<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
17 ธันวาคม 2552

ธรรมะเตือนใจ




สวัสดีค่ะ

วันนี้ได้รับข่าวจาก นิตยสาร "ธรรมะใกล้ตัว"
ฉบับวันที่ 17 ธันวาคม 2552

มีข้อความน่าสนใจมาก ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อที่นี่นะคะ



จากคอลัมน์  "จากใจ บก."

ผมเขียนประเด็นเกี่ยวกับการไม่อยากมีลูก
ไว้ใน
twitter@dungtrin
แต่ยังไม่ชัดเจนด้วยขนาดจำกัดของเนื้อความ
จึงขอนำมาขยายความในบท บ.ก. วันนี้
เพราะเห็นว่ามีหลายคนให้ความสนใจครับ
ก่อนอื่นขอบอกว่าเป็นการจับเอามุมมองหนึ่ง
ของผู้คนที่สนใจการเจริญสติเพื่อความพ้น
อาจไม่เข้ากันกับสามัญสำนึกทั่วไป
และคำอธิบายนี้อาจช่วยให้นักเจริญสติหลายคน
ได้เข้าใจถึงที่มาที่ไปว่าเหตุใดตนจึงไม่อยากมีลูก

โดยรากอันเป็นที่สุด
ถ้าธรรมชาติออกแบบเหตุปัจจัย
ให้สิ่งมีชีวิตอยากสืบทอดเผ่าพันธุ์ไม่สำเร็จ
ก็แปลว่าทุกอย่างล้มเหลวตั้งแต่เริ่ม

แต่สังสารวัฏ
อันหมายถึงวัฏจักรแห่งมหันตทุกข์นั้น
มีมานานเป็นอนันตกาล
ก็พิสูจน์ตัวอยู่แล้วว่า "กลไกสืบทอดทุกข์"
ต้องมีระบบที่ทรงพลังสูงสุด
ขับเคลื่อนไปโดยยากที่จะฝืนต้านที่สุด

เชื้อเพลิงที่จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ในสังสารวัฏนั้น
ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่ากามราคะ
และพันธะอันเป็นผลติดตามมาจากการอยู่ร่วมกัน
ก็ไม่มีสิ่งใดเหนียวแน่นไปกว่าลูกสาวลูกชาย

ระบบสืบทอดทุกข์ที่ได้ผลที่สุดที่ว่ามานี้
ไม่มีใครออกแบบ ไม่ได้เป็นบุญ ไม่ได้เป็นบาป
แต่เป็นต้นกำเนิดของบุญบาป
ซึ่งเป็นผู้ออกแบบภพภูมิทั้งหลาย

ณ จุดที่ยังไม่มีความถูกความผิด
กลายเป็นต้นกำเนิดของความถูกความผิด
มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
มีคำสั่งหนึ่งฝังใจมาในระดับสัญชาตญาณ
ว่าตนเองมีพันธะจะต้องรับผิดชอบ
เกี่ยวกับการสืบทอด
เป็นเครื่องผูกมัดที่มองไม่เห็น
แต่รู้สึกได้ชัดเจนที่สุด

ในระดับของสิ่งมีชีวิตชั้นล่าง
สัญชาตญาณในการสืบพันธุ์ไม่ต้องการคำอธิบาย
เมื่อถึงช่วงเวลาของการผลิตทายาทรุ่นต่อไป
สัตว์ทั้งหลายจะเข้าสู่กระบวนการที่ถูกเตรียมไว้แล้ว
โดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าทำไปเพื่อตัวเอง
หรือว่าเพื่อวงศ์ตระกูลใด
มันเป็นหน้าที่บังคับ
ที่มาในรูปของความหงุดหงิดถ้าไม่ได้ทำ
ไม่ได้ระบายเชื้อพันธุ์ของตนออกไป

แต่ในระดับของสิ่งมีชีวิตชั้นบน
การสืบทอดเผ่าพันธุ์จะมาในรูปของสำนึกรับผิดชอบ
เกี่ยวข้องกับการสืบวงศ์ตระกูล
ถ้าใครไม่ยอมรับเงื่อนไขทาง "ธรรมชาติ" นี้
ก็ถึงกับโดนก่นด่าจากญาติผู้ใหญ่
ว่าเป็นลูกเนรคุณ
ไม่ยอมสืบทอดวงศ์ตระกูลกันเลยทีเดียว

