จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 

Chapter 12 สะใภ้แกะดำ

ตอนที่ 12
สะใภ้แกะดำ


การแต่งงาน กับการที่คนสองคนรักกันมันเป็นคนละเรื่องกันเลย
ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ก็วันที่ไปบ้านตระกูลหยาง เพื่อยกน้ำชาสะใภ้ไหว้พ่อสามีนี่แหละค่ะ


ตอนที่เรารักกันนั้นราวกับว่าโลกนี้มีเพียงแค่สองเรา แต่การแต่งงานมันไม่ใช่การร่วมชีวิตคู่ของคนแค่สองคนอย่างที่คิดไว้แต่แรก มันกลายเป็นว่าเป็นเรื่องของคนสองตระกูล ญาติโกโหติกาทุกคนจะมีส่วนร่วมไปหมดแม้เราจะไม่เต็มใจก็ตามที การแต่งงานแบบไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าจึงสร้างปัญหาให้ฉันกับเวสมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตระกูลเก่าแก่ และร่ำรวยมหาศาล อย่างตระกูลหยางพวกเขาไม่เต็มใจต้อนรับฉันเลยสักนิด แถมยังหาว่าเป็นสะใภ้แกะดำที่น่าชิงชังอีกด้วย!!





เมื่อเราสองคนตกลงใจว่าจะแต่งงานกัน คุณลุงดูจะดีใจที่ฉันเป็นฝั่งเป็นฝาได้ลงเอยกับผู้ชายดีๆ ส่วนคุณป้าน่ะรายนั้นคงโล่งใจที่ฉันจะไปให้พ้นๆ หน้าเขาสักที เราใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน และเก็บข้าวของกันในคืนนั้นเลย เวสบอกว่าเขาจะพาฉันไปหลบที่บ้านเขาที่ฮ่องกงก่อน เรื่องนี้ทำให้ฉันแปลกใจพอสมควร ดูเหมือนว่าเวสมั่นใจว่ายังไงฉันต้องไปกับเขาแน่ จึงเตรียมตั๋วไปฮ่องกงสำหรับเราสองคนเอาไว้แล้ว และเราก็บินลัดฟ้าไปก่อนที่นักข่าวจะทันตั้งตัวในเช้ามืดวันนั้นเอง

ฉันก็พอได้ยินมาบ้างว่าฐานะทางบ้านของเขาร่ำรวยมาก และยังเป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบเชื้อสายมาแต่โบราณ ป้าสะใภ้ที่ถึงขั้นออกปากว่าแต่งๆ กับเวสไปเหอะ รับรองสบายได้เป็นคุณนายทั้งชาติ ซึ่งฉันฟังแล้วไม่ได้รู้สึกดีใจอย่างที่คุณป้าว่าเลย หากแต่กำลังกังวลใจว่าตระกูลหยางจะต้อนรับฉันไหม? ก็จะไม่ให้คิดมากได้ยังไงล่ะคะเล่นละครรักๆ น้ำเน่ามากี่เรื่อง และไม่ว่าเรื่องไหนต่อเรื่องไหนคนรวยๆ มักจะเจ้ายศเจ้าอย่าง ที่สำคัญคือ....ฉันเองดันไม่ใช่นางเอกแสนดีใสซื่อบริสุทธิ์ที่จะใช้ความดีชนะใจพวกเขาเสียด้วยสิ แล้วพวกเขามีพร้อมทุกอย่างทั้งฐานะ เงินทอง หน้าตาทางสังคม หากเป็นก่อนหน้านี้นางเอกเนื้อหอมอย่างฉันคงเชิดหน้าเดินเข้าบ้านเขาอย่างสบายอารมณ์ แต่ตอนนี้กับนางเอกตบอับที่เป็นข่าวรายวันอย่างฉัน มันคงทำให้พวกเขาไม่สบายใจเป็นแน่

ว่ากันว่าผู้หญิงมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะเรื่องร้ายนั้นแม่นฉมังยิ่งนัก แล้วมันก็ลงเอยอย่างที่คาดเดาเอาไว้จริงๆ เสียด้วย....

บ้านของเวสนั้นเป็นคฤหาสน์ทรงจีนโบราณ ตัวเรือนเป็นเรือนไม้ที่ลงยาจนเป็นสีดำขึ้นเงา และกรุกระดาษมองดูงดงามคลาสสิค เมื่อเข้ามาที่นี่ราวกับว่าฉันพลัดหลงมิติย้อนเวลามาร้อยกว่าปี พวกเขายังคงรักษาสภาพคฤหาสน์เรือนหมู่นั่นไว้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีพื้นที่ใหญ่โตกว้างขวางเหมือนจวนขุนนางในภาพยนตร์กำลังภายใน แถมสวนก็กว้างใหญ่แถมยังตกแต่งด้วยศิลปะจีนเข้ากับตัวเรือนโบราณนั่นมาก ส่งผลบ้านตระกูลหยางงดงามและดูขลังขึ้นไปอีก นี่ถ้าบอกว่าเป็นฉากที่ใช้ถ่ายทำหนังพีเรียตย้อนยุคล่ะก็ฉันจะเชื่อทันที

