นพ่อแล้วครับ

ผมกำลังจะเป็นพ่อคนตอนอายุ 21ครับ...


สองเดือนก่อนเวส หยาง ไอดอลชื่อดังแห่งวง Vanilla Sade ไปทำผู้หญิงท้องมาครับ ใช่แล้วครับผมคนนี้นี่แหละ เฟิร์สเซ็กซ์ครั้งแรกเปิดซิงปุ๊บก็ติดปั๊บเลย ผมควรจะปลื้มใจไหมบางคนอยากมีลูกแทบตายทำกิฟท์ตั้งกี่ครั้ง ลูกยังไม่มาเกิดเลยส่วนผมสิทำไปเมาไปลูกดันมาเกิดเสียได้ มิหนำซ้ำยังมาเข้าท้องคนที่ไม่อยากเป็นแม่คนอย่างมิเชลเสียด้วยสิ หล่อนเลยประกาสก้องว่าจะทำแท้งให้ได้!!!

ลูกคนนะครับไม่ใช่ลูกแมว!! แถมลูกผมด้วยแล้วใครจะไปยอมกันล่ะ !!!



ผมเชื่อว่ามิเชลเป็นคนพูดจริงทำจริง เหมือนเช่นบอกว่าจะฟันผมให้ได้หล่อนก็ฟันจริงๆ ด้วยสิ...TT_TT มาคราวนี้หล่อนบอกว่าจะทำแท้งลูกของเรา เอาล่ะสิ...ผมจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย? ไอ้ครั้นจะไปนั่งเฝ้ามิเชลเดี๋ยวก็ได้เป็นข่าวใหญ่แน่ๆ แต่เป็นข่าวยังไม่เท่าไร ปัญหาอยู่ที่ว่าผมไม่มีเวลาไปนั่งเฝ้านี่สิ การเป็นบอยแบนด์ชื่อดังมันแย่งเวลาผมไปหมด เมื่อไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้แล้วจะไปลงทุนจ้างคนมานั่งเฝ้าก็คงไม่รุ่งอีกเช่นกัน เพราะเจ้าเล่ห์แสนกลอย่างมิเชลคงหาทางซิกแซกหลบซ้ายหลบขวาชิ่งหนีไปจนได้ เมื่อมืดแปดด้านดังนี้ผมจึงทำแบบที่คุณหรือคนปกติทุกคนทำกัน...นั่นคือปรึกษาครอบครัวครับ เล่นมันง่ายๆ แบบนี้แหละ ทว่า...ผมน่ะไม่ใจกล้าหน้าด้านขนาดจะไปบอกพี่น้องว่าผมทำผู้หญิงท้องหรอกครับ ก็เลย...

“พี่รอง...มีเรื่องจะปรึกษาหน่อย”

ผมเลือกปรึกษากับหยงหยง หรือหยางหย่งชุนคุณชายที่สองแห่งตระกูลหยาง อาชีพปกติคือทำร้านขายสมุนไพรจีน เพราะหลังจากไตร่ตรองดูแล้ว ไท่ไท่พี่ชายคนโตขืนรู้เข้าคงแบล็คเมล์ผมแหงๆ ส่วนพี่ๆ คนอื่นๆ ตั้งแต่นัมเบอร์ 3-5 ลงไปพวกมันปากไม่มีหูรูดสักตัว ถัดจากนั้นก็เป็นเฟยเฟยน้องคนสุดท้องซึ่งป่านนี้ยังเสียซิงไม่สำเร็จแล้วจะมาช่วยอะไรผมได้กันเล่า

“อื๋อ?...มาแปลกนะทำไมอยากได้ยาอะไรงั้นหรือ? รึว่าย้อมผมบ่อยเกินไปหัวเริ่มล้าน”

“ไม่ช่ายยยยย...ย หัวไม่ล้านสักหน่อย”

“ถ้างั้นท้องอืด...อึไม่ออก ถูกมั้ย? “

“....เอ่อ... ไม่ต้องเดาได้มั้ยหยงหยง ขอร้อง...”

