<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
4 กรกฏาคม 2553

คุณแม่สิริ กรินชัย





สวัสดีค่ะ

วันนี้อยากจะนำคำแปลและธรรมะบางประการจาก

" บทสวดมนต์ของคุณแม่สิริ กรินชัย " มานำเสนอค่ะ


(คัดลอกจากหนังสือไหว้พระสวดมนต์ ของมูลนิธิศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ ขอกราบขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย)









ภาพนี้ ที่บ้านกรินชัย โคราช เมื่อ ปี พ.ศ. 2547








พุทธศาสนิกชนทุกคน เป็นคนสุภาพ อ่อนน้อม ยกย่อง เทิดทูน บูชาความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณของตน
บทสวดมนต์ไหว้พระของพวกเราจึงเชิดชูและรักษาไว้ซึ่งภาษาบาลี
ซึ่งเป็นภาษาเดิมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้ในการประกาศพระพุทธศาสนา เป็นคำสวด ที่ไพเราะ นำสวดน่าฟังและน่าจดจำ
พวกเราท่องจำบทสวดมนต์ได้ตั้งแต่เด็กเล็กๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบความหมาย
ต่อมาเมื่อได้ทราบความหมาย คำแปลของบทสวดมนต์เหล่านี้เป็นภาษาไทย
ก็ยิ่งทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาเคารพบูชาในพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสูงสุดไม่มีผู้ใดเทียบได้
ชวนให้สนใจในพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ท่าน ซึ่งต้องศึกษาเอง ปฏิบัติเอง จึงจะรู้ได้ด้วยตนเอง
และพร้อมกันนั้น เราก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาต่อบรรดาพระอริยสงฆ์ ซึ่งเป็นสาวกของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ท่านเป็นผู้ใด้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ท่านจนเป็นผู้รู้แล้ว
และได้นำสิ่งที่ท่านรู้มาเผยแพร่แก่พวกเราเหล่ามนุษย์กิเลศหนา ปัญญาน้อย เพื่อให้รู้ตาม ด้วยจิตเมตตากรุณาของท่านเหล่านั้นด้วย

บทสวดมนต์ทุกบทในพระพุทธศาสนาล้วนมีความหมายสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณและพระสังฆคุณทั้งสิ้น บางบทสั้น บางบทยาว
และในบทสวดมนต์มีคำร้องอ้อนวอนต่อพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ถึงความปรารถนาของผู้สวด
เพื่อความไพบูลย์ต่างๆ ของตนในการปฏิบัติดำเนินตามรอยพระบาทของพระพุทธองค์ด้วย
บทสวดมนต์ทุกบทล้วนไพเราะเพราะพริ้ง มีความหมายลึกซึ้ง ทำให้เกิดสมาธิจิตถึงสิ่งที่เรากำลังกล่าวถึงด้วย
ความหมายของคำสวดมนต์จึงเป็นของจำเป็น ดังที่นิยมกันในขณะนี้
ที่มีบทสวดมนต์เป็นภาษาบาลีและสวดแปลเป็นภาษาไทยควบคู่กันไป

บทสวดมนต์ของคุณแม่สิริ กรินชัย เป็นบทสวดมนต์สั้นๆ ง่ายต่อการจดจำ แต่มีความหมายกว้าง
แสดงความเคารพ คารวะต่อสิ่งที่ควรเคารพทั้งหลายทั้งปวงครบบริบูรณ์
ซึ่งพวกเราเหล่าลูกโยคี (ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่ยังครองบ้าน ครองเรือน ยังมีเพื่อนฝูง ญาติมิตร
ส่วนใหญ่ยังทำมาหากินโดยสัมมาอาชีพอยู่) ใช้ในการทำวัตรเช้าและเย็นทุกวัน
คุณแม่ท่านเล่าว่า บทสวดมนต์นี้ท่านได้มาจากพระธุดงค์องค์หนึ่ง ท่านชอบมากและสวดในชีวิตประจำวันของท่านตลอดมา
และเห็นว่าให้คุณมาก เลยนำมาแจกจ่ายให้ลูกโยคีของท่าน เป็นมรดกธรรมอันหนึ่งซึ่งจะได้อัญเชิญมาแปลและอธิบายขยายความดังนี้



" อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธังภะคะวันตัง อภิวาเทมิ " (กราบ 1 ครั้ง)
แปลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลสสิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง
ข้าพเจ้าขอน้อมอภิวาทพระองค์ท่านผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยใจเคารพอย่างสูงสุด



" สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมังนะมัสสามิ " (กราบ 1 ครั้ง)
แปลว่า พระธรรมคือคำสั่งสอนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว
ข้าพเจ้าเคารพนอบน้อมซึ่งพระธรรมนั้น



" สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ " (กราบ 1 ครั้ง)
แปลว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติสมควรแล้ว
ข้าพเจ้ากราบไหว้ซึ่งพระสงฆ์เจ้าหมู่นั้น



" พุทธะบูชา มะหาเตชะวันโต ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธ ขอให้ข้าพเจ้ามีเดชเดชะ "
เดชเดชะ หมายถึง เดช คือความร้อน หรืออำนาจ 5 ประการของพระพุทธเจ้าที่ขอให้เกิดในตัวเรา คือ

1. จรณเดช เดชคือศีล คือขอให้เราเป็นผู้มีศีลมั่นคงเป็นนิจ จนสามารถขจัดทุศีล
คือล่วงละเมิดศีลให้หมดสิ้นไป เช่นในอาชีวัฏฐมกศีล ซึ่งเป็นนิจศีลของพวกเราเป็นต้น
ซึ่งสามารถทำให้เราเป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย ละเว้นซึ่งอกุศลกรรมบถทั้ง 10 ประการ คือ

ทางกาย 3 คือ
1. ละเว้นฆ่าสัตว์
2. ละเว้นลักขโมยหรือฉ้อโกง หรือยึดเอาของของผู้อื่นมาเป็นของตน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ
3. ละเว้นการประพฤติผิดในกาม

ทางวาจา 4 คือ
1. ละเว้นการกล่าวคำเท็จ
2. ละเว้นการพูดยุยงส่อเสียด
3. ละเว้นการกล่าวคำหยาบคายด่าทอ
4. ละเว้นการพูดเพ้อเจ้อ ไม่มีประโยชน์

ทางใจ 3 คือ
1. ละเว้นอภิชฌา คือ มีใจคิดอยากได้ของของผู้อื่น
2. ละเว้นความพยาบาท ปองร้ายผู้อื่น
3. ละเว้นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งเป็นความเห็นที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
ผู้มีศีลบริสุทธิ์ย่อมแสดงออกมาทางใบหน้า กิริยาท่าทางอิ่มเอิบมีความสุข

2. คุณเดช เดช คือคุณ ที่เป็นคุณต่อตนเองและผู้อื่น เนื่องจากสมาธิจิตย่อมทำให้เกิดอภิญญาบางอย่างได้
เช่นการระลึกชาติ การหยั่งรู้ใจคน การเหาะเหินเดินอากาศ
เดช คือคุณนี้ ถ้าปฏิบัติได้ และนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ จะมีอำนาจขจัดผู้ที่มีเดชมิใช่คุณให้สิ้นไปได้

3. ปัญญาเดช เดช คือ ปัญญา คือขอให้มีภาวนามยปัญญายิ่งๆ ขึ้นไป

4. บุญเดช เดช คือบุญกุศลทั้งหลาย ซึ่งเป็นข้อประพฤติปฏิบัติของผู้ปฏิบัติธรรม เช่น บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ ได้แก่

ทาน 3
ทานมัย ได้แก่ ความเอื้อเฟื้อด้วยวัตถุทาน
ปัตติทาน คือการแผ่บุญกุศลที่ตนได้ทำแล้วให้แก่ผู้ป่วย และผู้ที่ล่วงลับไปแล้วบำเพ็ญกุศลอุทิศให้
ปัตตานุโมทนาทาน คือ ความยินดีในทานการให้ส่วนบุญของผู้อื่น

ศีล 3 ได้แก่
สีลมัย ได้แก่ ข้อปฏิบัติในอาชีววัฏฐมกศีล ทำให้ละเว้นอกุศลกรรมบท 10 และอินทรีย์สังวรศีล
ซึ่งได้แก่ การมีสติกำหนดรู้ทุกๆ อิริยาบทซึ่งมีผลให้เกิดภาวนายมัยปัญญา สามารถลดละกิเลส ตัณหา อุปทานลงได้ตามลำดับเป็นต้น
อปจายนมัย คือความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อบุคคลทั่วไป
เวยยาวัจจมัย คือ การประกอบกิจเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เป็นต้น

