|
|||||||||||
💖 เตือนภัย ระบบนายทุน
ตระหนักถึง อันตราย ตอนนี้เรา เลิกเข้าเซเว่น เลิกเดินห้าง ซื้อของจากร้านขายของชำในหมู่บ้าน ซื้อของที่ตลาดสด สอนให้ลูก หลาน รู้จักประหยัด อดออม ความจนนั้น น่ากลัวมาก ความเคยชิน น่ากลัวกว่า ความฟุ้งเฟ้อ น่ากลัวที่สุด เลือกทำดี เลือกสิ่งที่ดี ให้สังคมไทย คงอยู่ตลอดไป เมืองไทย ขณะนี้ อยู่ในสภาวะเงินไหล ช่วยกันได้หรือยัง ? อย่าให้ระบบนายทุน มากินบ้านกินเมืองของเรา ขอ 1 คอมเม้นท์ ให้รู้ว่า อ่านจริง จากใจแม่น้องอินเดีย ชักเริ่มเป็นห่วงเด็ก ๆ อนาคตของชาติ Cr. ข้อความต้นฉบับ คุณนิติภูมิ นวรัตน์ พูดเอาไว้น่าคิดมากครับ "ผมคิดว่าการเดินของประเทศไทยในปี พ.ศ.2562 เป็นต้นไป จะไม่ง่ายเหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา หนี้สาธารณะคงค้างของไทยมีมากถึง 6.49 ล้านล้านบาท นอกจากนั้น เงินยังไหลออกนอกประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จากการไปลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ที่ออกไปตั้งร้านขายของในทุกจังหวัดทุกอำเภอ คนท้องถิ่นทำงานหาเงินได้เท่าใด ก็เอามาซื้อของจากร้านขายของ ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเหล่านี้ พวกนี้ได้เงินแล้วก็หอบเอาเงินที่ได้ไปลงทุนต่างประเทศ เช่นไปลงทุนที่รัสเซียรวมแล้ว 1,900 ล้านดอลลาร์ (6 หมื่นล้านบาท) ในเวียดนามเกือบ 2 แสนล้านบาท ในอินโดนีเซีย ,ในตุรกี ฯลฯ เงินจากเกษตรกรยากจนที่ซื้อของในร้านพวกนี้ มันไม่หมุนกลับไปสร้างงาน หรือสร้างเงินในชนบท มันมีแต่ไหลออกไปสร้างงานในต่างประเทศ คนไทยชนบทจึงยากจนลงไปเรื่อย ๆ พวกบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งหลายที่ได้เงินจากท้องถิ่นและประเทศ เอาเงินออกไปแล้วในช่วงที่มีทำรัฐประหาร มาจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ เอาเงินออกไปแล้วเกิน 3 ล้านล้านบาท เงินที่เคยหมุนอยู่แต่ภายในประเทศ เงินที่เคยสร้างงานให้ผู้คนเป็นจำนวนนับล้านคน ไม่มีอีกต่อไปแล้วครับ คนจนจะยิ่งจนลงไปอีกเรื่อย ๆ ต่อให้ทำมาหากินขยันขันแข็งสักเท่าใด ก็ไม่ทางรอด เนื่องเพราะคุณขยัน คุณเก่ง ในประเทศที่มีแต่ความว่างเปล่าในประเทศที่ไม่มีเงิน คนทั้งประเทศไม่ตายดอกครับ แต่มันเหมือนเป็นมะเร็งที่ต้องนอนทรมาน เจ็บปวดรวดร้าวอยู่ทุกคืนวัน พอคนทั่วไปไม่มีเงิน พวกนี้ก็ต้องขายที่ดินและบ้านช่องห้องหอ พวกบริษัทนายทุนขนาดใหญ่ก็ไปกว้านซื้อเอาไว้ ตอนนี้ เฉพาะ 2 บริษัทใหญ่ มีที่ดินรวมๆแล้ว 8.3 แสนไร่ พวกที่ถือครองจำนวนหลายหมื่นไร่ต่อตระกูลนั้น มีเป็นจำนวนมาก สมัยทำรัฐประหารปี พ.ศ.2557-2561 นี่ พวกนายทุนขุนศึกดูดเงินและความมั่งคั่ง ไปสะสมไว้เป็นจำนวนมาก จนเราอาจนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะรวยกันได้เร็วขนาดนี้ รุ่นน้องที่มียศคนหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะมีการทำรัฐประหาร ยังมาหาพรรคพวกของผม ขอให้ช่วยเขียนขอทุนการศึกษา จากสถานศึกษาในต่างประเทศ อยากให้ลูกไปเรียนในต่างประเทศ แค่สองสามีรับราชการนั้นเงินไม่เพียงพอ ภายหลังจากการทำรัฐประหารเพียงไม่นาน ตอนนี้มีแม้แต่คอนโดมิเนียมในนครเมลเบิร์น ที่ออสเตรเลีย ลูกๆ ไปเรียน ใช้ชีวิตอย่างโก้หรู เงินทอนสมัยนี้ในโครงการที่ไม่ใช่การก่อสร้าง