ความสุขของคุณ (ผู้อ่าน) คือความสุขของเรา
Group Blog
 
All Blogs
 

Cyberdict Translation Championship

ผมสนใจการแปลก็เลยสนใจโครงการนี้เข้าพอดี แต่ว่าเสียดายอายุเกินไปเยอะเลย

แต่ยังไงในฐานะนักเขียนและนักแปลก็ขอเชิญชวนน้องๆเข้าร่วมการแข่งขัน



คุณสมบัติผู้สมัคร

นักศึกษาชั้นมัธยมปลาย หรือเทียบเท่า อายุระหว่าง 15 - 19 ปี (เกิดปี 33 - 37)

จำนวน 350 คน

สมัครวันที่ 1 มิถุนายน - 31 กรกฎาคม 2552

ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าแข่งขัน วันที่ 7 สิงหาคม 2552

สอบแข่งขันวันที่ 15 สิงหาคม 2552

อ่านรายละเอียดได้ที่ //www.se-ed.com/Event/ViewContent.aspx?IDTopic=1210




 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2552 13:55:15 น.
Counter : 836 Pageviews.  

แนะนำประสบการณ์ในการพูดภาษาอังกฤษของผม

กว่าจะเป็น yokekung ในวันนี้ได้ มีที่มาครับ

ด้วยความที่เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ประถม 1 (อนุบาลจำไม่ได้ว่าเรียนอะไรไปบ้าง) แล้วเป็นโรงเรียนเอกชนด้วย สมัยก่อนจำได้ว่าอาจารย์นี่เก่งเนอะ สอนทุกวิชาทั้งอังกฤษ ไทย เลข สังคม สปช สลน กพอ (ก็มันมีอยู่ไม่กี่วิชานี่น่า) อาจารย์บางคนก็สอนหลายวิชา พอเรียนมัธยมก็เริ่มแปลกใจว่า อาจารย์มีหลายคน คนนึงสอนวิชานึงเลย ไม่ได้สอนครบทุกวิชาแบบตอนประถม

ภาษาอังกฤษนี่ชอบจริงๆน่าจะเป็นตอน ม.ปลาย เพราะตอน ม.ต้นก็เรียนตามปกติ แต่พอเลือกวิชาตอน ม.ปลายก็เลือกเอกภาษาอังกฤษ - ฝรั่งเศส (แต่ฝรั่งเศษเนี่ย ไม่กระดิกหูเลยสักนิด) รู้ว่าชอบเรียนภาษาอังกฤษ เลขนี่ไม่เข้าสมองเลยด้วยซ้ำ ก็เลยคิด (เอง) ว่าชอบภาษาอังกฤษแน่เลย จนมาถึงช่วงสอบ ภาษาอังกฤษที่เรียนจะมี Reading, Grammar, Writing แต่เราดันชอบ Reading มากกว่านะ เคยทำคะแนนได้ท็อปของสายด้วย สำหรับ Reading ก็เลยคิดว่า เอ่อ เราน่าจะไปด้านภาษาอังกฤษดีกว่านะ

พอเรียนมหาวิทยาลัย ก็เลือกเรียนเอกภาษาอังกฤษ เรียนการแปล เอ่อ เราชอบแปลนี่ ชอบแปล ชอบเขียน Writing ก็เขียนไปเรื่อย ตอนเรียนการแปลก็ชอบแปลภาษา พอทำงานก็เลยได้โอกาสในการทำงานแปล โดยรับงานแปล Freelance แต่จะแปลในเรื่องที่ถนัด ก็คือคอมพิวเตอร์ ไอที มือถือ แล้วขยับมาเขียนบทความไอที คอมพิวเตอร์ มือถือ เคยแปลกฎหมายแล้วท่าทางจะไม่รอด เลยคิดว่าแปลในเรื่องที่ตัวเองชอบและถนัดจะดีกว่า