กระบวนการและความปรารถนาจะมีความซับซ้อน
มนุษย์น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวบนโลก
ที่มีความรู้สึกเฉพาะตนได้ว่า
อยากมีหรือไม่อยากมีลูก
หรือกระทั่งออกอาการ "ปฏิเสธ"
สัญชาตญาณการมีลูกได้

การ "อยากมีลูก" นั้นไม่ใช่เรื่องน่าสงสัย
เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าเป็นเรื่องระดับสัญชาตญาณ
เห็นลูกคนอื่นน่ารักแล้วอยากมีลูกของตัวเองบ้าง
หรือที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่รู้สึก
ว่าตนเป็นหญิงอย่างสมบูรณ์
หากไม่ได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเด็กสักคน

แต่การ "ไม่อยากมีลูก" คือเรื่องชวนฉงน
เพราะเป็นเรื่องสวนทางกับสัญชาตญาณมนุษย์
ตัดเรื่องความรู้สึกว่าตนไม่มีความสามารถรับผิดชอบ
ตัดเรื่องความรู้สึกว่าตนไม่มีความแข็งแกร่งแบบพ่อ
ตัดเรื่องความรู้สึกว่าตนไม่มีความเอาใจใส่แบบแม่
ก็ยังมีความรู้สึก "ไม่อยากมีลูก" อยู่ดี
เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนเป็นจริงเป็นจัง
ไม่ใช่แค่ชั่ววูบชั่ววาบ

บางคนรักเด็กมาก ชอบเล่นกับเด็กมาก
หรือกระทั่งรับอุปการะเด็กได้
แต่กลับไม่มีความต้องการลูกของตัวเองสักนิดเดียว
ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
?

เพื่อเข้าให้ถึงคำตอบ
เราต้องถอดเอาความรู้สึกแบบบุคคลออกไป
เหลือแค่ความรู้สึกไม่อยากมีพันธะ ไม่อยากพัวพัน
ไม่อยากให้มีการ "เกิดขึ้นอีก"
แม้กระทั่งจะให้ตนเป็น "แดนเกิด" ของใครก็ตาม
นี่นับเป็นเรื่องสวนทางกับการ "สืบต่อ" หรือ "สืบทอด"
ซึ่งถูก "บังคับ" ไว้โดยธรรมชาติของสังสารวัฏ
และมักถูกมองว่าเป็นความไม่รับผิดชอบ
หรือเป็น "สิ่งผิดปกติ" หรือกระทั่ง "ความผิด" ได้
หากมองจากมุมของผู้ที่รับผิดชอบตามธรรมชาติ

ถ้าเชื่อว่าการปฏิวัติทางความรู้สึกไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ก็อธิบายได้จากมุมหนึ่ง
คือ ก่อนเกิดมาในครั้งนี้
เคยเป็นผู้พยายามถอดถอนตนจากกระบวนการเกิดตาย

อย่างเช่นพระที่มีความอุตสาหะ
เพียรเจริญสติตลอดชีวิตที่เหลือ
เห็นกายใจเป็นเพียงสิ่งเกิดดับ
ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนเราเขา
มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์ดับไป
กระทั่งไม่เหลือความอยากเกิดใหม่
แต่ก็ยังต้องเกิดอีกเพราะไปไม่ถึงอรหัตตผล

กรรมอันได้แก่การเจริญสติได้ผล
แต่ไม่ถึงที่สุดของผล
ย่อมบันดาลให้เกิดจิตในชาติใหม่
ที่มีสัญชาตญาณในการตัดห่วงโซ่
อะไรที่จะเป็นชนวนแห่งการสืบทอด
ก็ถูกถอดถอนออกไปแต่อ้อนแต่ออก
ถ้าบารมีในการเจริญสติแก่กล้าจริงๆ
ก็ถึงขั้นอยากออกบวชตั้งแต่เป็นเณรเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม
การไม่อยากมีลูก แต่อยากมีความสุขแบบโลกๆ
ยังหมกมุ่นอยู่กับกามคุณ ๕
เป็นเครื่องแสดงว่าแค่ไม่อยากแบกภาระ
อยากสนุกแบบฉาบฉวย
เป็นคนละเรื่องกันกับการไม่อยากเกิด
และไม่อยากเป็นแดนเกิดให้ใคร