มันมากถึง 40% ทำให้คนที่อยู่ในตำแหน่งรวยกันไวมาก สร้างตัวเป็นเศรษฐีระดับร้อยล้านในช่วงรัฐประหารนี่เอง วันนี้ มีการปฏิบัติการทางจิตวิทยา ทำให้คนลืมนึกเรื่องพวกนี้ไปเสียสนิท ด้วยการปั่นกระแสเพ้อฝัน, ด้วยละคร, ด้วยงานรื่นเริงบันเทิงใจประเภทต่าง ๆ, ด้วยการให้แต่ละจังหวัด ใช้งบประมาณในการจัดงานรำประเพณี ให้คนเพลิดเพลินไปในแต่ละวัน จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก แทนที่จะให้คนคิดโครงการทำมาหากิน เตรียมคนทำมาค้าขายแข่งกับต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพในการผลิตให้คน ส่งออกคนไทยไปลงหลักปักฐานในต่างประเทศทั่วโลก เตรียมคนสำหรับยุค 5G ที่กำลังจะมาถึง สัมมนาเรื่องเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์ ฯลฯ กลับส่งเสริมให้คนลืมเรื่องความทุกข์ชั่วคราวด้วยละคร, ด้วยพิธีกรรม ,ด้วยการจัดงานรื่นเริงต่างๆ ฯลฯ คนรู้ทำอะไรก็เข้าใจง่าย แต่ถ้าคนไม่รู้ทำยังไงก็ไม่เข้าใจครับ ยังคงชมประยุทธ์ว่าดี เพราะแจกเงินประชารัฐให้กับคนยากจน มากถึง 300 บาท / เดือน โธ่! เหตุการณ์คงเหมือนเช่นในอดีต สมัยนั้นพวกจอมพลต่าง ๆ มักพยายามจัดให้มีความรื่นรมย์รื่นเริงไปวัน ๆ เพื่อให้คนหลงลืมความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เป็นผลพวงมาจากการทำรัฐประหาร ของพวกเขานั่นเองครับ เศร้าใจ * เมื่อเราต้องอยู่ และ สู้เพื่ออนาคต *
ข้อเตือนภัย..สำหรับทุกคน คนต้องมีประกันชีวิต ไม่ใช่เพราะต้องตาย แต่เพราะคนข้างหลัง ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ข้อเตือนภัย..วิธีคิดของประกัน ขายประกัน เพื่อประโยชน์ของประกัน ขายประกัน เพื่อประโยชน์ของลูกค้า ขายประกัน เพื่อแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ขายประกัน เพื่อให้คนข้างหลังอยู่ได้เหมือนเดิม ขายประกัน เพื่อช่วยปลอบประโลมเด็กกำพร้าที่อยู่ข้างหลัง ขายประกัน เพื่อให้มีรายได้ในอนาคต ข้อเตือนภัย..สำหรับตัวแทน สิ่งที่น่าเศร้า คือเราต้องจมอยู่กับอาชีพที่ไม่ให้โอกาส แต่ที่น่าเศร้ากว่าก็คือ การที่อยู่ในอาชีพที่ให้โอกาส แต่กลับไม่มีอนาคต ถ้าที่สุดของงานนี้ คือการขายได้ จงให้เวลาเรียนรู้ วิธีที่จะขาย คนที่ สำเร็จทุกวันนี้ แต่ก่อนก็เป็น คนธรรมดาเหมือนเรา ทำชั่ว ง่าย แล้วลำบาก ทำดี ยาก ลำบาก แล้วสบาย จงเชื่อใน สิ่งที่ทำ และจงทำใน สิ่งที่เชื่อ หากรักที่จะ ก้าวหน้า ต้องรักที่จะ เรียนรู้ ทุกสิ่งที่มีคน เคยทำได้ และเราคือคน.... เราต้องทำได้ ข้อเตือนภัย..หากต้องการสำเร็จ ความสำเร็จ เป็นเรื่องของ การฝึกฝน ไม่ใช่บุญหล่นทับ ความสำเร็จ เป็นเรื่องของ ความเชี่ยวชาญ ไม่ใช่โชคช่วย ความสำเร็จ เป็นเรื่องของ พรแสวง ไม่ใช่พรสวรรค์ ความสำเร็จ เป็นเรื่องของ การฟันฝ่า ไม่ใช่ฟลุ๊ก ๆ ความสำเร็จ เป็นเรื่องของ ความสามารถ ไม่ใช่วาสนา * เหตุผลของคนต่างวัย *