ภาวนา 3 ได้แก่
การภาวนา รู้ รูป นาม และเจริญเมตตาภาวนา
ธรรมัสวนมัย คือ การฟังธรรมจากผู้รู้
ธรรมเทศนามัย คือ การแสดงธรรมและสนทนาธรรมเป็นต้น

ส่วนข้อที่ 10 คือ ทิฏฐชุกัมม์ ได้แก่ การทำความคิดเห็นให้ถูกต้องจนได้ปฏิบัติตนครบ 9 ข้อ ข้างบนนั่นเอง

5. ธรรมเดช เดช คือธรรมะ ขอให้เราได้รู้จักธรรมะที่ดี ได้แก่
การพิจารณาสิ่งต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นรูปกับนาม ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกฎของธรรมชาติ ได้แก่
กฎของพระไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ไม่เที่ยง
ทุกขัง เกิดทุกข์ เพราะความไม่เที่ยงนั้น
และอนัตตา คือ ไม่มีตัวตนที่แน่นอน จึงยึดถือไว้ไม่ได้ดังนี้



" ธมมะบูชา มะหาปัญญะวันโต ข้พเจ้าขอบูชาพระธรรม ขอให้ข้าพเจ้ามีปัญญาอันยิ่งใหญ่ "
ปัญญาอันยิ่งใหญ่ คือ ภาวนามยปัญญาซึ่งเป็นปัญญาที่ได้จากการปฏิบัติธรรม

ปกติเมื่อมนุษย์เกิด มีปัญญาติดตัวมาด้วย ซึ่งเกิดจากกรรมที่สะสมไว้ในชาติก่อนนี้ เรียกว่า สชาติกปัญญา
แม้ผู้เกิดจากบิดามารดาเดียวกัน มีสชาติกปัญญาไม่เท่ากัน
สชาติกปัญญานี้เป็นทุนเดิมที่เรามีความสามรถจดจำ รู้เข้าใจและทำตามกัลยาณมิตรต่างๆ ตั้งแต่ พ่อแม่ ครู อาจารย์ ญาติพี่น้อง
ปัญญาที่เกิดจากการอบรมสั่งสอนนี้เรียก สุตมยปัญญา
เนื่องจากสุตมยปัญญา รวมเข้ากับ สชาติกปัญญา เป็นทุนเดิม
มนุษย์อาจเกิดปัญญาอีกชนิดหนึ่ง ค้นคว้า ดัดแปลงแก้ไขสิ่งต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต
โลกมีสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมามากมาย เพื่อความมุ่งหมายต่างๆ กันของผู้คิดค้นขึ้นมาได้ ก็เพราะปัญญาชนิดนี้ ท่านเรียกว่า จินตามยปัญญา

ส่วนภาวนามยปัญญา เป็นปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขั้นภาวนา
เป็นความรู้วิเศษที่เกิดได้เฉพาะตัว รู้ได้เฉพาะตัวผู้ปฏิบัติเอง
ช่วยให้ผู้นั้นได้หลุดพ้นจากอาสวกิเลสต่างๆ ที่ติดมากับจิตของมนุษย์และรูปนามที่ยังเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ
ภาวนามยปัญญามีหลายชั้น แต่ละชั้นผู้ปฏิบัติธรรมจะลดละกิเลส ตัณหาอุปาทานไปได้ตามลำดับ
การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องซึ่งจะเกิดภาวนามยปัญญาได้ ก็คือการปฏิบัติสมถวิปัสสนากรรมฐาน หรือการเจริญมรรคมีองค์ 8
หรือการเจริญภาวนาโดยการพิจารณารูปนามเป็นอารมณ์ ซึ่งได้แก่ การปฏิบัติธรรมของพวกเราลูกโยคี ของคุณแม่สิริ กรินชัย เป็นต้น



" สังฆะบูชา มะหาโภคะวะโห ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์ ขอให้ข้าพเจ้าอุดมด้วยอริยสมบัติ "
อริยสมบัติ หรือ อริยทรัพย์ คือ คุณสมบัติซึ่งผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนปรารถนาให้เกิดมีในตน เพื่อผลของการบรรลุธรรม ได้แก่

