Group Blog
All Blog
|
วันดีๆวันหนึ่ง ที่ได้จากการอ่านบทสัมภาษณ์พี่ Nose อุดม แต้พานิช ครับ ^o^ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ตค.54) ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน อากาศค่อนข้างเย็น เพราะมีฝนตกเกือบตลอดทั้งวันครับ หยิบหนังสือ A Day เล่มที่ 131 มาอ่านครับ เป็นฉบับ พี่ Nose อุดม ครับ ก่อนหน้านี้ผมอ่าน A Day เล่มนี้มาบ้าง แต่ว่า ผมค่อยๆอ่าน เพราะหลายครั้งรู้สึกว่า อยากเก็บข้อเขียนดีๆไว้อ่านในวันหลังอีก หลังจากอ่านบทสัมภาษณ์ พี่ Nose แล้ว รู้สึกทึ่งกับความคิดของเค้าครับ ผมคิดว่า ความคิดขอิงเค้าเริ่มเปลี่ยนแปลง แลัได้รับการขัดเกลาจากประสบการณ์ในชีวิตของเค้าที่มีมากขึ้นครับ ขออนุญาตินำบางประโยคโดนๆมาให้ได้อ่านกันนะครับ ปัจจุบัน A Day ฉบับนี้น่าจะค่อนข้างหาซื้อได้ยากแล้วล่ะครับ (เป็นฉบับเมื่อ2 เดือนก่อนครับ) บทสัมภาษณ์ โดย คุณ จิราภรณ์ วิหวา และ คุณสลิลา มหันต์เชิดชูวงศ์ ได้รับการอนุญาติให้นำมาลงใน เวป พนธ์ทิพย์ ได้ โดยการอนุมัติจาก พี่โหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ผู้ร่วมก่อตั้ง นิตยสาร A DAY พี่อุ๊ จัณฑรัศมิ์ เกียรติยศ ผู้จัดการ นิตยสาร A DAY และ น้อง เคน นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ กองบรรณาธิการ นิตยสาร A DAY ครับ ************************************************* - ทุกวันนี้ข้อมูลเป็นคนละเรื่องกับปีญญา คนมีข้อมูลข่าวสารเยอะ ไม่ได้แปลว่ามีปํญญาเยอะ - เดี๋ยวนี้คนไม่ได้ใช้ computer แต่ computer ใช้เรา ...เราสื่อสารทางโลก cyber เร็วมาก แต่เราไม่ค่อยสื่อสารกับมนุษย์ด้วยกันเอง - หนังสือมันสอนเราได้ เพราะคนเราเกิดปัญญาตอนที่เราอยู่กับตนเอง - สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ เป็นเรื่องเดิมทั้งสิ้น ไม่มีอะไรใหม่ ...สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นมุมมองที่มีต่อเรื่องนั้นมากกว่า - เวลาทำบุญ ผมจะอธิษฐานเสมอว่าขอให้ผมเป็นคนมีวินิจฉัยที่ถูกต้อง ให้เป็นผู้ที่สามารถเตือนตัวเองได้ สำหรับผมเรื่องนี้มันสำคัญมาก เพราะวินิจฉัยที่ผิด มันพาชีวิตไปได้หมดชีวิตเลยนะ - ทำวันนี้ให้มันดี เดี๋ยวอนาคตมันดูแลตัวมันเอง - ควรมีความอยากเป็นไหม มันต้องมี เป็นแรงขับเคลื่อน แต่ต้องดูต้นทุน.... คนที่ใช้ชีวิตสบายคือคนที่รู้ว่า ต้นทุนชีวิตมีเท่าไหร่ ก็ใช้เท่าที่มี ส่วนการใช้ชีวิตที่อยากจะให้คนอื่นมองว่าเป็น ก็จะยิ่งปวดร้าวมากขึ้น - การยังไม่รู้จักตนเอง ก็เหมือนคนยังไม่รู้จักทาง ต้องลองออกเดิน เดินหลงบ่อยๆ ธรรมชาติจะค่อยๆบอกเราเองว่าควสรจะเดินไปทางไหน จะเหลือทางไหนให้เดิน - ก่อนที่จะรู้จักความตื้น ต้องรู้ก่อนด้วยว่าอะไรลึก ก่อนทำอาหารออกมาให้อร่อย ไม่ใช่แค่อ่านตำราอาหาร คนที่ลงมือทำก็ยังไม่ลึกเท่าคนที่ไปตลาด แล้วลงมือทำพลาดอีกหลายๆครั้ง - ระหว่างทำงานแต่ละรอบ(พูดถึงเดี่ยวไมโครโฟน) เราก็เรียนรู้ตัวเองไป ผมมาทำหลักสูตรด้วยตนเอง ลงทะเบียนเรียน พอเสร็จเดี่ยวครั้งหนึ่งผมก็ได้เรียนรู้วิฃาเพิ่มมากขึ้นหน่อย อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นะ ตรงนี้ไม่ดีนะ เราควรปล่อยวางสิ่งนั้น แล้วก็ไม่อายถ้าตัวเองสอบตก - การทำงานโดยหวังแต่ผลลัพธ์อย่างเดียวสร้างความเครียดให้กับผมมากเลย หลังๆผมมาสนุกกับการไปทำงาน ไปลองผิดพลาด ไปทำอะไรใหม่ๆ สำเร็จ หรือไม่สำเร็จแล้วมันยังไง - ถ้าทำวันนี้ให้ดี เดี๋ยวอนาคตมันดูแลตัวมันเอง แล้วถ้ามันจะไม่ดี ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ทำที่ๆเราชอบนั่นแหละ ชอบแบบไหน ทำแบบนั้น คนเราจะทำอะไรไๆด้ดีได้ยังไง ถ้าเราทำอะไรที่เราไม่ชอบ การชอบคือการทำที่เข้ากับตัวเราเอง แต่การทำเท่เป็นการทำเพื่อให้คนอื่นเขามอง - คนที่ใช้ชีวิตสบาย คือคนที่รู้ว่าต้นทุนชีวิตมีเท่าไหร่ ก็ใช้เท่าที่มี ส่วนการใช้ชีวิตที่อยากจะให้คนอื่นมองว่าเป็นก็จะปวดร้าวมากขึ้น - ชีวิตคือการปรับเปลี่ยน ยืดหยุ่นไปตามสถาณการณ์ ถ้าคนใช้ชีวิตอย่างยืดหยุ่นจะทุกข์น้อยกว่าคนที่หัวสี่เหลี่ยม - พอเรามีแรงบันดาลใจหลังจากนั้นค่อยเอาระบบจัดการตามมาทีหลัง - เวาลที่เราอายุมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรากระชุ่มกระชวยมากขึ้น คือการได้ออกไปเรียนอีกครั้งหนึ่ง - พี่ Nose พูดถึงค่าหนังสือที่ซื้อไปครับ ..... เวลาที่เราต้องศึกษาด้วยตนเอง เราไม่เคยเสียดายเงินที่เสียไปกับการซื้อหนังสือเลย สิ่งที่ได้มาอยู่ในตัวเป็นองค์ความรู้ที่ใครก็แย่งไปไม่ได้ - เราจะเกิดปัญญาได้อย่างไร ถ้าเราไม่มีความสงบ ความสงบทำให้เราเห็นตัวเอง ตอนอายุน้อยๆเรามองโลกไปข้างหน้า มองไปไกลมาก เหมือนคนสายตายาว แต่ความจริง สายตาของคนที่แก่(ขึ้น)จะยิ่งแก่ยิ่งยาว แต่ระยะสายตาในตัวเราจะมันสั้นเข้ามา เราจะเห็นใกล้เข้ามาในตัวเราเองมากขึ้น ข้างในตัวเรามีค่าสุดๆ - ทำงานศิลปะก๊องๆแก๊งๆของผมไป กิจกรรมเหล่านี้ก่อเกิดรายได้ไหม ....ไม่ แต่มันเพลิน แต่ก็ไม่ได้โง่เง่าเต่าตุ่นจนไม่เข้าใจโลกนะ ร้านไอติม(iberry ที่เชียงใหม่)ก็เหมือนมาชดเชยรายจ่าย - บางทีเวลาคิดอะไรไม่ออกแล้วยิ่งมานั่งคิด มันก็คิดไม่ออกนะ คิดไม่ออกต้องออกจากความคิดไปทำอย่างอื่น ให้มันเกิดพื้นที่ว่างขึ้นมาในหัวเรา ซึ่งในขณะที่วาดรูปอยู่ เราก็จะคิดอะไรออกมา มันแปลกนะ แต่ผมว่า มันเกื้อหนุนกัน เวลาคิดไม่ออก แสดงว่า พื้นที่ในหัวเรามันแน่นเหมือนห้องเก็บของที่เรายัดทุกอย่างเข้าไป เวลาที่เราจะหาไอเดียจากห้องเก็บของที่มันรกรุงรัง ยิ่งพยายามยิ่งหาไม่เจอหรอก วิธีอย่างหนึ่งที่หาง่ายที่สุดคือต้องทำพื้นที่ว่างในห้องนั้นด้วย การเอาของออก วางเรียงใหม่ การออกจากความคิดคือการจัดของ *** คำถามที่โดนมากๆคือ มีเรื่องไหนไหมที่ตอนหนุ่มๆเชื่อแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้กลับตาลปัตร ไม่เชื่ออย่างนั้นอีกแล้ว พี่ Nose ตอบว่า แต่ก่อนผมจะตื่นเต้นกับศิลปินมากเลย สมัยผมเรียนศิลปะผมรู้สึกว่าพวกเขาเป็นเทพ เป็นคนเหนือโลก พอเวลาผ่านไป ผมก็รู้สึกว่าพวกศิลปินน่าสนใจน้อยลงเรื่อยๆ แต่กลับรู้สึกว่าคนธรรมดาน่าสนใจกวง่าเยอะเลย - การศึกษาไทยพยายามสอนให้เรารู้จักทุกอย่าง ยกเว้นรู้จักตัวเอง ทั้งๆที่จริงๆ หัวใจของการศึกษา คือสอนให้เรา รู้จักตัวเอง - คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำทุกอย่างหรอก คนทุกคนไม่ได้วิ่งเข้าเส้นชัยตลอดเวลา บางครั้งควรจะยืนอยู่ข้างสนามแล้วคอยปรบมือให้เขาบ้าง *************************************************** หากข้าพเจ้าพิมพ์ผิดพลาดประการใด ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดีัยวนะครับ คิืดว่า บทสัมภาษณ์ ของพี่ โน๊ส อุดม แต้พานิช น่าจะให้อะไรกับท่านผู้อ่านบ้าง ไม่มาก ก็น้อยครับ Have a nice day ครับ |
noooon010
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?] สวัสดีครับผม ^^ slumdog millioanaire สุดยอดจริงๆครับ คนทุกคน มีค่าเท่าๆกัน คนที่ดูถูกคนอื่นเท่านั้น ที่เป็นการดูถูกตัวของคุณเอง มาสร้างสิ่งดีๆให้โลกนี้กันดีกว่าครับ Friends Blog
Link
|