ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
Quiet , in order. เงียบเชียบ และ เรียบร้อย

เงียบเชียบ และ เรียบร้อย
ประชาชนก็คอยคำแถลง
อีกฝ่ายต้องการคำชี้แจง
แต่เสื้อแดงเริงคลั่งอหังการ์

ข้าฯ จึงขอวอนอธิษฐาน
ฟ้าผี่เถิดเป็นพยานคำของข้าฯ
ธรณ๊พิโรธโกรธเกรี้ยวมา
โปรดขยับอย่าช้ามายังไทย

ข้าฯ จึงขอวอนบ้างว่า
โปรดแตกเสี่ยงยิ่งกว่าจะแก้ไข
โปรดพิโรธโกรธเกรี้ยวอย่างเร็วไว
พลิกและแตกแยกไปในพริบพลัน

ร้าวแยก แตกเป็นเสี่ยง
ยินสำเนียงกัมปนาทอย่างลือลั่น
สองแผ่นดินจึงแยกออกจากกัน
มวลเสื้อแดงตกสวรรค์ลงบาดาล

ข้าฯ จึงหลับตานิ่ง
ปล่อยชีพดิ่งสดับศัพท์ระงับซ่าน
ก็สวรรค์หมดวิชาพยาบาล
นรกแหวกแหกอาการอ้าแขนกาง

และปลายแห่งธรณี
จะหลีกหนีคงสุดสิ้นหัวยันหาง
ธรณีพิโรธพลิกสุดทาง
ซึ่งพลิกคว้างหล่มนั้น...มันคือใคร ?

อันเสียงเคียดเสียงแค้นแม่นกรีดเกรี้ยว
มันอาจเลี้ยวก้องสะท้อนอสงไขย
แต่ตามมามิช้าและทันใจ
คือเงียบเชียบ ฉับไว ในพริบตา

ข้าฯจึงหยุดและแน่วนิ่ง
ข้าฯ จึงดิ่งในความเงียบเฉพาะหน้า
มิมีโกรธเกรี้ยวกราดอหังการ์
วิญญานข้าฯจึงล่องลอยและดับดิน


จารไว้ในความเยียบเย็นเงียบ แห่งพื้นพิภพ
ข้าฯ มิหวังอันใดในแผ่นดินซึ่งเทพฯเคยรังสรรค์มั่นหมายให้เป็นมหานคร อีกต่อไป
พระพฤหัสบดี ๑๕ เมษายน พระพุทธศักราช ๒๕๕๓ เพลา ๒๒:๐๕ นาฬิกา เพลาข้าวางอุเบกขาธรรมด่ำดิน


Create Date : 15 เมษายน 2553
Last Update : 18 มกราคม 2555 20:46:29 น. 4 comments
Counter : 573 Pageviews.  
 
 
 
 
ข้าฯ มิได้สิ้นหวัง
ข้าฯ ร้องขอ ว่า มหาเทพจักฟังข้า ฯ
แม้นว่า ร่างข้า ฯ จะต้องถูกกลบด้วยดินและแท่งหินเป็นล้าน ล้านปี
ข้าฯ ก็หาเสียใจไม่
หากว่าคำขอของข้าฯ จะได้ทำให้มหิงสาหยุดความอุบาทว์ได้ฉับพลัน

ไม่ว่าข้าฯ จะต้องเป็นซากซีดเป็นฟอสซิลอยู่ใต้บาดาล
ข้าฯ ก็จักไม่เสียใจ ไม่ร่ำร้องครวญคราง หาความยุติธรรมใด ๆ

พระผู้เป็นเจ้ามหาเทพแห่งข้าฯ
ชีพนี้ทุกข์ยิ่งนัก แต่จักทุกข์ยิ่งกว่า หากชีพอันไร้ค่าของข้าฯ จะมิได้
พลีเพื่อแผ่นดินและผืนธรณีที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายบรรพบุรุษข้าฯได้สร้างมา

