ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

คำทำนาย วันสิ้นโลก 2012

ดร. ชัยวัฒน์ คุประตกุล นักวิทยาศาสตร์ และนักเขียน ได้กล่าวว่า เรื่องวันสิ้นโลก วันที่ 21 ธันวาคม 2012 ก็มีหลายสาเหตุ หลายที่มา ปฏิทินมายาที่กล่าวกันนี้ก็มีจริง แต่ปฏิทินมายาไม่ได้กล่าวว่าจะมีการสิ้นยุคแต่อย่างใด สำหรับชาวมายาในยุคใหม่ เช่น กัวเตมาลาเขาก็ทราบเรื่องปฏิทินเหล่านี้ แต่มันก็เป็นเพียงปฏิทินที่อริยธรรมมายาในอดีตได้สร้างขึ้นมา และปัจจุบันนี้ก็มีใช้กันบ้าง มักจะใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ทางด้านลัทธิความเชื่อต่างๆ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับวันสิ้นโลกแต่อย่างใด


2010 วันสิ้นโลก



ปฏิทินของชาวมายาที่ไม่ได้เกี่ยวกับวันสิ้นโลกแต่อย่างใด

ในมุมมองทางวิทยาศาสตร์ปรากฏการณ์วันสิ้นโลก 21 ธันวาคม 2012 นั้นก็เป็นกระแสสังคมที่มีที่มาที่อธิบายได้ และควรจะวิตกหรือไม่....2012 จะสิ้นโลกหรือไม่ พระมหาดร.สมชาย ฐานวุฑโฒ ได้กล่าวไว้ว่า ให้เราสบายใจเลย ว่าโลกยังไม่ได้ถึงกาลดับสลายหรือแตกไป ถ้าจะเป็นก็อาจจะเป็นการเปลี่ยนยุคซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของพวกเราเอง ว่าจะเปลี่ยนยุคไปสู่ความสว่างไสว งดงาม หรือจะเปลี่ยนยุคไปสู่ความแย่ลงก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเองตั้งแต่บัดนี้ไป แต่ว่าโลกยังไม่ได้สูญสลาย มนุษยชาติไม่ได้สูญพันธุ์ไปไหน ทุกอย่างยังคงอยู่

บ้างก็ว่ามนุษย์เรามีวิวัฒนาการมาจากลิง

แล้วมนุษย์เรานี้เกิดมาอย่างไร นักวิทยาศาสตร์บางท่านกล่าวว่าก็เกิดมาจากลิงไง แล้ววิวัฒนาการมาจนเป็นมนุษย์ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่วิวัฒนาการของชาลล์ ดาวิน เป็นไปได้ไหม ความจริงแล้วเป็นไปได้ วิวัฒนาการนั้นเป็นช่วงๆ แต่ไม่ได้ขึ้นขั้นต้องกลับกลายจากลิงมาเป็นมนุษย์ อย่างนั้นไม่ใช่ แล้วคนมาจากไหน?

2012 วันสิ้นโลก


คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกี่ยวกับการเกิด ดับของจักรวาลมีปรากฏในพระไตรปิฎก

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเคยตรัสสอนไว้ว่า เริ่มต้นเมื่อกัปทำหลายลงด้วยเหตุต่างๆ ยาวนานมาก แล้วค่อยๆ ฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตเริ่มเกิดขึ้น โดยมีพรหมลงมาบนโลกมนุษย์ โดยเหาะลงมาจากพรหมภูมิลงมาที่โลกมนุษย์ จากที่โลกถูกไฟเผามานานจนกระทั่งว่ามีกลิ่นหอม มีสิ่งที่เรียกว่าง้วนดินที่เป็นดินที่ถูกไฟเผามานานจนมีกลิ่นหอมอย่างมาก หอมยิ่งกว่าน้ำผึ้ง มีรสชาติที่โอชา พอพรหมหยิบเข้าปากก็จะกำซาบลงไปทุกส่วนของร่างกายโดยไม่ต้องใช้อวัยวะใดๆ ในการย่อยสลาย แต่พอทานอาหารที่เป็นของหยาบเข้าไปเรื่อยๆ ร่างกายของพรหมก็เริ่มหนักขึ้น เริ่มเหาะไม่ได้ จึงต้องเดิน จากเดิมเป็นพรหมที่มีรัศมีสว่างไสว ก็กลายเป็นพรหมที่มีผิวพรรณหยาบ บ้างก็มีผิวพรรณดีไม่ถึงกับหยาบตามกำลังบุญของแต่ละคน จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการดูถูกกันเรื่องสีผิว พอเกิดทิฏฐิมานะขึ้น ง้วนดินก็เริ่มหายไป กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่ากระบิดิน แต่ยังคงมีรสอร่อย และกลิ่นหอม บริโภคได้เหมือนเดิม ยิ่งมนุษย์ถูกกิเลสครอบงำเท่าไร ความประณีตของอาหารก็น้อยลงทุกที จากกระบิดิน กลายเป็นเครือดิน และต่อมาได้กลายเป็นข้าวสาลี