แล้วกรรมก็เป็นเรื่องพิสดารครับ
บางคนอยากมีแต่กลับไม่มี
บางคนไม่อยากมีแต่กลับมีเอาๆ
ถ้าจำแนกโดยกรรมก็พอรวบรัดคร่าวๆได้ดังนี้

๑) ไม่อยากมี และไม่มีใครเร่งรัด
คือพวกที่ไม่ได้บังคับใครไว้ก่อน
จึงอยู่ในตระกูลที่ไม่เดือดร้อนเรื่องมีหรือไม่มีทายาท

๒) ไม่อยากมี แต่ถูกผู้ใหญ่บังคับ
คือพวกที่ทำกรรมอันยังต้องมีพันธะ
ต้องเลือกเอาระหว่างรับผิดชอบกับพันธะ
กับความรู้สึกผิดที่ถูกตราหน้าว่าไม่กตัญญู

๓) ไม่อยากมี แต่มาด้วยความบังเอิญ
หรือไม่ก็เป็นหญิงที่ถูกข่มขืนจนตั้งครรภ์
ข้อนี้ขอละต้นเหตุไว้
เพราะเป็นเรื่องสะเทือนใจสำหรับหลายๆคน

๔) อยากมีแล้วได้มาสมใจ
เป็นคนปกติที่ไม่มีกรรมอะไรเป็นพิเศษ
ที่ทำให้แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป

๕) อยากมีแต่อย่างไรก็ไม่มา
มีได้หลายเหตุปัจจัยมากๆ จาระไนไม่หมด
บางคนเคยตอนสัตว์ไว้เยอะ
ด้วยความหวังดี ไม่อยากให้ลูกแมวลูกหมายั้วเยี้ย
หรือบางคนเคยเป็นแม่ เลี้ยงลูกหลายคนจนเหนื่อย
แล้วรู้สึกว่าไม่อยากมีลูกอีกแล้ว
ด้วยบุญที่เลี้ยงเด็กให้เติบโตไว้เยอะ
พอประกอบกับความอิดหนาระอาใจไม่อยากมีอีก
แล้วลูกๆก็ไม่ได้ทำให้ชื่นใจในชั่วชีวิตที่เหลือ
เกิดใหม่ก็มีแนวโน้มเป็นหมัน
หรือถึงไม่เป็นหมันก็ไม่มีเด็กมาเข้าท้อง
เพราะกรรมเก่าปิดกั้นภาวะแดนเกิดไว้ เป็นต้น
แต่บางทีก็ไม่ใช่เรื่องกรรมเก่า
เป็นเรื่องของความไม่เหมาะสมที่จะเป็นแดนเกิด
การจับคู่กันระหว่างชายหญิงนั้น
ไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนอย่างที่เห็นเผินๆ
แต่เป็นเรื่องโอกาสที่บุคคลแบบไหน
จะได้ที่เกิดที่เหมาะกับตนด้วย

ผมเห็นมาหลายแบบนะครับ
บางคู่อยากมีลูกแล้วได้มี
แต่ต่อมามีโอกาสเจริญสติร่วมกัน
เสียอกเสียใจที่มีไปแล้ว
(แต่ก็ยังรับผิดชอบลูกอย่างดีที่สุด)
ส่วนบางคู่อยากมีลูก
พยายามแค่ไหนก็มีลูกไม่ได้
กระทั่งมาเริ่มเจริญสติร่วมกันใหม่
จึงค่อยมองย้อนกลับไปว่าไม่มีลูกน่ะดีแล้ว

เขียนยาวแค่ไหนก็ไม่จบครับ
สรุปง่ายๆว่าการเกิดเป็นทุกข์ การตายเป็นทุกข์
ในมุมมองของอริยะ นี่คือความจริงที่น่าสนใจที่สุด
จึงได้ชื่อว่า "อริยสัจจ์"
ผู้เจริญสติแจ่มแจ้งแล้ว
ย่อมข้ามพ้นข้อขัดแย้งทางใจ
แต่ก็มีความเข้าใจชัดเจนด้วยว่า
การตอบแทนคุณผู้ให้กำเนิดมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง
และการเลี้ยงดูบุตรธิดาอันเกิดจากตนแล้ว
ก็ไม่มีข้ออ้างใดมาหลบเลี่ยงได้ทั้งสิ้น

ดังตฤณ
ธันวาคม ๕๒




ฝากไว้เป็นธรรมะ ประจำวันนี้ สำหรับทุกท่านค่ะ




Create Date : 17 ธันวาคม 2552
Last Update : 9 มิถุนายน 2555 12:24:36 น. 36 comments
Counter : 1950 Pageviews.  