แม้นจะรู้ว่า ในภายภาคหน้ามันจักไม่มีธรณีให้แก่ลูกหลานของ
ข้าฯ ก็ตาม แต่จะมีประโยชน์อันใด หากแม้นมันจะกลายเป็นมิคสัญญีคาม ประดุจขุมนรกขุมหนึ่งขุมใดบนพิภพนี้

น้ำตาของข้าฯ นั้น มันสูงค่าเกินกว่าจะให้หยาดหยดตกต้อง
พื้นพิภพนี้อีกแล้ว จงกลบมันด้วยพระแม่ธรณ๊ ณ ปลายหยาดละออง
จากพระบาทของท่าน ณ ทางช้างเผือกเหนือเทือกเขาพระสุเมรุอัน
ไกลโพ้น

ข้าฯ นี้จัก แน่นิ่งอยู่ ณ จุด อันได้ปักไว้ซึ่ง กาลเวลาอันหยุดแล้ว ทุกภพ ทุกชาติ ฯ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 16 เมษายน 2553 เวลา:1:17:41 น.  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 2
มาอ่านค่ะ สงสารประเทศไทยตอนนี้ค่ะคุณทิกิ

จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin)
เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 01:43:39


ความคิดเห็นที่ 3
คุณ : กุลธิดา (kdunagin) คะ

ด้วยทุกวิถีทางซึ่งเขาจะทำให้ได้ กระพือไฟ กระพือข่าว แยกร้าวยิ่ง
ใหญ่ เหตุการณ์มันไม่จบ มันจะขับเคลื่อนต่อไป วันนี้ แม้นจะถูกทางการ
เขาขจัดจุด ไม่ให้ออกไปล้อมสื่อทีวี อย่างน้อย สองช่อง ถึงแก่จับนายพัน
ตำรวจไปเป็นตัวประกันต้องให้หัวหน้าหน่วยเขาไปเจรจาขอตัว นายพันตำรวจท่านนั้นออกมา
พวกเราที่รู้ว่า ความต้องการเขาคืออะไร จากการที่เราเป็นนักท่องเว็บ
เราจึงได้อ่านสารพันถ้อยความหยามหมิ่นฯ อะไรของพวกเขามานานมาก
อย่างน้อย ก็ สี่ห้าปีที่ได้เห็นทุกถ้อยคำนั้นมาตลอด ได้แต่อ่านแล้ว ก็ปลงว่า
คนรุ่นใหม่ หรือจะรุ่นที่เราได้โตมาเห็นนี้ก็ตาม ช่างละเมิดผู้อื่นได้ง่ายๆไร้
ประชาธิปไตยตามปากของตน ซึ่งหมายถึง ต้องให้สิทธิ์ผู้อื่นด้วยมิใช่แต่จะ
รักษาสิทธิ์ของตนเท่านั้น

เคยฟังเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งเปรยไว้ว่า " มหาเทวะเขาประชุมเทวะสภากันว่า ยุคนี้ มันเข้ากลียุคแล้ว

เทพท่านก็ว่า จะให้จบด้วย ไฟประลัยกัลป์ หรือ จะ เป็นระเบิดนิวเคลียร์ หรือจะแผ่นดินไหว หรือ จะน้ำท่วม

โลกดี "

จึงคิดว่า มันอาจเกิดหมดทุกอย่างที่เหล่าเทพฯ พิจารณากันไว้ก็ได้
น้ำแข็งขั้วโลก ก็ละลายจนไม่อาจห้ามได้ ไฟหรือก็มีเผาผลาญแต่ละชาติ
ไปเรื่อย ๆ น้ำท่วมก็มีให้เห็นกันทุกปี ๆ ทุกชาติ ไม่เคยขาด แผ่นดินไหวหรือ
ธรณีพิฆาตก็บ่อยครั้ง

