|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Chapter 15 โรคขี้อิจฉากำเริบ
ตอนที่ 15 โรคขี้อิจฉากำเริบ
ความรักคือการเปรียบเทียบ คือการทำให้เสียความเป็นตัวของเอง คือการขาดความมั่นใจ
จริงๆ แล้วฉันก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่มีความรักนะคะ แต่ว่า...หนนี้น่ะ อาการมันหนักกว่าหนก่อนๆ ที่ผ่านมาฉันแค่กังวลว่าฉันไม่ค่อยมีเวลาให้แฟนหนุ่มของฉัน เพราะติดถ่ายละครและงานอื่นๆ ในฐานะนางเอกคิวทอง แล้วฉันก็กลัวเรื่องรักแท้แพ้ใกล้ชิดเสียด้วยสิคะ เพราะฉันเองก็ยังเป็นแบบนั้นเลย ฉันเข้าใจว่าถ้าหากผู้ชายของเราจะมองหญิงอื่นหรือแพ้ความใกล้ชิดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เรามันก็คนเหมือนกันความอ่อนไหวนั้นไม่เลือกเพศ วิธีที่จะรักษาความรักเอาไว้ได้มีแค่ 3 หนทาง คือ
1. พยายามเฝ้าคนของเราไว้ห่างสายตา ซึ่งวิธีแรกถ้าตัวไม่ได้ติดกันจะทำได้ยากมาก และถ้าไม่แนบเนียนถูกจับได้เสียก่อน เขาจะอึดอัดและเป็นฝ่ายฉีกตัวจากไปเองโดยไม่ต้องมีมือที่สามหรอกค่ะ
2. ทำใจทำหูไปนาเอาตาไปไร่ ตราบใดที่เขายังย่องเราเป็นที่หนึ่งไม่ได้มาบอกเลิกเพราะเจอคนใหม่
3. ปลง อย่ารักเขามากกว่าตัวเอง ถือเสียว่าเป็นคู่ควง เป็นเครื่องสำราญใจ เหมือนอาหารกระป๋องที่มีวันหมดอายุ ถ้าความรักหมดอายุเมื่อไรก็ต้องปล่อยไป
แต่กับเวสน่ะ จะใช้ข้อใดข้อหนึ่งใน 3 วิธีนี้กับเขาก็ไม่ได้เสียด้วยสิ เพราะขืนไปนั่งเฝ้าเขาตอนนี้สถานการณ์ทางสังคมของเราจะแย่ลง วิธีที่สองก็ยกเลิกไปเถอะเพราะเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ วิธีสุดท้าย...จะทำได้ยังไงล่ะคะ ก็รักเขาไปแล้วนี่คะ ให้ไปหมดใจแล้วด้วย เรียกว่าชีวิตฉันตอนนี้ขึ้นอยู่กับเขาเสียด้วยซ้ำ
แล้วจะทำไงดีล่ะคะ ความรักของฉันถึงจะมั่นคงยืนยาวไม่มีใครมาสั่นคลอนได้ ฉันกลัวเหลือเกินค่ะ ตอนนี้ฉันเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไปแล้วเรื่องหนึ่ง ฉันจะเสียเขาไปอีกไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหัวใจฉันคงแหลกสลายจนหมดสิ้นความหวังในชีวิตแล้ว
ฉันกำลังนั่งคิดถึงเขาอยู่แม้จะเพิ่งห่างกันไม่กี่ชั่วโมงก็ตามที เวลาแต่นาทีดูมันช่างเชื่องช้าราวกับวันพรุ่งนี้จะไม่มาถึง แล้วยิ่งฉันไม่มีอะไรทำใจคอมันก็ไปจดจ่ออยู่ที่นาฬิกาแบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็ เมื่อก่อนนี้หาวันว่างแสนจะยากเย็นพอว่างทีฉันก็จะนอน หรือไม่ก็ไปชอปปิ้งให้สะใจ แต่ตอนนี้เวลาว่างของฉันมันช่างมีมากจนเหลือเฟือ แถมยังไม่รู้จะทำอะไรฆ่าเวลาอีกด้วย
ระหว่างที่กำลังคิดมากอยู่นั่นเองเสียงกริ่งโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ฉันกระโดดไปตะครุบไว้ด้วยความว่องไว เป็นเวสนั่นเองเขาโทรกลับมาแล้ว ฉันคลี่ยิ้มอย่างดีใจแล้วกรอกเสียงหวานใส่ทันที
เวย เวสเหรอจ๊ะ....ว่ายังไง? นายจะกลับมาทานข้าวเย็นด้วยกันหรือเปล่า? ฉันจะได้โทรสั่ง
วันนี้คงยังไม่สะดวกน่ะมิเชล นี่ยังอยู่ที่บริษัทเลย เดี๋ยวต้องคุยเรื่องงานกับผู้ใหญ่ยาวเลย กินข้าวไปเลยไม่ต้องรอนะ
....งั้นเหรอ?