1. ศรัทธา คือความเชื่อมั่น เลื่อมใสในพระปัญญาความสามารถของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เลื่อมใสอยากปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ท่าน เลื่อมใสในพระอริยสงฆ์สาวกสุปฏิปันโนของพระองค์ท่าน
เลื่อมใสในกัลยาณมิตรผู้สั่งสอนอบรมให้มีความรู้ ตามที่ได้ศึกษาจนรู้แจ้งมาแล้ว

2. ศีล ผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่านย่อมปรารถนาทำตนให้เป็นผู้บริสุทธิ์เสียก่อนทั้งกาย วาจาและใจ
โดยอาชีวัฏฐมกศีลของลูกโยคี ซึ่งพาทำโดยคุณแม่สิริ กรินชัย เรียกว่า บริสุทธิ์ 3 คือ
กายบริสุทธิ์ 3 ได้แก่ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ และไม่ประพฤติผิดประเวณี
วาจาบริสุทธิ์ 4 ได้แก่ไม่พูดเท็จ ไม่พูดยุยงส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อ
มโนบริสุทธิ์ 3 คือ ไม่มีอภิชฌา ได้แก่ ความมีจิตมุ่งร้ายอยากได้ของผู้อื่น
ไม่พยาบาทปองร้ายผู้อื่น และไม่มีความคิดเห็นที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรม เช่นไม่รู้จักบุญคุณผู้อื่น ,เห็นว่านรกสวรรค์ไม่มีจริง ฯลฯ
บริสุทธิ์ 3 เรียกได้อีกอย่างว่า กุศลกรรมบท 10 ซึ่งท่านกล่าวว่า จะช่วยให้เราได้เกิดเป็นมนุษย์อีก ในชาติหน้า

ผู้ปฏิบัติธรรมสายสมถวิปัสสนากรรมฐาน เช่น พวกเราลูกโยคี มีกิจที่ต้องกระทำในการปฏิบัติตลอดเวลา
คือ ที่เรียกว่า ปฏิบัติอินทรีย์สังวรศีล
ซึ่งได้แก่การสำรวมกิริยา วาจา ใจ กำหนดการกระทำของตนเองทุกอย่าง ทุกอิริยาบท เช่นการยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน เคี้ยว ดื่ม
กำหนดรู้ผัสสะทุกชนิด (ซึ่งเกิดจากอายตนะภายใน มี หู ตา จมูก ลิ้น กาย และ ใจ เป็นผู้รับ ผู้ส่ง คือ อายตนะภายนอก มี รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ และความนึกคิด คืออารมณ์เกิดวิญญาณรู้ขึ้นที่ใจ และเรากำหนดรู้ทุกครั้ง)
อินทรีย์สังวรศีล ช่วยให้เรารู้ตัวการกระทำทั้งหมดของเรา ต่อตัวเราเอง ของเราต่อผู้อื่น หรือของผู้อื่นต่อตัวเรา
ทำให้เราสามารถป้องกันตัวเองให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงได้ ทำให้กิเลสตัณหา อุปาทานต่างๆ ของเราเองลดลงได้ ซึ่งก็คือ การบรรลุธรรม

การบรรลุธรรม จึงเกิดจากการเป็นผู้มีบริสุทธิ์ศีล เรียกว่า ศีลวิสุทธิ
ซึ่งทำให้ เกิดจิตวิสุทธิ, ทิฏฐิวิสุทธิ, กังขาวิตรณวิสุทธิ, มรรคามรรคญาณทัสสนวิสุทธิ
จนได้ปฏิปทาญานทัสสวิสุทธิ ตามลำดับ ซึ่งเป็นขั้นตอนของการบรรลุธรรม

3. หิริ คือ ความละอายต่อบาป และ

4. โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัวต่อบาป ก็คือคุณสมบัติทางธรรมของผู้มีศีลบริสุทธิ์
ทำให้มีความละอายและเกรงกลัวที่จะทำบาป เพราะรู้ว่าการทำบาปคือการกระทำกรรมชั่ว ย่อมมีผลตอบแทนแก่ผู้กระทำในทางชั่วเช่นกัน