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าบ้านแบบนี้ยังเหลืออยู่อีก...แถมอลังการเสียขนาดนี้”

เวสฟังแล้วก็หัวเราะเบาๆ เขาเล่าให้ฉันฟังว่าตระกูลของเขาสืบเชื้อสายมาหลายร้อยปี ก่อนที่บรรพบุรุษจะอพยพครอบครัวหนีภัยสงครามจากจีนแผ่นดินใหญ่มาตั้งรกรากที่ฮ่องกง ฉันเชื่อโดยไม่ต้องสงสัย แล้วนอกจากตัวบ้านที่ดูเก่าแก่จนขลังแล้ว คนในครอบครัวของเวสเองก็เช่นกัน พวกนั้นวางตัวอย่างกับเป็นเจ้านายชั้นสูง หรือขุนนางโบราณก็ไม่ปาน แต่กลับไม่ต้อนรับคุณชายที่หกของตระกูลให้สมเกียรติ ชายสูงวัยที่หน้าที่พ่อบ้านบอกให้ฉันกับเวสนั่งคุกเข่าอยู่กลางห้องโถง ระหว่างที่รอญาติ

“หา? ให้คุกเข่ากับพื้นจะบ้าหรือไง? นี่เวสเป็นคุณชายของบ้านนี้นะจะให้นั่งกับพื้นเนี่ยนะ?”

แน่นอนล่ะฉันเอะอะโวยวายขึ้นมาทันที ตาแก่นั่นได้แต่ทำหน้านิ่งสายตาที่มองมาก็ดูประเมินค่าฉันอยู่ในที เห็นแล้วก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้ ตรงกันข้ามกับเวสเขากลับบอกว่าไม่เป็นไร และยังของคุณพ่อบ้านที่หาเบาะมารองเข่าให้อีกด้วย

“มิเชลอดทนหน่อย...อาปา(พ่อ)กำลังโกรธอยู่แน่ๆ ถึงบอกให้นั่งคุกเข่าน่ะ”

ฉันอึดอัดไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็พยักหน้าตามก็พอเข้าใจล่ะนะ พ่อของเขาคงดูข่าวจากทีวีรายการ พวกนั้นน่ะชอบตีไข่ใส่สีเวอร์กว่าความเป็นจริงเสมอ คนแก่หัวโบราณเห็นเข้าก็น่าจะโกรธอยู่หรอก

แต่ว่า...พวกเขาให้เรานั่งรอนานเกินไป นี่เกือบจะชั่วโมงอยู่แล้วจนขาฉันเหน็บกิน อยากจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายแต่ถูกเวสดึงไว้ให้นั่งต่อไป

“อาปากำลังดูเราอยู่ นั่งลงเถอะ”

“ไหนล่ะ ?” ฉันหันซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นใครสักคน

“มีกล้องซ่อนอยู่ด้วยรึ ? ” ติดตั้งไว้ตรงไหนกันนะแนบเนียนเชียว ดูไม่ออกเลยว่าซ่อนกล้องไว้

เวสไม่ตอบคำถามเขาได้แต่ถอนหายใจ เมื่อชวนคุยเขาก็ออกสีหน้าว่าไม่อยากคุยด้วย และยังคงนั่งสำนึกผิดต่อไปนั่นแหละ ฉันเบื่อแต่ไม่มีอะไรทำไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนด้วย ก็ได้แต่มองโน่นมองนี่สำรวจบ้านไปเรื่อย แต่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าบ้าน...ไม่สิ คฤหาสน์หลังนี้มันกว้างเกินไป ทั้งกว้างทั้งเงียบ อีกทั้งบรรยากาศก็ดูเคร่งขรึมทรงภูมิแถมยังเงียบจนน่าอึดอัด ทุกอย่างนิ่งสงบจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน ฉันไม่คิดภาพเลยว่าตอนกลางคืนที่นี่จะน่ากลัวแค่ไหน บ้านเก่าจนเกือบจะเป็นโบราณสถานอยู่แล้ว เงียบก็เงียบ...จนน่ากลัว ถ้าอยู่ๆ มีผีโผล่ออกมาฉันคงไม่แปลกใจ

“เวส...ถามจริงเหอะ อยู่กันเข้าไปได้ยังไง? บ้านหลังนี้น่ากลัวจะตาย...อย่างกับวังต้องห้ามแน่ะ”

เวสหันหน้ามามองฉันแล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยอาการพิศวง เขาคงอยู่จนชินแล้วเลยไม่รู้สึกอะไรล่ะมั้ง แต่ถ้าแต่งงานแล้วต้องมาอยู่ทีนี่กับเขาล่ะก็ฉันไม่เอาดีกว่า

“นี่ถ้าคุยกับคุณพ่อเสร็จแล้ว....ฉันว่าเราไปหาเช่าคอนโดอยู่กันข้างนอกดีกว่านะ....บ้านเธอน่ะบรรยากาศน่าขนลุกจะตาย ฉันกลัวผีน่ะ”

เวสยังไม่ทันตอบอะไรเสียงหนึ่งก็แทรกขึ้นมา น้ำเสียงนั้นดุดันและทรงอำนาจยิ่งนักขนาดพูดเรียบๆ ยังทำให้คนฟังสะดุ้งได้

“ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะว่าเธอคงไม่ได้อยู่ที่นี่ !!?”