ฉันรับคำด้วยเสียงเหงาหงอย เวสเองก็น่าจะรู้สึกได้เขาเลยแนะนำให้ฉันชวนเพื่อนมากินข้าวเป็นเพื่อน คงจะต้องแบบนั้นแหละ
เออนี่....ตกลงฉันไปอาศัยอยู่บ้านสกายชั่วคราว เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ
เวสจะไม่อยู่กับฉันจริงๆ เหรอ?....ฉันคงเหงามากเลยนะที่ต้องอยู่คนเดียว
อดทนหน่อย....มิเชล...แล้วฉันจะโทรหาบ่อยๆ นะ บางทีฉันอาจจะหาอะไรให้เธอทำแก้เหงาได้ แต่ขอเวลาอีกสักนิดให้ฉันเคลียร์เรื่องกับต้นสังกัดให้ได้ก่อนนะ
อ่ะ...อืม ฉันเข้าใจ เพียงแต่ฉันคิดถึงนายน่ะ ฉันได้ยินเสียงเขาหัวเราะมาตาสาย
เพิ่งห่างกันแป๊บเดียวเองคิดถึงฉันเสียแล้วเหรอ?
ทำไมล่ะ? แล้วคิดถึงไม่ได้เหรอ? นายล่ะคิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า? ฉันกระเซ้ากลับ การหยอดลูกอ้อนนี่เป็นหนึ่งในวิธีครองใจแฟนเลยล่ะค่ะ
คิดถึงจนปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ว่าจะเอาไงดี จะทำไงดี คนอื่นก็คิดถึงมิเชล ถามถึงจนตอบแทบไม่ทัน
ฉันไม่ได้หมายถึงคิดถึงแบบนั้น พวกนั้นน่ะมันเรียกสาระแนต่างหากไม่ใช่คิดถึงสักหน่อย แต่อีตานี่ไม่เคยทำให้ฉันโรแมนติกไปตลอดรอดฝั่งสำเร็จเลยสักครั้ง
คนอื่นๆ เขาก็เป็นห่วงนะ....ไม่งั้นจะถามถึงทำไม?
สอดรู้สอดเห็นน่ะสิไม่ว่า นายน่ะมองคนในแง่ดีเกินไปแล้ว
ก็ดีกว่าไม่มีใครถามถึงเลยล่ะน่า...มิเชลน่ะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปนะ
นี่แหละค่ะพ่อคนนี้ใครก็ดีไปหมด อะไรๆ ก็สดใสสวยงามไปหมด บางทีฉันก็สงสัยนะว่าเขาเคยมองใครในแง่ร้ายบ้างไหม ?
มิเชลฉันต้องไปแล้ว...อย่าคิดมากนะ
จะพยายามนะ ฉันตอบกึ่งงอน
อย่าลืมหาหญ้าให้คุณเฮงกินด้วยนะ
นี่นายห่วงวัวมากกว่าฉันเหรอ?