5. สุตะ คือ การได้ยินได้ฟังแต่ในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม
ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมมีศีลทางวาจาบริสุทธิ์ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ และไม่พูดคำหยาบอยู่แล้ว
ยังมีการบรรยายธรรม สนทนาธรรม การโต้ตอบปุจฉาและวิสัชนาธรรมกัน
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งดีงาม ก่อให้เกิดสุตมยปัญญา และจินตามยปัญญาทั้งสิ้น
ซึ่งเมื่อนำไปปฏิบัติ ภาวนามยปัญญาย่อมเกิดตามมา สมประสงค์ของผู้ปฏิบัติธรรม

6. จาคะ คือ การให้ทาน
คือมีการเสียสละทรัพย์นอกตนและในตนให้ผู้อื่นด้วยจิตเมตตากรุณา
จาคะที่สำคัญ คือ อภัยทาน ได้แก่ การงดโทษโกรธพยาบาทที่มีต่อผู้อื่น
ท่านว่าถ้าสามารถภาวนาจนเกิดอภัยททานได้ ก็จะเกิดผล คือ อริยมรรค คือ บรรลุธรรมได้

7. ปัญญา ความรู้วิเศษ คือ ภาวนามยปัญญาขั้นสูง 4 ขั้น ได้แก่ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคา และอรหันต์



" ติโลกะนาถัง รัตนะตะยัง อภิปูชยามิ "
แปลว่า ข้าพเจ้าขอบูชาพระรัตนตรัยซึ่งเป็นที่พึ่งของโลกทั้งสาม
โลกทั้งสาม คือ ที่เวียนว่ายตายเกิด เพื่อรับกรรม ใช้กรรมของสัตว์โลก
รวมทั้งหมด 31 ภพภูมิ คือ

ก. กามโลก คือโลกของสัตว์ผู้ยังชุ่มแช่อยู่ในกาม คือ ยังมีกิเลส ตัณหา อุปาทาน อยู่ใน รูป รส กลิ่น เสียง
กามโลก แบ่งออกเป็น 2 พวก คือ
โลกทุคติ มี 4 ภพภูมิ มีเปรต 1 นรก 1 อสุรกาย 1 สัตว์เดรัจฉานอีก 1
ส่วนอีกพวกเรียกว่า โลกสุคติ มี 7 ภพภูมิ ได้แก่ สวรรค์ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเมวดาและนางฟ้า 6 ภพภูมิ และมนุษย์อีก 1 ภพภูมิ

ข. รูปโลก เป็นโลกของผู้ปฏิบัตอธรรมสายสมถกรรมฐาน ได้ความรู้ขั้นรูปฌาน 5 มี 16 ภพภูมิ

ค. อรูปโลก เป็นโลกของผู้ปฏิบัติธรรมสมถกรรมฐาน ได้ถึงอรูปฌานสี มีอีก 4 ภพภูมิ

สัตว์โลกทั้ง 31 ภพภูมิ ยังเป็นผู้ประกอบทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว จึงมีชนกกรรมทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดตามกรรมของตน
มีปฏิสนธิวิญญาณ ซึ่งเหมาะสมที่จะไปเกิดตามที่ต่างๆ ทั้งดีและชั่ว
สิ่งที่จะช่วยสัตว์โลกเหล่านี้ได้ก็คือ พระรัตนตรัยและการปฏิบัติธรรมจนได้บรรลุธรรม



" วันทามิ เจติยัง สัพพัง สัพพัฏฐาเน สุปฏติฏฐิตัง สารีริกะธาตุ มะหาโพธิง ชินะโยจะ พุทธะรูปัง สะกะลัง สะทา "
แปลว่า ขอบูชากราบไหว้พระเจดีย์ ซึ่งประดิษฐานอยู่ตามที่ต่างๆ
ขอเคารพพระบรมสารีริกธาตุ ต้นไม้พระศรีมหาโพธิ์ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ และเคารพพระพุทธรูปด้วย



" ทิสาทิโส เอหิ ภูมิโม อม (มะ) ภูมิมา อาคัจ ฉันตุ "
แปลว่า ขอเคารพบูชาพระภูมิเจ้าที่ แม่พระธรณี แม่พระคงคา ทุกทิศทุกทาง



" มนุสสานัง สะหะยัง ปิโยเทวา สีหะ ราชา เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ "
แปลว่า ขอมนุษย์ทั้งหลาย เทวดาที่รักทั้งหลาย สัตว์ใหญ่น้อยทั้งหลาย จงมามีจิตเป็นมิตร สามัคคีกับข้าพเจ้าด้วย