“แหม...ก็แกทำหน้าเหมือนปวดอึแต่อึไม่ออกแบบนี้ จะให้คิดอะไรได้เล่านอกจากท้องผูกน่ะ!” โห...สร้างสรรค์มากครับพี่รองของผม

“ไม่ใช่สักหน่อยคือผมอยากได้...แบบว่า...” หยงหยงเอียงหูเข้ามาจนติดปากผมด้วยความสงสัย

“ยา? ยาอะไรล่ะ?”

“ไม่ใช่ยา...บอกว่ายาม!! จะเอายาม รปภ.อ่ะ ” พี่รองฟังแล้วขมวดคิ้วก่อนลุกขึ้นมาจ้องหน้าผม

“บริษัทแกมันไม่มีงบจ้างกระทั่งยามรึไง? ถึงต้องมาขอที่บ้านเนี่ย? ทำไมบอร์ดี้การ์ดทำงานไม่ดีหรือ?”

“ไม่ใช่...ปัดโธ่พี่หยงหยงล่ะก็....ผมอยากได้ยามที่คนอื่นมองไม่เห็นแต่ผมเห็นคนเดียวน่ะ เข้าใจหรือเปล่า?” คุณฟังแล้วอาจจะงงๆ สินะครับว่าผมพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ ฟังไม่ผิดหรอกครับ....ผมอยากได้สิ่งที่ผมอยากได้คือมนุษย์ที่ต้องใช้สัมผัสที่หกมองถึงจะเห็น พูดง่ายๆ....สิ่งนั้นเรียกว่า “ผี” ไงล่ะครับ

“หา?” หยงหยงฟังแล้วผงะไปนิดหน่อย เนื่องด้วยไม่เคยถูกน้องชายไถผีมาก่อนในชีวิต

“นี่...บอยแบนด์มันต้องใช้ผีประกอบการแสดงด้วยรึ?” พี่รองยังคงถามอย่างติดตลกแต่เมื่อเห็นผมส่ายหน้าดิ๊กๆ แทนคำตอบ เขาชักเริ่มไม่แน่ใจว่าผมคิดอะไร

นี่ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวล่ะคงคิดว่าผมบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่อย่างที่เคยเล่าล่ะครับบ้านผมมีความลับประการหนึ่ง ที่พวกเราพร้อมใจกันเรียกมันว่า “ความสามารถพิเศษ” สิ่งนั้นก็คือ....ความสามารถที่จะมองเห็น สัมผัส และติดต่อกับวิญญาณได้ ทั้งนี้เพราะบรรพบุรุษตระกูลผมเคยเป็น “หยินหยางซือ” ประจำราชสำนักมาก่อน หยินหยางซือนี่สำหรับคนในยุคปัจจุบันอาจจะห่างเหินคำนี้ไปสักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าอาชีพนี้จะหายไปจากสังคมเสียทีเดียว อาชีพนี้ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นจะเรียกกันว่า “องเมียวจิ” ส่วนของไทยอาจจะไม่มีคำนี้แต่อาชีพใกล้เคียงที่สุดคือ พราหมณ์ประกอบพิธีมงคลต่างๆ ในราชสำนัก เช่น ทำพิธีเสี่ยงทายพระโค เป็นต้น

ดังนั้นคนในตระกูลผมซึ่งสืบสายโลหิตมาจากหยินหยางซือตระกูลหยาง จึงได้รับความสามารถพิเศษนี้ถ่ายทอดกันมาในทุกรุ่น ทำให้ผมเห็นผีได้...