ก็เขาหากินเองไม่ได้นี่....อีกอย่างจะพึ่งพาอาศัยเขาก็ต้องดีกับเขาหน่อยสิมิเชลก็ ฉันล่ะเบื่ออีตาบ้านนี่จริงๆ จะพูดหวานๆ ให้ชื่นใจหน่อยก็ไม่ได้ แทนที่จะบอกว่ารัก นะเป็นห่วง ไอ้ฉันก็อุตส่าห์รอฟังอยู่แท้ๆ ทำไมเขาถึงไม่ทำแบบที่ผู้ชายคนอื่นเขาพูดเอาใจฉันบ้างนะ........อ๊ะ! นี่ฉันเผลอคิดอะไรน่ะ ฉันเอาเวสไปเปรียบเทียบกับผู้ชายอื่นได้ยังไง ก็เพราะว่าเขาไม่เคยทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอ? เรื่องที่พูดออกมาก็มีแต่เรื่องจริงไม่ใช่แค่โกหกหลอกล่อให้รักให้หลงสักหน่อย
ฮัลโหล...มิเชล ทำไมเงียบไปล่ะ ? เป็นอะไรหรือเปล่า?
เขาเป็นห่วงฉันแท้ๆ ดูซิแค่ฉันเงียบไปแป๊บเดียว เขาก็กังวลแล้ว...อย่างนี้แล้วฉันยังไปนึกเปรียบเทียบอยากให้เขาทำเหมือนผู้ชายอื่นอีกเหรอ? ฉันนี่มันแย่จริงๆ
ปะ...เปล่าจ้ะ ฉันแค่...เป็นห่วงนายน่ะ เข้าบริษัทไปพวกเขาว่าไงบ้าง โดนพักงานหรือเปล่า? นี่ต่างหากสิ่งที่ฉันควรถามเขา ควรเอาใจใส่เขาบ้างไม่ใช่มัวแต่งอนที่เขาไม่พูดหวานๆ ให้ฟัง
ก็โดนด่านิดหน่อยน่ะ แต่ไม่เป็นไรทุกอย่าง OK ไม่ได้โดนพักงานไม่ต้องเป็นห่วงนะ
จริงๆ นะ นายอย่าโกหกให้ฉันสบายใจนะ ไม่งั้นฉันจะโกรธจริงๆ ด้วย
โธ่เอ้ย....ฉันจะโกหกไปทำไม Vanilla Shade จะมีคอนเสิร์ตอีก 3 เดือนข้างหน้า ข่าวก็ออกไปแล้วด้วยแล้วจะพักงานฉันได้ยังไง เพียงแต่เราคงต้องปรับแผนงาน...ที่เหลือก็ปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ของฉัน...แล้วก็อีกนิดๆ หน่อยๆ น่ะ แต่เชื่อสิไม่เป็นไรหรอก ทุกอย่างมันจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี ฉันกำลังคุยกับผู้ใหญ่ให้หางานให้เธอทำด้วย จะได้ไม่ต้องมีเวลาว่างมานั่งคิดมาก
เวส... ดูสิเขาคิดเพื่อฉันตั้งมากตั้งมายขนาดนี้ แล้วฉันมัวแต่งอนงี่เง่าอะไรอยู่น่ะ
ขอบใจนะ...
ฉันต้องวางจริงๆ แล้วนะ บาย
จ้ะ ถึงบ้านสกายแล้วโทรหาฉันด้วยนะ
อื้อ...
เขาตอบแค่นั้นแล้ววางหูไป ปล่อยทิ้งให้ฉันจมอยู่กับความตื้นตันใจ ในความโชคร้ายฉันเห็นแสงสว่างแห่งความหวัง สิ่งที่ดีที่สุดออกมาจากกล่องแพนโดร่า* * ฉันยิ้มให้กับตัวเองยิ้มให้กับความโชคดีนี้ โชคชะตาไม่ได้โหดร้ายกับฉันเกินไปนัก
---------------------------------------------------------------------------------------