 

tammajak
พรหมญาณี
พรหมญาณี พรหมญาณี
พรหมญาณี พรหมญาณี พรหมญาณี
พรหมญาณี พรหมญาณี พรหมญาณี พรหมญาณี
พรหมญาณี พรหมญาณี พรหมญาณี พรหมญาณี พรหมญาณี
พรหมญาณี พรหมญาณี พรหมญาณี พรหมญาณี
พรหมญาณี พรหมญาณี พรหมญาณี
พรหมญาณี พรหมญาณี
พรหมญาณี

ปอ ป้า...ขอเจิม...นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:15:07:33 น.  

 
อวโลกิเตศวร มาจากคำสันสกฤตสองคำ คือ อวโลกิต กับ อิศวร
แปลว่า ผู้เป็นใหญ่ที่เฝ้ามองจากเบื้องบน หรือ พระผู้ทัศนาดูโลก
ซึ่งหมายถึง เฝ้าดูแลสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์นั่นเอง

พระอวโลกิเตศวร เป็นพระโพธิสัตว์องค์สำคัญของพุทธศาสนามหายาน
มีผู้เคารพศรัทธามากที่สุด และเป็นเสมือนปุคคลาธิษฐาน
แห่งพระมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้าทั้งปวง

ขออำนาจพระบารมีแห่งพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
จงประสิทธิ ประสาทพร ให้ป้าแอ๊ดและครอบครัว..มีแต่ความสุขกายสุขใจ
กระทำการสิ่งใดอันสุจริต ขอให้สำเร็จสมความมุ่งมาดปรารถนา
มีสุขภาพกายและใจที่เข้มแข็ง มีความสุขตลอดไป...นะคะ




สวัสดีค่ะ ป้าแอ๊ด....

ดีใจมากเลย ได้เจิมให้ป้าแอ๊ดด้วย...อิ อิ

ป้าแอ๊ด สบายดี..นะคะ ปอป้า คิดถึงจังเลย ยังสงสัยว่ามาปลอบใจป้าแอ๊ดเรื่องคิดถึงลูก
เอ๋..ว่าตัวเองมาปลอบอีท่าไหน ป้าแอ๊ด หายไปเลย...

ปอป้า คิดถึงป้าแอ๊ดเสมอ...นะคะ...

ป.ล. ปอป้าถักหมวกฝากคุณก๋าไปถวายพระที่อินเดีย ๕ ใบ แล้วปีใหม่นี้ปอป้าถักให้พระบนดอยที่แม่ฮ่องสอนกับเชียงใหม่อีก ๑๐ ใบ...โฮะ ๆ ..กราบขอบพระคุณป้าแอ๊ดที่สอนให้ถัก..นะคะ...รับบุญด้วยกัน...ค่ะ..


โดย: พรหมญาณี วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:15:11:42 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ด ไม่ได้มาเยี่ยมตั้งนาน สบายดีมั๊ยคะ วันนี้มาแบบธรรมะเลยนะคะ


โดย: แนน (wilanis_panda ) วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:15:43:51 น.  

 
สวัสดียามเย็นครับ ป้าแอ๊ด
ขอมานั่งอ่านธรรมะใกล้ตัวด้วยคนนะครับผม



ขอให้ป้าแอ๊ดมีความสุขสดชื่นในวันสีส้มสดใสนะครับ


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:16:25:52 น.  

 
เวลาของเราบนโลกนี้มันสั้นมาก
ความตายได้สอนให้เรารู้จักการใช้ชีวิต

อารียา สิริโสภา
(นางงาม นักเขียน)


โดย: Elbereth วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:18:12:43 น.  

 
......แอบมาอ่านบทความครับ......


โดย: jetsada.999 วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:18:18:22 น.  

 
สวัสดีค่ะ..ป้าแอ๊ด
ขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะึคะ
เชียงใหม่รอป้าแอ๊ด
มาเยือนอยู่นะคะ


โดย: หนิงค่ะ (Heart&Home ) วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:19:01:26 น.  