แล้วยิ่งไปกว่านั้น อาชีพหยินหยางซือนี้ยังตกทอดมาในสายตระกูลจนถึงรุ่นปัจจุบัน เพียงแต่ในปัจจุบันจีนถูกแบ่งเป็น 3 ประเทศทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน เราไม่มีราชวงศ์ปกครองอีกต่อไปแล้ว หยินหยางซือจึงผันตัวลงมารับใช้ชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป และคำเรียกหาก็ถูกย่อเรียกให้สั้นและเข้าใจง่ายขึ้นว่า “หมอผี” อย่างหรูๆ หน่อยก็เรียกว่าผู้เชี่ยวชาญไสยเวทย์ หรือ “ชาร์แมน” รับปราบผี ทรงเจ้า ติดต่อคนตาย แก้คุณไสยฯ บวงสรวงขอฝน ดูฤกษ์ดูยาม และอีกหลากหลายเท่าที่ชาร์แมนคนหนึ่งจะทำได้ อาชีพนี้ไม่มีวันล้มหายตายจากไปโลกนี้หรอกครับ พี่ชายผมฟันธงไว้เด็ดขาด เขาบอกว่า...ตราบใดที่ยังมีคนตาย ผีสางก็ยังคงอยู่เช่นเดียวกับโลกนี้ไม่มีทางสิ้นโสเภณี ตราบใดที่ความหงี่ของผู้ชายยังคงอยู่ ตราบนั้น ตระกูลเราคงไม่หมดทางทำหากินง่ายๆ กันหรอก

ถึงกระนั้นเราก็ยังทำอาชีพอื่นบังหน้า ให้เหมาะสมกับวันเวลาที่โลกหมุนไป แต่เบื้องหลังความเป็นหยินหยางซือยังคงอยู่กับครอบครัวผมเต็มร้อย ซึ่งหยินหยางซือรุ่นปัจจุบันของตระกูลผม พี่หยางเทียนลูกพี่ลูกน้องคนที่ 4 นั้นเป็นคนรับสืบทอดตำแหน่งนี้ และดำเนินเป็นกิจการลับๆ ของบ้านผมด้วยครับ เพราะฉะนั้นถ้าผมเห็นผีหรือจะเลี้ยงผีสักตนคงไม่ใช่แปลกใจเลยจริงไหมครับ ?

“นี่หยงหยงอย่าเพิ่งคิดไปไกล ฉันแค่มีคนที่ต้องจับตามอง....เพียงแต่ฉันทำไม่ได้ด้วยตัวเองเดี๋ยวเป็นข่าวน่ะ มีภูตรับใช้ให้ยืมสักตนไหม?”

“ จะเอาไปเฝ้าใครฟะ? ลูกหนี้เหรอ?”

“ทำนองนั้นน่ะ....อย่าถามมากเลยน่า ฉันไม่เอาไปทำเรื่องไม่ถูกไม่ควรหรอก แต่บอกตอนนี้ไม่ได้ มีให้ยืมไหมล่ะ?” หน้าตาพี่ชายผมมันอยากรู้อยากเห็นเต็มที่เลยครับ

“ของอย่างนั้นฉันจะมีได้ยังไง? ฉันเป็นแค่เภสัชกรนะเฟ้ย! ถ้าอยากได้ไปขอเทียนเทียนโน่น”

“หยงหยง....อย่าพูดอย่างนั้นสิก็รู้ๆ กันอยู่....ขืนไปยืมเทียนเทียน มีหวังโดนซักฟอกจนถึงลำไส้ใหญ่แน่” ที่สำคัญพี่เทียนเทียนคนนี้บทมันจะงกขึ้นมา มันก็เค็มจนทะเลเรียกพี่ ถ้ารู้เข้าว่าที่นี่เป็นเรื่องสำคัญระดับชีวิตผมเชียวนะ มีหรือจะไม่ถือโอกาสรีดไถน้องชายที่น่ารักอย่างผมจนหมดตูดแน่ๆ

“งั้นก็อย่าเอามันเลย!!”

“พี่ล่ะก็....” ผมกอดเอวหยงหยงเป็นการใหญ่ นี่ถ้าหยงหยงไม่ช่วยผมจะทำยังไงดีล่ะนี่

“งั้นก็บอกมาก่อนสิว่าเอาไปทำอะไร?....แล้วจะช่วยคิดว่าจะหาของแบบนั้นให้แกได้จากที่ไหนบ้าง?”

“เอ่อ...อ่า....คือ...”