***นางแพนโดร่าในตำนานเทพกรีกโรมัน เทพเจ้าฝากกล่องใบหนึ่งไว้กับหล่อนสั่งว่าห้ามเปิดดูเด็ดขาด แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แพนโดร่าเปิดกล่องออกทำให้ความชั่วร้ายทั้งหลายทั้งมวลกระจายไปทั่วโลก แต่สิ่งสุดท้ายที่ออกมาคือแสงสว่างของความหวัง
ตอนค่ำของคืนนั้นเวสหอบข้าวหอบของไปอยู่ที่บ้านสกายอย่างที่บอกไว้จริงๆ ด้วย เมื่อไปถึงเขาก็โทรรายงานฉันแล้วส่งสายให้สกายพูดซึ่งเจ้าของบ้านนั้นก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลเวสเป็นอย่างนี้ และยังย้ำว่านี่ไม่ใช่การรบกวนเวสเป็นเหมือนน้องชายของเขาแท้ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าสกายเป็นพวกเฟค ทำตัวแสนดีตลอดเวลาอย่างฉายาที่นักข่าวตั้งให้ว่า พ่อสุภาพบุรุษ All time
แต่ในเวลานี้ฉันซาบซึ้งน้ำใจที่เขามีกับเวสนัก อย่างน้อยมันก็หาไม่ได้ง่ายๆ นักในวงการบันเทิง เพราะในความเป็นจริงแล้วนักแสดงส่วนใหญ่ก็ดีกันเพื่อรักษาหน้าตาเท่านั้นแหละค่ะ เกลียดกันแค่ไหนก็กอดกันถ่ายรูปสนิทสนมเหมือนไม่เคยมีเรื่องมาก่อนได้ แต่พอหลังจากเท่านั้นแหละค่ะสะบัดแทบเอาเกลือสาดไล่ซวยเดี๋ยวนั้นเลย
แต่ถึงอย่างนั้นเวสก็อยู่บ้านพี่ชายแสนดีอย่างสกายได้ไม่ถึงครึ่งคืนดีด้วยซ้ำค่ะ ทำไมน่ะเหรอคะ ? คุณดูเอาเองก็แล้วกันค่ะ
เครื่องดื่มแองกอฮอล์ถูกยื่นมาตรงหน้าหยางเล่ย ซึ่งชายหนุ่มรับไว้แต่โดยไม่มีอิดเอื้อนเพราะไม่อยากเสียมารยาทกับเฉินซื่อหวี่ ความจริงแล้วพวกเขาไม่ค่อยมีโอกาสดื่มเท่าไรนักเนื่องจากการงานที่รัดตัว อีกทั้งหยางเล่ยยังเข็ดกับมรสุมชีวิตที่เกิดจากเหล้าอีกด้วย แต่ในคืนนี้เขาทั้งสองถือเป็นข้อยกเว้น
เอ้าดื่มสักหน่อย...จะได้คุยกันสบายๆ
ความจริงแล้วการพูดคุยเปิดอกแบบผ่อนคลาย ไม่จำเป็นต้องมีแองกอฮอลเป็นตัวช่วยเลยก็ได้ แต่มันกลายเป็นค่านิยมของสังคมไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ หลายคนใช้เหล้าเป็นตัวช่วยให้หนีความจริงได้ชั่วขณะ โดยการย้อมตัวเองด้วยเหล้าให้ลืมเลือนความทุกข์ แต่เหล้าไม่เคยช่วยปัดเป่าเรื่องร้ายให้จางหายได้จริงๆ เมื่อตื่นขึ้นมามีสติอีกครั้งจะพบว่าความอ่อนแอจะถาโถมเข้ามาพร้อมอาการสร่างเมา เพราะความจริงอันแสนขมขื่นยังอยู่ตรงหน้าไม่ได้หนีไปหายไปไหนเลย การหนีความทุกข์ร้อนด้วยความฝันอันมึนงงไปที่น้ำเมามอบให้ก็เพียงแค่ชั่วขณะ แต่เมื่อกลับสู่ความจริงอีกครั้งใจจะเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
เหล้าจึงเป็นได้แค่เครื่องหมายของคนขี้ขลาดอ่อนแอ ไม่เคยช่วยให้โชคร้ายหายไปได้เลย เฉินซื่อหวี่กับหยางเล่ยก็เช่นกันพอเมาได้ที่พี่ใหญ่ของวงก็เริ่มร่ายความในใจออกมายาวเหยียด ทั้งที่ตอนไม่เมานั้นเขาเก็บมันไว้มิดชิดไม่อยากให้เพื่อนรุ่นน้องสะเทือนใจแท้ๆ
เวส...นายโง่หรือบ้าวะ? หยางเล่ยจิบเบียร์ไปแค่ 2 คำเพราะไม่อยากดื่มนัก ได้แต่ทำตาปริบๆ ตอนที่ถูกถาม
เอ่อ...สกายนายเมาหรือเปล่าเนี่ย?