เมื่อพิจารณาการไร้สติ ไร้ความคิดของฝูงชนเหล่านี้ผู้เอา ฉันทา
คติของตน คือ รักใครคนใดคนหนึ่งจนลืมกติกาความเป็นจริงว่า เขาให้อยู่
กันแค่คนละ รอบสี่ปี หรือ สองรอบ แปดปี กัน ไม่ได้ให้นั่งเก้าอี้ประธานจนค้ำฟ้า
ทั้งไม่ได้ส่งต่ออำนาจให้ลูกชาย พี่เมีย น้องเมียกันด้วย (แต่พวกเขาก็พยายามจะทำ
ให้สมกับฉันทาคติของเขา)

เมื่อกติกา อันใด ก็ไม่พอใจ ก็ร้องหากติกาใหม่ เอาให้ตามใจเผด็จการของเหล่าตน
คนที่ถูกกระทบที่สุด ก็พวกเรา ตาดำ ๆ ซึ่งไม่มีปากมีเสียงอะไรกับใครเขา จักต้องรับกรรม
ของ ความชอบ ไม่ชอบ ส่วนตน ของเหล่าท่านทั้งหลายนั้น
ฟังเสียงสำราก ข่มขู่ตะคอก ของพาลชนนั้นไปเรื่อย ๆ

วันสองวันก่อน ณ เวลาหนึ่งซึ่งได้เดินทางไปในรถปรับอากาศผ่านความร้อนด้าน
นอก กว่าสี่สิบองศา ไปยังเขตชายแดนไทยไม่ไกลเมืองหลวงสักเท่าใด แม้นขุนเขาจะเดือดดาล
ด้วยความร้อนแห่งแสงสุริยา แต่จิตใจของผู้คนที่นั่น ก็มิได้ร้อนรุ่มดั่งเผ่าเมืองที่มายึดครองเมือง
เทพนาคร อันนี้อยู่

เมื่อมีเวลาแห่งตน หลังจาก ผจญร้อน/เย็น/ร้อน/เย็น อยู่เรื่อย ๆ ซ้ำ ๆ ซาก ๆสองวัน
ก็หวนคิดถึงเรื่องรอยเลื่อน รอยร้าวโลก แถบนั้นอันจักทำให้แผ่นดินเลื่อนออกห่างจากกันดังที่
นักวิทยาศาสตร์ทางธรณีวิทยา ว่าไว้ กันมาหลายปีแล้ว
เกิดดวงตาเห็นธรรมขึ้นมาอีกดวงว่า
หาก มหาเทพฯ เคยลงมติในสภาจะใช้วิบัติอื่น ข้าฯ ก็เห็นว่า ธรณีวิบัติ อาจชี้ชะตาชัด
และกลบเสียงหวีดกรีดก้องนั้นได้เหี่ยมสุดได้ดีที่สุด อย่างที่ว่า ฝังลึกไปไม่ต้องเห็นซากฉับพลัน
ทันที

จึงออกบทกลอนนี้มา ด้วยคิดว่า ตนเองก็พร้อมจะสละชีพแล้วด้วยเหมือนกันหาก
ประเทศเป็นฉันนี้ ไร้เมตตาปรานีกันขนาดนี้ ไยจะต้องอยู่ไปในโลก มหาเทพฯ จะดึงวิญญาณข้าฯ
ไป ก็ไม่เห็นแปลกอันใด

ขอขอบพระคุณที่มาเยี่ยมนะคะ แต่ผจญอากาศร้อนวันนี้ ด้วยความสลึมสลือรอให้ผ่านร้อน
ตอนกลางวันให้เย็นลงจะมาตอบดังที่คิดไว้

จากคุณ : tiki_ทิกิ
เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 17:49:12
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 16 เมษายน 2553 เวลา:17:53:32 น.  