ข้าวสาลีในยุคนั้นต่างจากข้าวสาลีในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นข้าวที่มีเปลือกบางคล้ายๆ เปลือกของแตงกวา จึงกินได้ทั้งเปลือก มีสีเหลืองอมขาว รู้สึกนุ่มเมื่อเคี้ยว มีกลิ่นหอม มีคุณค่าทางอาหารครบ และมีความอร่อยอยู่ในตัว เมื่อบริโภคเข้าไปแล้วจะสามารถดับความหิวกระหาย ความเหน็ดเหนื่อยได้ ขนาดของเมล็ดประมาณ 1 ศอกของมนุษย์ในยุคนั้น (ศอกที่กำมือแล้ว) 1 เมล็ดสามารถบริโภคได้ 3-5 คน เมื่อจะบริโภคก็นำมาวางไว้บนแผ่นหินชนิดหนึ่ง ข้าวจะสุกเอง

เนื่องจากมนุษย์ยุคนั้นมีร่างกายที่ใหญ่กว่ายุคปัจจุบันมาก ข้าวสาลีจึงมีลำต้นสูงใหญ่มาก โดยสูงประมาณเท่าต้นยางนา (ยางนาสูงโดยเฉลี่ย 40 - 45 เมตร) และสูงกว่ามนุษย์ในยุคนั้น ปกติรวงข้าว จะตั้งตรง แต่ครั้นเมื่อรวงข้าวสุกก็จะโน้มลงมาจนมนุษย์สามารถเก็บได้ เมื่อเก็บแล้วก็จะงอกออกมาใหม่และขึ้นได้ทั่วไป

เพราะเหตุที่คุณภาพของอาหารที่มนุษย์บริโภคเข้าไป มีลักษณะหยาบขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เป็นเพราะกิเลสที่เพิ่มมากขึ้นของมนุษย์ ทำให้อาหารที่มนุษย์บริโภคเข้าไปนั้นไม่สามารถถูกดูดซึมได้ดังเดิม เกิดมีกากอาหารขึ้น เสมือนเป็นของส่วนเกินของร่างกาย ร่างกายของมนุษย์จึงปรากฏช่องทางขับถ่าย คือ ทวารหนักและทวารเบา แต่เนื่องจากกรรมที่เคยประพฤติผิดศีลข้อกาเมฯของชาติในอดีต ส่งผลทำให้มนุษย์ มีอวัยวะเพศต่างกัน บางคนเพศหญิงปรากฏ บางคนเพศชายปรากฏ

เมื่ออวัยวะเพศปรากฏ และด้วยเหตุว่า มีเพศต่างกันเป็นเพศหญิงเพศชาย ทำให้มนุษย์เพ่งเล็งกันและกัน มีความปรารถนาในกาม มีความสนใจในเพศตรงข้าม จึงต่างเข้าหากันและเสพเมถุนธรรมต่อกัน เนื่องจากการเสพเมถุนธรรมนี้เป็นสิ่งแปลกใหม่ ทำให้มนุษย์ส่วนมากเห็นการที่หญิงชายเสพกามกันนั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ จึงพากันห้ามปราม จับแยก รวมทั้งติเตียน ด่าว่า จนกระทั่งพากันขับไล่ โดยในพระสูตรได้พรรณนาถึงอาการขับไล่ไว้ว่า

" สัตว์เหล่าใดเห็นสัตว์เหล่าอื่นกำลังเสพเมถุนกัน ก็โปรยฝุ่นลงบ้าง โปรยขี้เถ้าลงบ้าง โปรยโคมัย ลงบ้าง ด้วยกล่าวว่า คนถ่อย เจ้าจงฉิบหาย คนถ่อย เจ้าจงฉิบหายดังนี้ แล้วกล่าวว่า ก็สัตว์จักกระทำกรรม อย่างนี้แก่สัตว์อย่างไร..."

เมื่อชายหญิงเหล่านั้นเสพเมถุนธรรม จึงถูกรังเกียจและขับไล่ ได้เสาะแสวงหาและสร้างที่มุงบังเพื่อ ปกปิดในเวลาเสพเมถุนธรรม ทำให้มีการสร้างบ้านเรือนตามมา เมื่อมนุษย์ต่างก็ซ่องเสพกามกัน ทำให้ การเกิดแบบชลาพุชะ คือ การเกิดในมดลูก มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ซึ่งถือได้ว่ามนุษย์ได้เริ่มเกิดจากครรภ์ ตั้งแต่ครั้งนั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีการเกิดแบบโอปปาติกะในหมู่มนุษย์อีก

เมื่อมนุษย์สร้างบ้านเรือน มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง จึงเกียจคร้านในการออกไปแสวงหาข้าวสาลีบ่อยๆ เกิดความโลภขึ้น เมื่อออกไปเก็บข้าวสาลีก็นำมาทีละมากๆ นำมาสะสมไว้ ยิ่งความโลภมากเท่าไรความประณีตของอาหารก็ยิ่งน้อยลง ข้าวสาลีจึงเริ่มเสื่อมคุณภาพลงไปเรื่อยๆ ลำต้นมีขนาดเล็กลง ปรากฏมีเปลือกขึ้น และเมื่อเก็บไปแล้วก็ไม่งอกออกมาอีก ที่เคยขึ้นอยู่ทั่วไป ก็เริ่มลดน้อยร่อยหรอลงไปเรื่อย และหาได้ยากขึ้น

