💖 เตือนภัย ระบบนายทุน





 วันอังคาร ที่ 24 กรกฎาคม 2561  



ตระหนักถึง อันตราย

ตอนนี้เรา เลิกเข้าเซเว่น เลิกเดินห้าง

ซื้อของจากร้านขายของชำในหมู่บ้าน ซื้อของที่ตลาดสด

สอนให้ลูก หลาน รู้จักประหยัด อดออม

ความจนนั้น น่ากลัวมาก

ความเคยชิน น่ากลัวกว่า

ความฟุ้งเฟ้อ น่ากลัวที่สุด

เลือกทำดี เลือกสิ่งที่ดี

ให้สังคมไทย คงอยู่ตลอดไป

เมืองไทย ขณะนี้ อยู่ในสภาวะเงินไหล

ช่วยกันได้หรือยัง ? อย่าให้ระบบนายทุน

มากินบ้านกินเมืองของเรา

ขอ 1 คอมเม้นท์ ให้รู้ว่า อ่านจริง


จากใจแม่น้องอินเดีย

ชักเริ่มเป็นห่วงเด็ก ๆ อนาคตของชาติ

Cr. ข้อความต้นฉบับ




คุณนิติภูมิ นวรัตน์ พูดเอาไว้น่าคิดมากครับ

"ผมคิดว่าการเดินของประเทศไทยในปี พ.ศ.2562 เป็นต้นไป 
จะไม่ง่ายเหมือนเดิมอีกต่อไป 
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา 
หนี้สาธารณะคงค้างของไทยมีมากถึง 6.49 ล้านล้านบาท 
นอกจากนั้น เงินยังไหลออกนอกประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง 
จากการไปลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ 
ที่ออกไปตั้งร้านขายของในทุกจังหวัดทุกอำเภอ

คนท้องถิ่นทำงานหาเงินได้เท่าใด
ก็เอามาซื้อของจากร้านขายของ
ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเหล่านี้ 
พวกนี้ได้เงินแล้วก็หอบเอาเงินที่ได้ไปลงทุนต่างประเทศ 
เช่นไปลงทุนที่รัสเซียรวมแล้ว 1,900 ล้านดอลลาร์ 
(6 หมื่นล้านบาท) 
ในเวียดนามเกือบ 2 แสนล้านบาท 
ในอินโดนีเซีย ,ในตุรกี ฯลฯ

เงินจากเกษตรกรยากจนที่ซื้อของในร้านพวกนี้ 
มันไม่หมุนกลับไปสร้างงาน หรือสร้างเงินในชนบท 
มันมีแต่ไหลออกไปสร้างงานในต่างประเทศ 
คนไทยชนบทจึงยากจนลงไปเรื่อย ๆ 
พวกบริษัทใหญ่ ๆ 
ทั้งหลายที่ได้เงินจากท้องถิ่นและประเทศ 
เอาเงินออกไปแล้วในช่วงที่มีทำรัฐประหาร 
มาจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ 
เอาเงินออกไปแล้วเกิน 3 ล้านล้านบาท

เงินที่เคยหมุนอยู่แต่ภายในประเทศ 
เงินที่เคยสร้างงานให้ผู้คนเป็นจำนวนนับล้านคน 
ไม่มีอีกต่อไปแล้วครับ คนจนจะยิ่งจนลงไปอีกเรื่อย ๆ 
ต่อให้ทำมาหากินขยันขันแข็งสักเท่าใด ก็ไม่ทางรอด 
เนื่องเพราะคุณขยัน คุณเก่ง
ในประเทศที่มีแต่ความว่างเปล่าในประเทศที่ไม่มีเงิน 
คนทั้งประเทศไม่ตายดอกครับ 
แต่มันเหมือนเป็นมะเร็งที่ต้องนอนทรมาน 
เจ็บปวดรวดร้าวอยู่ทุกคืนวัน

