space
space
space
<<
พฤษภาคม 2562
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
26 พฤษภาคม 2562
space
space
space

เรื่องสั้น “สวนสนุก”
ช่วงนี้ผมกำลังว่างงานอยู่ ผมจึงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งในการที่จะหากิจกรรมอะไรสักอย่างทำในวันหนึ่ง ๆ เพื่อผ่อนคลายจากความคิดฟุ้งซ่าน ในระหว่างที่กำลังคอยคำตอบจากการไปสมัครงานไว้ในหลายๆ ที่ และกิจกรรมหนึ่งที่ผมโปรดปราน (และผมเชื่อว่าคนว่างงานส่วนใหญ่ก็จะชอบด้วย) คือการเดินเตะฝุ่นไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดมุ่งหมายปลายทางอะไรที่แน่นอน
แต่วันนี้มีเหตุการณ์บางอย่าง ที่ทำให้ผมได้หยุดเดินเล่นอยู่พักหนึ่ง และได้ช่วยให้ผมมีอะไรทำซึ่งเป็นสิ่งที่ผมกำลังขวนขวายหาทางอยู่แล้ว …โชคดีชะมัด
ผมเห็นฝูงคนกำลังล้อมวงมุงดูอะไรบางอย่าง ดูจากสีหน้าพวกเขา ผมรู้ว่าต้องไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดา ๆ แน่ เพราะแต่ละคนต่างมีท่าทางแตกตื่นและตกใจ หันมาคุยกันอย่างตื่นเต้น มีคนหนึ่งหันมาตะโกนเรียกให้ใครบางคนเข้าไปช่วย
“ตำรวจ ไปตามตำรวจมาเร็ว” ชายคนนั้นโบกไม้โบกมือ
“ต๊าย ตาย เลือดเต็มเลย” ผู้หญิงพูดพร้อมกับเอามือปิดหน้า
ผมรู้สึกสะดุ้งทันที เมื่อได้ยินคำว่า “เลือด” แสดงว่าไม่ใช่เพียงแค่เหตุการณ์ธรรมดาๆ แน่ ผมจึงรีบแหวกฝูงคนเข้าไปดูให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ชายร่างเล็ก ผิวดำคล้ำ สวมเสื้อเชิ้ตปล่อยชายเสื้อไว้นอกกางเกงยีนส์เก่าสีซีด พอ ๆ กับสีผิวหน้าเขาขณะนี้ ตากลมโตเบิกกว้าง แกว่งมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง ในมืออันสั่นเทาของเขาถือมีดอยู่ มีเลือดเปื้อนมือเขาด้วย
“มันมายั่วผมก่อน” ชายร่างเล็กพูดตะกุกตะกัก
บนพื้นถนนมีชายอีกคนสูงใหญ่กว่า นอนเอามือกุมท้องของเขาไว้ พยายามจะอุดรูแผลที่มีเลือดไหลทะลักออกมา ตามจังหวะลมหายใจที่สั่นระรัว เขานอนร้องครวญคราง พร้อมกับบิดร่างกายไปมาอย่างน่าสังเวช ผมสังเกตดูคนอื่น ๆ ไม่เห็นมีใครสักคนที่คิดจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อช่วยเหลือชายคนนั้น ตำรวจหรือหน่วยกู้ภัยก็ยังไม่มา
ผมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปแย่งมีดจากชายร่างเล็ก คือจะเรียกว่า “แย่ง” ก็มิน่าจะใช่ เพราะเขายอมให้ผมจับข้อมือเขา แล้วหยิบมีดออกมาอย่างว่าง่าย ผมรีบโยนมีดออกไปห่าง ๆ ทันที เลือดเปรอะมือผมนิดหน่อย ผมจึงรีบเช็ดกับขากางเกงของตัวเอง กิริยาคล้ายกับมีปูมาหนีบนิ้วมือ แต่ก็ยังมีเลือดติดอยู่ตามซอกนิ้วบ้าง
“หน่วยกู้ภัยยังไม่มา มีคลีนิคหมออยู่ตรงนั้น ใครก็ได้ไปตามหมอมาก่อนเร็ว”
ใครคนหนึ่งพูดออกมา แต่พอสิ้นคำสุดท้าย เขาดันมองมาทางผมพอดี ผมจึงบอกเขาไปว่า
“คุณช่วยดูเขาตรงนี้แล้วกัน ผมจะไปตามหมอมาเอง”
พูดเสร็จผมก็รีบออกวิ่งไปทางหนึ่งทันที แต่ทันใดนั้นผมฉุกคิดได้ว่าตัวเองเพิ่งจะเคยมาแถวนี้เป็นครั้งแรก  คลีนิคอยู่ตรงไหน ผมยังไม่รู้เลย ผมจึงต้องวิ่งกลับมาที่ชายคนเดิมอีกครั้ง ที่ยังคงยืนมองชายที่ถูกแทงอยู่เฉย ๆ
“เอ๊ะ! พี่แล้วคลีนิคไปทางทางไหน”
ชายคนนั้นไม่พูดอะไร เพียงแต่ชี้มือไปอีกทางหนึ่ง
 