ส่วนเรื่องการพูดภาษาอังกฤษ ด้วยความที่อาจารย์เราจะสอนเป็นภาษาอังกฤษ (ก็เราเรียนเอกภาษาอังกฤษนี่) แต่ที่กล้าพูดก็เพราะเรียนพิเศษ มศว บางเขน พอดีว่าพ่อสอนอยู่ที่นั่นแล้วเป็นผู้ดูแลโครงการด้วย ก็เลยได้เรียน โดยจะเป็นอาจารย์จาก AUA แต่ว่าแทนที่จะเรียน 3 ชั่วโมง เรียน 4 ชั่วโมง (ใช้หนังสือ Interchange เหมือนกับ AUA แต่ว่าเล่มนึงใช้ 2 คอร์ส)
โดยช่วงแรกๆจะเรียน Grammar แล้วค่อยไปฝึกพูดกันเอง ข้อดีคือการเรียนภาษาอังกฤษ อย่าให้เกินกลุ่มละ 10 คน เพราะจะได้จับคู่กันง่าย และอาจารย์ฝรั่งดูแลทั่วถึง

พูดไปเถอะ อย่าไปกลัว
ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยนั้น อาจารย์ฝรั่ง เราก็คุยไปเรื่อย ไม่ต้องไปสนใจไวยากรณ์ ไม่ต้องกลัวผิดหรือถูก รู้สึกสนุกที่คุยกับเขารู้เรื่อง หัวเราะสนุกสนาน เคยนั่งคุยกับอาจารย์บนรถเมล์เป็นภาษาอังกฤษตลอดทาง มีแต่คนมองทั้งรถ (สงสัยจะคุยดัง หรือไม่เค้าก็แอบฟังว่าคุยอะไรกัน)

ก็เลยอยากจะแนะนำเพื่อนๆว่า อยากพูดภาษาอังกฤษได้ ไม่ต้องไปกลัวพูดผิด พูดไปเถอะ ขอให้คนที่คุยด้วยเข้าใจก็พอแล้ว

ส่วนเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษ ก็อย่างที่บอกก็คือ อย่าคิดว่าเรียนเยอะจะเก่ง ให้เราได้ฝึกเยอะๆ พูดเยอะๆ แบบไม่กลัวจะดีกว่า

คำศัพท์รอบตัว

คำศัพท์รอบตัว เกิดจากการที่เราเอาคำศัพท์รอบตัวมาใช้ สังเกต อ่านรอบๆตัวเรา ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหมด อย่างเข้าไป Food Court ก็จะเห็นป้าย Inkjet เป็นภาษาอังกฤษทุกอย่าง ป้ายแคชเชียร์ ป้ายหยิบช้อนส้อม ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ ป้ายบอกทาง สามารถเรียนรู้คำศัพท์ได้ทั้งหมด

ใครๆก็คิดว่าจบเมืองนอกแล้วหรู แต่ผมว่าไม่ใช่
เพื่อนผมเข้ามาเรียนตอน ม.ปลาย จบจากเมกามา แต่กลับตก Grammar ครับ

เป็นเรื่องน่าคิด เพราะจริงๆแล้ว คนที่พูดภาษาอังกฤษจริงๆเขาไม่ได้เน้น Grammar เลยสักนิด พูดกันรู้เรื่องก็พอแล้ว

น่าแปลกจากที่เด็กจบเมืองนอก แต่ไวยากรณ์แย่ในไทย แต่เรื่องพูดนี่ไม่ต้องห่วงเลย

คนไทยมุ่งเน้นแต่ Grammar เพื่ออะไรครับ เพื่อสอบ จะมีสักกี่คนท่อง 14 tenses ได้หมด แต่ดันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

ยิ่งตอนทำงานเห็นได้ชัดเลย จบ ป.โทเมืองนอก แต่ภาษาอังกฤษต้องมาถามผม ต้องมาถามคนจบ ป.ตรี สะกดก็ผิด นี่เหรอครับ เรียนเมืองนอกไม่ได้แปลว่าเก่งภาษา แต่ความคิด แนวคิดอาจจะดีกว่าคนไทย (นิดหน่อย)

ลองฝึกเยอะๆนะครับ เราก็ไม่ได้เก่งแต่อาศัยจดจำเยอะ ศึกษารอบตัวเยอะ
ขอให้โชคดีสมความตั้งใจครับ

yokekung




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2552 18:43:42 น.
Counter : 1735 Pageviews.  