พอคนทั่วไปไม่มีเงิน 
พวกนี้ก็ต้องขายที่ดินและบ้านช่องห้องหอ 
พวกบริษัทนายทุนขนาดใหญ่ก็ไปกว้านซื้อเอาไว้ 
ตอนนี้ เฉพาะ 2 บริษัทใหญ่
มีที่ดินรวมๆแล้ว 8.3 แสนไร่ 
พวกที่ถือครองจำนวนหลายหมื่นไร่ต่อตระกูลนั้น
มีเป็นจำนวนมาก 
สมัยทำรัฐประหารปี พ.ศ.2557-2561 นี่ 
พวกนายทุนขุนศึกดูดเงินและความมั่งคั่ง
ไปสะสมไว้เป็นจำนวนมาก 
จนเราอาจนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะรวยกันได้เร็วขนาดนี้

รุ่นน้องที่มียศคนหนึ่ง 
ก่อนหน้าที่จะมีการทำรัฐประหาร 
ยังมาหาพรรคพวกของผม
ขอให้ช่วยเขียนขอทุนการศึกษา
จากสถานศึกษาในต่างประเทศ 
อยากให้ลูกไปเรียนในต่างประเทศ 
แค่สองสามีรับราชการนั้นเงินไม่เพียงพอ

ภายหลังจากการทำรัฐประหารเพียงไม่นาน 
ตอนนี้มีแม้แต่คอนโดมิเนียมในนครเมลเบิร์น 
ที่ออสเตรเลีย ลูกๆ ไปเรียน ใช้ชีวิตอย่างโก้หรู 
เงินทอนสมัยนี้ในโครงการที่ไม่ใช่การก่อสร้าง
มันมากถึง 40% ทำให้คนที่อยู่ในตำแหน่งรวยกันไวมาก 
สร้างตัวเป็นเศรษฐีระดับร้อยล้านในช่วงรัฐประหารนี่เอง

วันนี้ มีการปฏิบัติการทางจิตวิทยา 
ทำให้คนลืมนึกเรื่องพวกนี้ไปเสียสนิท 
ด้วยการปั่นกระแสเพ้อฝัน, ด้วยละคร,
ด้วยงานรื่นเริงบันเทิงใจประเภทต่าง ๆ,
ด้วยการให้แต่ละจังหวัด
ใช้งบประมาณในการจัดงานรำประเพณี 
ให้คนเพลิดเพลินไปในแต่ละวัน 
จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก

แทนที่จะให้คนคิดโครงการทำมาหากิน 
เตรียมคนทำมาค้าขายแข่งกับต่างประเทศ 
เพิ่มศักยภาพในการผลิตให้คน 
ส่งออกคนไทยไปลงหลักปักฐานในต่างประเทศทั่วโลก 
เตรียมคนสำหรับยุค 5G ที่กำลังจะมาถึง 
สัมมนาเรื่องเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์ ฯลฯ 
กลับส่งเสริมให้คนลืมเรื่องความทุกข์ชั่วคราวด้วยละคร,
ด้วยพิธีกรรม ,ด้วยการจัดงานรื่นเริงต่างๆ ฯลฯ

คนรู้ทำอะไรก็เข้าใจง่าย 
แต่ถ้าคนไม่รู้ทำยังไงก็ไม่เข้าใจครับ 
ยังคงชมประยุทธ์ว่าดี 
พราะแจกเงินประชารัฐให้กับคนยากจน
มากถึง 300 บาท / เดือน โธ่!

เหตุการณ์คงเหมือนเช่นในอดีต 
สมัยนั้นพวกจอมพลต่าง ๆ 
มักพยายามจัดให้มีความรื่นรมย์รื่นเริงไปวัน ๆ 
เพื่อให้คนหลงลืมความวุ่นวายต่าง ๆ 
ที่เป็นผลพวงมาจากการทำรัฐประหาร
ของพวกเขานั่นเองครับ


เศร้าใจ








Create Date : 24 กรกฎาคม 2561
Last Update : 24 กรกฎาคม 2561 8:39:42 น.
Counter : 567 Pageviews.