 
 
 
ทำอย่างไรจึงจะพ้นโลกนี้ไปอย่างสบาย


หากจะปักข้าฯไว้ ต่ำใต้สุด
มิให้ผุดให้เกิดในชีพอื่น
ข้าฯ ยังคงยึดมั่นในจุดยืน
ว่า กาล กลืน เวลา ข้าฯ ไม่ตรม

เพราะ โลก นี้ ล้วน มี แต่ สมมุติ
เปรียบประดุจ อดีต สร้างขีด บ่ม
เพาะเมล็ด ดีเลิศ ฤๅ โสมม
จะตกตม ไต่สวรรค์ สรรค์บรรเลง

เพราะโลก หน้า ข้าฯ สร้าง เจตน์ประสิทธิ์
ข้าฯ ลิขิต ทางข้าฯ มิข่มเหง
ข้าฯ ยึดมั่น ละชั่ว ตัวดีเอง
จะมิเกรง ฤทธิ์พาล ห้าวหาญนั้น

เพราะสงบ จึงสยบ ทั้งกรรมเก่า
อันปลุกเร้า ชีวิต คิดห้ำหั่น
แต่ทำดี คิดดี ณ ปัจจุบัน
ดีจักหัน เหห้าม ข้ามมรรคา

มองโลกเถิด ตรงตรง คงจะเห็น
โลกมิเป็น แก่นสาร เพียงผ่านหน้า
ณ จุดหนึ่ง ซึ่งปรับ จับเวลา
เกิด- ตั้งอยู่ -ดับค่า ณ เพียงลม

ชีพของเรา รับรู้ อยู่เท่านั้น
สูดเข้าหน่อย ปล่อยวางมัน กันชีพล่ม
เพียงหายใจ ออก-เข้า เฝ้าง่วงงม
หมื่นแสน ดี -ร้าย-ตรม ก็ยังลวง

จึงปล่อยวาง ทิ้งร่าง มิอาจยึด
ครอบครองมาตะพึด ล้วนห่วง-หวง
ทรัพย์มากล้นลามลอย ปล่อยทั้งปวง
เพียงลุล่วง ชีพหนึ่ง ซึ่งผ่านกรรม

พี่น้อง
เราก็ต่าง ละล่อง คล่องดื่มด่ำ
เราต่างหา ต่างคว้า ค่า กระทำ
พินิจเถิด เรากำ อะไรกัน ?

ล้วนแต่เรื่องสมมุติผุดและผ่าน
ล้วนแต่กาลเวลามาขีดขั้น
ล้วนแต่ทรัพย์สสารล้านรำพัน
หมดหายใจ หมดลมนั้น..ปล่อยมือวาง

ถึงจะตาย มิเสียดาย เลยสักสิ่ง
กำหนดจิต ละเอียดนิ่ง ปลดกระด้าง
เกิด ตั้งอยู่ ดับไป ให้เห็นทาง
อยู่แต่ใน จิตว่าง...เถิดเพื่อนกรรม

จารหน้าจอ ณ หน้า พันทิปดอทคอม เช้าพระเสาร์ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓
หมดเวลาเล่น เหลือแต่เวลาตน ทำอย่างไรจึงจะพ้นโลกนี้ไปอย่างสบาย

สัพเพสัตตา อเวรา อัพยาปัชฌา อนีฆา สุขีอัตตานัง ภวันตุ เต
สัพเพสัตตา อเวรา อัพยาปัชฌา อนีฆา สุขีอัตตานัง ภวันตุ เม ฯ



 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 17 เมษายน 2553 เวลา:6:58:22 น.  

 
 
 
คาถาแผ่เมตตา

(แผ่ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย)
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ

คาถาแผ่เมตตาตนเอง

อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด

คาถาแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่

บทเมตตา

สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทกรุณา

สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
จงพ้นจากทุกข์เถิด
บทมุทิตา

สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ
จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด
บทอุเบกขา

สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา
เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา
เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ
กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 17 เมษายน 2553 เวลา:7:20:57 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com