 
สวัสดีค่ะ ป้าแอ๊ด
ติดตามค่ะ


โดย: Jang_Akbas วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:19:12:51 น.  

 
มาอ่านธรรมเตือนใจครับป้าแอ๊ด

แล้วเอาขนมมาฝากครับ
ขนมที่ทำนี่ไม่ได้ทำเป็นอาชีพครับ ทำเฉพาะปีใหม่กับตรุษจีน แล้วทำขายกับพวกที่เขาสั่งประจำๆ เหนื่อยมากครับ






โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:19:47:47 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ด ขอบคุณนะค่ะที่ไปให้ความรู้เรื่องการสร้างกระเป๋าปิ๊กแป๊กที่กระทู้อ่าค่ะ ขอบคุณมากๆค่า
ป้าแอ๊ดน่ารักที่สุดเยย เหอะๆๆๆ


โดย: thinkcraft วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:21:03:06 น.  

 

วันนี้อัพตอนต่อไปแล้วนะครับ
ว่างๆ ขอเรียนเชิญที่บล็อกนะครับ

มาส่งเข้านอนด้วยนะครับ
...

หลับฝันดี
ราตรีสวัสดิ์ครับ



โดย: หมึกสีดำ วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:22:47:17 น.  

 
ตอนผมมีลูก

ผมก็คงได้แต่ถ่ายทอด ความเป็นมนุษย์ที่ผมได้สัมผัสมา

ให้เขาได้รับรู้นะครับ

ส่วนหนึ่ง เขาก็คงต้องเรียนรู้เอง


---------

ขอปลาร้ากับครกด้วยครับ

ฮ่ะๆๆ



โดย: ชายผู้หล่อเหลา...กว่าแย้นิดนึง.. (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:0:46:57 น.  

 
ตามป้ามาจากบล๊อกthinkcraft เห็นดึกมากแล้วป้ายังไม่นอนเลยตามเข้ามาทักทาย แต่ยังไงก็ต้องเข้ามาเมนท์หาป้าอยู่แล้ว เพราะเห็นป้าหายไปไม่มีรายงานว่าไปเที่ยว
ก็สงสัยว่าป้าไม่สบายหรือปล่าว ก็ต้องเข้ามาถามดูค่ะ อากาศช่วงนี้ยิ่งแปรปรวนเดี๋ยว(แค่)เย็นตอนเช้าเดี๋ยวร้อน
ตอนสาย ดีใจที่เห็นป้าอัพบล๊อก เพราะวิหนีไปไม่ได้เข้ามาพันทิพสองสามวัน มารายงานตัวค่ะ


โดย: veevie IP: 124.121.32.75 วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:2:06:33 น.  

 
เข้ามาอ่านธรรมะค่ะป้าแอ๊ด แต่กิ๊กก็ยังงงๆ คงต้องกลับมาอ่านแบบมีสมาธิอีกรอบค่ะ ว่าการไม่มีลูกมันเป็นกรรมหรือ


โดย: KOok_k วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:6:07:49 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับป้าแอ็ด









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:8:09:16 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ด
ได้รับของขวัญปีใหม่แล้วค่ะ ถูกใจมาก ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ

ธรรมมะในวันนี้ก็ถูกใจหน่อยเหลือเกินค่ะ

หน่อยคงอยู่ประเภทที่ 1 คือ ๑) ไม่อยากมี และไม่มีใครเร่งรัด
คือพวกที่ไม่ได้บังคับใครไว้ก่อน
จึงอยู่ในตระกูลที่ไม่เดือดร้อนเรื่องมีหรือไม่มีทายาท


โดย: หน่อยจิง IP: 124.120.241.84 วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:10:36:00 น.  

 
คู่รักบางคู่
วาสนามี
แต่เงินบัง

กรรมคือการกระทำ
อยากมีลูก
คงต้องทำกรรม

สวัสดีปีใหม่
ให้ใจสบาย
แค่นั้น ทำได้ ก็สุขล้ำ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:10:57:47 น.  

 
สวัสดียามบ่ายครับ ป้าแอ๊ด



ขอให้มีความสุขสดชื่นในวันสุขๆ นะครับ


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:12:45:57 น.  

