บันทึกจากการอ่านวรรณกรรมเรื่องหญิงสองสะดือ ของ นิค จาวควิน นักเขียนฟิลิปปินส์ (TheWoman Who Had Two Navels by Nick Joaquin) วรรณกรรมฟิลิปปินส์เรื่องหญิงสองสะดือเล่มนี้ มีความน่าสนใจอยู่ที่สามารถถ่ายทอดถึงเรื่องราวของยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงคือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านสภาพชีวิตของตัวละครซึ่งสภาพการเปลี่ยนแปลงในสมัยนั้นคือ การหมดสิ้นของยุคแห่งอาณานิคมพร้อมกับการเติบโตของชนชั้นกลาง ที่เข้ามาแทนที่การมีอำนาจของชนชั้นสูงโดยเนื้อหาจะถูกถ่ายทอดโดยตัวละครเอกคือ คอนนี่ วิดัลลูกสาวของนักการเมืองกับแม่ที่มีศักดิ์เป็นคุณหญิงคอนนี่พยายามที่จะทลายสภาพแวดล้อมที่เธอถูกเลี้ยงดูออกไปเพื่อที่จะเข้าสู่ความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่มีกลุ่มวัยรุ่นชาวฟิลิปปินส์ที่อพยพไปอยู่เกาะฮ่องกงเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้ามาแทนที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นในนวนิยายเรื่องนี้ผู้เขียนยังแทรกด้วยแนวความคิดใหม่ของกลุ่มคนอีกรุ่นหนึ่งที่ยึดมั่นในความเชื่อที่เชิดชูความมีอิสระ เสรีภาพของมวลมนุษย์ซึ่งเป็นแนวคิดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในสมัยนั้น โดยใจความหลักๆ ก็คือความเชื่อที่ว่ามนุษย์ทุกคนเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วย่อมสามารถตัดสินใจเลือกวิถีชีวิตและชะตากรรมได้ด้วยตนเองไม่มีสิ่งใดที่มากำหนดชีวิตของมนุษย์ ชีวิตของมนุษย์ก็อยู่ในกำมือของมนุษย์นั่นเอง ผู้เขียนใช้วิธีการดำเนินเรื่องโดยให้เหตุการณ์ปัจจุบันในเวลา3 วัน ที่จะเล่าถึงอดีตความเป็นมาของตัวละครแต่ละตัวโดยเป็นการสะท้อนถึงความคิดของตัวละครที่ผ่านยุคสมัยต่างๆกันซึ่งคลี่คลายมาเป็นยุคปัจจุบัน โดยแยกให้เห็นถึงลักษณะของกลุ่มคนชั้นสูงและความเชื่อของคนรุ่นก่อน กับลักษณะของกลุ่มชนชั้นกลาง ที่เป็นของคนรุ่นต่อมาคอนนี่เป็นผู้หญิงที่ต้องการจะปลดแอกตัวเองจากพันธนาการของความเชื่อเก่าๆออกมาเพื่อที่จะพาตัวเองเข้ามาสู่อ้อมกอดของยุคสมัยแห่งเสรีภาพของคนรุ่นใหม่และผู้เขียนได้ใช้วิธีสื่อความหมายคือ การที่ตัวพ่อของเปเป้ซึ่งเป็นตัวแทนของวีรบุรุษในยุคก่อน สามารถยอมรับในตัวของคอนนี่ผู้ที่สามารถฉีกกฎเกณฑ์ในสมัยก่อนทิ้ง เพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นอิสระได้สำเร็จและผู้ที่ไม่สามารถยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติของสรรพสิ่งได้ก็ย่อมจะสูญสลายไปเองตามกฎของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งดูได้จากสภาพของตัวคุณหญิงวิดัล บทที่น่าสนใจ ซี่งเป็นบทที่ผู้เขียนถ่ายทอดแนวคิดออกมาได้อย่างน่าตื่นตาคือตอนที่พิพากษาตัวคอนนี่ในบท คืนวันเพ็ญตรุษจีน ว่าเธอจะหลีกหนีความเปลี่ยนแปลงหรือพร้อมที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น ซึ่งใช้วิธีนำเสนอที่มีลักษณะเหนือจริงเป็นการอธิบายความคิดของตัวละครที่อยู่เหนือกาลเวลา ดังข้อความช่วงท้ายบทที่ว่า แล้วเธอก็ลอยขึ้นจำแลงเป็นร่างใหม่ ลอยขึ้นด้วยปีกเพลิง ลอยขึ้นด้วยรถเทียมอัคคีเธอกลายเป็นพลุที่ถูกยิงขึ้นไปเพื่อไชโยโห่ร้องต้อนรับดวงจันทร์เป็นดอกไม้ไฟและประทัดที่ระเบิดอยู่กลางอากาศด้วยความปิติ เธอกลายเป็นไฟเสียเองเป็นไฟอำนวยพรที่สวยงาม เป็นธาตุที่ฟอกชำระให้สิ่งต่างๆ บริสุทธิ์เป็นธาตุแห่งแสงสว่าง ลูกไหม้อยู่ด้วยท่าทีอันงามสง่าแผดเผาบรรเจิดจ้าด้วยความหรรษาอยู่ระหว่างพระจันทร์กับท้องทะเล
Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2561 |
|
0 comments |
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2561 17:52:51 น. |
Counter : 613 Pageviews. |
|
|
|