เมื่อข้าวสาลีเริ่มปรากฏน้อยลง ซ้ำยังห่างไกลออกไปจากที่อยู่อาศัยขึ้นเรื่อยๆ จึงเริ่มมีการจับจองพื้นที่และแบ่งปันเขตแดนกัน แต่เนื่องจากมีผู้ที่อยากได้ข้าวของผู้อื่นจึงทำการลักขโมย เมื่อมีการจับได้ก็จะตัดพ้อต่อว่า ครั้นบ่อยครั้งเข้าก็มีการทำร้ายร่างกาย เกิดความเดือดร้อนขึ้น มนุษย์จึงปรึกษากัน และตกลงให้มีการตั้งผู้ทำหน้าที่ปกครองพวกตนขึ้นเป็นหัวหน้า

ในการคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นผู้ปกครองนั้น มนุษย์จะเลือกผู้ที่มีสติปัญญา มีรูปร่างลักษณะและกิริยาสง่างามน่าเกรงขาม สามารถปกครองคนทั้งปวงได้ เมื่อพบผู้ใดที่มีคุณสมบัตินี้แล้ว ก็จะเลือกให้เป็น พระเจ้าแผ่นดินปกครองประเทศ ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินจะทรงวางระเบียบแบบแผน และออกกฎข้อบังคับต่างๆ ให้ประชาชนปฏิบัติเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข มีการจัดแบ่งปันเขตแดนต่างๆ อย่างยุติธรรม จึงทำให้ได้รับการยกย่องขึ้นเป็นกษัตริย์ ซึ่งแปลว่าผู้เป็นใหญ่ในการเกษตร ระบอบกษัตริย์จึงเป็นการ ปกครองระบอบแรกของมนุษยชาติ แต่กษัตริย์ในยุคนั้น ปกครองผู้ใต้ปกครองแบบพ่อปกครองลูก


2012 วันสิ้นโลก



ลักษณะของมนุษย์ในแต่ละยุค มนุษย์ในยุคแรกๆ มีอายุเป็นล้านๆ ปี

มนุษย์ในยุคแรกๆ อายุยืนเป็นล้านๆ ปี แต่พอสิ่งแวดล้อมแย่ลงอายุก็ค่อยๆ น้อยลง ในครั้งพุทธกาลมนุษย์มีอายุเฉลี่ย 100 ปี เนื่องจากเป็นช่วงอายุไขลง เพราะสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย 100 ปี อายุมนุษย์ก็จะลดไป 1 ปี ตอนนี้หลังพุทธกาลประมาณ 2,500 ปี ตอนนี้อายุมนุษย์ก็จะเฉลี่ยลดลงเหลือ 75 ปี ในพระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ตั้งแต่กำเนิดโลก จนพัฒนามาต่างๆ ไปจนถึงสิ้นยุค แต่ถ้าถามว่าอีก 3 ปี จะสิ้นยุคไหม ตอบได้เลยว่า ไม่ แต่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงคืออายุมนุษย์ก็จะค่อยๆ น้อยลงจนเหลืออายุประมาณ 10 ปี ในยุคนั้นคนเกินมาพอตั้งหลักได้สักพักก็เริ่มมีลูกมีเต้า มนุษย์เพศหญิงจะมีสามีตั้งแต่อายุเพียง 5 ปี อาหารต่างๆ ที่ประณีตที่เคยมี คือ เนยใส เนยข้น น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และเกลือ จะอันตรธานหายไปจนหมดสิ้น อาหารที่ดีที่สุดในยุคนั้น คือ หญ้ากับแก้ ซึ่งเปรียบได้กับ ข้าวสาลี ข้าวสุก และเนื้อที่ถือว่าเป็นอาหารอย่างดีที่สุดในยุคปัจจุบัน

ในยุคนี้ กุศลกรรมบถ 10 จะไม่มีเหลือเลย โลกจะมีแต่อกุศลกรรมบถ 10 มนุษย์ทั้งหลายต่างไม่ปฏิบัติชอบในมารดา ในบิดา ในสมณพราหมณ์ และไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล แต่ทั้งที่เป็นเช่นนั้น มนุษย์ที่ประพฤติเช่นนั้นกลับได้รับการบูชาสรรเสริญ ทั้งนี้เป็นเพราะมนุษย์ไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นกุศล สิ่งใด เป็นอกุศล ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์ในยุคนี้จะเสพอสัทธรรม สมสู่กันไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาต มิตร ศิษย์ อาจารย์ ต่างสมสู่กันเช่นกับอาการของสัตว์ทั้งหลาย

นอกจากจะสมสู่กันไม่เลือกหน้าแล้ว มนุษย์ในยุคนี้ยังเกิดความอาฆาต พยาบาท คิดร้ายต่อกันอย่างแรงกล้า ประดุจพรานเห็นเนื้อ ด้วยความอาฆาตพยาบาทอย่างแรงกล้านี้เอง มนุษย์จึงต่างประหัตประหารกัน โดยที่ไม่เลือกว่าผู้นั้นจะเป็น บิดา มารดา บุตร สามี ภรรยา พี่ หรือน้อง ต่างก็คว้าอาวุธ ของมีคมต่างๆ ฆ่ากันดุจเห็นกันและกันเป็นเช่นเนื้อ