 
พระพิฆเนศ เป็นเทพเจ้าแห่งสากล (Universal God)
เป็นมหาเทพองค์สำคัญในศาสนาฮินดู ผู้ทรงภูมิปัญญายิ่งใหญ่
ผู้ขจัดอุปสรรค และอำนวยความสำเร็จในทุกสิ่ง
มีผู้เคารพนับถือมากที่สุดองค์หนึ่ง โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย
เป็นมหาเทพที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทยมากองค์หนึ่ง

เชื่อกันว่า พระพิฆเนศเป็นโอรสของ พระศิวะ กับ พระศรีมหาอุมาเทวี
ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เขียนคัมภีร์มหาภารตะ จากวาจาของพระฤษีวยาส
และนับถือกันว่า เป็นเทพเจ้าแห่งการรจนาหนังสือ ดุจเดียวกับ พระสุรัสวดี

กล่าวกันว่า ถ้าใครบูชาพระพิฆเนศ แล้วขอพร จะได้สมประสงค์ในทุกสิ่ง
จึงมีคนบางกลุ่มขนานนามท่านว่า “ เทพแห่งความสำเร็จ “

ขอให้มีความสุข สำเร็จในทุกสิ่งที่ปรารถนา...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:12:56:33 น.  

 
สวัสดีค่ะ ป้าแอ๊ด ที่รัก ของทุกๆคน วันนี้หนูขอรบกวนป้าแอ๊ดเรื่องหูกระเป๋าสวยๆ ไม่แพงมาก ในกรุงเทพ หาซื้อได้ที่ไหนบ้างค่ะ รบกวนป้าแอ๊ดมากๆเลยนะค่ะ


โดย: ที่พึ่งของลูกหลาน IP: 125.24.83.26 วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:14:23:33 น.  

 
ไปลุยที่เจริญรัถเลยค่ะ
ของสวยๆ ถูกๆ ที่นั่นมีให้เลือกมากมายค่ะ



โดย: addsiripun วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:14:26:21 น.  

 
หวัดดีคะ ป้าแอ๊ด ขอบคุณสำหรับชวนเที่ยว และเรื่องดีๆนะคะ
หุๆ อ่านเรื่องข้างบน แล้วคิดถึง รุ่นน้องที่ทำงาน
บอกว่า ไม่ชอบเด็ก แต่งงานแล้วไม่อยากมีลูก
เด็กน่ารำคาญ เจอเราคุยเรื่องลูกทีไร ก็ทำหน้าเหม็นเบื่อมาก
ขี้เกียจจะถามว่า แล้วแฟนหล่ะว่าไง ไม่อยากมีลูกจริงเหรอ
ผู้หญิงยังไง ก็อยากมีลูกหรือเปล่า หุๆๆ อันนี้ตอบยาก
คงเป็น ที่ความรู้สึกว่า ชอบเด็กหรือไม่ชอบเด็กด้วย


โดย: วีทีอาร์ วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:20:38:49 น.  

 
พระพรหม ทรงกอปรด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คือพรหมวิหารสี่ ในพระพุทธศาสนานั่นเอง
ในศาสนาพราหมณ์ พระพรหม คือเทพแห่งการสร้างสรรค์
ทรงมีอานุภาพในการลิขิตชะตาชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งปวง
โดยควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎแห่งกรรม
พระพรหมจึงเป็นผู้คุ้มครองคนดี และลงโทษผู้กระทำบาป มีกิเลส ตัณหา

ตามตำนานกล่าวว่า พระพรหมกำเนิดจากดอกบัวที่ผุดขึ้นจากสะดือของพระวิษณุ
ที่บรรทมหลับอยู่บนหลังพระยาอนันตนาคราชที่เกษียรสมุทร
พระพรหมทรงโปรดความเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย มีพระทัยอ่อนโยน

ขอให้พบแต่ความสงบ เย็นกาย เย็นใจ มีความสุขอันกอปรด้วยพรหมวิหารสี่ ตลอดไป..นะคะ



อรุณสวัสดิ์ค่ะ ป้าแอ๊ด...


โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:1:08:42 น.  

 
อรุณสวัสดิ์วันหยุดค่ะป้าแอ๊ด ป้าแอ๊ดสบายดีนะค่ะ คิดถึง


โดย: sawkitty วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:6:56:19 น.  

 
กะก๋ามาส่งใบลาพักร้อนครับป้าแอ็ด










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:8:22:46 น.  