0 comment
* เมื่อเราต้องอยู่ และ สู้เพื่ออนาคต *


ข้อเตือนภัย..สำหรับทุกคน

คนต้องมีประกันชีวิต ไม่ใช่เพราะต้องตาย

แต่เพราะคนข้างหลัง ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
ข้อเตือนภัย..วิธีคิดของประกัน

ขายประกัน เพื่อประโยชน์ของประกัน

ขายประกัน เพื่อประโยชน์ของลูกค้า

ขายประกัน เพื่อแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ขายประกัน เพื่อให้คนข้างหลังอยู่ได้เหมือนเดิม

ขายประกัน เพื่อช่วยปลอบประโลมเด็กกำพร้าที่อยู่ข้างหลัง

ขายประกัน เพื่อให้มีรายได้ในอนาคต
ข้อเตือนภัย..สำหรับตัวแทน

สิ่งที่น่าเศร้า คือเราต้องจมอยู่กับอาชีพที่ไม่ให้โอกาส 

แต่ที่น่าเศร้ากว่าก็คือ การที่อยู่ในอาชีพที่ให้โอกาส แต่กลับไม่มีอนาคต 


ถ้าที่สุดของงานนี้ คือการขายได้ จงให้เวลาเรียนรู้ วิธีที่จะขาย 

คนที่ สำเร็จทุกวันนี้ แต่ก่อนก็เป็น คนธรรมดาเหมือนเรา 

ทำชั่ว ง่าย แล้วลำบาก ทำดี ยาก ลำบาก แล้วสบาย

จงเชื่อใน สิ่งที่ทำ และจงทำใน สิ่งที่เชื่อ 

หากรักที่จะ ก้าวหน้า ต้องรักที่จะ เรียนรู้ 

ทุกสิ่งที่มีคน เคยทำได้ และเราคือคน.... เราต้องทำได้ 



ข้อเตือนภัย..หากต้องการสำเร็จ

ความสำเร็จ เป็นเรื่องของ การฝึกฝน ไม่ใช่บุญหล่นทับ

ความสำเร็จ เป็นเรื่องของ ความเชี่ยวชาญ ไม่ใช่โชคช่วย

ความสำเร็จ เป็นเรื่องของ พรแสวง ไม่ใช่พรสวรรค์

ความสำเร็จ เป็นเรื่องของ การฟันฝ่า ไม่ใช่ฟลุ๊ก ๆ

ความสำเร็จ เป็นเรื่องของ ความสามารถ ไม่ใช่วาสนา








Create Date : 26 เมษายน 2550
Last Update : 23 กรกฎาคม 2561 11:54:02 น.
Counter : 381 Pageviews.

3 comment
* เหตุผลของคนต่างวัย *



ข้อความจาก Forword mail

เป็นข้อคิด เก็บไว้เตือนใจตัวเอง 

คนบางคน เก็บก่อนใช้
คนบางคน ใช้ก่อนเก็บ
คนบางคน เก็บไป ใช้ไป หมดไป
จะมีไหม 
คนบางคนที่เก็บไว้ใช้ในบั้นปลายของชีวิต

* วัยเยาว์ * 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันยังเด็กเกินไปที่จะคิด
ชีวิตฉันเพิ่งเริ่มต้น ทุกวันนี้ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่
และฉันไม่เหลือพอที่จะเก็บ ฉันกำลังเล่นสนุก
วันหนึ่งเมื่อฉันโตขึ้นฉันจะเก็บเงิน 

* วัยรุ่น * 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันยังเรียนหนังสืออยู่
พ่อแม่ให้เงินสำหรับพอใช้ในแต่ละวันเท่านั้น
ฉันยังเก็บเงินไม่ได้หรอก
นอกจากนั้นฉันยังมีเรื่องอื่นๆ
ที่ต้องใช้เงินอีกเมื่อฉันเรียนจบ
และถ้าฉันหาเงินได้เอง ฉันจึงจะเก็บ 