ข้อความจาก Forword mail เป็นข้อคิด เก็บไว้เตือนใจตัวเอง คนบางคน เก็บก่อนใช้ คนบางคน ใช้ก่อนเก็บ คนบางคน เก็บไป ใช้ไป หมดไป จะมีไหม คนบางคนที่เก็บไว้ใช้ในบั้นปลายของชีวิต * วัยเยาว์ * ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันยังเด็กเกินไปที่จะคิด ชีวิตฉันเพิ่งเริ่มต้น ทุกวันนี้ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ และฉันไม่เหลือพอที่จะเก็บ ฉันกำลังเล่นสนุก วันหนึ่งเมื่อฉันโตขึ้นฉันจะเก็บเงิน * วัยรุ่น * ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันยังเรียนหนังสืออยู่ พ่อแม่ให้เงินสำหรับพอใช้ในแต่ละวันเท่านั้น ฉันยังเก็บเงินไม่ได้หรอก นอกจากนั้นฉันยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องใช้เงินอีกเมื่อฉันเรียนจบ และถ้าฉันหาเงินได้เอง ฉันจึงจะเก็บ * วัย 20 * ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันเพิ่งเรียนจบ ขอเวลาฉันได้พักสมองบ้าง และฉันยังไม่พร้อมที่จะผูกมัดเรื่องนี้ ฉันยังต้องการแสวงหาความสนุก ในขณะที่ฉันสามารถทำได้ ยังมีเวลาเหลืออีกมากที่จะคิด ถึงตอนนั้นเมื่อฉันพร้อมฉันก็จะเก็บ * วัย 30 * ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้... ฉันเพิ่งมีครอบครัวและต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ค่าใช้จ่ายลูกเดี๋ยวนี้แพงเหลือเกิน และฉันยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้บ้านอีกด้วย ทุกวันนี้แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว ถ้าวันข้างหน้าฉันหาเงินได้มากกว่านี้และลูกๆ โตแล้ว ฉันจึงจะเก็บ * วัย 40 * ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ลูกฉันเริ่มเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย เดี๋ยวนี้ค่าหน่วยกิตและค่าต่างๆ แพงมาก ไหนยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้ที่ซื้อรถยนต์ให้ลูกอีก ฉันกลัวพวกเขาลำบาก ตอนนี้ยอมรับว่าค่าใช้จ่ายสูงจริงๆ และเป็นเวลาที่ยากที่จะเก็บเงิน แต่อีกสักระยะเมื่อพวกเขาเรียนจบ การเงินคงจะคล่องตัวขึ้น ถึงตอนนั้นฉันจึงจะเก็บ * วัย 50 * ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้... ตอนนี้ลูกๆเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายคนกำลังจะแต่งงาน ฉันอยากให้พวกเขาเริ่มต้นชีวิตที่ดี นอกจากนี้ฉันยังต้องไปช่วยญาติบางคน ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันคิดไว้เลย มันติดขัดไปหมด โชคดีเมื่อไหร่ฉันคงจะเก็บเงินได้ * วัย 60 * ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้... ฉันนึกว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น ฉันอยากเกษียณอายุก่อน แต่ฉันไม่สามารถทำได้ ฉันกำลังพยายามจ่ายเงินติดค้างจำนองบ้านที่เหลือและหนี้สินอื่นๆ แต่ทุกอย่างยังประดังเข้ามา ไหนจะลูกเอยหลานเอย ไอ้โน่นไอ้นี่มาลงที่ตัวฉันหมด ถ้าภาระฉันหมดเมื่อไร ฉันภาวนาว่าฉันน่าจะเก็บได้ * วัย 70 * ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้..ฉันแก่เกินไปที่จะเก็บ เงินบำนาญของฉันก็มีไม่มากพอ บิลค่ายาและค่าดูแลรักษาพยาบาลระยะยาวทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่ ฉันไม่อยากไปเป็นภาระของลูกๆ เขา ฉันน่าจะเก็บตอนที่ฉันมีและควรเก็บได้ ตอนนี้มันสายเกินไป.ฉันไม่สามาถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้จริงๆ..... * ปล. * * อ่านแล้วบอกต่อ เพราะอย่างน้อยคุณก็ได้เตือนสติ * * ให้คนอีกหลายคนได้เก็บเงินตอนที่เขาสามารถเก็บได้ * |
หิ่งห้อยน้อยใจ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|