<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
19 พฤศจิกายน 2553

ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันนะ

ฉันเคยไปญี่ปุ่นมาครั้งนึงแล้ว แต่มันนานมาก
ประมาณ 10 กว่าปีแล้ว และก็ไปแค่ อิโกนาวา
ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเมืองเล็กๆบนเกาะ ไม่มีการ
ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว เพราะยังไม่มีอะไร
น่าสนใจ นอกจากทหารอเมริกัน ที่คนญี่ปุ่นไม่
ค่อยพอใจให้อาศัยอยู่นัก ฉันจำได้ว่า เห็นรถยนต์
บนเกาะเป็นรถรูปร่างแปลกๆคันเล็กๆ ไม่เห็นรถ
กระบะเลย ก็ตื่นเต้นถ่ายรูปเก็บไว้หลายแบบทีเห็น

แต่ครั้งนี้ได้ไปแบบบังเอิญ เพราะลูกชวนไป แต่ไปกับ
ทัวร์นะ ฉันก็ทำใจไว้แต่แรกแล้วว่าอาจไม่ประทับใจ
เพราะฉันชอบไปเองมากกว่า แต่ก็ไม่มีใครไปกับฉันได้
เพราะต้องใช้เวลาหลายวัน โปรแกรมทัวร์ที่ไปก็เป็นแบบ
พื้นฐาน ที่เปิดดูในเนททุกบริษัทก็ไปที่เดียวกัน ระยะเวลา
ใกล้เคียงกัน บริษัทที่ฉันไปเขาเขียนว่า 6 วัน 3 คืน

เราเดินทางกันคืนวันที่ 30 ต.ค. 53 โดยสายการบิน ANA
เป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ จาก BKK ไปลงที่สนามบิน ฮาเนดะ



เช้าวันที่ 31 ต.ค. 53 ถึงสนามบินฮาเนดะประมาณ
6 โมงเช้า อากาศเย็นสบาย ไม่หนาวมาก ลูกทัวร์
บางคนก็แต่งตัวสวยงามสไตล์เกาหลี ผ่านกรรมวิธี
ตม.แบบง่ายๆ เพราะไปกับทัวร์ รับกระเป๋าแล้วรอ
ขึ้นรถตะลุยเที่ยวเลย ระหว่างรอก็ไปทำธุระส่วนตัว
ฉันชอบห้องน้ำของญี่ปุ่นแบบที่ทันสมัยนะ ชอบมาก
ถึงมากที่สุดเลยหล่ะ อะไรมันจะสะดวกสบายถึงเพียงนี้
สถานที่แรก คือ โตเกียวอควาไลน์ เป็นที่ชมวิวระหว่างทาง
ซึ่งเป็นทางด่วนพิเศษ อุโมงค์ใต้ทะเลผสมสะพานที่ยาวที่สุด
ในโลก ข้ามอ่าวโตเกียว



ขนาดเช้าๆแบบนั้น นักท่องเที่ยวก็เยอะ มีทัวร์จีน
และคนญี่ปุ่นเองก็มาเที่ยวด้วย อย่างว่าไปกับทัวร์ก็
มีเวลาแป๊บเดียว แค่ลงไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็
หมดเวลาแล้ว จะมัวอ้อยอิ่ง ชื่นชมบรรยากาศก็ไม่ได้
และตอนนั้นอากาศก็ไม่เป็นใจด้วยเพราะลมแรงมีละออง
ฝนนิดหน่อย ที่แรกลูกทัวร์ก็มาขึ้นรถช้ากว่าเวลาที่นัด
เรารู้ๆกันอยู่ว่าญี่ปุ่นเป็นคนตรงต่อเวลามาก ไกด์บอกว่า
คนขับรถบ่นประชดว่าผิดเวลา ฉันจำคำพูดไม่ได้ แต่ไม่ได้
รุนแรงอะไร หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ผิดเวลามากเท่าครั้งแรก
คิออาจมีบ้าง 5 นาที 10 นาที ไม่เกินนั้น ที่ต่อไปคือ โยโกฮ่มา









โยโกฮาม่า เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ
มีประชากร 3 ล้านคน และตอนที่ไปเขากำลังเตรียม
การเพื่อจัดการประชุม เอเปค มีป้ายต้อนรับติดไว้เป็นระยะ
ระหว่างทางแวะทีสวนสาธารณะ ลงไปถ่ายรูปชมวิว เรือรบที่เห็น
นั้นได้ปลดระวางแล้ว ต่อจากนั้นก็ไป พิพิธภัณฑ์ราเมง



ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ จะมีประชาสัมพันธ์ชายแต่งตัว
ใส่สูทอย่างดี ร้องตะโกนเชิญชวนให้คนเข้าไปเที่ยว
เพราะถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่ามีพิพิธภัณฑ์อยู่ข้างใน
เมื่อเข้าไปแล้วจะมีส่วนนึงที่ตกแต่งแบบโบราณมีร้านขาย
ของสมัยเก่า รวมถึงร้านทีขายราเมงด้วย เป็ฯร้านที่ฝีมือ
สุดยอดในแต่ละจังหวัดมาเปิดบริการลูกต้า ไม่ต้องถ่อสังขาร
ไปกินถึงแต่ละที ไปถึงใกล้เวลาอาหารเที่ยง ทัวร์แจกคูปอง
ให้ทุกคนสำหรับราเมง 1 ชาม เป็นอาหารเที่ยง จะกินร้านไหน
ก็ได้ เราเลือกกินร้านข้านบน เพราะคนไม่มาก ส่วนร้านข้าง
ล่างมองลงไปแล้วคิวยาวมาก







หน้าร้านจะมีรูปอาหารให้เลือก ใส่เงินกดปุ่มที่ต้องการ
แล้วจะได้ใบสั่ง นำไปยื่นให้พนักงาน แต่ของเราเดินไปยื่น
คูปอง ไม่ต้องพูโอะไรมาก นั่งรอประเดี๋ยวมาเลยชามใหญ่
ยักษ์ แบบราคาแพงที่สุดในร้าน 980 เยน เห็ฯแล้วอึ้งมาก
เพราะกินไม่หมดแน่ มีน้ำเปล่าให้ฟรี ตอนออกจากร้านก็
อายคนขายเหมือนกัน แต่ทำไงได้ คนญี่ปุ่นที่เข้ามากิน
แอบมองดูเขาสั่งชามเล็กกว่าที่เราได้ เขาก็กินกันหมด
ถามว่าอร่อยไหม คำแรกที่ซดน้ำ ทุกคนบอก อร่อยมาก
แต่มันเยอะเกินกว่าจะกินเข้าไปได้







ของที่ขายภายในพิพิธภัณฑ์ เสียดายไม่ได้ลองไอศครีม
ระหว่างที่ออกมารอรถ เราก็เดินเล่นบริเวณนั้น เห็นแฟมิลี่ฯ
เลยข้ามถนนไปสำรวจข้าวของ สังเกตทุกทางม้าลายจะ
จะตำรวจมาอำนวยความสะดวก คิดว่าเฉพาะที่ไม่มีสัญญาณไฟนะ




Create Date : 19 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2553 16:00:17 น. 0 comments
Counter : 1558 Pageviews.  

แมงหวี่@93
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เรื่องส่วนตัวเล็กๆน้อยๆที่อยากให้รู้
[Add แมงหวี่@93's blog to your web]