พ่อของเวสก้าวเข้ามาในห้องโถงพร้อมญาติผู้ใหญ่อีกหลายคน ในจำนวนนั้นมีญาติอยู่คนหนึ่งที่เป็นชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกันดูจะเป็นพี่อยู่ไม่กี่ปีเท่านั้น เขามองมาที่เราสองคนด้วยสายตาหนักใจแทน กับสิ่งที่ต้องเผชิญแล้วก็เป็นดังที่เขาคาด หลังจากนั้นคำพูดเย็นชาอีกหลายคำก็พรั่งพรูออกมาจากทางผู้ใหญ่ของเวส พวกเขานั่งรายล้อมอยู่บนบนเก้าอี้ชุดมุกนั่น แล้วมองลงมายังพวกเราที่ได้แต่นั่งคุกเข่ากับพื้นด้วยสายตาดูแคลน ราวกับเป็นศาลที่เตรียมตัดสินคดี ส่วนพ่อของเวสนั้นนั่งคอแข็งมองดูก็รู้ว่าโกรธเต็มที่แต่พยายามข่มอารมณ์เอาไว้

“คุณพ่อคะ ฟังเราสองคนอธิบายก่อน”

“อย่าเรียกผมว่าพ่อเลยคุณไป่เอี้ยนหลิน คุณไม่ใช่คนสกุลหยาง”

นอกจากตัวบ้านจะโบราณแล้วสมองของคนที่นี่ยังโบราณอีกด้วย เมื่อพ่อของเวสแสดงออกว่ารังเกียจฉันอย่างเห็นได้ชัด

“อาปา...” เวสครางเสียงอ่อยออกมา

“ยังไม่ได้อนุญาตให้พูด” ตาลุงนั่นตัดบทถ้าไม่ติดว่าหน้าตาท่าทางดูภูมิฐาน แล้วมาทำเต๊ะจุ้ยพูดจาเจ้ายศเจ้าอย่างแบบนี้ล่ะ ก็ใครเห็นเข้าคงหมั่นไส้น่าดู

“พี่ใหญ่ พี่น้องทุกคน ต้องขอโทษด้วยที่ลูกชายไม่รักดีของฉัน มันทำให้ตระกูลเราต้องอับอายขายหน้า ฉันเลี้ยงดูให้การศึกษามันอย่างดีทุกอย่าง แต่ไม่ได้ทำให้มันรู้ว่าอะไรควรไม่ควรขึ้นมาเลย” เขาพูดพลางยกมือขึ้นคาราวะขออภัยไปรอบทิศ

“พี่รองอย่าพูดหนักขนาดนั้นเลย”

ตาแก่พวกนั้นพยายามห้ามท่าทางพวกเขาจะซีเรียสกับเรื่องนี้จริงๆ ความรักของเราสองคนจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่โตไปเสียแล้ว

“อาปา...ผมขอโทษ”

เวสโขกศีรษะลงกับพื้นแล้วก้มหน้าอยู่นานกว่าเขาจะเงยหน้าขึ้น ฉันเลยต้องรีบทำตามน้ำพลอยก้มหัวขอโทษอีกคน ทั้งที่ใจไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยถ้าไม่ติดที่เวสล่ะก็ฉันคงลุกขึ้นชี้หน้าด่าตาแก่พวกนี้ไปแล้ว แต่จะว่าไปก็น่าแปลกคนในครอบครัวของเขามีแต่ตาแก่ไม่ยักจะมียายแก่หรือผู้หญิงบ้างเลย นอกนั้นบรรดาญาติๆ ก็เป็นผู้ชายล้วนๆ แต่ฉันไม่มีเวลาจะให้ความสนใจไปมากกว่านี้ เพราะเหตุการณ์เฉพาะหน้ามันกำลังแย่ เห็นทีคงต้องงัดหลักสูตรนางเอกขึ้นมาใช้เสียแล้ว

“ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พวกคุณพ่อ...คุณลุง เสียใจหรือทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหยางต้องมาเสียเพราะหนูคนเดียว หนูรักเวสจริงๆ ค่ะ และไม่เคยคิดเรียกร้องอะไรจากเขาหรือต้องการให้เขาแต่งงานด้วยเลย สิ่งที่พวกเราทำไปอาจจะเพราะความโง่เขลาของเราเอง....หนูคงไม่มีหน้ามาเรียกร้องให้ทุกคนยกโทษให้ได้....”

ถ้าหากนี่เป็นละคร เมื่อนางเอกพูดไปเสียงก็เริ่มสั่นและสะอื้นออกมาได้จังหวะ ก่อนที่ฉันจะบีบน้ำตาให้ไหลออกมาแบบได้มุมสวย ผู้กำกับคงชมเปลาะแล้วตาแก่พวกนี้จะไม่เห็นใจเชียวหรือ?