นี่คือคำอธิบายและคำแปลง่ายๆ ของบทสวดมนต์ ของคุณแม่สิริ กรินชัย กัลยณมิตร คุณแม่ทางธรรมของพวกเราทั้งหลาย
เพื่อท่านที่ยังสงสัย ไม่ทราบจะได้ทราบ สำหรับท่านที่ทราบแล้ว ผู้เขียนขออภัย
ผลประโยชน์ใดๆ ในทางธรรมที่อาจจะเกิดจากคำแปลบทสวดมนต์ ขอยกเป็นเครื่องสักการะบูชาพระคุณ คุณแม่สิริ กรินชัย ด้วยเทอญ


Create Date : 04 กรกฎาคม 2553
Last Update : 9 มิถุนายน 2555 12:22:10 น. 32 comments
Counter : 4354 Pageviews.  

 
ป้าแอ๊ดคะ ทุกข์ที่มิได้เกิดจากตัวเรา มิใช่ทุกข์ของเรา แต่ทำไมเราจึงทุกข์แทบขาดใจเมื่อได้รับฟัง


โดย: ป้าเกรซ (BabyGreace ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:38:56 น.  

 
คุณป้าเกรซ ต้องเข้าไปอ่านที่บล็อกนี้ค่ะ

วิธีทำให้คลายทุกข์ คลิกเลยค่ะ


โดย: addsiripun วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:42:48 น.  

 


โดย: TEDDYJANG วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:00:51 น.  

 
ขอบคุณมากครับป้าแอ๊ด สำหรับเรื่องสิ่งดีๆช่วงเวลาที่ผ่านมา ธรรมะได้ช่วยให้ผมอยู่ได้ และเดินทางผ่านช่วงที่คิดว่าลำบากที่สุดมาได้ ผมจะจำสิ่งต่างๆไว้เป็นบทเรียนผมถือเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด และคิดว่าต่อไปจะลดเรื่องวัตถุ และนึกถึงสังคมให้มากขึ้น จะใช้ป้าแอ๊ดเป็นแบบอย่างครับ


โดย: แมน (Man_urai ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:41:49 น.  

 
ขอบคุณค่ะป้าแอ๊ด


โดย: Kaewfha วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:42:17 น.  

 
สวดมนต์ทุกครั้งใช่ว่าจะรู้ความหมายทั้งหมด ขอบคุณค่ะป้าแอ๊ด



โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:07:19 น.  

 
สมัยก่อนสวดมนต์ไม่ทราบคำแปลมาก่อนเลยค่ะ



โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:12:34 น.  

 



สพุเพ ตสนุติ ทณุฑสุส สัตว์ทั้งหมดกลัวโทษทัณฑ์
สพุเพ พายนุติ มจุจุโน สัตว์ทั้งหมดกลัวความตาย
อตุตานิ อุปมัง กตุวา เปรียบตัวเองกับผู้อื่นอย่างนี้แล้ว
น หเนยุย น ฆาตเย ก็ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรสั่งให้คนอื่นฆ่า

สุขกามานิ ภูตานิ
โย ทณุเฑน วิหึสติ สัตว์ทั้งหลายปราถนาความสุขทั้งนั้น

เมื่อใครสักคนหนึ่งทำผิด
ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา
เพราะถ้าท่านเป็นเขา
และตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา
ท่านอาจตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้

**อับราฮัม ลินคอน **

ผู้ใดเอื้อเฟื้อเกื้อหนุน จะแทนคุณจนกว่าจะอาสัญ
แม้นไม่มีสิ่งใดจะให้ปัน ก็จะหมั่นสรรเสริญเจริญคุณ

เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงยกเอา ส่วนดี เขามีบ้าง
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ของ เขาเลย ฯ

ความทุกข์สอนอะไรให้เราได้ดีกว่าความสุข
สุข... พาให้หลงระเริงเผลอเพลินไป กลายเป็นประมาท
ทุกข์.. ทุกข์ทำให้ตื่นระวังตัวตั้งสติ สู้ปัญหา

ในพระนี้คุณแคทคิดห่างหาย
แต่ด้วยความรู้สึกนึกคิดในใจระลึกถึง

ขออโหสิทุกอย่างที่เกิด
และอนุโมทนาบุญมายังมิตรที่แสนดี





แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะ



โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:35:22 น.  