* วัย 20 * 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันเพิ่งเรียนจบ
ขอเวลาฉันได้พักสมองบ้าง และฉันยังไม่พร้อมที่จะผูกมัดเรื่องนี้
ฉันยังต้องการแสวงหาความสนุก ในขณะที่ฉันสามารถทำได้
ยังมีเวลาเหลืออีกมากที่จะคิด
ถึงตอนนั้นเมื่อฉันพร้อมฉันก็จะเก็บ 

* วัย 30 * 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันเพิ่งมีครอบครัวและต้องรับผิดชอบหลายอย่าง
ค่าใช้จ่ายลูกเดี๋ยวนี้แพงเหลือเกิน
และฉันยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้บ้านอีกด้วย
ทุกวันนี้แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว
ถ้าวันข้างหน้าฉันหาเงินได้มากกว่านี้และลูกๆ โตแล้ว ฉันจึงจะเก็บ 

* วัย 40 * 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ลูกฉันเริ่มเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย
เดี๋ยวนี้ค่าหน่วยกิตและค่าต่างๆ แพงมาก
ไหนยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้ที่ซื้อรถยนต์ให้ลูกอีก
ฉันกลัวพวกเขาลำบาก
ตอนนี้ยอมรับว่าค่าใช้จ่ายสูงจริงๆ และเป็นเวลาที่ยากที่จะเก็บเงิน
แต่อีกสักระยะเมื่อพวกเขาเรียนจบ การเงินคงจะคล่องตัวขึ้น
ถึงตอนนั้นฉันจึงจะเก็บ 

* วัย 50 * 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ตอนนี้ลูกๆเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายคนกำลังจะแต่งงาน
ฉันอยากให้พวกเขาเริ่มต้นชีวิตที่ดี
นอกจากนี้ฉันยังต้องไปช่วยญาติบางคน
ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ
เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันคิดไว้เลย มันติดขัดไปหมด
โชคดีเมื่อไหร่ฉันคงจะเก็บเงินได้ 

* วัย 60 * 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันนึกว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น ฉันอยากเกษียณอายุก่อน
แต่ฉันไม่สามารถทำได้
ฉันกำลังพยายามจ่ายเงินติดค้างจำนองบ้านที่เหลือและหนี้สินอื่นๆ
แต่ทุกอย่างยังประดังเข้ามา ไหนจะลูกเอยหลานเอย
ไอ้โน่นไอ้นี่มาลงที่ตัวฉันหมด ถ้าภาระฉันหมดเมื่อไร
ฉันภาวนาว่าฉันน่าจะเก็บได้ 

* วัย 70 * 

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้..ฉันแก่เกินไปที่จะเก็บ
เงินบำนาญของฉันก็มีไม่มากพอ
บิลค่ายาและค่าดูแลรักษาพยาบาลระยะยาวทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่
ฉันไม่อยากไปเป็นภาระของลูกๆ เขา
ฉันน่าจะเก็บตอนที่ฉันมีและควรเก็บได้
ตอนนี้มันสายเกินไป.ฉันไม่สามาถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้จริงๆ..... 

* ปล. * 

* อ่านแล้วบอกต่อ เพราะอย่างน้อยคุณก็ได้เตือนสติ * 

* ให้คนอีกหลายคนได้เก็บเงินตอนที่เขาสามารถเก็บได้ * 





Create Date : 21 กันยายน 2549
Last Update : 23 กรกฎาคม 2561 13:07:14 น.
Counter : 256 Pageviews.