“อาปาครับผมผิดเอง...” เวสกล่าวซ้ำเมื่อลอบมองก็พบว่าพวกเขานิ่งอึ้งไป แม้ตาลุงขี้เก๊กนั่นยังนั่งหน้าบูดอยู่ก็ตาม แต่คนอื่นๆ ก็ดูจะอ่อนลงบ้าง

“เล่ยเล่ย ทำไมแกไม่รู้จักคิดก่อนทำ มานั่งขอโทษทีหลังแล้วจะได้อะไรขึ้นมา ชีวิตคู่ไม่ใช่เล่นขายของ แต่มันเป็นวาสนาที่จะผูกพันกันไปทั้งชาติ ถึงต้องใจเย็นๆ ค่อยเป็นค่อยไป แล้วแกกลับ....เฮ้อ...”

“ลุงรองครับ น้องยังเด็กอยู่มาก บางทีอารมณ์มันก็ไปก่อนเหตุผล ไหนๆ ก็เกิดเรื่องไปแล้วเราค่อยๆ มาช่วยกันคิดดีกว่านะครับ”

ญาติรุ่นพี่ที่ยังดูหนุ่มแน่นนั่นช่วยพูดขึ้นมา แต่ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเลยกลับสร้างความไม่พอใจให้ตาแก่นั่นมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

“21 ยังเด็กเหรอ? เฮอะ!! 21 แล้วยังไร้สมองขนาดนี้ นี่ฉันควรจะเอาหน้ามุดดินใช่ไหมที่เลี้ยงลูกชายให้โตแต่ตัว ไม่ให้ความคิดความอ่านกับมันเลย”

“เอ่อ...ผมไม่ได้หมายความหนักขนาดนั้น..น ครับ”

ญาติหนุ่มของเวสเห็นตาแก่โมโหขึ้นมาจึงรีบเงียบเสียงลง แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครช่วยพูดแก้แทนให้พวกเราอีกเลย

“เล่ยเล่ยทำไมแกถึงชอบทำแต่เรื่องที่ฉันไม่ชอบนักนะ ทั้งเรื่องเป็นนักร้องนี่ก็ไร้สาระเต็มที แกคิดว่าแกมีความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอ? รู้ไหมใครเขาพูดถึงลูกชายฉันว่ายังไง? ก็แค่กลุ่มขายหล่อ...เฮ้อ”

พ่อของเวสส่ายหน้า ให้ตายสิ! คนอื่นพูดก็เคืองกันแล้วนะ นี่คนเป็นพ่อเขากลับพูดแบบนี้กับเวสได้ยังไง? ไม่สนใจเลยว่าเวสจะรู้สึกยังไง ?

“แล้วรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงยอมปล่อยแกไปเต้นกินรำกินแบบนั้น” เวสเงยหน้าขึ้นสบตาพ่อแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่พอตาแก่นั่นเห็นเข้าก็ส่งเสียงเอะอะดังกว่าเดิม

“ใช้สมองเสียบ้างสิ มีไว้แค่ประดับหัวหรือไง?” เขาจิ้มนิ้วลงที่ศีรษะตัวเองซึ่งบัดนี้กำลังมีเส้นเลือดขึ้นเป็นริ้วๆ ด้วยความโกรธ

“เพราะฉันอยากให้แกรู้จักคำว่ารับผิดชอบเสียบ้าง ไม่ใช่ตามเพื่อนไปแล้วจับพลัดจับผลูทำตาม พอไม่อยากทำก็ถอนตัวมันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกจริงไหม? แต่ฉันคิดว่าถ้าไม่รุ่งเขาก็คงเลิกดันแก ไม่นานนักก็คงกลับบ้านเอง บอกตามตรงฉันอดแปลกใจไม่ได้ ไม่คิดว่าแกจะดังอยู่ได้จนป่านนี้น่ะสิ”

ถ้าเป็นสื่อมวลชนหรือคนอื่นพูดเรื่องแบบนี้เวสคงฟังจนชินชา แต่นี่พ่อของเขาเองยังดูถูกลูกชายขนาดนี้ ว่าแล้วฉันก็อดโกรธแทนไม่ได้

“เรื่องเวสเป็นนักร้องกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกันนะคะ คุณไม่ควรจะเอามาโยงกัน อีกอย่างเวสก็ตั้งใจทำงานถ้าเขาไม่มีดีเลยคงอยู่ในวงการไม่ได้หรอกค่ะ”

“เกี่ยวสิแม่คุณ! เพราะไปเป็นไอ้นักร้องบ้าๆ บอๆ นั่นแหละถึงได้เจอเธอจับไง!!”

“คุณพ่อ!!,อาปา!!”

