อิสรภาพกับความรักเป็นเช่นไรหนอ สำหรับตัวผมเองแล้วผมคิดว่าผมต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อค้นหาความหมายที่แท้จริงของมันซึ่งผมก็สามารถเรียนรุ้ได้จากประสบการณ์โดยตรงคือตัวผมเอง และจากประสบการณ์โดยอ้อมคือจากงานศิลปะทั้งหลายที่มักจะจับเอาเรื่องนี้มานำเสนอ แตกต่างกันไปตามทัศนะของแต่ละคน คราวนี้ผมจะเขียนถึงประสบการณ์โดยอ้อมจากการที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Breathless (1960) ของผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อJean-Luc Godard ที่นักศึกษาภาพยนตร์ทุกคนต่างได้รับรู้มาว่าเขาเป็นผู้นำคนหนึ่งในกลุ่มผู้สร้างที่ยึดถือทฤษฎีผู้แต่งเรื่องย่อมเป็นใหญ่ (Auteur Theory) จากฝรั่งเศสความหมายโดยย่อคือผู้กำกับหนังควรจะเป็นผู้เขียนบทด้วย เพื่อที่จะควบคุมหนังให้อยู่ในการกำกับอย่างแท้จริง ภาพยนตร์เรื่องนี้ผมเคยได้ทราบมาว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่มีส่วนกระตุ้นให้วัยรุ่นในประเทศทางยุโรปเกิดความกระตือรือร้น ที่จะเรียกร้องจากรัฐในเรื่องของอิสรภาพทำให้กลุ่มนักศึกษาต่างมาสนใจในเรื่องของการเมืองเรียกร้องเพื่อความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมเหตุการณ์เหล่านี้เกิดในช่วงปลายทศวรรษที่ 60 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันที่ในประเทศอเมริกาเริ่มมีกลุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวกันเรียกร้องเสรีภาพ หรือที่เรียกกันติดปากว่า กลุ่มฮิปปี้ ตามความคิดของผมแล้วผมเข้าใจว่าเหตุการณ์ในช่วงนั้น ปัจจัยหนึ่งมาจากแนวความคิดทางปรัชญากลุ่ม Existentialismที่มีนักปรัชญาคนสำคัญคือ Jean-Paul Sartre เป็นผู้นำในลัทธินี้สรุปตามความเข้าใจของผมก็คือ มนุษย์เท่านั้นที่มีอิสรภาพในการตัดสินใจเพื่อเลือกหนทางในการดำเนินชีวิตไม่มีบุคคลอื่นใดที่อยู่เหนือความเป็นอยู่ที่สัมผัสได้ในปัจจุบันจะมากำหนดทางเดินของมนุษย์ โดยที่ในการตัดสินใจเลือกหนทางนั้นจะต้องเกิดขึ้นด้วยความรักเป็นสำคัญ ซึ่งลักษณะเช่นนี้จะเปรียบได้กับจิตวิญญาณโดยรวมของกลุ่มวัยรุ่นอยู่แล้วคือเป็นวัยที่ตั้งคำถามให้กับทุกสิ่ง สำหรับตัวผมเองคิดว่าแนวความคิดนี้ใช้ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในชีวิตของมนุษย์ได้ แต่มิใช่ทั้งหมดของชีวิต ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องด้วยภาพชีวิตของหนุ่มสาวคู่หนึ่งคือมิเชลกับนาตาเซีย (ชื่อนางเอกผมอาจจะจำผิดก็ได้) มิเชลเป็นหนุ่มที่ใช้ชีวิตนอกกรอบสังคมเป็นคนที่อยู่กับปัจจุบันจริงๆ คือพยายามพาตัวเองให้รอดพ้นจากตำรวจ เพราะเขาเป็นอาชญากรแต่ก็มิใช่อาชญากรระดับสั่วๆ เขาบูชาความรักมากกว่าอิสรภาพ ส่วนนาตาเซียเป็นหญิงสาวที่รับวัฒนธรรมแบบอเมริกันในเรื่องของอิสรภาพ เธอเป็นนักข่าวสมัครเล่นเธอเลือกที่จะศรัทธาในอิสรภาพมากกว่าความรัก ความศรัทธาของเธอคล้ายกับความฝันตามการรับรู้ของผม ผู้กำกับฯคงต้องการที่จะตั้งคำถามถึงทั้งสองเรื่องโดยก็มิได้ให้คำตอบว่าการที่จะประสานทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่ เหมือนกับเราจะต้องเลือกเอาเองว่าจะเลือกความรักหรืออิสรภาพมิเชลต้องสังเวยชีวิตให้กับความรัก ในขณะที่นาตาเซียก็ยังคงสงสัยต่อไปกับอิสรภาพของตน แน่นอนภาพยนตร์เรื่องนี้ถ้าวัยรุ่นได้ชมอาจจะเลือกเอาสักอย่างระหว่างความรักและอิสรภาพแต่สำหรับผมแล้ว เราควรจะประสานทั้งสองสิ่งนี้ให้รวมกันให้ได้อย่างไรก็ดีภาพที่ปรากฏในหนัง อาจจะเป็นตัวแทนของสังคมในยุคนั้นก็ได้
Create Date : 19 ธันวาคม 2561 |
Last Update : 19 ธันวาคม 2561 15:32:09 น. |
|
0 comments
|
Counter : 576 Pageviews. |
|
|