คิดถึง "ครูเคท" จุดเปลี่ยนของการกล้าพูดภาษาอังกฤษ

หากใครเกิดช่วงปี 23 - 27 อาจจะเคยได้ยินชื่อเสียง และรู้จักครูเคท ที่โด่งดังในเรื่องการสอนภาษาอังกฤษ และการเป็นคนที่เปลี่ยนแนวความคิดว่า ทำไมเรียนเข้าไป แต่พูดไม่ได้สักที

ผมในฐานะที่เป็นคนที่เรียนด้านภาษาศาสตร์ จบวิชาเอกภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล จากสถาบันแห่งหนึ่ง มีความสนใจและใฝ่รู้เป็นทุนเดิม ในการค้นคว้า และหาข้อมูลด้านการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะต้องใช้สื่อสาร โดยในตอนที่เรียนนั้น อาจารย์จะพูดเป็นภาษาอังกฤษตลอด เพื่อให้เราฝึกฟังและพูด จะไม่ใช้ภาษาไทย เวลาสอนก็สอนเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ได้สอนเป็นภาษาไทย ทำให้เราได้สภาพแวดล้อมที่พูดกับใครก็เป็นภาษาอังกฤษ



(คลิกที่ภาพ เพื่อดูภาพขยายได้นะครับ) นี่คือหนังสือครูเคท จะกำลังจะยกให้หลาน น่าเสียดายเลยเอามาเขียนบล็อคเป็นที่ระลึกไว้ นับๆดูหนังสือนี้ก็เกือบ 10 ปีแล้ว

ในช่วงนั้นครูเคท ได้รับความนิยมและมีหลายคนแห่กันไปเรียนกับครูเคท ถ้าเป็นยุคนั้น ผมเองซึ่งเป็นเด็กเอกภาษา แน่นอนว่าครูเคทเป็น idol ของคนอยากเก่งภาษาเลยล่ะ เพราะด้วยความที่อยากรู้เหมือนกัน ว่าทำไมเรียนกันให้ตาย ตั้งหลายปี เรียนพิเศษก็แล้ว ทำไมพูดไม่ได้สักที

พอดีว่า หลานอยู่ชั้น ม.ปลาย อยากจะหาหนังสือภาษาอังกฤษ ผมก็เลยไปรื้อกองหนังสือภาษาอังกฤษมา ก็ได้เจอกับครูเคทอีกครั้ง

เห็นด้วยมากๆที่ครูเคท มองว่าการฝึกภาษาอังกฤษก็เหมือนกับว่า ทำไมเราถึงพูดภาษาไทยได้ ก็เพราะเราสอนเป็นภาษาไทย ฝึกเป็นภาษาไทยนั่นเอง คิดเป็นภาษาไทย แต่ถ้าเราเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ออกเสียง คิด ฝัน เป็นภาษาอังกฤษหมด ไม่ต้องนั่งนึกว่าคำนี้พูดว่าอะไร ก็จะง่ายขึ้น

ตอนเราเรียนภาษาอังกฤษ ช่วง ม.ปลาย ทั้งเข้า sound lab ทั้งเรียนเป็นกลุ่ม ก็ฟังไม่รู้เรื่อง พูดไม่ได้

ปัญหามาพบตอนที่เรียนพิเศษ ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บางเขน ว่าเราเรียนกันเยอะไป ห้องนึงร่วมๆ 30 - 40 คน การเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 15 คนจะดีมาก ครูชาวต่างชาติ ให้เราจับกลุ่มคุยกันเองเป็นภาษาอังกฤษ กับคนไทยด้วยกัน พูดไปตามความคิด ไม่ต้องสนใจไวยากรณ์ ขืนมามัวแต่สนใจกลัวพูดผิดแกรมม่า ก็ตายกันพอดี เพื่อนที่เรียนและเกิดเมืองนอก พูดได้คล่อง แต่พอแกรมม่า ก็เน่าเหมือนเราแหล่ะ

ปัญหาที่คนไทยพูดอังกฤษไม่ได้คือ กลัวพูดผิด กลัวฝรั่งดูถูก กลัวฝรั่งขำ เอาจริงๆคุณพูดไปเถอะ เขาฟังรู้เรื่องก็พอแล้ว ไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะ was were ใช้ Verb ช่องไหนให้ปวดหัว แค่พูดกันรู้เรื่อง ก็พอแล้ว