ลักษณะของมนุษย์ในยุคกัปไขลงที่มีอายุขัยเฉลี่ย 10 ปี

ช่วงของการเข่นฆ่ากันนี้เรียกว่า สัตถันตรกัป จะกินเวลา 7 วัน ระหว่าง 7 วัน ที่มนุษย์ฆ่ากันนี้ จะมีมนุษย์กลุ่มหนึ่งคิดว่า เราอย่าฆ่าใคร และใครอย่าฆ่าเรา แล้วชวนกันหลบเข้าไปอยู่ตามป่า ซอกเขา หรือระหว่างเกาะ ดำรงชีพโดยมีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหาร จนกระทั่งครบ 7 วัน จึงออกมาจากที่ซ่อน เมื่อพบกันต่างก็สวมกอดกันและกัน แล้วก็คิดขึ้นว่า การที่ความเสื่อมทั้งหลายเกิดขึ้นนี้ เป็นเพราะสมาทานธรรมที่เป็นอกุศล จึงชวนกันทำสิ่งที่เป็นกุศล งดเว้นปาณาติบาต


ในยุคมิคสัญญี จะมีมนุษย์ที่มีจิตใจดีงามกลุ่มหนึ่งที่หนีเข้าป่าไป

เมื่อมนุษย์เหล่านั้นต่างก็ประพฤติกรรมอันเป็นกุศล อายุและผิวพรรณจึงเจริญขึ้น บุตรของมนุษย์เหล่านั้นจึงมีอายุมากขึ้น เป็น 20 ปี และเมื่อมนุษย์ในยุคถัดๆ มา ประพฤติกุศลธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป อายุ และผิวพรรณของเขาก็เจริญขึ้นไปอีก บุตรของเขาก็อายุมากขึ้นเป็นลำดับ เมื่อมนุษย์ต่างก็กระทำในสิ่งที่เป็นกุศล ความเจริญก็เกิดขึ้น อายุขัยมนุษย์ยาวขึ้น มนุษย์ยุคถัดจากนั้นบำเพ็ญกุศลธรรมมากขึ้นไปอายุขัยก็มากขึ้นตามลำดับ สิ่งแวดล้อมดีขึ้น โลกเจริญขึ้น จนกระทั่ง มนุษย์มีอายุยืนถึงอสงไขยปี โดยอายุมนุษย์จะไขขึ้นไขลงอีกหลายรอบกว่าจะถึงวันที่กัปจะแตก

ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำของมนุษย์ อาจจะไม่ต้องรอให้อายุขัยไปถึง 10 ขวบ กัปก็จะดีขึ้นได้ หากเราทำแต่ความดีอย่างเต็มที่ มีหวัง 21 ธันวาคม 2012 จะไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่จะเป็นวันเปิดศักราชยุคใหม่ คือยุคแห่งความสว่างไสวของแสงธรรมแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะนำธรรมให้โลกสงบเย็น ดีขึ้น

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ คือกรอบใหญ่ๆ แต่กรอบนี้มีความยืดหยุ่นตัวเองได้ พฤติกรรมของชาวโลกโดยรวมนั้นถ้าหากว่าดี วงจรลบก็จะชะลอลงและอาจจะพลิกเป็นวงจรบวก แต่ถ้าเกิดเป็นทางไม่ดีก็อาจจะไปทางวงจรลบเร็วขึ้น เช่น ในยุคที่เกิด มิคสัญญี 7 วัน 7 คืนนั้น แต่ถ้าเกิดเป็นคนที่มีคุณธรรมต่อให้การฆ่าเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายก็ไม่กล้าทำ เพราะฉะนั้นเราเองต้องตรวจสอบตัวเราเองว่าในยุคปัจจุบันคนไทยที่เป็นเมืองพุทธ เรายังรักษาคุณธรรมในตัวเองได้หรือเปล่า ใจเราเปลี่ยนไปเหมือนคนยุคมิคสัญญีหรือเปล่า ใครที่ไม่ใช่พวกของเรา เราอยากให้เขาตายๆ ไปซะหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็อันตราย ใครที่คิดอย่างนี้ละก็ถือว่าเป็นคนที่เสื่อมก่อนวัย เสื่อมก่อนยุค เป็นตัวถ่วงสิ่งแวดล้อม เป็นตัวถ่วงสังคม แต่ถ้าเกิดใครที่มีเมตตาจิต หวังดี ปรารถนาดีต่อกัน อย่างนี้ล่ะก็เราถือเป็นตัวช่วยที่จะยกสังคมให้สูงขึ้นมา


21 ธันวาคม 2012 จะไม่ใช่วันสิ้นโลกถ้าเราพร้อมเพรียงกันทำความดีตั้งอยู่ในศีลธรรม

เพราะฉะนั้นถ้าอยากเห็นสังคมไทยดีขึ้นมา เราต้องร่วมแรงร่วมใจประพฤติปฏิบัติธรรมกันอย่างเต็มที่ ถึงอย่างนี้เพื่อที่จะยอยกเอาบุญมาช่วยประเทศให้สูงขึ้น ยกโลกให้สูงขึ้น ไม่ยอมให้โลกตกต่ำลง ถ้าทำได้อย่างนี้ละก็ 2012 ไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่จะกลายเป็นวันแห่งความสว่างไสวและนำโลกไปสู่ยุคใหม่คือยุคทองของพระพุทธศาสนา


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก //www.dmc.tv/




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2555   
Last Update : 13 ธันวาคม 2555 21:30:43 น.   
Counter : 1988 Pageviews.  

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กินอย่างไรให้ปลอดภัย ไร้โรคา



"ใครไม่เคยทาน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยกมือขึ้น?" ..................