เขาก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าเฉินซื่อหวี่นั้นคออ่อน แต่ไม่คิดว่าจะอ่อนขนาดนี้แค่เบียร์ 2 กระป๋องพ่อคุณก็กลายร่างเป็นอีกคนไปเสียแล้ว
เฮ้ย!! ถามก็ตอบเซ่......ใช้หมองคิดบ้างหรือเปล่าหา ? ดูซิทำเอาซวยไปทั่วหน้าถ้าโดนพักงานจะเป็นไง คิดถึงคนอื่นบ้างหรือเปล่า? มีความรักแค่นี้ทำเป็นสมองหายไปได้โด่เอ้ย...ย !! ชัวร์ยิ่งกว่าชัวร์พูดจายานคางแบบนี้ หนุ่มผมสีน้ำตาลบอกตัวเอง เพื่อนของเขาเมาแอ๋ไปเรียบร้อยแล้ว
เอ่อ...สกายถ้าเมาก็ไปนอนดีกว่าไหม? เดี๋ยวฉันเก็บโต๊ะให้เอง
ใครเมาวะ? ถามไรก็ตอบเด้...สมองมันไปไหนหา? คนเมารายไหนรายนั้นไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเมา แถมยังใช้มือตบศีรษะหยางเล่ยเล่นอย่างเมามันอีกด้วย
ดังก็องๆ เลยว่ะ...แกทำสมองหายไปแล้วรู้ตัวหรือเปล่า? ดูซิ...กะโหลกกลวงเชียว
เอ่อ...ไปนอนดีกว่านะสกาย นะๆๆๆๆ
ไม่พูดเปล่าเขาจัดแจงสอดแขนเข้าใต้รักแร้เพื่อน แล้วพยายามจะลากเฉินซื่อหวี่ไปยังห้องนอน แต่คนถูกแบกกลับดิ้นสะบัดอย่างแรง
ใครว่าฉันจะนอน ฉันอยากลงโทษไอ้คนงี่เง่าอย่างแกต่างหาก!!
ว่าแล้วก็หันกลับมาคว้าคอเสื้อหยางเล่ยขึ้น แล้วจับทุ่มแบบยูโดโดยแรงจนคนตัวเล็กกว่ากลิ้งโลโค่ลงไปกองกับพื้น
โอ้ยยยยยย...ย
หยางเล่ยร้องโอดโอยออกมาเพราะจุกเต็มที่ แต่ยังไม่ทันตั้งตัวเฉินซื่อหวี่ก็ปรี่เข้าใส่ แล้วลากดึงขาเพื่อนร่วมวงออกมากลางห้อง แล้วจัดการหมุนเหวี่ยงไปรอบๆ ด้วยท่าไจแอนด์สวิงราวกับกำลังเล่นมวยปล้ำอยู่บนสังเวียนไม่ปาน
จ้ากกกกกกกกกกก!!! ว่าที่สามีของไป่เอี้ยนหลินนั้นร้องโหยหวน ตอนที่ถูกกำลังโดนหมุนได้ที่แล้วโยนเขาไปกระแทกกับตู้โชว์แถวนั้น
เฮ้!! อย่ามาสำออยนะลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เวส!!
มีหรือคนถูกท้าจะทำตาม หยางเล่ยรีบพลิกตัวขึ้นแล้วคลานหลบไปอยู่หลังโซฟา ปล่อยให้เฉินซื่อหวี่ตะโกนอยู่กลางห้องคนเดียว เมื่อได้จังหวะก็วิ่งไปคว้าเป้วิ่งหนีออกนอกประตูบ้านชนิดไม่เหลียวหลังเลย โดยไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกของเจ้าของบ้าน และกระเป๋าอีกใบที่ทิ้งไว้ในห้องด้วยซ้ำ
เสียงกริ่งดังรัวขึ้นยามดึกเหมือนคนกดเรียกกำลังร้อนใจ ทำเอาหลี่เซี่ยเฟยเดินงัวเงียด้วยความหงุดหงิดมาที่ประตูบ้าน แต่พอมองลอดตาแมวออกไปเห็นเพื่อนรักที่ว่าไปขออาศัยอยู่บ้านเฉินซื่อหวี่ชั่วคราวนั้น ยืนหน้ามิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าบ้านก็รีบเปิดประตูให้เข้ามา
อ้าว? ไหนว่าจะไปค้างบ้านสกายไง? แขกยามวิกาลไม่ได้ตอบทันที แต่ทำหน้าเซ็งชีวิต แล้วโยนกระเป๋าเป้ลงบนโซฟาอย่างแรง
เฮ้ย? เป็นอะไรวะ? หรือทะเลาะกับมิเชลมา?