ฉันกับเวสประสานเสียงร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน ดูเหมือนตาแก่นั่นจะเก็บธาตุแท้เอาไว้ไม่อยู่แล้ว คราวนี้เลยโพล่งสิ่งที่อยู่ในใจออกมาหมด

“ลูกชายฉันมันหัวอ่อน แถมถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงที่ไหน ถึงได้ติดกับเธอง่ายๆ ”

“ติดกับงั้นเหรอ? คุณดูถูกฉันเกินไปแล้วนะ” ฉันลุกขึ้นยืนชี้หน้าตาแก่นั่นทันที

“มีผู้ชายตั้งมากมายมาให้ฉันเลือกแทบไม่ทัน ทั้งหล่อกว่าเขา รวยกว่าเขา มีถมไป”

“แล้วมีใครอยากแต่งงานกับเธอสักคนหรือเปล่า? ถ้าผู้ชายพวกนั้นเป็นคนฉลาดล่ะก็ เป็นใครเขาก็อยากได้ผู้หญิงดีๆ ไม่ใช่ผู้หญิงกร้านโลกที่มีดีแค่สวย เป็นนางเอกหนังแต่ความประพฤติไม่ดี ประวัติเธอน่ะฉันตรวจสอบมาหมดแล้ว”

พูดจบเขาก็ยื่นมือไปหาเลขาที่ยืนอยู่ข้างหลังเก้าอี้ ซึ่งตาเลขาร่างผอมนั่นก็จากกุลีกุจอส่งแฟ้มให้ทันที ตาแก่รับแล้วโยนโครมลงตรงหน้าฉัน

“บอกฉันหน่อยสิ...ถ้าเธอเป็นพ่อแม่คน เธออยากให้ลูกชายแต่งงานกับผู้หญิงที่มีความประพฤติจับฉ่ายเขียนเล่าได้เป็นแฟ้มหนาขนาดนี้ไหม?”

“นิ...นี่...มัน....!!!? ”

ฉันได้แต่ยืนปากสั่นไม่กล้าเก็บแฟ้มนั่นขึ้นมาดู จะเถียงก็โต้ไม่ได้เมื่อหลักฐานมันคาตาอยู่อย่างนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันสำคัญ แล้วทำลงไปเมื่อในอดีต กลับย้อนมาเล่นงานฉันในวันนี้ จึงได้แต่ยืนตัวสั่นน้ำตาคลอ

“คงไม่ต้องให้ฉันบอกซ้ำนะว่าเธอไม่ดีตรงไหน? ”

“อาปา!! ผู้ชายที่ดีก็ควรไม่ควรพูดจาไม่ให้เกียรติผู้หญิงแบบนี้เหมือนกัน !!”

“เล่ยเล่ย !!”

ทุกคนในห้องนั้นหันมาจ้องหน้าเวสเป็นตาเดียว ก็แน่ล่ะปกติเขาเป็นอ่อนโยนนิ่มนวล ไม่ใช่คนที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคนอื่นแล้วยิ่งคนๆ นั้นเป็นพ่อของเขาเสียด้วยสิ

“ก่อนจะเถียงฉันน่ะ แกอ่านประวัติหวานใจแกเสียก่อน” ตาพ่อตบท้าวแขนเก้าอี้ชุดมุกเสียงดังลั่นโดยไม่กลัวเจ็บมือ ส่วนฉันได้แต่ยืนบื้อไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรด้วยซ้ำ

“ไม่ต้องหรอกครับ” เวสเขี่ยแฟ้มนั่นออกห่างตัว

“มิเชลมีแฟนกี่คน ผมก็รู้เท่ากับที่อาปารู้ และอาจจะรู้มากกว่านักสืบที่อาปาใช้ไปสืบด้วยซ้ำ”

“เฮ้ย...หลานชายถ้ารู้ขนาดนั้นแล้วยังทำพ่อเสียใจอีกรึ ? ” ญาติผู้ใหญ่ที่นั่งนิ่งเงียบอยู่นานปล่อยให้พ่อลูกเถียงกันก็แทรกขึ้นมา

“ผมไม่อยากทำให้อาปาเสียใจเลยครับ ไตตะ(ลุงใหญ่) แต่บางสิ่งเราแก้ไขอดีตไม่ได้ ถ้ามิเชลรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างนี้เธอคงรอบครอบกับชีวิตมากขึ้น แต่สำคัญกว่านั้นคือ...เธอท้องกับผม”

และแล้วฉันก็หมดเรี่ยวแรงไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ ต้องทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เวส เขาไม่ได้เอ่ยคำปลอบโยนเพียงแต่ยกมือขึ้นโอบไหล่ฉันเท่านั้น แค่นั้นก็วิเศษที่สุดแล้วในเวลาที่โลกทั้งใบพากันหันหลังให้ฉันแบบนี้

“แต่เธอแท้งไปแล้ว ฉันจะจ่ายค่าทำขวัญให้แม่หนูนี่เอง เธอจะเอาเท่าไรก็ว่ามา ถ้าอยากกลับเข้าวงการจะหาทางให้ นี่ฉันอ่อนข้อให้มากที่สุดแล้วนะ”

“อาปา!! นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ....ผมพามิเชลมาหาอาเพื่อบอกกล่าวเรื่องที่เราจะแต่งงานกันต่างหาก!!”