ถ้าจะมีคนยกมือตอบว่า ไม่เค้ย ไม่เคย ก็สงสัยว่าจะเป็นเด็กเล็กที่ยังทานอาหารเส้นไม่เป็นซะล่ะมากกว่า โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจตกสะเก็ดแบบทุกวันนี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาจจะกำลังกลายเป็น อาหารประจำวันของใครหลาย ๆ คน เชื่อหรือไม่ คนไทยกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปีละกว่า 2 พันล้านซอง เฉลี่ยวันละ 8 ล้านซอง (ตุลาคม 2550) ปัญหาไม่ได้จบลงแค่นั้น ที่สำคัญก็คือคนไทยชอบกินเปล่า ๆ แบบว่า ฉีกซองเครื่องปรุง กดน้ำร้อน ปิดฝาสองนาที ซวบ ซวบ จบ นานวันเข้าก็เกิดอาการ ขาดสารอาหาร อ้วน ความดันสูง ไตเสื่อม (อ้วน.. แต่ขาดสารอาหาร??? มันยังไงกัน) 

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่ประกอบด้วยแป้งสาลี 60-70% ไขมันในเครื่องปรุง 15-20% ที่เหลือเป็นเกลือ และผงชูรส ถ้าเรารับประทาน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากกว่า 1 ซองหรือ 1 ถ้วยต่อวัน เราก็จะได้โซเดียม (ก็เกลือนั้นแหละ) เกินความต้องการของร่างกายต่อวัน ไปถึง 50-100 % ซึ่งจะทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง ประกอบกับส่วนประกอบหลักเป็นแป้ง ถ้าคุณทานแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ร่างกายก็จะได้รับแต่แป้ง ๆ ๆ สุดท้ายก็อ้วนนะสิ (ข้อมูลจากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล)

เอาข้อมูลมาจาระไนให้ฟังกันขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าจะมาชวนก่อม๊อบรณรงค์ ให้เลิกกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ประเด็นอยู่ตรงที่ไหน ๆ ก็หนีไม่พ้น ก็หันมาใส่ใจ เลือกซื้อให้คุ้มค่าที่สุด ก่อนซื้ออ่านฉลากสักนิด ว่าเติมสารไอโอดีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ รึเปล่า แต่ถ้าจะให้ดีควรเติมไข่ หรือเนื้อสัตว์ และผักทุกครั้งที่ทาน 

วิธีปรุงก็สำคัญไม่แพ้กัน หลาย ๆ คนยอมที่จะต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกิน ด้วยความที่จะได้เส้นที่เหนียวนุ่มน่ากินกว่า แต่ชอบที่จะใช้น้ำในการต้มน้อย ๆ (รสชาติจะได้เข้มข้น) ใส่เครื่องปรุงลงไปตั้งแต่ตอนต้มด้วย เครื่องปรุงจะได้เข้าเนื้อ (ว่าไปนั่น) แต่หารู้ไม่ว่า การต้มแบบนั้นเป็นวิธีการที่ผิดมหันต์ คุณจะได้รับโซเดียม ไปเต็ม ๆ ซึ่งขอเสียได้บอกไปแล้วตั้นแต่ตอนต้น และผงเครื่องปรุง ที่ใส่ลงไปเมื่อโดนความร้อนสูง จะแปรสภาพเป็นสารพิษ ซึ่งส่งผลเสีย ต่อการทำงานของร่างกายอีกต่างหาก

วิธีการต้มที่ถูกต้องคือ ต้มครั้งแรกด้วยปริมาณน้ำพอสมควร จากนั้นเทน้ำจากการต้มรอบแรกทิ้งไป ใส่น้ำลงไปใหม่ ตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง ใส่ไข่ เนื้อสัตว์และผัก เทใส่ชามจากนั้นจึงค่อย เทเครื่องปรุงใส่ในชาม ซึ่งถ้าจะให้ดี คุณอาจใช้เครื่องปรุงเพียงครึ่งซอง หรือน้อยกว่านั้นก็ได้ อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรรับประทานแต่ บะหมี่สำเร็จรูปอย่างเดียว ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพิ่มเงินอีกนิด สลับไปทานอาหารจานเดียวอย่างอื่นบ้าง อาจจะเป็น ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน อาหารไทยมีให้เลือกกินตั้งมากมาย เพื่อสุขภาพในระยะยาว



ที่มาข้อมูล : thaifooddb.com
ที่มาภาพประกอบ moph.go.th




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2555   
Last Update : 13 ธันวาคม 2555 21:30:08 น.   
Counter : 1826 Pageviews.  

ลือรายวัน ! iPhone 5s มาเดือน มิ.ย.56

ข่าวคราวในวงการสมาร์ทโฟนก่อนสิ้นปี 2012 ยิ่งทวีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ที่เรียกเสียงฮือฮามากหน่อยก็เห็นจะเป็นฝั่ง Apple ที่มีข่าวลือมาอีกระลอกว่า "iPhone 5s" มีคิวเปิดตัวในเดือนมิถุนายนปีหน้านี้