“ไม่บอกใช่งั้นไปล่ะ” หยงหยงทำท่าจะลุกหนีผมดื้อๆ อย่างนั้นแหละ

“เดี๊ยว...เดี๋ยว....พี่จ๋า..อย่าใจร้ายกับน้องนักเลย” ผมดึงชายเสื้อชุดจีนของพี่ชายจนแทบหลุดออกจากตัวเขาแล้ว แบบนี้ยังทำใจร้ายกับน้องชายน่ารักอย่างผมได้ลงคอเชียวหรือ

“ก็บอกมาก่อนสิ....ฉันไม่ชอบทำอะไรโดยที่ตัวเองยังงงๆ แบบนี้”

“ก็....ก็...คือ ฉันมี...เพื่อนคนหนึ่ง เค้าป่วยอยู่...แต่ว่ายังต้องทำงานทุกวัน....ส่วนฉันก็ยุ่งไปเฝ้าเองไม่ได้ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินผมจะได้รู้” ผมไม่ได้โกหกนะอย่างน้อยก็เรื่องจริง 50% แหละ

“เอ๊าะ...อ๋อ ผู้หญิงล่ะสิ....ฮุ ฮุ ไม่กล้าไปขอเทียนเทียน กลัวถูกล้อใช่ไหมล่ะ? โถ...ไอ้ตัวเด็กเล็กเมื่อวันก่อนเป็นหนุ่มแล้วสินะ”

“พี่....มันไม่ถึงขั้นนั้นหรอก” ผมรู้ตัวเลยว่าหน้าผมแดงเสียแล้วสิ

“ภูตรับใช้อย่างเทียนเทียนน่ะ ฉันไม่มีหรอก”

“อ้าว?” หน้าผมคงผิดหวังมากจนหยงหยงเห็นแล้วต้องหัวเราะออกมา

“แต่ฉันมีอย่างอื่น....พอแทนกันได้สนใจไหม?”

“อะไรเหรอพี่? ” ในตอนนั้นสมองผมคิดแค่ว่าอะไรก็ได้ ที่สามารถไปนั่งเฝ้ายัยมิเชลไม่ให้เจ้าหล่อนมีโอกาสไปทำแท้งได้ผมก็เอาทั้งนั้นแหละ โดยไม่คิดว่าไอ้สิ่งที่พี่รองให้มามันจะทำเรื่องระหว่างผมกับหล่อน จะอลเวงขึ้นเป็นสองเท่านี่สิ!



ผมนั่งมองของในตุ๊กตาวัวตัวเล็กๆ ในหีบที่พี่ชายให้มาด้วยอาการไม่แน่ใจในชีวิต มันคือ “วัวธนู” ครับ พอดีพี่ชายผมเพิ่งไปสัมมนาผู้ศึกษาไสยเวทย์ที่เมืองไทยมาเมื่อไม่นานมานี้ เลยได้สินค้าโอทอป เอ้ย ผลิตภัณฑ์ไสยศาสตร์ล่าสุดจากอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งมาเป็นวิทยากรในการสัมมนาครั้งนี้ มอบให้เป็นของที่ระลึก

“เอ่อ...พี่...ฉันว่าฉันเคยได้ยินแต่ควายธนูนะ วัวธนูมีด้วยเหรอ?” ตอนนั้นผมถามหยงหยงไปแบบนั้น

“เฮ้ย...มันก็คล้ายๆ กันแหละวัวกับควาย ใช้ไถนาทั้งคู่”

“แต่ฉันไม่ได้เอาไปไถนานี่หว่า...เข้าใจไหมเอาไปใช้เป็นยาม โอ้ยยยยยย !!”

“แกสิโง่!! ใครเขาใช้วัว-ควายธนู ไปไถนากันหา? ของแบบนี้มันเป็นของขลังที่เป็นอาวุธเว้ย!!”

“ก็พี่บอกเองหยกๆ ว่าวัวกับควายใช้ไถนานี่หว่า”

“โอ้ย...น้องฉัน เข้าใจแล้วว่าทำไมแกยังซิงอยู่...ฮ้วย!!” พี่ชายผมไปเมืองไทยแป๊บเดียวเริ่มอุทานเป็นภาษาอีสานแล้ว ใจจริงผมอยากจะบอกหยงหยงว่าผมน่ะเลิกซิงไปแล้วถึงได้มีปัญหามาให้ช่วยอยู่นี่ยังไงล่ะ แต่ขืนบอกไปคงโดนซักยาวแน่ๆ

“ก็...ใครจะไปรู้ล่ะ แต่ผมได้อยากได้อาวุธนะพี่ อยากได้แค่ยามอย่างอื่นไม่มีเหรอ?”