 
อยากกดให้กิฟท์บล็อกนี้ค่ะป้าแอ๊ด


โดย: atihasita IP: 58.64.62.6 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:1:35:54 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณป้าแอ๊ด

บ้านกรินชัย

ปายไปมาเมื่อปี 49 กับ 51 ค่ะ

ทีแรกต้องทานเจแทบปรับตัวไม่ได้เลย อิอิ

แต่ที่นี่เปลี่ยนปายเป็นคนละคนเลย

ได้รับสิ่งดี ๆ และนำมาต่อยอดความคิด

ก็จากที่นี่แหล่ะค่ะ


โดย: คนที่ใช่ ในวันที่ผิด วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:1:40:15 น.  

 
ขอบคุณค่ะป้าแอ๊ด

ที่มีธรรมมะดี ๆ มาฝาก....


โดย: ก้อยค่ะ (Gunpung ) วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:5:24:22 น.  

 
......มาแอบดูข้อมูลจ้ะ...เพียบเลย......


โดย: jetsada.999 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:5:53:54 น.  

 

" คนเรามาพบกัน
เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่กัน
แล้วคนเราก็จะแข็งแกร่งขึ้น
การมีชีวิตอยู่ในโลกเช่นนี้
คนเราไม่มีวันที่จะดำรงอยู่
อย่างเดียวดายหรือโดดเดี่ยว
เราต่างก็เป็นแรงใจและแรงกายให้กัน
แล้วชีวิตมนุษย์ก็สวยสดงดงามขึ้นโดยพลัน "

มอบแด่คุณดีดี




ดี.ขอบคุณป้าแอ๊ดมากค่ะ
จากบล็อกพี่ก๋าดี.เก็บมาไว้กับดี.แล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะ




โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:17:47 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับป้าแอ็ด



ท่านอธิบายไว้ละเอียดมากเลยครับ










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:31:58 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ นะคะป้าแอ๊ด
...
เรื่องจักรหนูก็กะว่าจะเก็บไว้นี่แหละคะ
ชอบคะ...หนูว่าจักรเก่าดูสวยดี
แล้วก็นึกถึงตอนยังเด็กๆ ตัวเล็ก ๆ นั่งโยกใต้จักรได้น่ะค่ะ


โดย: nesumi IP: 183.89.64.110 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:14:11 น.  

 
บาลีท่านว่า..........ทุลลโภ องฺคสมฺปนฺโน
ฝรั่งบอกว่า...........Nobody perfect !
แปลเป็นไทยว่า....คนที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง หาได้ยาก

มึความสุขกับความเป็นจริงในทุกสิ่งรอบกาย ตลอดไป...นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:03:15 น.  

 
อ่านคำแปลในบล็อกเล็กน้อยครับ เพราะไม่ค่อยจะสนใจธรรมะ

หนังสือแปลคำสวดจาก ปอป้า 10 เล่ม แจกไปแล้ว 2 เล่ม ผมยังไม่ได้อ่านเลยครับ แค่พลิกๆๆๆๆ

ตะกี้มองรูปภาพครับ ป้าแอ๊ดดูสวยอิ่มบุญมากๆ ขอชื่นชมครับ


โดย: yyswim วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:31:17 น.  

 
ขอบคุณมากๆ เลยครับ สำหรับคำแปลที่นำมาให้อ่าน ให้ศึกษากันด้วยครับ


โดย: ถปรร วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:32:38 น.  

 
คุณพี่ศิริพรรณ...ก็เป็นคนดีคนนึ่งที่แบ่งปันการตัดเย็บเสื้อผ้า..ผ่านสังคมออนไลน์..มาหยิบใช้บริการก็บ่อยคะ...ตบมือยกย่องคนดีคะ..ขออวยพรให้พบแต่สิ่งดีๆๆเข้ามาในชีวิตนะคะ...คนดี..ต้องได้รับการยกย่องคะ...


โดย: รุ่งฤดี วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:38:36 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ด สบายดีนะคะ เมื่อเช้าเจนไปทำบุญมาค่ะเลยแวะเอามาฝากที่บ้านนี้ด้วย มีความสุขมากๆนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ



โดย: ภายใต้ วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:41:44 น.  