 


มีความสุขมาฝากค่ะ ขอบคุณที่มีสิ่งดีๆมาให้อ่านได้พัฒนาตนเองอยู่เสมอค่ะ มีความสุขรับปีใหม่ระคะ


โดย: หนึ่งลมหายใจ วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:12:22:04 น.  

 

แวะมาเสิร์ฟ โอวัลติน ยามสายๆ นะครับ
...



โดย: หมึกสีดำ วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:10:37:53 น.  

 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่หน้าบล๊อคและอีกครั้งสำหรับข้อความดีๆที่เอามาแบ่งปันค่ะป้าแอ็ด


โดย: ขาหมูเอาแต่หนัง (annasugars9000 ) วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:20:19:07 น.  

 


แวะมาส่งเข้านอนครับผม

หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:22:01:52 น.  

 
ขอบคุณนะคะป้าแอ๊ด


โดย: V V IP: 124.122.23.222 วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:23:10:03 น.  

 
ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะป้าแอ๊ดสำหรับบทความนี้ อ่านแล้วโดนใจมาก ๆ เลยค่ะ


โดย: vanillaorchid วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:2:51:29 น.  

 
ยังไม่ได้ว่างอ่านเลยค่ะป้าแอ๊ด ไว้ว่างมะไหร่จะแวะเข้ามาใหม่น๊า


โดย: pafun.p วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:13:17:35 น.  

 
ขอบคุณค่ะป้าแอ๊ด

มาอ่านหลายวันแล้ว แต่พอไล่ๆดู...ไหนอ่าคอมเมนต์เรา...ม่ายมีนิ

ป้าแอ๊ดจะไปล่องบางปะกงเหรอ ...อยากไปบ้างจัง

ปลายๆปีรู้สึกว่าจะชีพจรลงเท้านะคะ

ถ้ายังไง ก็เอาภาพชีวิตริมน้ำมาฝากกันบ้าง

คิดถึงค่า..


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:13:44:00 น.  

 
แวะมาฟังธรรมตอนดึกแล้วครับ

จะได้ฝันงามๆ



โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน... (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:21:51:24 น.  

 
บล็อกนี้ป้าแอ๊ดเขียนหลังวันเกิดหลานสองวันค่ะ

หลานเป็นข้อนี่ค่ะ
๑) ไม่อยากมี และไม่มีใครเร่งรัด
คือพวกที่ไม่ได้บังคับใครไว้ก่อน
จึงอยู่ในตระกูลที่ไม่เดือดร้อนเรื่องมีหรือไม่มีทายาท

เพราะแม่หลานก็ไม่ได้อยากให้หลานมีลูกค่ะ
มีแต่คนรอบตัวค่ะ ที่สงสัยว่า ทำไมหลานถึงไม่อยากมีลูก

หลานว่าหลานเป็นพวกที่จิตใต้สำนึกไม่ต้องการสร้างห่วงนะคะ

ความต้องการของหลาน คือ นิพพานเลยค่ะ ไม่อยากขึ้นสวรรค์ ไม่อยากลงนรก ไม่อยากกลับชาติมาเกิดค่ะ


โดย: - Dachsie - วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:06:09 น.  

 
แวะมาอ่าน ตามมาจากบล็อคหลาน
สงสัยอ้อจะมีกรรม แมวที่บ้านตอนหมด บางตัวมาเหมือนว่ายังไงก็ไม่พ้นเรา ก็เลยรับเลี้ยง แต่ก็กะว่าจะไม่เลี้ยงเพิ่มแล้ว เจอหมาแมวที่ไหนคงแค่หยิบยื่นอาหารให้ได้ในเวลานั้นก็พอค่ะ
แต่ถามว่าอยากมีลูกมั๊ย ขอบอกว่าสับสนค่ะ เนื่องจาก คนที่บ้านอยากให้มี แต่อ้ออยากอยู่กะแฟนแค่สองคน
สงสัยอ้อจะอยู่กึ่ง2ข้อ คือข้อ2กับข้อ5
ทำใจให้สงบดีกว่าเนาะ ใช้ชีวิตที่มีอยู่อย่างมีสติดีกว่า


โดย: อ้อ (hokpok ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:26:01 น.  

addsiripun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 78 คน [?]




ลบบล็อกงานตัดเย็บทิ้งหมดแล้วนะคะ
[Add addsiripun's blog to your web]