2 comment

หิ่งห้อยน้อยใจ
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Bloggang.com : หิ่งห้อยน้อย.... ใจ TreBle Tree หิ่งห้อยน้อยใจ บินไปทุกถิ่น ท่องทั่วแผ่นดิน กว่าสิ้นเรี่ยวแรง





แสงระยิบ กระพริบจากใจ

หิ่งห้อย T_T น้อยใจ

ใครหนอเปรียบ หิ่งห้อย ว่าด้อยค่า
อย่าได้มา หาญสู้ แสงอาทิตย์ส่อง
มีแสงเพียง น้อยนิด คิดลำพอง
มาผยอง เชิดหน้าอยู่ สู้ตะวัน

รู้ตัวดี มิบังอาจ ไปหาญสู้
ดำรงอยู เยี่ยงนี้ ไม่มีผัน
เหมือนดาวเดือน ที่ได้อยู่ เคียงคู่กัน
ดังเช่นฉัน รู้อยู่ คู่นภา

ก็ชื่อฉัน นั้นแปล ว่าหิ่งห้อย
ตัวน้อยน้อย น่ารัก เป็นนักหนา
ถูกเปรียบเทียบ ว่าด้อย ด้วยราคา
จากหน้าตา มิใช่ จากจิตใจ

ชีวิตหมุน เวียนตาม ธรรมชาติ
หิ่งห้อยพลาด หลงดอย คอยร่ำให้
ถูกเขาบ่น ว่าเรา จนเศร้าใจ
ทนเก็บไว้ ด้วยจิต คิดระทม

ชาตินี้มี กรรมมา บดบังไว้
ส่องแสงได้ ริบหรี่ สุดขื่นขม
ต้องทนอยู่ เชิดหน้าใส่ ในอกตรม
เกิดมามี ปมจาก ปากผู้คน

ไม่เป็นไร ตามใจ ใครจะคิด
ทุกชีวิต วันหนึ่ง ต้องหลุดพ้น
เกิดมาต้อง ต่อสู้ ! รู้ดิ้นรน !
ว่ายเวียนวน กลับสู่พื้น ปฐพี๚ะ๛



เสียงขาน จากบ้านป่า

สายลมหนาว พัดพา มาอีกแล้ว
ในโสตแว่ว ยินเสียง คล้ายเรียกขาน
จากพี่น้อง ผองเพื่อน เถื่อนลำธาร
ว่าถึงกาล โผผิน กลับถิ่นไพร

หวนคิดถึง วันเก่า รวดร้าวเหลือ
ยามเยาว์เมื่อ เหมันต์ พานสมัย
ช่างหนาวเหน็บ เจ็บลึก ถึงทรวงใน
กลางป่าใหญ่ ขาดแสง อุ่นกรุ่นตะวัน

แม่ขนี้ง โปรยปราย กระจายทั่ว
ท้องฟ้ามัว มืดมิด ปิดแนวสัน
สายลมยัง พัดซ้ำ กระหน่ำกัน
บ้างหนาวสั่น จับไข้ วายชีวี

กว่าจะพ้น ผ่านฤดู หฤโหด
ธาตุพิโรธ ชนบท สลดศรี
แทบมอดม้วย มรณา ลาพงพี
ชีวิตนี้ ไม่ลืมวัน ซึ่งผันไป

ชนชาวดอย คอยอยู่ หมู่ลูกหลาน
วันคืนผ่าน ด้วยจิต พิสมัย
ความคิดถึง ตรึงตรา และอาลัย
ท่านห่วงใย อยากรู้ ว่าอยู่ดี

รู้รักผืน แผ่นดิน ถิ่นก่อเกิด
ทั้งผู้ให้ กำเนิด นะบุตรศรี
หวนกลับไป ดูแล บุพการี
ท่านผู้มี พระคุณ การุณย์เรา

คงยังจำ กันได้ ใช่ไหมเพื่อน
ก่อนจะเคลื่อน กายา จากป่าเขา
เป็นความหวัง ของใคร เมื่อวัยเยาว์
อย่ามัวเมา ลืมเลือน เถื่อนที่มา๚ะ๛