ไม่ใช่มิเชลแต่เป็นสกายต่างหาก?
ทะเลาะกับสกายนี่นะ? ไปทำอีท่าไหนมา?
สำหรับเขาแล้วเฉินซื่อหวี่เป็นคนใจเย็นมีเหตุผลเสมอ ขนาดตอนที่โกรธสุดๆ ที่เห็นเพื่อนๆ ไม่ตั้งใจซ้อมเต้น ก็ยังมีแก่ใจใช้ความสุภาพตำหนิ
ไม่ได้ทะเลาะ แต่สกายเมาแล้วจับฉันทำเฮดล็อค แถมด้วยไจแอนด์สวิงอีกต่างหาก
เฮ้ย?!!!
ไม่ได้พูดเล่นนะเฟ้ย!! ดู่เด่ะหัวโนเป็นลูกแล้ว หยางเล่ยชี้ไปที่ศีรษะบวมปูดของตนเอง
ง่า....หมอนี่เป็นพวกเมาแล้วอาละวาดเหรอเนี่ย?
ก็ใช่น่ะสิ!!? ขืนไม่เผ่นมีหวังโดนซ้อมตายแน่
เวรกรรม....=_= หลี่เซี่ยเฟยส่ายหน้าคนหนอคน เคยดีแค่ไหนพอโดนน้ำเปลี่ยนนิสัยเข้าไปรายไหนรายนั้นเละเทะทุกราย
พอหายเมาแล้วคงมาขอโทษเองล่ะมั้ง...ก็ไม่ได้ตั้งใจนี่ อย่าไปถือสาหมอนั่นเลยนะ คืนนี้นอนนี่ไปก่อนก็แล้วกัน
อื้ม...แต่ฉันว่าฉันขออยู่กับนายแทนชั่วคราวดีกว่านะ อย่างน้อยๆ เราก็คุ้นกับฉันแล้ว ถ้าฉันพูดคนเดียวขึ้นมานายคงไม่ตกใจใช่ไหม? หลี่เซี่ยเฟยฟังแล้วต้องทำตาปริบๆ จะว่าชินก็ไม่เชิงไม่ชินก็ไม่ใช่ แต่เอาเป็นว่าเข้าใจซึ่งกันและกัน
ก็ได้....แต่ว่า...อีก 2-3 วันว่านกำลังจะบินมาหาฉัน ก็ว่าจะมาพักที่นี่ด้วยน่ะ หยางเล่ยมองสีหน้าลำบากใจของเพื่อนแล้ว ก็พอจะรู้ว่าเขาคงอยากอยู่กับสไปนางแฟนสาวตามลำพังมากกว่า
ฉันจะรีบหาที่อยู่ใหม่ก็แล้วกันนะ รบกวนไม่นานหรอกคงทันก่อนว่านมาน่า
เฮ้ย!! ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น....แค่...เอาเถอะบ้านนี้ก็มีห้องหลายห้องนี่ อีกอย่างอยู่กันสองต่อสองเดี๋ยวว่านเขินตายเลย
แหม....ทำเป็นไม่เคยไปได้ เมื่อก่อนใครน้ออยู่ร่วมบ้านกันมาตั้ง 2-3 เดือน ทีงี้มาทำเป็นเขิน อิ๊ อิ๊ เมื่อเห็นสีหน้าเก้อเขินของเพื่อนแล้ว หนุ่มร่างเล็กก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันตา
เฮ้ย...มันไม่เหมือนกันนะเว้ย!! ตอนนั้นเป็นผี ตอนนี้เป็นคนสัมผัสกันได้แล้ว...ฉันก็....