บทการวิเคราะห์ของนาย Peter Misek ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดตัว iPhone รุ่นต่อไปผ่าน Business Insider ว่า Apple จะใช้ช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2013 เปิดตัว "iPhone 5s" รุ่นอัพเกรดจาก iPhone 5 โดยนาย Peter Misek ให้เหตุผลว่า iPhone 4s และ iPhone 5 ได้เปิดตัวในช่วงเวลาใกล้เคียงกันคือเดือนกันยายน กับตุลาคม และ iPhone 3Gs กับ iPhone 4 เปิดตัวระหว่างในเดือนมิถุนายนกับกรกฎาคม นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า iPhone 5s จะมาพร้อมหน้าจอแบบSuper HD, แบตเตอรี่ที่มีคุณภาพมากขึ้น, ปรับปรุงฟังก์ชั่นของกล้องถ่ายรูป และเพิ่มฟังก์ชั่น NFC ยิ่งไปกว่านั้นตัวกรอบของรุ่นใหม่นี้จะไม่มีเพียงสีขาวกับสีดำเท่านั้น แต่จะเพิ่มสีสันไปอีก 6-8 สี คล้ายๆกับ iPod Touch 5 ด้วย

แม้จะเป็นข่าวที่เล็ดลอดออกมาเรื่อยๆ แต่ถ้าใครที่ติดตามข่าว iPhone มาตลอดก็อาจสังเกตได้ว่าข่าวลือทั้งหมดดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน แถมหลายครั้งๆก็เป็นจริงเสียด้วย อย่างไรก็ตามก็เชื่อว่า Apple คงปล่อย iPhone รุ่นใหม่ออกมาวางจำหน่ายแน่ๆ ส่วนจะเป็นช่วงเวลาใดก็ต้องติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดครับ




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2555   
Last Update : 12 ธันวาคม 2555 21:31:12 น.   
Counter : 1490 Pageviews.  

ไหว้พระธาตุประจำปีเกิด

สำหรับปีใหม่ที่ใกล้จะถึงในปีนี้ใครที่อยากไหว้พระเสริมดวง ลองมาไหว้พระธาติเสริมดวงประจำปีเกิดต้อนรับปี 2556 กันดูสิคะ...พร้อมแล้วไปดูกันเลยว่าเกิดปีไหนต้องไหว้พระธาตุอะไร ที่ไหน บ้าง

ไหว้พระเสริมดวง

คนเกิดปีชวด

มิ่งขวัญอยู่ที่ พระธาตุศรีจอมทอง ณ วัดศรีจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่พระธาตุนี้บรรจุพระทักษิณโมลีธาตุ (กระดูกพระยอดเบื้องขวา) ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บทสวดบูชาพระธาตุศรีจอมทอง

นะมามิ ติโลกะโมลี โลหะกุฏเฐ นะติฏฐิตัง ปูชิตัง สัพพะโลเกหิ กิตติมันตัง มะโนระหัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา อังคะวะหะเย ปุเรรัมเม โกวิสารัคคะ ปัพพะเต สะหิเหมะคูหาคัพเภ ทักขิณะ โมลีธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะทา

คนเกิดปีฉลู

มิ่งขวัญอยู่ที่ พระธาตุลำปางหลวง ณ วัดลำปางหลวง เกาะคา จังหวัดลำปางพระธาตุนี้บรรจุอัฐิลำคอหน้า - หลัง และอัฐิพระนลาฏ (หน้าผาก) ข้างขวาของพระสัมมาสัมพุทธ

บทสวดบูชาพระธาตุลำปางหลวง

ปายุตาภูตา อะนุรานุภาวา จิรังปติฏฐิโต สัมภะกัปปะปุเร เทเวนะ คุตตา อันตุราภิเทยยา นิมามิ หันตัง วะระชินะธาตุง กุมาระกัสสะปัง นราตะ ธาตุโย เมฆิยะมหาเถระโร กัณณะธาตุฏฐะเปติ มหาฐาเน เจติยัง ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโยฯ

คนเกิดปีขาล

มิ่งขวัญสถิตอยู่ที่ พระธาตุช่อแฮ ณ วัดช่อแฮ จังหวัดแพร่พระธาตุแห่งนี้บรรจุพระธาตุศอกข้างซ้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บทสวดบูชาพระธาตุช่อแฮ

เสยะยัง ธัชชัคคะปัพพะเต พุทธาธาตุ ปะติฏฐิตัง ปะสัน เนนะ อะหัง วันทามิ ทูระโตฯ

คนเกิดปีเถาะ


มิ่งขวัญสถิตอยู่ที่ พระธาตุแช่แห้ง ณ วัดแช่แห้ง จังหวัดน่านพระธาตุแห่งนี้บรรจุพระธาตุข้อมือซ้ายกับพระเกศธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บทสวดบูชาพระธาตุแช่แห้ง

ปายาตุภูตา อตุรานุ ภาวะจิรัง ปะติฏฐิตา นันทกัปปัฏฐานะปุระ เทเวนะคุตตา วะระพุทธาตุงจิรัง อะหัง วันทามิ ตัง ชินะธาตุง เสตะฐาเน อะหัง วันทามิ ทูระโตฯ

คนเกิดปีมะโรง

มิ่งขวัญสถิตอยู่ที่ พระธาตุสิงห์ ณ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ พระธาตุแห่งนี้บรรจุพระบรมธาตุ และมีพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐานอยู่ ณ วัดนี้ด้วย ซึ่งบางตำราก็ว่าให้คนเกิดปีมะโรงกราบไหว้พระพุทธสิหิงค์ มิใช่พระธาตุเจดีย์