“เล่ยเล่ย แกกับหล่อนมันแค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยไม่ใช่ความรัก ฟังเหตุผลผู้ใหญ่เสียบ้าง อยู่กันไปสุดท้ายก็ต้องจบอยู่ดี ในเมื่อไม่มีใครเป็นผู้ใหญ่พอจะเข้าใจเหตุผลกันสักคน ”

“อาสี่...แม้แต่อาก็คิดแบบนั้นเหรอครับ ? ”

“เฮ้อ...เล่ยเล่ยแกมันอ่อนโลก ดันทุรังแต่จะมีผลเสียกันทั้งสองฝ่าย แล้วดูเอาสิทุกวันนี้แก้ปัญหากันเองได้หรือเปล่า? ถ้าทำได้คงไม่พากันมาที่นี่หรอกจริงไหม ? ”

อาสี่ของเขาตอบมาด้วยสายตาเบื่อหน่าย ในขณะที่เวสได้แต่อึ้งพูดไม่ออก จึงเปิดโอกาสให้น้องชายของพ่อเกลี้ยกล่อมเขาต่อ

“ถ้าแค่อยากช่วยคุณไป่ วิธีที่ช่วยเหลือ หรือปกป้องเธอมีตั้งเยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับเธอ”

“เฮ้อ....อ คนที่ไม่เข้าใจอะไรน่ะคือพวกอาต่างหาก” เวสถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะตอบด้วยแววตามุ่งมั่น

“ใช่ผมอยากช่วยมิเชล....แต่ไม่ได้มีเหตุผลแค่นั้นหรอก อาปา...ลูกของผมในท้องมิเชลน่ะเป็นลูกสาวนะครับ ! ”

“ลูกสาว !!?” พ่อของเวสอุทานออกมา

“ลูกสาวเหรอ !!?” ญาติผู้ใหญ่ก็เช่นกัน

“ลูกสาวงั้นเรอะ !!?” ทุกคนในห้องดูจะตื่นตระหนกที่ลูกของฉันกับเวสเป็นผู้หญิง

พวกเขาทั้งหมดพากันทวนคำพูดของเวสสลับกันไปมา จนคำว่าลูกสาวดังสะก้องไปทั่วเหมือนเสียงสะท้อนในขุนเขา ฉันไม่เข้าใจว่าพวกเขาตื่นเต้นแปลกใจอะไรกับการรู้เพศหลาน แต่ตอนที่ฉันแท้งเด็กยังไม่เป็นตัวด้วยซ้ำแล้วจะรู้เพศได้ยังไง? ฉันคิดว่าเวสปั้นเรื่องขึ้นมาหลอกพ่อมากกว่า แล้วความสงสัยของฉันก็ต้องยุติลงแค่นั้น เมื่อพ่อของเวสพูดตัดบทออกมา

“แต่ตอนนี้เธอแท้งไปแล้ว !! และถึงเป็นหลานสาวจริงๆ ฉันก็จะรับแต่หลานไม่รับแม่เด็กเป็นสะใภ้เด็ดขาด! ” พ่อของเวสประกาศิตออกมาว่ายังไงก็ไม่รับฉันเป็นลูกสะใภ้แน่นนอน

“อาปา!! ทำไมอาปาใจแคบแบบนี้นะ” เวสตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด

“ใจแคบตรงไหน ? แน่นอนฉันเสียดายหลานสาว แต่ถ้าเขาจะเกิดเป็นลูกสาวแกล่ะก็ จะกับแม่คนไหนฉันก็ต้องได้หลานสาวอยู่ดี ”

“อาปา? ทำไมพูดง่ายๆ อย่างนั้น ลูกสาวของตระกูลหยางมีแค่รุ่นละคนเท่านั้น นี่เป็นลิขิตสวรรค์ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะครับ สวรรค์กำหนดมาแล้วยังไงแม่ของลูกสาวผมก็ต้องเป็นมิเชลเป็นคนอื่นไม่ได้ !!”

“เวสนายพูดเรื่องอะไรน่ะ ?” อันที่จริงฉันรู้สึกดีใจที่เขาปกป้องฉัน แต่ฉันกลับไม่เข้าใจเรื่องที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวฉันจะเล่าทีหลัง” เขาพูดแค่นั้นแล้วหันไปเถียงกับพ่อตัวเองต่อ

“ที่ผ่านมามิเชลไม่ดียังไงสวรรค์ก็ยังให้โอกาสเธอ ได้เป็นแม่ของคนตระกูล
หยาง แล้วอาปาจะไม่ให้โอกาสเธอเลยหรือฮะ? ”

“เธอไม่มีวาสนาเองต่างหากถึงได้แท้งไงล่ะ !!”

