|
|||||||||||
* หนทาง....สู่ม่อน ฯ *
ไปแจมกระทู้หนูน้ำตาล ที่นี่ เศร้าไปนิดเนาะ ^_^
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5654117/W5654117.html บนถนนหนทางที่ย่างก้าว มีเรื่องราวมากมายให้เจ็บช้ำ เจอกลลวงดวงใจจึงระกำ ถูกกระทำหนักหนาจนชาชิน กระนั้นยังคงเจออยู่เสมอ หากพลั้งเผลอดวงใจไปถวิล หลงคำลวงห่วงหาน้ำตาริน แล้วโบยบินจากไปให้ช้ำทรวง ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยคอยหมองไหม้ เจ็บดวงใจถูกทำน้ำตาร่วง เสมือนถูกกรีดซ้ำย้ำแดดวง ถูกรักลวงหลอกซ้ำย้ำรอยเดิม จึงขออยู่ห่างไกลในเรื่องรัก จะสมัครอยู่คานผ่านคู่เสริม แม้เป็นคนไม่เต็มร้อยด้อยคนเติม ชีวิตเริ่มต้นอยู่เพียงผู้เดียว บนถนนหนทางระหว่างนี้ แม้ว่ามีใครเขาเข้ามาเกี่ยว จะขอสานสายสัมพันธ์อันกลมเกลียว เป็นเพื่อนเที่ยวเพื่อนแท้แค่นั้นพอ แม้จะถูกใครหาว่าอยู่ม่อน ฯ ก็ไม่ถอนใบสมัครชักสมอ อยู่อย่างคนทนเหงาเราคอยรอ คนมาขออยู่คานเป็นเพื่อนกัน ^_^ รูปบ้านสวน ที่ จ.ตราด แหล่งพักพิงที่อบอุ่น ^_^ ![]() * ฟากฟ้า....ฝั่งฝัน *
หลังจากหายไปนาน กลับมาอีกครั้งด้วยการแจมกลอนที่นี่ ^_^ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5594718/W5594718.html เหมือนอยู่คนละฟากฟ้า.......ฝั่งฝัน แสนห่างแสนไกลกัน..........สุดคว้า ยอมจากถิ่นไพรวัลย์..........กลางป่า มุ่งสู่อีกฝั่งฟ้า...................เพื่อคว้าความฝัน ธรรมดาของคนบนภูเขา มักถูกเหมารวมว่ายังล้าหลัง อยู่กลางป่าห่างไกลไร้เรื่องดัง ความมืดรั้งท้องฟ้าก็ลานอน ไม่มีแสงไฟสว่างอย่างเมืองหลวง ไม่มีเสียงลวงมาพร่าคำสอน ไม่มีสิ่งล่อหมู่ภู่ภมร ไม่มีเรื่องร้อนรุ่มคอยสุมใจ อยู่ท่ามกลางความงามธรรมชาติ รับอากาศบริสุทธิ์พิสุทธิ์ใส พบผู้คนสัตย์ซื่อคือชาวไพร อยู่ห่างไกลความเจริญที่เกินตัว ธรรมดาของเราชาวภูผา วาสนามีอยู่ดูสลัว ดั่งท้องฟ้ามืดมนปนหมอกมัว จึงหวาดกลัวยามห่างจากกลางไพร เมื่ออยู่เขาเรานั้นมันมองเห็น เมืองหลวงเป็นความหวังอันสดใส อยากค้นหาตามฝันจึงผันไกล ละถิ่นไว้เบื้องหลังยังพนา หวังสักวันเมื่อฝันนั้นเป็นจริง มีทุกสิ่งสมหวังดังปราถนา ค่อยหวนคืนถิ่นเก่าเราสัญญา ขอเวลาสร้างฝันให้มันจริง จึงมุ่งหน้าลาไปไล่ล่าฝัน จากไพรวัลย์วาดหวังอย่างใหญ่ยิ่ง ว่าคงมีสักแห่งแหล่งพักพิง ไปคว้าสิ่งที่หวังและตั้งใจ ![]() * นิยามรัก.... ระหว่างคนสองคน *
เสมือนถูกทิ่มซ้ำ...............แทงใจ เขาเทียบเปรียบเปรยไป.....เช่นนั้น ผิดถูกบอกได้ไหม............คนเก่ง ยอมจากใช่ว่ารั้น..............หลีกพ้นเขตคาม อันตัวเราเขาหาว่าเหมือนเม่น มีขนเป็นอาวุธประดุจหนาม คอยเป็นลิ่มทิ่มใส่ในทุกยาม เขาจึงคร้ามขอห่างแยกทางเดิน กลายเป็นตัวประหลาดอนาจนัก คำทายทักมานั้นพลันห่างเหิน ยามที่พบเห็นกันอย่างบังเอิญ หรือเผชิญหน้าทั้งไม่ตั้งใจ พยายามหลีกเลี่ยงเบี่ยงทางพบ ปิดฉากจบความฝันวันชิดใกล้ เดินถนนเส้นขนานห่างกันไป รอยอาลัยเลือนลับกับเวลา หมดสิ้นแล้วเยื่อใยเคยให้กัน สายสัมพันธ์ไม่เหลือเผื่อคบหา กลายเป็นคนในอตีดผิดสัญญา หยดน้ำตาหลั่งรินแทบสิ้นใจ เมื่อต่อว่ามาถึงขนาดนี้ เม่นขอลี้ห่างไกลไม่มาใกล้ จะอยู่อย่างเม่นน้อยปล่อยอาลัย มีน้ำใสหล่อเลี้ยงเพียงลำพัง ขออภัยที่ทิ่มตำทำให้เจ็บ จะขอเก็บเรื่องราวเข้าความหลัง เรื่องสองเราคราวนี้จะคงยัง กลบหลุมฝังข้างในไว้จดจำ ๚ะ๛ ไปอ่านเจอคำเปรียบเทียบระหว่างเรื่องราวระหว่างคนสองคน ว่าเหมือนดั่งตัวเม่น ยามที่อยู่ด้วยกันขนของเม่นสองตัวจะทิ่มตำทำร้ายซึ่งกันและกัน แต่เมื่อเม่น....ต้องอยู่ตัวเดียวก็ต้องทนหนาวเพียงลำพัง ดังนั้น.... ก็เลยได้กลอนมาดังนี้เจ้าค่ะ ![]() ![]() * คิดถึง *
![]() คิดถึง... ด้วยกลอนอรูบิไร้....อะไรไม่รู้....ค่ะ ![]() * สายรุ้ง *
![]() เมื่อเห็นลายสายรุ้งที่คุ้งฟ้า แสดงว่าเพิ่งพานม่านสายฝน จึงมองเห็นแสงรุ้งวาดเส้นวน โค้งอยู่บนท้องฟ้าน่าอัศจรรย์ ดั่งคำว่าฟ้าจะงามยามฝนจาง แสงสว่างสะท้อนไอให้แปรผัน กลายเป็นเส้นสายรุ้งสีอนันต์ แสงตะวันละอองน้ำร่วมทำมา ธรรมชาติสร้างสีที่สดใส แสงอำไพกระจ่างทั่วทั้งเวหา มองทุกสิ่งให้สวยด้วยสายตา ธรรมดามองเห็นจะเย็นใจ ไปแจมกระทู้พี่ทิวลิปมาค่ะ ^_^ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5418297/W5418297.html ![]() |
หิ่งห้อยน้อยใจ
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
![]()
|