คิดถึงบ้าน

ค่ำคืนฟ้า มืดมิด ดูเหงาเหงา
โอ้ตัวเรา นั่งคิดถึง คณึงหา
บ้านหลังน้อย ในป่า ที่จากมา
ผ่านเวลา จะเปลี่ยน เป็นเช่นไร

บ้านน้อย น้อยหลังนั้น ช่างอบอุ่น
ยามรุ่งอรุณ แดดส่อง สว่างไสว
มวลบุบผา ชูช่อ แตกหน่อใบ
หรีดหริ่งเรไร ส่งเสียงร้อง ก้องพนา

เหล่าแมลง ภู่ผึ้ง ผกโผผิน
กางปีกบิน วนเวียน กลางเวหา
ดอกหญ้าโผล่ พ้นพื้น พสุธา
ไหวไปมา ยามต้อง แรงลมโชย

เห็นสายฝน รินร่วง จากท้องฟ้า
ชุบชีวา ชีวิตให้ ไม่ระโหย
มวลดอกไม้ ชูช่อสวย ไม่ลาโรย
แผ่นดินโดย ธรรมชาติ สะอาดตา

กลิ่นพืชพรรณ นานา ขจรทั่ว
ทั้งดอกบัว ทั้งพรรณไม้ และใบหญ้า
ขึ้นผสม กลมกลืนไกล สุดสายตา
ภายใต้ฟ้า ผืนใหญ่ ใบเดียวกัน

ช่างห่างไกล กันนัก กับทางนี้
อยู่ที่นี่ พบแต่ การห้ำหั่น
ทั้งแก่งแย่ง แข่งขัน ประลองกัน
ทุกทุกวัน ต้องแข่ง แย่งความดี

มันช่างเหงา และล้า เป็นนักหนา
จะขอลา พักร้อน เช้าพรุ่งนี้
กลับคืนสู่ บ้านน้อย คอยนานปี
พักฤดี ให้หายเหมื่อย เหนื่อยใจกาย

จะชาร์ตแบต เพิ่มพลัง ให้เต็มที่
ความเหงามี จักลบทิ้ง ให้เหือดหาย
แทนด้วยความ สดใส ใจแพรวพราย
ทอประกาย กลับคืน สู่ตัวเรา

พักปัญหา ทุกอย่าง ของทางนี้
กลับไพรี ระหว่าง กลางหุบเขา
บ้านหลังน้อย ยังคอยอยู่ ซึ่งตัวเรา
ภูมลำเนา บ้านเกิด ที่จากมา

แล้วจะกลับ มาทำงาน สร้างฐานะ
ด้วยสัจจะ ของคน แห่งภูผา
จักทำงาน ให้ดีขึ้น ขอสัญญา
ด้วยหน้าตา สดใส ไร้กังวล

คงจะทน ทานได้ ในทุกสิ่ง
ชีวิตจริง เริ่มต้นใหม่ ได้อีกหน
จักต่อสู้ หมู่มารที่ มาผจญ
รวมถึงคน ปากร้าย ทั้งหลายเอย๚ะ๛



ลมหนาว กับชาวดอย

สายลมหนาวพัดผ่านมาอีกครั้ง
แผ่พลังแห่งฤดูสู่ขุนเขา
หวนคิดถึงแต่ก่อนตอนยังเยาว์
ผองพวกเราทนอยู่สู้สายลม

ยังจดจำคืนวันที่ผันผ่าน
ฤดูกาลนี้ให้ใจขื่นขม
พาความแล้งส่งไว้ได้ระทม
ยอดดอยจมอยู่ในสายเหมันต์

แม่ขนิ้งเกาะเล็มเต็มยอดหญ้า
บนท้องฟ้าไร้แสงแห่งสีสัน
ความเหน็บหนาวถาโถมถึงทั่วกัน
ต้องอดทนจนผ่านวันอันตราย