“อาปาครับ!! เรื่องนั้นน่ะ...ถ้าอาปายอมรับเธอเป็นสะใภ้ไม่นานหรอกเธอจะให้หลานสาวกับอาปาแน่ๆ ผมรับรอง”

“เฮอะ!! เด็กตายแล้วก็คือจบ....คนตายไม่มีฟื้นหรอก อย่าเอาเรื่องหลานสาวมาอ้างกับฉัน”

“มันยังไม่จบหรอกครับ....เพราะเรื่องของผมกับมิเชลมันเพิ่งเริ่มเท่านั้น ถ้าเพียงแต่อาปาให้โอกาสเราบ้าง”

ฉันรู้ว่าเวสก็ท้อใจแต่เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จึงพยายามชักจูงเหตุผลต่างๆ ขึ้นมาอ้าง ทั้งเรื่องเพศของลูกในท้องนั่นก็ช่างปั้นขึ้นมา เพื่อจะให้สอดคล้องกับความเชื่อของบ้านเขา เรียกได้ว่าโน้มน้าวกันทุกวิถีทางเลย

“เฮ้อ...แกอยากจะแต่งงานกับแม่นี่นักใช่ไหม ? ”

“ครับ! ” เวสตอบอย่างมั่นใจ

“คุณพ่อคะ ให้โอกาสเราเถอะค่ะ” ฉันรีบเสริมขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางตาแก่นั่นอ่อนลงบ้างแล้ว

“หนูสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น จะไม่เหลวแหลกอย่างที่ผ่านมาแล้วจริงๆ นะคะ” พูดจบน้ำอุ่นๆ ก็ไหลออกมาจากดวงตาอย่างท่วมท้น

น้ำตาที่ไหลพรากออกมาจากสองเบ้าตานี้ ฉันไม่รู้ว่าฉันแกล้งร้องหรือมันออกมาจากความรู้สึกก้นบึ้งกันแน่ เพราะฉันรู้ว่าในเวลาแบบนี้ฉันควรจะร้องไห้ให้พวกเขาเห็นใจ แต่คำสัญญาที่ให้ไปไม่ใช่การเสแสร้งแน่นอน เพราะฉันอยากมีชีวิตใหม่ร่วมกับเวสจริงๆ

“รู้ไหมว่าการแต่งงานหมายถึงอะไร หมายถึงพวกแกต้องเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ต้องรับผิดชอบชีวิตของกันและกัน ไม่ใช่ตัวใครตัวมันอย่างที่ผ่านมา แล้วจะต้องทำทุกอย่างเผื่อลูกที่จะเกิดมาในอนาคตด้วยด้วย ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ทำอยากทำอะไรก็ทำชีวิตไม่มีทางเหมือนเดิมแล้ว”

“เรื่องนั้นผมเตรียมใจไว้บ้างแล้วครับ”

“เฮอะ!! เตรียมใจ แกเพิ่งจะอายุ 21 รู้จักโลกแค่ไหนกัน ? ”

สองพ่อลูกเถียงกันดุเดือดจนคนอื่นไม่กล้าออกความเห็น จะมีก็แต่ญาติหนุ่มของเขาเท่านั้นที่รอจังหวะช่วยพูดมานาน

“ลุงรองครับ...คนสมัยก่อนน่ะ อายุ 16-17 ก็แต่งงานแล้วนะครับ นี่เวสตั้ง 21 ผมว่าน้องรับผิดชอบตัวเองได้นะครับ แล้วก็....โอ้ย! ” ญาติผู้พี่ของเวสแทรกขึ้นมา แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ก็ถูกตาแก่แถวนั้นเขกหัวเอา

“ให้พ่อลูกเขาคุยกันเองแกอย่าแทรก หยงหยง !!” เมื่อถูกตำหนิเขาจึงเงียบเสียงลงแล้วได้แต่ส่งสายตาเห็นใจมาทางพวกเรา

“ผู้ชายสมัยก่อนน่ะแต่งงานแล้วก็เลี้ยงเมีย ถึงยุคนี้ก็เถอะ....ถ้าไม่พึ่งที่บ้านแกมีปัญญาเลี้ยงเธอหรือไง? ”

“มีสิครับ ผมทำงานมีรายได้แล้วนะอาปา”

“งั้นก็ตามใจแก อยากแต่งงานก็เป็นเรื่องของแก” ได้ยินแบบนั้นเราสองคนหันมายิ้มให้กันทันที แต่ก็ดีใจได้แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเมื่อพ่อของเขาพูดต่อว่า

“ถ้าคิดว่าโตแล้วปีกกล้าขาแข็งพอ ก็ไสหัวออกไปจากบ้าน ทุกอย่างที่ฉันให้แกก็คืนมาให้หมด แล้วฉันจะไม่บังคับอะไรแกอีก อยากแต่งงานก็เป็นเรื่องของแก แต่ฉันคงไม่ไปร่วมงานด้วยหรอกนะ เพราะต่อไปนี้แกไม่ใช่ชายลูกชายฉัน และไม่ใช่คนตระกูลหยางแล้ว !! ”

“อาปา!!” เวสร้องเสียงหลง จากนั้นคนอื่นก็อุทานออกมาด้วยความตกใจไม่แพ้กัน

“ถ้าหมดธุระแล้วก็พาเมียแกออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว !! ”

พ่อของเวสเมื่อสิ้นคำพูดแล้วเขาก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากห้องโถงทำให้คนอื่นๆ รีบลุกตาม พวกผู้ใหญ่เดินผ่านเราสองคนโดยไม่ชายตามองเสียด้วยซ้ำ จะมีก็แต่ญาติๆ ผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันคนนั้น เดินมาตบไหล่เวสด้วยความเห็นใจก่อนจะถอนหายใจเสียงดังออกมา