ผมจึงรีบวิ่งไปตามทางนั้น ผมวิ่งไปเรื่อย ๆ ตาก็กวาดมองไปทั้งสองฟากถนน พบแต่ร้านรวงต่าง ๆ มากมาย โรงภาพยนตร์ ร้านขายของชำ ร้านเหล้า แต่ผมยังไม่พบโรงพยาบาล หรือคลีนิคแพทย์สักแห่ง ขาผมเริ่มตึงแล้ว ผมจึงต้องลดความเร็วลง กลายเป็นครึ่งวิ่งครึ่งเดิน
 
“แส่หาเรื่องแท้ ๆ เอ็งนี่ อยู่เฉย ๆ ไม่ชอบ หาเรื่องให้เหนื่อยเล่น เงินจะกินข้าวแต่ละมื้อยังหาลำบากเลย” ผมคิด
 
แต่ผมก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ แต่เจ้าความคิดมันรบกวนผมจริง ๆ “แล้วทำไมคนอื่นเขายืนดูกันเฉย ๆ น่าจะมีใครสักคนที่เคยเห็นชายสองคนนั้นมาก่อน หรือรู้ว่าเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่ทำไมไม่มีใครอาสาช่วยเลย”
พอดีผมเห็นตึกแถวหลังหนึ่ง บนถนนฝั่งตรงกันข้าม มีกระจกใสแผ่นใหญ่ติดตั้งอยู่หน้าอาคาร ตังอักษรสีฟ้าเขียนอยู่บนกระจก ผมอ่านไม่ถนัดว่าเขียนว่าอะไร แต่ดูคล้ายเป็นคลีนิค จึงตัดสินใจเดินข้ามถนน เพื่อไปดูใกล้ ๆ ให้แน่ใจ
ผมพะว้าพะวังกับรถที่วิ่งสวนไปมาอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งเมื่อเท้ามาเหยียบบนขอบฟุตบาท ผมเงยหน้ามองจึงรู้ว่าเป็นคลีนิคทำฟัน ผมแทบอยากจะทรุดนั่งลงตรงนั้นเลย ลองหันกลับไปดูระยะทาง ที่ผมเดินวิ่งผ่านมาก็ไกลมากแล้ว มองไม่เห็นกลุ่มคนที่มุงดูเหตุการณ์แล้ว
 