“เฮ้อ....ของขลังมันมีไว้ป้องกันตัว ถ้าไม่มีศึกทหารที่ไหนจะไปรบ ระหว่างนั้นก็ใช้รักษาความปลอดภัยเหมือนกันแหละ....วัวนี่เป็น รปภ. ได้”

“โอ๊ะ!! อย่างนั้นเองเหรอ?” ไสยศาสตร์นี่มันช่างล้ำลึกจริงๆ

“เอ้า...เอาไปใช้ซะ อย่าลืมอ่านคู่มือด้วยล่ะ” ผมรับคู่มือมาเปิดดูอย่างงงๆ หมอผีสมัยนี้เป็นการเป็นงานกันจริงๆ ทำคู่มือเป็นภาษาอังกฤษเสียด้วยสิ

หลังจากนั้นผมก็รับวัวธนูมาเป็นช่วย นำคุณวัวออกจากกล่องไปตั้งไว้บนชั้นหนังสือที่ตอนนี้จัดเป็นหิ้งบูชาแทน พร้อมด้วยน้ำและหญ้า(ที่เด็ดมาจากบ้านตัวเอง) ตามด้วยจุดธูปไหว้บอกกล่าวหลังจากนั้นไม่นานนักเมื่อธูปหมดดอก ตุ๊กตาวัวธนูตัวจิ๋วขนาดแค่วางบนฝ่ามือก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง วัวตัวจิ๋วกระโดดลงจากหิ้งลงมาอยู่ตรงหน้าผม แล้วค่อยๆ ใหญ่ขึ้นๆ จนขนาดเท่าวัวจริง

“ฮ้าา...า อย่างกับบะหมี่สำเร็จรูปจุดธูปหมดดอกพองได้ขนาดนี้เชียวเหรอ?” มันอาจจะเป็นคำอุทานที่ฟังดูพิลึกไปสักนิด แต่ตรงที่สุดแล้วล่ะครับ

“มอ มอ !!” วัวสีน้ำตาลแดงพันธุ์ไทยแท้ ไม่ใช่วัวลายจุดขาวดำพันธุ์ฝรั่งร้องขึ้นทักทายผม

“คุณวัว...เอ้ย คุณเฮง สวัสดีครับ” เนื่องจากคุณวัวเคยเป็นภูติของพี่ชายผมมาก่อน จึงมีชื่อเสียงเรียงนามเรียบร้อยแล้ว

“มอ มอ” คุณเฮงพยักหน้าเหมือนจะถามว่ามีธุระอะไร

“คือ...ฉัน เอ้ย ผม...ชื่อหยางเล่ย เรียกว่าเล่ยเล่ยก็ได้ ผมเป็นน้องของหยงหยงเจ้านายคุณเฮงนั่นแหละ” ผมแนะนำตัวกับคุณเฮงแบบสุภาพไว้ก่อนก็หวังจะพึ่งพาใช้งานนี่นะ

“มออออออออ...อ” คุณเฮงตอบรับเป็นอันว่าเข้าใจกัน

“คือว่า...ผมมีเรื่องให้คุณเฮงช่วย เลยต้องให้คุณเฮงมาอยู่บ้านผมช่วยคราว” คราวนี้คุณเฮงไม่ร้องมอมอ ตอบแต่ขมวดคิ้วจนหนังหัวย่น

“แบบว่า....” ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เลยหยิบนิตยสารที่มีรูปมิเชลอยู่บนปกมาให้คุณเฮงดู

“ผู้หญิงคนนี้ชื่อมิเชล....เธอไม่ใช่แฟนผม...แต่ว่ากำลังตั้งท้องลูกของผม เธอก็เลยพยายามทำแท้ง แต่ว่าผมต้องการลูก...” ดูเหมือนคุณเฮงจะงงเพราะขยับเข้ามาใกล้มองดูนิตยสารแล้วมองดูหน้าผมสลับกันไปมาก่อนจะทำหูกระดิก