บทสวดบูชาพระธาตุวัดพระสิงห์และพระพุทธสิหิงค์

นะมามิ สิหิงคะพิมพัง สุวัณณะภิรัมมัง ลังกาละ ชาตัง โสภาภิโสภัง สะลาภิกันตัง นะมามิหังฯ

คนเกิดปีมะเส็ง

มิ่งขวัญสถิตอยู่ที่ พระธาตุ ณ วัดพระเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ต้นศรีมหาโพธิหรือโพธิบัลลังก์เป็นสถานที่ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ณ ที่นั้น แต่คนเกิดปีมะเส็งที่มิมีโอกาสเดินทางไปที่อินเดีย ก็สามารถไหว้บูชาต้นมหาโพธิ์ หรือต้นโพธิ์ใหญ่ ๆ ตามวัดต่าง ๆ ใกล้บ้านของท่านก็ถือว่าแทนกันได้

บทสวดบูชาพระเจดีย์ศรีมหาโพธิ์

ปะฐะมัง โพธิปัลลังกัง ทุติยังอนิมิสสะกัง ตะติยัง จังกะมะเสฏฐัง จะตุตะถัง ระตะนะฆะรัง ปัญจะมัง อะชะปาลานิโครธัง ฉัฏฐังราชา ยะตะนัง สัตตะมัง มุจจะรินทัง อะหัง วันทามิ ทูระโตฯ

คนเกิดปีมะเมีย

มิ่งขวัญสถิตอยู่ที่ พระธาตุตะโก้ง หรือเจดีย์ชเวดากอง วัดพระธาตุตะโก้ง ประเทศพม่าพระธาตุแห่งนี้บรรจุพระเกตุธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บทสวดบูชาพระเจดีย์ชเวดากอง

ธัมภูทีเป วะระฐาเน สิงคุตตะเร มะโนรัมเม สัตตะระนะ ปะฐะมัง กะกุสันธัง สุวัณณะฑัณธัง ธาตุโย ฐัสสะติ ทุติยัง โคนาคะมะนัง ธัมมะกะระณัง ธาตุโย ฐัสสะติ ตะติง กัตสัปปัง พุทธะจีวะรัง ธาตุโย ฐัสสะต จะตุตะถัง โคตะมะ อัฏฐเกสะ ธาตุโย ฐัสสะติ ปัญจะมัง อริยะเมตเตยโย อนาคะโต อุตตะมังธาตุโยฯ

คนเกิดปีมะแม

มิ่งขวัญสถิตอยู่ที่ พระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ พระธาตุแห่งนี้บรรจุพระบรมธาตุและพระเกศธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บทสวดบูชาพระธาตุดอยสุเทพ

สุวัณณะเจติยัง เกสาวะระมัตถะลุงคัง อรัญญะธาตุ สุเทเว สัพพะ ปูชิง ตัง นะวะเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโยฯ

คนเกิดปีวอก

มิ่งขวัญสถิตอยู่ที่ พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม พระธาตุแห่งนี้บรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกหน้าอกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บทสวดบูชาพระธาตุพนม

กะปะณะ คิริสมิง ปัพพะเต มหากัสสะเปนะ ฐาปิตัง พุทธะอุรัง คะธาตุง สิริสา นะมามิฯ

คนเกิดปีระกา

มิ่งขวัญสถิตอยู่ที่ พระธาตุหริภุญชัย ณ วัดหริภุญชัย จังหวัดลำพูน พระธาตุแห่งนี้เป็นที่สถิตแห่งพระเกศธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บทสวดบูชาพระธาตุหริภุญชัย

สุวัณณะเจติยัง หะริภุญชะยัฏฐัง วะระโมลีธารัง อุรัฏฐเสฎฐัง สะหะอังคุลิฏฐัง กัจจายะเนนา นิตะปัตตัปปะรัง สีเสนะ มัยหัง ปะณะมามิ ธาตุง อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ

คนเกิดปีจอ

มิ่งขวัญสถิตอยู่ที่ พระเจดีย์เกตุแก้ว วัดเกตุแก้วจุฬามณี จังหวัดอุทัยธานี

บทสวดบูชาพระธาตุเจดีย์เกตุแก้ว

จัตตาฬีสะสะมา ทันตา เกส โลมรา นขาปิจะเทวา หะรันติ เอเกกัง จักกะวาฬาปะรัมปะรา ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโยฯ

คนเกิดปีกุน

มิ่งขวัญสถิตอยู่ที่ พระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย พระธาตุแห่งนี้บรรจุพระบรมอัฐิธาตุและรากขวัญ (กระดูกไหปลาร้าเบื้องซ้าย) ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บทสวดบูชาพระธาตุดอยตุง

พิมพา ธะชัคคะ ปัพพะเต นะจุฬาชาตุ จิรัง มะหาคะมา นะมามิหัง อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ

อย่างไรก็ดีการไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิดถือว่าเป็นมหามงคลยิ่งสำหรับพุทธศาสนิกชน เพราะสามารถขอพรให้สัมฤทธิ์ได้อย่างตั้งใจ พระคาถาประจำปีเกิดก็เป็นคาถาสำคัญยิ่ง เมื่อผู้ใดได้บริกรรมพระคาถานี้จะพ้นจากความทุกข์ยากทั้งมวลได้บรรลุความสุขในชาตินี้และชาติหน้า ผู้ใดภาวนาได้อานิสงค์มากปราศจากภัยพิบัติทั้งปวง

ขอบคุณข้อมูลจาก  //www.horolive.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2555   
Last Update : 12 ธันวาคม 2555 21:30:27 น.   
Counter : 1851 Pageviews.  