ถึงตอนนี้ยังคงโหมกระหน่ำ
แสงแดดล้ำเลือนลางจนจางหาย
ทั่วท้องฟ้าเมฆหม่นหล่นกระจาย
หนาวมากมายในยามนี้ที่ยอดภู

อยากจะส่งความอบอุ่นสู่ขุนเขา
เพื่อพ้องเราชาวไพรทุกชนหมู่
ได้อดทนจนผ่านพ้นฤดู
ร่วมกันสู้ความหนาวที่เข้ามา

ของส่งใจไปถึงซึ่งบนนั้น
ยอดดอยอันไกลห่างหว่างภูผา
ความห่วงใยแทรกใส่ให้ลมพา
ไปส่งหน้าบ้านเขาเราอาลัย

เพื่อให้ผู้อาศัยอยู่ในนั้น
มียิ้มอันพริ้มพรายใจสดใส
หนูหิ่ง ฯ จะได้มีกำลังใจ
ทำงานไปเพื่อเขาที่เฝ้ารอ๚ะ๛



สายลมหนาว

สายลมหนาว พัดแผ่ว แอ่วเมืองเหนือ
แสงแดดเรื่อ พลันเลือน ลางลับหาย
บนท้องฟ้า มีเมฆหมอก เกลื่อนกระจาย
หนาวมากมาย ในยามนี้ ที่ยอดดอย

เสียงหรีดหริ่ งเรไร วังเวงแว่ว
นกเค้าแมว บินลับ กลับถ้ำน้อย
ดอกไม้บาน ยามเช้า เฝ้ารอคอย
น้ำค้างผล็อย ร่วงลง ส่งความเย็น

แสงอาทิตย์ มองไม่เห็น ในยามนี้
ยอดดอยมี แต่หมอก เมฆลอยเด่น
บนยอดหญ้า ขนิ้งเกาะ ให้เห็นเป็น
ความเยือกเย็น ฤดูหนาว เวียนเข้ามา

จึงส่งความ อบอุ่น ละมุนฝัน
ถึงดอยอัน ไกลห่าง หว่างภูผา
ความคิดถึง ห่วงใย สายลมพา
พัดผ่านหน้า กระท่อมน้อย ปล่อยวางไว้

หวังเพียงผู้ อาศัยใน กระท่อมน้อย
แต่งแต้มรอย ยิ้มแย้ม ที่แจ่มใส
หิ่งห้อยน้อย จะได้ มีแรงใจ
ทำงานไป เพื่อเขา ที่เรารัก๚ะ๛



คืนเหงา

ในคืนเหงา แม้เดือนดาว เจ้าเป็นเพื่อน
ส่งแสงเลือน คอยกลบ ลบรอยเหงา
ความหม่นหมอง ครอบครอง ใจของเรา
รู้สึกเศร้า ในยามที่ ไม่มีใคร

อยู่แสนห่าง ขวางคั่น กั้นขอบฟ้า
ผ่านเวลา ฤดูกาล ผันสมัย
มิตรภาพ แต่ก่อนเก่า เราจริงใจ
เลือนแล้วหรือ อย่างไร สายสัมพันธ์

อยู่ทางนี้ แม้เห็น ดาวเด่นสวย
ก็ไม่ช่วย ให้ใจ ได้สุขสันต์
บนท้องฟ้า สว่างใส ไร้หมอกควัน
ในใจนั้น กลับมืดมิด ผิดที่เคย

สายลมหนาว พัดมา เวลานี้
ผืนพงพี ปกคลุม ด้วยกลุ่มเหมย
ทั้งมวลหมอก กลอกกลิ้ง ขนิ้งเชย
หนาวจังเลย ในยามนี้ ที่ยอดดอย

นั่งวิงวอน ดาวเดือน เกลื่อนเวหา
กระพริบพา ความคิดของ น้องหิ่งห้อย
ไปส่งไว้ หน้าบ้าน วานลมคอย
พัดไปปล่อย ในใจ ใครสักคน