“มอ มออออออ..อ” ไม่เข้าใจเว้ยยยยยย!! ผมแปลที่คุณเฮงพูดได้แบบนี้ เอ่อ...สงสัยผมจะพูดอะไรเข้าใจยากเกินไปสำหรับสมองวัว

“อ่า...คือ...ลืมๆ ที่พูดไปทีแรกก่อนนะ เอาใหม่ๆ คือว่าผู้หญิงคนนี้ชื่อมิเชลกำลังท้องอยู่เด็กในท้องเป็นลูกของผม....แต่เธอจะทำแท้ง ช่วยไปนั่งเฝ้าขัดขวางอย่าให้เธอทำแท้งเด็ดขาด ง่ายๆแค่นี้เอง...ทำได้ไหม?”

“มอ มอ” คุณเฮงพยักหน้าพร้อมกับร้องเสียงสั้นๆ คาดว่าเข้าใจแล้ว

“ดีมากครับ คุณเฮงแสนรู้จริงๆ เดี๋ยวผมจดที่อยู่เธอให้นะ” คุณเฮงสะบัดหางยาวๆ นั่นแกว่งไปมา ด้วยท่าทางดีใจกับคำชมแบบวัวๆ

“อ่ะ....นี่ครับ” ผมเอากระดาษเขียนที่อยู่ให้คุณเฮงดู วัวธนูของผมยื่นหน้าเข้ามาแล้วดึงกระดาษจดที่อยู่ไปเคี้ยวหยั่บๆ ก่อนจะกลืนลงคอไปเลย

“อ๊ะ!! กินเข้าไปทำไม? ” ง่า....หรือว่าคุณเฮงนึกว่าผมให้ของกินกันนะ

“มอออออออออ...อ มอ มอ มอ...อ” ไอ้โง่....วัวที่ไหนอ่านหนังสือออกก็ต้องกินเข้าไปสิวะ เอ...หรือว่าคุณเฮงจะด่าผมแบบนี้หว่า แต่ดูท่าทางจะไม่ใช่เพราะเห็นส่ายหน้าแล้วพยายามอธิบายให้ผมฟังด้วยภาษาวัวอย่างเอาเป็นเอาตาย

“มอ มอ มอ”

“ง่ะ...แล้ว มอ มอ มอ นี่แปลว่าอะไรล่ะ? หรือว่าจำที่อยู่ได้แล้วเลยกินเข้าไปเอ่ย?”

“มอออออออ...อ” ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบบบ...บ คราวนี้ท่าทางจะทายถูกดูท่าคุณเฮงจะตอบแบบนี้

“ถ้างั้นก็ไปหามิเชลเลย....พยายามเต็มที่เลยนะคุณเฮง เพื่อชีวิตน้อยๆ ในท้องแม่ใจยักษ์นั่น”

“มออออ..อ” คุณเฮงดูจะมั่นใจมากถึงกับยกกลีบเท้าขึ้นมาแปะไหล่ผมเหมือนจะบอกว่าไว้ใจได้เลย!!

“แล้วผมจะต้มมาม่าให้กินนะ!”

“มะ....มอ” อ๊ะ! ลืมไป...วัวไม่กินมาม่านี่นา...มิน่าคุณเฮงเสียงตกเชียวแถมยืนนิ่งเหมือนจะเหงื่อตก

“เอ่อ...พูดผิด...หญ้าสดต่างหาก ไม่ใช่มาม่าหรอก แหะ แหะ”

“มอ มอ มอ” แล้วผมกับคุณเฮงก็ประสานเสียงหัวเราะกันแบบเก้อๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณเฮงจะหายตัวออกไปทางหน้าต่าง