สีของพาสปอร์ต (passport)

สำหรับผู้ที่ประสงค์อยากเดินทางไปต่างประเทศ  สิ่งแรกที่ทุกคนต้องมีคือ  หนังสือเดินทางหรือที่ทุกคนเรียกว่า พาสปอร์ต (passport) ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้แสดงความเป็นตัวท่านที่ถือเป็นสากล  ใช้ได้ทั่วโลก  และยังเป็นสมุดบันทึกการเดินทางเข้าออกประเทศต่าง ๆ อีกด้วย

          หนังสือเดินทางไทย (Thai passport) เป็นหนังสือเดินทางที่ออกให้เฉพาะประชาชนไทย โดยกองหนังสือเดินทางกระทรวงการต่างประเทศ สามารถออกในประเทศไทยโดย หน่วยงานในสังกัด กองหนังสือเดินทาง กระทรวงการต่างประเทศ บางกรณีอาจจะออกได้ที่ สถานเอกอัครราชทูตในต่างประเทศ หรือสถานกงสุลไทยทั้ง 86 แห่ง

ลักษณะของพาสปอร์ต (หนังสือเดินทาง)

          หนังสือเดินทางประเทศไทยสำหรับประชาชนทั่วไปรุ่นปัจจุบันจะมีสีแดงเลือดหมูโดยมีตราครุฑอยู่ตรงกลางที่ปกด้านหน้า และคำว่า "หนังสือเดินทาง ประเทศไทย" (อยู่ต่างบรรทัดกัน) อยู่ด้านบนสุด ส่วนคำว่า "THAILAND PASSPORT" (อยู่ต่างบรรทัดกัน) อยู่ใต้ตราครุฑ ด้านล่างสุดจะเป็นสัญลักษณ์ของหนังสือเดินทางที่มีข้อมูลทางชีวภาพ (biometric passport) อักษรและสัญลักษณ์ที่หน้าปกเป็นสีทอง

ประเภทของพาสปอร์ต (หนังสือเดินทาง)
          หนังสือเดินทางประเทศไทยในปัจจุบันมี 4 ประเภท ดังนี้

หนังสือเดินทางธรรมดา (หน้าปกสีแดงเลือดหมู)
          ออกให้สำหรับประชาชนทั่วไป หนังสือเดินทางมีอายุไม่เกิน 5 ปี

หนังสือเดินทางราชการ (หน้าปกสีน้ำเงินเข้ม)
          หนังสือเดินทางมีอายุไม่เกิน 5 ปี  ผู้ถือต้องใช้ในราชการเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้ในการเดินทางส่วนตัว  โดยมีข้อกำหนดออกเฉพาะข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่จัดตั้งตามรัฐธรรมนูญ สมาชิกรัฐสภาซึ่งเดินทางไปราชการในต่างประเทศ และบุคคลอื่นใดที่เดินทางเพื่อทำประโยชน์แก่ทางราชการตามที่กระทรวงการต่างประเทศอนุมัติ

หนังสือเดินทางทูต (หน้าปกสีแดงสด)
        ประเภทนี้จะมีอายุไม่เกิน 5 ปี ไม่สามารถต่ออายุเพิ่มได้ มีข้อกำหนดออกให้เฉพาะบุคคลดังต่อไปนี้

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  พระบรมวงศ์และพระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  พระอนุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้าและคู่สมรส

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  พระราชวงศ์และบุคคลสำคัญที่ราชเลขาธิการขอไปเป็นกรณีพิเศษ

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  ประธานองคมนตรี และองคมนตรี

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  ประธานศาลฎีกา รองประธานศาลฎีกา และประธานศาลอุทธรณ์

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานศาลปกครองสูงสุด

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  ข้าราชการที่มีตำแหน่งทางการทูต ซึ่งเดินทางไปราชการในต่างประเทศ

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  ข้าราชการที่มีตำแหน่งทางการทูต ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ ณ ส่วนราชการในต่างประเทศ คู่สมรส และบุตรในประเทศที่ประจำอยู่หรือทำการศึกษาอยู่ในประเทศอื่น แต่บุตรจะต้องอายุไม่เกิน 25 ปี

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  คู่สมรสที่ร่วมเดินทางไปกับบุคคลดังกล่าวในข้อ 2-8

ดินสอดุ๊กดิ๊ก  บุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการหรือภายใต้พันธกรณีระหว่างประเทศ หรือภายใต้สถานการณ์พิเศษที่มีความจำเป็น หรือเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของประเทศไทย

หนังสือเดินทางชั่วคราว (หน้าปกสีเขียว)
          นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 ประเภทพิเศษ คือ
หนังสือเดินทางพระ ออกให้สำหรับพระภิกษุและสามเณรที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศตามนัยระเบียบมหาเถรสมาคม
หนังสือเดินทางเพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์ ออกให้ชาวมุสลิมที่เพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ หนังสือเดินทางประเภทนี้จะมีอายุ 2 ปีเท่านั้น

ที่มา: //www.vcharkarn.com/varticle/44080




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2555   
Last Update : 11 ธันวาคม 2555 21:18:18 น.   
Counter : 3196 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]