ก็...? ก็อะไร ? คิดอะไรอยู่สารภาพมานะ? หน้าแดงเชียวคิดลามกล่ะสิ? ยิ่งถูกล้อหลี่เซี่ยเฟยก็ยิ่งหน้าแดง จนต้องออกปากไล่เพื่อน
ไปนอนเลยไป....โน่น ห้องโน้นเลย รีบๆ ไปเลย ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มดันร่างเล็กกว่าของหยางเล่ยเข้าในห้องตรงกันข้ามกับห้องนอนของเขาทันที
โอ้ยๆๆ ไม่แซวก็ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
หยางเล่ยอารมณ์ดีขึ้นมากแต่เมื่อคิดถึงเรื่องตนเองแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา ทำไมคู่ของเขามันช่างวุ่นวายสับสนต่างกับคู่ของเพื่อนราวฟ้ากับเหวแบบนี้นะ สุดท้ายชายหนุ่มได้แต่ภาวนาให้สถานการณ์ของเขากับมิเชลคลี่คลายไปในทางที่ดีบ้าง
เนื่องจากโดนคนอ่านขู่ฆ่า... เลยรีบปั่นมาถวายค่ะ แล้วก็หายหัวไปอีกจนกว่าจะโดนจิกอีกรอบ 555 เพราะกำลังเร่งเขียน อีกเรื่องซึ่งเป็นแนวจริงจังไม่ฮาให้เสร็จภายในสิ้นปีน่ะค่ะ ถ้าเห็นนาน เกินไปก็ทวงๆ มาแล้วกันนะคะ ขอบคุณมากที่ยังตามอ่านกันเสมอค่ะ
Create Date : 19 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2550 12:15:14 น. |
|
27 comments
|
Counter : 2886 Pageviews. |
|
|
|
โดย: momiji IP: 58.9.31.242 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:22:21 น. |
|
|
|
โดย: Ice IP: 202.28.181.10 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:57:00 น. |
|
|
|
โดย: Tippy IP: 61.91.184.26 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:47:57 น. |
|
|
|
โดย: Joojee IP: 203.113.17.156 วันที่: 11 ธันวาคม 2550 เวลา:0:09:07 น. |
|
|
|
โดย: Tippy IP: 61.91.184.26 วันที่: 2 มกราคม 2551 เวลา:8:58:16 น. |
|
|
|
โดย: Tippy IP: 61.91.184.26 วันที่: 9 มกราคม 2551 เวลา:17:05:22 น. |
|
|
|
โดย: Tippy IP: 61.91.184.26 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:44:23 น. |
|
|
|
โดย: panwa IP: 58.8.25.92 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:30:15 น. |
|
|
|
โดย: bird IP: 61.7.155.250 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:20:41 น. |
|
|
|
โดย: แก้วกังไส วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:5:04:34 น. |
|
|
|
โดย: Tippy IP: 61.91.184.26 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:19:51 น. |
|
|
|
โดย: Tippy IP: 61.91.184.26 วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:15:22:35 น. |
|
|
|
โดย: bird IP: 61.7.155.250 วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:17:35:53 น. |
|
|
|
โดย: Tippy IP: 61.91.184.26 วันที่: 31 มีนาคม 2551 เวลา:16:54:58 น. |
|
|
|
โดย: Tippy IP: 61.91.184.26 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:14:39:52 น. |
|
|
|
โดย: Tippy IP: 61.91.184.26 วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:9:39:18 น. |
|
|
|
โดย: แก้วกังไส วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:36:38 น. |
|
|
|
โดย: nj IP: 202.129.4.157 วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:36:59 น. |
|
|
|
โดย: แวน IP: 202.57.137.157 วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:8:00:01 น. |
|
|
|
โดย: แวน IP: 202.57.137.157 วันที่: 21 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:45:12 น. |
|
|
|
โดย: แก้วกังไส วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:2:41:51 น. |
|
|
|
โดย: yoko IP: 202.28.179.13 วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:14:22:45 น. |
|
|
|
โดย: แตงโม IP: 124.120.95.3 วันที่: 9 มีนาคม 2552 เวลา:19:08:56 น. |
|
|
|
โดย: panwa IP: 125.26.214.251 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:19:29:35 น. |
|
|
|
โดย: แก้วกังไส วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:56:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|