แต่ไม่เป็นไร ไหน ๆ ก็เอามือจุ่มลงไปในน้ำแล้ว ก็ควรจะพาไปให้ตลอดรอดฝั่ง ผมจึงเดินต่อไป
“บางทีความดีที่เอ็งทำครั้งนี้ อาจจะดลบันดาลให้ใครมอบงานให้กับเอ็งก็ได้” ผมนึกเล่น ๆ
ในที่สุดทางเดินก็พามาสู่ทางแยกสองทาง ผมหยุดเดินครู่หนึ่ง นึกว่าจะไปทางไหนดี ผู้คนแถวนั้นก็ไม่มีใครให้ถามเลย ผมจึงเลือกไปทางที่ใกล้ตัวผม ขี้เกียจจะข้ามถนนอีก ทางนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยวร้างมากขึ้นกว่าทางที่ผมเพิ่งจะผ่านมาเสียอีก ผมเริ่มสงสัยว่าจะมาผิดทาง ขณะที่กำลังหันหลังกลับ หูก็แววได้ยินเสียงดนตรีหีบเพลงของม้าหมุน พอหันกลับไปดู เห็นชิงช้าสวรรค์กับซุ้มเต็นท์ตั้งอยู่กลางทุ่ง ตอนนี้เป็นเวลาโพล้เพล้พอดี
                          
 “นี่เรามาทำอะไรแถวนี้ และกำลังหาอะไรอยู่” ใช่แล้ว ผมลืมไปแล้วว่ากำลังเดินหาอะไร พยายามนึกก็นึกไม่ออก ขณะเดียวกันเจ้าเสียงดนตรีนั่น ก็ยิ่งสะกดให้ผมเดินตามเข้าไป ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ประตูเป็นซุ้มสูงใหญ่ ประดับประดาด้วยภาพการ์ตูน สิงสาราสัตว์ทั้งหลาย มีไฟหลากสีกระพริบสลับไปมาอย่างน่าอัศจรรย์ ผมมองผ่านซุ้มประตูเข้าไป ถึงได้รู้ว่าสถานที่นี้คืออะไร
 
“สวนสนุกนี่หว่า” ผมพูดออกมาคนเดียว
ชิงช้าสวรรค์กำลังหมุนตัวเอง พร้อมกับเสียงเพลงจากเครื่องเล่น ที่สามารถเล่นเพลงเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก รถไฟเหาะแล่นผ่านเหนือหัวผม ไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แต่เสียงดังก้องอยู่ในหู ผมยกมือตัวเองขึ้นมาดู มือผมยังสะอาดอยู่เช่นเดิม ไม่มีคราบเลือดอะไรติดมาเลย ผมจำได้ราง ๆ ว่าเพิ่งเคยเช็ดมือที่เปื้อนเลือดกับกางเกงของตัวเองมาหยก ๆ พอก้มลงมองที่กางเกง ก็ไม่พบรอยเลือดสักหยด ผมรู้สึกงงไปหมดแล้ว
ผมพยายามนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งนึกเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งสับสน เสียงเพลงจากหีบเพลงเหมือนกับยิ่งดังขึ้น และเร่งเร้าให้ผมไปร่วมสนุกกับมัน “ลองเล่นดูสักครั้ง เผื่อจะจำอะไรได้บ้าง” ผมบอกกับตัวเอง
พอผมล้วงกระเป๋าดู ก็พบว่าตัวเองไม่มีสตางค์สักบาท พอดีผมเห็นป้อมของพนักงานขายบัตรอยู่ใกล้ ๆ
“ขอโทษครับ ค่าเล่นชิงช้าสวรรค์ เท่าไหร่ครับ” ผมถาม
พนักงานขายตั๋วตอบอย่างเฉยเมย “อยากเล่นก็เล่น ไม่เก็บเงินวันนี้”
ผมนั่งบนอยู่กระเช้าชิงช้าอันหนึ่ง รอบที่เท่าไหร่แล้ว ผมไม่ได้นับ แต่พอพยายามนึกว่าผมกำลังหาอะไรอยู่ ผมยังจำไม่ได้อยู่เช่นเดิม
 
      - จบ -
 



Create Date : 26 พฤษภาคม 2562
Last Update : 26 พฤษภาคม 2562 11:11:33 น. 0 comments
Counter : 716 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 4071225
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 4071225's blog to your web]
space
space
space
space
space