ปฏิบัติการวัวๆ ของคุณเฮงเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ คุณเฮงเงียบไป 3 วันแล้ว ไม่ได้ยินเสียงวัวร้องในบ้านเลย คาดว่าคงทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดด้วยการไปนั่งเฝ้านอนเฝ้ามิเชลที่บ้าน ไอ้ผมก็กลัวคุณเฮงจะหิวเลยแอบไปเด็ดหญ้าบนชั้นสวนหย่อมของคอนโดมาถวายให้ พร้อมทั้งอธิษฐานให้ทราบข่าวคราวด้วยแล้วฟ้าก็เป็นใจ วันรุ่งขึ้นผมเห็นมิเชลในรายการเกมโชว์ทางทีวีเกมหนึ่ง ซึ่งเธอไปร่วมรายการแน่ล่ะผมเห็นคุณเฮงเดินตามหลังมิเชลตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่โดนจับฉลากใบชิงโชคที่ผู้ชมส่งมาชิงรางวัล ซึ่งคุณเฮงแอบหม่ำคูปองชิงโชคเข้าไปด้วยหลายชิ้นเลยทีเดียว

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ๋งไปเลยคุณเฮง” สิ่งที่ทำให้ผมดีใจเพราะมั่นใจว่าลูกของผมในท้องมิเชลยังอยู่ดีมีสุข แม้ตอนนี้ท้องเธอยังไม่นูนออกมาให้เห็นได้ชัดก็เถอะ

“เป็นไรฟะเวส? ดีใจอะไรหัวเราะซะเสียงดังหรือส่งคูปองไปจับฉลากกับเขาด้วยแล้วได้รางวัล? ” เฉินซื่อหวี่เพื่อนร่วมวงของผมถามออกมาด้วยอาการงงๆ ที่อยู่ๆ ก็เห็นผมหัวเราะขึ้นมา ก็ตอนนี้เรากำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในรถตู้เพื่อจะเดินทางไปทำงานกันน่ะครับ

“อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอก หึ หึ”

“เอ่อ...เว้ย!! อยู่ๆ ก็หัวเราะคนเดียว รายการชิงโชคมันมีอะไรตลก ?” จินเซี่ยวเซินเพื่อนอีกคนหนึ่งยื่นหน้ามาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อไม่ได้คำตอบก็ถอยกลับเบาะหลังแล้วนอนต่อ

หลังจากนั้นอีก 10 วันต่อมา ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากคนที่หลบหน้าผมมาตลอดโทรไปก็ไม่เคยรับสายอย่างมิเชล

“Hi ว่าไง....ยอมโทรมาจนได้นะ หรือเปลี่ยนใจอยากไปให้ฉันพาไปฝากท้องที่โรงพยาบาล”

“บ้าน่ะสิ!! ใครจะเอาไว้ แต่พูดอย่างนี้แสวงว่ารู้เรื่องล่ะสิ ถึงว่าสิ...” หล่อนตวาดแว๊ดใส่หูผมทันที

“ถึงว่าอะไร?” ผมแกล้งถามลอยๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจนั่นแหละ

“ทุกครั้งที่ฉันพูดเรื่องทำแท้ง หรือคิดจะไปทำ...จะต้องเห็นวัวแดงๆ นั่นฝีมือนายใช่ไหมบอกมานะ?!!”

“วัว?....เฮ้ ฉันเป็นนักร้องนะไม่ได้ทำสวนจะมีวัวได้ยังไง?”

“อย่ามาทำเป็นไขสือนะ!! พักนี้นอนหลับก็ฝันเห็นแต่วัว พอคิดว่าพรุ่งนี้จะไปทำแท้งกลางดึกก็ดันเห็นวัวในห้องนอน”

“วัวในห้องนอน?”

“ฉันไม่ได้บ้านะยะ!! แล้วก็ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่องด้วย ถ้าไม่ใช่นายแล้วมันจะเป็นฝีมือใครเล่า ฉันตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปทำแท้งอุตส่าห์หยุดงานเปลี่ยนตารางคิวแล้วแท้ๆ กลางดึกนอนอยู่ดีๆ กำลังเคลิ้มดันรู้สึก....”

“รู้สึก?”

“ก็นั่นแหละ....รู้สึกอึดอัดแบบเวลาผีจะออกมา ฉันงี้นอนตัวแข็งเลยแล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกว่าโดนกระตุกปลายผม ฉันกลัวแทบตายแต่ยังกลั้นใจเงยหน้าขึ้นไปดู....รู้ไหมฉันเห็นอะไร? ไอ้วัวตัวนั้นมันกำลังกินผมฉันอยู่!!”