 
เคยไปปฎิบัติธรรมที่ยุวพุทธฯบางแค

ได้ดูวีทีอาร์คุณแม่หลายครั้ง

อิ่มตา อิ่มใจ อิ่มบุญมากๆค่ะป้าแอ๊ด


โดย: นักล่าน้ำตก IP: 58.8.205.12 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:48:11 น.  

 
คนที่ไม่ค่อยได้เข้าวัดทำบุยอย่างกาญจน์

ได้มาอ่านตรงนี้แล้ว ก้อสบายใจขึ้นค่ะ

ได้หัดสวดมนต์บ้างก้อดี


โดย: หมูหวานน้อย วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:15:27 น.  

 
...

สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ ป้าแอ๊ด
ได้ทบทวนบทธรรมะเตือนใจกันบ้าง
พาให้เราตระหนักรู้เพิ่มขึ้นนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ



โดย: lastmoon วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:21:01 น.  

 
ทำไมผู้หญิงชอบไปถือศีลกันนะ

ผู้ชายแค่เห็นป้ายวัดก็กลัวแทบตายแล้ว

หวังว่าที่ทำงานคงไม่ส่งไปอยรมศีลธรรม


โดย: VET53 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:37:27 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ป้าแอ็ดสบายดีน๊ะค๊ะ


โดย: maistyle วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:25:34 น.  

 
แวะมาทักทายป้าแอ๊ดตอนดึกๆ ค่ะ


โดย: namfaseefoon วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:56:19 น.  

 
อ่านบล๊อกป้าแอ๊ดวันนี้ แล้วได้สติกลับคืนมาหลายอย่าง
เช่น อภัยทาน การงดโทษโกรธพยาบาทที่มีต่อผู้อื่น
ข้อนี้ทำยากจริงๆสำหรับแอ๊ก เพราะเป็นคนที่ใครทำอะไรกับเราอย่างไร
ก็ได้อย่างนั้นกลับคืน ไม่ยอมคน แต่ไม่ถึงกับพยาบาท

อ่านแล้วก็ได้คิด ว่าการใช้อารมณ์ในการดำเนินชีวิตมัน มันไม่มีความสุขเอาเสียเลย

ขอบคุณป้าแอ๊ดสำหรับบล๊อกดีๆแบบนี้นะคะ


โดย: ปลาทอง9 วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:2:38:54 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับป้าแอ็ด









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:39:15 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ด

ที่วัดเขาพุทธโคดม ศรีราชา จ ชลบุรีมีกิจกรรมปฏิบัติธรรม อาจารย์ก็เป็นศิษย์คุณแม่สิริ กรินชัยและนำหลักการวิปัสสนาของคุณแม่มาสอนด้วย
ประทับใจมากค่ะ

ไม่เคยเรียนกับคุณแม่โดยตรง แต่เรียนจากศิษย์ก็ได้ความรู้เหมือนกัน

เพิ่งไปทำบุญที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรีมาค่ะ เอาบุญมาฝากป้าแอ๊ดที่บ้านนี้เลย



โดย: Love At First Click วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:05:02 น.  

 
ภาพสวยมากเลยค่ะป้าแอ๊ด ขอบคุณนะค่ะ


โดย: น้องพลอย (ploycraft ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:07:33 น.  

 
สวัสดีครับ คุณป้าแอ้ดครับ

ด้วยศีลเพียงห้าข้อ โลกนี้ก็เย็นลงอีกหลายริกเตอร์แล้วล่ะครับ

มารักษาศีลกันเถิดดดดดดดดด

ตายไปแล้วเิก เป็นเทวดา

โอ้เยๆ


โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน... (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:40:44 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ด
เจี๊ยบจะไปวัดนี้ประมาณเดือนละครั้งแล้วแต่สะดวกค่ะ
ที่นี่สงบมากจนไม่ค่อยกล้าเดินไปไหน
เข้าไปกราบหลวงพ่อ แล้วนั่งสมาธิสักพักก็กลับค่ะ
วันไหมีโอกาสพบ เจี๊ยบจะบอกให้ว่าป้าแอ๊ดคิดถึงนะคะ


โดย: puifaikpp วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:58:40 น.  

addsiripun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 78 คน [?]




ลบบล็อกงานตัดเย็บทิ้งหมดแล้วนะคะ
[Add addsiripun's blog to your web]