ให้รับรู้ ว่าใคร ที่ในป่า
เขาห่วงหา ห่วงใย ใจสับสน
ความคิดถึง รุมเร้า เข้าเวียนวน
จำฝืนทน ฝืนอยู่ ไม่รู้ทำไม

นั่งรำพึง คอยอยู่ สู้ลมหนาว
มีเดือนดาว บนฟ้า นภาใส
อยู่เป็นเพื่อน ท่ามกลาง หว่างพงไพร
คอยคนไกล ตอบสาร นั้นกลับคืน๚ะ๛



รู้อย่างนี้...

ก่อนนั้นเรา คงมีพ่อ อยู่เคียงข้าง
ทุกทิศทาง พ่ออยู่ คู่เสมอ
อยากพบพ่อ เมื่อใหร่ ก็ได้เจอ
ไม่ต้องเพ้อ ละเมอถึง ซึ่งลวงตา

ยามเล็กเล็ก พ่อเฝ้า คอยสอนสั่ง
ตั้งความหวัง ไว้ที่ลูก สุขนักหนา
ลูกเติบใหญ่ ให้พ่อได้ ชื่นอุรา
วันนี้ลา จากลูกไป ไม่หวนคืน

รู้อย่างนี้... จะไม่ทำตัวเหมือนก่อน
รู้อย่างนี้... จะตั้งใจเรียนหนังสือ
จะตั้งหน้า ตั้งตา หมั่นฝึกปรือ
จะไม่ดื้อ ! ไม่ซน ! ไม่ถือดี !

เพิ่งรู้ซึ้ง ถึงความเศร้า ที่ยิ่งใหญ่
พ่อจากลา ไปลับ นับจากนี้
จะรำลึก ถึงคุณพ่อ ชั่วชีวี
ถึงความดี พ่อสร้างไว้ ให้ทบทวน

จากนี้ไป ไม่มีพ่อ คอยว่ากล่าว
พ่อจากเรา ไปแสนไกล ไม่อาจหวน
ถึงจะร่ำ ! ร้องให้ ! คร่ำครวญ !
ไม่อาจทวน คืนสู่เหย้า ที่เฝ้า... รอ...๚ะ๛



ซึ้งแล้ว...

ต่อแต่นี้ เหลือเพียงแม่ คอยเคียงข้าง
ทุกทิศทาง แม่เฝ้าดู ลูกเสมอ
อยากพบแม่ เรียกหา เป็นต้องเจอ
ไม่ใช่เพ้อ ละเมอถึง ซึ่งลวงตา

ตั้งแต่เล็ก แม่เจ้า เฝ้าถนอม
คอยเห่กล่อม ด้วยรัก ลูกนักหนา
ส่งเสียให้ เจ้าได้ มีวิชา
ด้วยกายา อ่อนล้า น่าเหนื่อยแทน

เฝ้ามองลูก ด้วยดวงตา อุ่นไอรัก
คอยพิทักษ์ ปกป้อง ด้วยหวงแหน
มีแต่ให้ ไม่เคยหวัง สิ่งตอบแทน
แม้ยากแค้น ลำเค็ญสู้ สุดทนทาน

สิบนิ้วมือ พนมกราบ อภิวาท
ลงแทบบาท แสดง กตัญญูท่าน
ทำตอนนี้ ใช่วันที่มี เพียงวิญญาณ
แล้วเรียกขาน ท่านให้มา ปรากฏกาย

รู้ซึ้งแล้ว… แสดงให้ ท่านรับรู้
รู้ซึ้งแล้ว… ท่านยังอยู่ ไม่หนีหาย
เคียงข้างเจ้า จวบจนชีพ สิ้นมลาย
ก่อนจะสาย กลับไปอยู่ ดูท่านเทอญ๚ะ๛








MY VIP Friends