“เล่ยเล่ย....แกนี่น้า ไม่ฉลาดเลยที่ไปงัดข้อกับลุงรอง”

“หยงหยง....คือว่า”

“ถ้าจะมาพูดเรื่องนี้ทำไมไม่รู้จักปรึกษาพี่น้องล่วงหน้า จะได้ช่วยเตรียมตัวกะทันหันแบบนี้ใครจะไปช่วยแกได้หา? น้ำเชี่ยวใครจะกล้าเอาเรือไปขวาง”

“ฉันไม่คิดว่าเรื่องมันแย่ขนาดนี้ คิดว่าถ้าบอกเรื่องลูกอาปาจะใจอ่อน”

“ใจอ่อนแน่....ถ้าลูกยังอยู่ในท้องเมียแก แต่นี่...” พูดแล้วเขาก็เหลือบมามองที่ฉัน

“คุณไป่เธอติดลบเกินไปในสายตาผู้ใหญ่ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็ก มันไม่ได้เป็นแค่เรื่องของเธอกับแกนะเล่ยเล่ย” เขาบอกกับเวสแล้วสลับมาพูดกับฉันบ้าง

คุณไป่ครับตระกูลหยางของเราน่ะ มีหน้ามีตาแถมยังหัวโบราณสุดๆ อีกด้วย ถึงไม่มีเรื่องของคุณข่าวออกทีวีลุงรองก็ต้องเอาประวัติคุณมาเจียระไนอยู่ดีนั่นแหละ แต่พอเกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นเขาก็ยิ่งไม่พอใจ ผู้ใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละ....คุณไป่ เล่ยเล่ย จะไปโกรธเขาไม่ได้พวกคุณต้องเข้าใจเขาบ้างนะ”

“ฉันไม่โกรธอาปาหรอกพี่....ฉันเข้าใจดี อาปาทำท่าโกรธแต่จริงๆ คงเสียใจมาก”

“เข้าใจก็ดีแล้ว” หยงหยงยกมือขึ้นลูบศีรษะเวส

“ยังไงฉันจะช่วยเกลี้ยกล่อมให้นะ เดี๋ยวมืดๆ รอทุกคนกลับมาก่อนจะได้ช่วยกันคิด แต่ตอนนี้....กลับไปก่อนดีกว่า ได้ความยังไงจะโทรหานะ”

“ขอบคุณนะหยงหยง”

เวสพยักหน้าดูซึมไปถนัดตา ท่าทางเขาเสียใจมาก ฉันไม่รู้จะพูดยังไงเมื่อตนเองเป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมด จะมีให้ได้ก็แค่คำขอโทษและน้ำตาเท่านั้น

“เวส...ฉันขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ ” ถ้าเมื่อก่อนฉันฉลาดกว่านี้สักนิด รู้จักคิดถึงอนาคตกว่านี้สักหน่อย เรื่องทุกอย่างคงไม่เป็นอย่างวันนี้แน่นอน

“คุณไป่...อย่าร้องไห้เลย การเป็นสะใภ้ตระกูลหยางน่ะมันยาก....ไม่ใช่เพราะเป็นคุณหรอก ถึงเป็นผู้หญิงคนอื่นก็โดนตรวจสอบอยู่ดี อีกอย่างเจ้านี่เป็นลูกคนเล็กของลุงรอง เขารักมันมากก็เลยยิ่งโกรธมาก”

ลูกพี่ลูกน้องของเวสพูดจากับฉันดีผิดกับบรรดาญาติผู้ใหญ่พวกนั้นเลย แต่คำปลอบใจพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลย เพราะมันไม่สามารถแก้ไขความผิดพลาดในอดีตของฉันได้

ใครว่าความรักไม่ต้องใช้สมองใช้แค่ความรู้สึกก็พอ นั่นมันเหลวไหลสิ้นดี องค์ประกอบของความรักไม่ได้มีเพียงแค่ใจของเราสองคนเท่านั้น มันยังมีสิ่งอื่นอีกมากมายที่เราต้องเรียนรู้ในระหว่างมีความรัก ปลายทางถึงจะเป็นการแต่งงานที่สวยสดงามดังฝันได้ !!







ตอนนี้ใช้เวลาเขียนนานมาก เนื่องจากมันไม่ใช่ตอนฮาๆๆ แต่ด้วยความเห่อของคนเขียน เขียนเสร็จก็โพสเลยค่ะ อิ๊ๆๆ ฟิคร้อนๆ ค่ะระวังลวกระหว่างอ่านนะคะ




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2550
2 comments
Last Update : 28 สิงหาคม 2550 22:43:07 น.
Counter : 816 Pageviews.

 

Ja
Thank you

 

โดย: Tik IP: 71.255.57.128 29 สิงหาคม 2550 6:56:56 น.  

 

เหมือนเป็นเรื่องจริง..
จริงๆนะคะ..

คิดภาพสภาประชุมตระกูลออกเลยนะนี่..หุๆ..

 

โดย: panwa IP: 202.28.180.201 30 สิงหาคม 2550 22:52:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.