จากนั้นสำเนียงมันจะมาเอง ตอนเรียนปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัย เราคุยกับอาจารย์ฝรั่งไปตลอดทางที่ขึ้นรถเมล์ สนุกดี อยากเล่าอะไรก็พูดไป สนุกสนาน ไม่ต้องกลัวผิดไวยากรณ์ เพราะคนไทย ไม่ได้พูดอังกฤษ ไม่ได้เรียน A B C มาตั้งแต่เพิ่งคลานซะหน่อย

มันมีผิดอยู่แล้ว แค่กล้าพูด ไม่ต้องกลัวพูดผิด แค่นี้ก็สบายใจแล้วว่า คุยภาษาอังกฤษรู้เรื่อง ใช้สำเนียงออกสักหน่อยก็พอ อาจไม่ถึงกับสำเนียงฝรั่งจ๋า แต่ฝรั่งรู้เรื่อง ก็พอแล้ว

เอาจริงๆ กับครูเคท ผมไม่เคยเรียนกับครูเคท แต่เป็นความปลื้มครูเคทมากกว่า ว่าเราอยากทำให้ได้ การซื้อหนังสือครูเคทมาอ่าน ช่วงนั้นปี 44 พิมพ์ครั้งที่ 11 จนป่านนี้เข้าไปดูเวบไซต์ครูเคท พิมพ์ครั้งที่ 45 เข้าไปแล้ว

ตอนที่ฝึกงานที่ The Nation ในกองบรรณาธิการ Focus ก็ได้มีโอกาสทำข่าว โดยไปฟังบรรยายของครูเคท ที่โรงเรียนสยามซิตี้ กับอาจารย์อีก 4 ภาษา โดยเขียนข่าวไว้ในหนังสือพิมพ์ The Nation ตามนี้

//www.nationmultimedia.com/search/read.php?newsid=59436

คือกลายเป็นว่า ครูเคท ทำให้การสอนภาษาอังกฤษ ที่น่าเบื่อ ครูสอนให้ท่องแต่ในหนังสือ เปลี่ยนแปลงไป จากที่มุ่งเน้นแกรมม่าต้องเป๊ะ แม่น ถูกทุกกระบวนท่า แต่พูดไม่ออกสักคำเพราะยังคิดเป็นภาษาไทย ต้องแปลไทยเป็นอังกฤษอีกรอบ กลายเป็นการเปลี่ยนความคิดใหม่ว่าพูดไปเถอะ อย่าไปกลัวผิด เค้าฟังรู้เรื่อง ตอบโต้ได้ ก็พอแล้ว สำเนียงมาฝึกกันต่อได้เรื่อยๆ

จนตอนนี้ ผมจบมาร่วม 5 ปี ออกมารับแปลงาน เขียนบทความ ทำข่าว PR ด้านคอมพิวเตอร์และไอที รับงานแปลเอกสารต่างๆ ก็ต้องขอบคุณ ครูเคท ที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จครับ

yokekung




 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2551 20:42:51 น.
Counter : 3034 Pageviews.  


yokekung
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ความสุขของคุณ คือความสุขของเรา

Yokekung Blog

เราเชื่อว่า ถ้าคุณได้อ่านบล็อกเรา แล้วมีความสุข เราก็มีความสุขเมื่อเห็นคนอ่านมีความสุข

ความสุขจากการแบ่งปันความรู้ ทิป เทคนิคต่างๆทั้งคอมพิวเตอร์ ไอที กล้องดิจิตอล มือถือ แม่และเด็ก พัฒนาการเด็ก

ติดต่อรับงานเขียน รีวิว ออกงานอีเว้นท์ yokekungworld [at] gmail.com
Creative Commons License
yokekung.bloggang.com โดย yokekung อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ yokekung.bloggang.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ http://yokekung.bloggang.com
Visit M.B.A. for IT-Smart Program
จำนวนคนที่เข้ามาดูพร้อมกับคุณ
Friends' blogs
[Add yokekung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.