“ว้ากกกกกกก..ก! ฮ่า ฮ่า ฮ่าาาาๆๆๆๆ ถูกวัวกินผม!!” ผมไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะเยาะมิเชลหรอกนะ แถมยังปลาบปลื้มที่คุณเฮงซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เหลือเกิน แต่ฟังแล้วมันขำนี่หว่าเลยอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“เจ้าบ้าเวส!! หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆ ด้วย” มิเชลร้องกรี๊ดๆ ใส่หูผมด้วยความโมโห หากเป็นตอนปกติผมคงไม่นึกขำเพราะแสบแก้วหูก่อนแน่ๆ

“โอย...ย ขอโทษๆ วัวมันคงเห็นผมเธอเป็นหญ้าแห้งมั้ง” นั่นเพราะมิเชลเพิ่งไปสีผมให้เป็นสีน้ำตาลอ่อนมา

“จะบ้าเหรอ!! เหมือนหญ้าตรงไหน ใครๆ เขาออกจะชมว่าสีสวยกันทั้งนั้น”

“ หึ หึ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” ยิ่งมิเชลโกรธผมก็ยิ่งขำ หนักๆ เข้าเลยกลั้นไม่อยู่ระเบิดเสียงหัวเราะมันออกมาเสียเลย

“บ้า! บ้า! บ้า! ฉันไม่พูดกับนายแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะไปทำแท้ง!!” พูดจบหล่อนก็กดโทรศัพท์ทิ้งเลย

“อ้าว? เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวก่อนเด้...กลับมาคุยกันก่อน ไม่หัวเราะก็ได้....เฮอะ...ยัยบ้าเอาแต่ใจชะมัด ก็คนมันขำจะไม่ให้หัวเราะได้ไงฟะ” ที่หล่อนบอกว่าจะไปทำแท้งลูกของผมพรุ่งนี้ถ้าเป็นก่อนหน้าที่คุณเฮงจะมาทำหน้าที่ รปภ. ผมก็คงเครียดและคงวิตกจริตไปทั้งวัน แต่ตอนนี้รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ

“ฝันไปเหอะว่าจะได้ทำ!! คุณเฮงลูกพ่อลุยเลยอย่าให้ยัยนั่นทำได้เชียวนะ”

ว่าแล้วคืนนั้นผมก็ลงทุนขับรถออกนอกเมืองไปเด็ดหญ้ากลับบ้านเป็นหอบ เอามันทั้งหญ้าสดหญ้าแห้งนี่แหละ แล้วถวายคุณเฮงมันทั้งฟ่อนเลยโดยไม่ลืมจุดธูปอธิษฐานบอก

“คุณเฮงครับ!! ผมเอาหญ้าของโปรดมาให้เพียบเลย มีให้เลือกหลายแบบด้วยมีทั้งสดทั้งแห้ง เลือกกินตามใจชอบเลย แล้วจะหาของอร่อยมาให้บ่อยๆ นะ คราวหน้าจะเอาหญ้าอิมพอร์ตให้ด้วย แต่พรุ่งนี้อย่าให้ยัยมิเชลทำแท้งสำเร็จนะคุณเฮง ช่วยผมหน่อยนะ...สาาา...ธุ”



ไม่ได้อัพเสียนานขออภัยนะคะ และสวัสดีปีใหม่ทุกๆ ท่านด้วยเน้อ ขอให้มีความสุขกันทั่วหน้าค่ะ มีเงินเยอะๆ นะคะ


Create Date : 16 มกราคม 2550
Last Update : 16 มกราคม 2550 22:04:18 น. 3 comments
Counter : 637 Pageviews.

 


โดย: mumin IP: 203.113.57.70 วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:13:00:13 น.  

 
ตามมาเจิม เป็นเม้นท์แรก ขำดีตรงคุณวัวแดงเฮง
แล้วมิเชลจะทำไงต่อล่ะเนี่ย


โดย: fuku IP: 58.9.29.28 วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:13:45:18 น.  

 
ปูเสื่อนอนรอ



โดย: klu IP: 124.121.183.68 วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:20:23:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.