ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด

แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
รูปภาพ แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
รูปภาพ แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
รูปภาพ แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
รูปภาพ แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
รูปภาพ แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
รูปภาพ แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
รูปภาพ แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
รูปภาพ แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
รูปภาพ แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด
รูปภาพ แฟชั่นหน้าร้อน อัพเดทใหม่ล่าสุด




 

Create Date : 01 เมษายน 2554   
Last Update : 1 เมษายน 2554 9:26:17 น.   
Counter : 1378 Pageviews.  

เดรดล็อคแบบสาวเท่ และวิธีดูแลรักษา

ผมทรงเดทร็อค

ผมทรงเดรดล็อค

 ผมทรงเดทร็อค

ผมทรงเดรดล็อค

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

เพราะสาว ๆ แต่ละคน ล้วนมีสไตล์ทรงผมที่แตกต่างกันไปตามบุคลิก อย่างสาวหวานก็อาจจะไว้ผมยาวตรงง่ายต่อการดูแล สาวเปรี้ยวก็อาจจะดัดผมเป็นลอนสวย และมีการบำรุงที่ซับซ้อนขึ้นมาหน่อย ส่วนสาวเท่นั้นแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะมักจะมีทรงผมแปลก ๆ แนว ๆ ที่ท้าทายการดูแลมาให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ

และ หนึ่งในทรงผมสุดฮิตในหมู่สาวเท่ ก็คือ เดรดล็อคสุดเซอร์ ที่เคยฮิตในหมู่ของผู้ชายเซอร์ ๆ มาก่อน ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะดูรุงรังไปหน่อย แต่สำหรับสาวเท่แล้วล่ะก็ ดูเหมือนมันจะแนวไม่น้อย วันนี้ กระปุกดอทคอมก็เลยขอหยิบเรื่องของผมทรงเดรดล็อคมาฝากกัน ให้สาว ๆ ที่อยากจะทำได้ลองพิจารณาก่อนตัดสินใจดูซะก่อน ว่ามีเดรดล็อคแบบไหนบ้าง และมันมีวิธีการดูแลรักษาอย่างไรบ้าง ว่าแล้วสาวเท่ทั้งหลายก็ไปติดตามพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

ก่อน อื่นต้องขอบอกสาวที่อยากจะทำผมเดรดล็อคก่อนว่า ผมเดรดล็อคนั้น เมื่อตัดสินใจทำแล้ว จะเปลี่ยนกลับมาให้เป็นผมสลวยเหมือนเคยได้ยากมาก เนื่องจากหลังจากถักเดรดล็อคแล้ว ผมก็จะพันกันยุ่งเหยิงจนเสีย และยากที่จะแก้ไข ซึ่งส่วนใหญ่ ก็ต้องรอให้ยาวแล้วตัดส่วนที่เป็นเดรดล็อคออกไปทั้งหมดทีเดียวเลย อีกทั้งวิธีการดูแลรักษาก็ค่อนข้างจะยากกว่าผมปกติ เพราะต้องรักษาความสะอาด โดยสระและต้องนั่งเป่าให้แห้งอยู่นานสองนาน ซึ่งมันก็ทำให้ชาวเดรดล็อคหลายคนยอมแพ้กันมาก็มากแล้ว ดังนั้น สาว ๆ ควรพิจารณาดูดี ๆ ว่า พร้อมที่จะดูแลรักษาและอยู่กับมันไปตลอดหรือไม่ และถ้ามาถึงตรงนี้ สาว ๆ ยืนยันว่ายังคงอยากจะทำเดรดล็อคต่อไป ก็ไปดูทรงผมเดรดล็อคเก๋ ๆ กันเลย

ผมทรงเดทร็อค

ผมทรงเดรดล็อค

ผมทรงเดทร็อค

ผมทรงเดรดล็อค


วิธีการทำผมเดรดล็อค

ชม ทรงผมเดรดล็อคเก๋ ๆ กันแล้ว คราวนี้มาดูวิธีการทำและดูแลรักษากันบ้าง เริ่มจากการทำผมเดรดล็อคก่อน การทำผมเดรดล็อคนั้น จะแบ่งเป็น 2 ชนิด ดังนี้

1. ถักเดรดล็อคด้วยผมจริงทั้งหมด ช่างผมจะยี ขูด และถักผมของคุณให้พันกันจนแน่นเป็นก้อน ๆ หลาย ๆ ช่อ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกที่จะทำช่อเล็กหรือช่อใหญ่ต่างกันไป จนผมกลายเป็นก้อนหมดทั้งศีรษะ ราคาการถักจะอยู่ประมาณ 1,500 ไปจนถึง 3,000 บาทเลยทีเดียว

2. ใช้ผมปลอมถักเดรดล็อคเข้ากับผมจริง สำหรับสาว ๆ ที่ผมยังยาวไม่มาก แต่อยากได้เดรดล็อคยาว ๆ สามารถเลือกใช้ผมปลอมถักเข้ากับผมจริงได้ โดยทางช่างผมเดรดล็อคมักจะมีขายที่ร้านอยู่แล้ว จะเป็นผมปลอมแบบ 40 ช่อ หรือ 60 ช่อ ก็ว่าไป ซึ่งช่างผมก็จะถักผมปลอมพันเข้ากับผมจริงอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนราคาถักพร้อมผมปลอม จะอยู่ที่ 2,500 - 4,000 บาท

ผมทรงเดทร็อค

ผมทรงเดรดล็อค

ผมทรงเดทร็อค

ผมทรงเดรดล็อค

การดูแลรักษาผมเดรดล็อค

หลัง จากถักผมกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ ก็มาดูวิธีการดูแลรักษาผมเดรดล็อคกันบ้าง ก็อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วค่ะว่า การดูแลรักษาผมเดรดล็อคนั้นยากกว่าการดูแลผมธรรมดาเยอะ เพราะมันพันกันและเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกได้ง่าย ดังนั้นสาว ๆ เดรดล็อคจึงต้องใส่ใจผมเผ้ากันให้มากกว่าเดิมเยอะ ซึ่งผมเดรดล็อคนั้น มีวิธีการดูแลรักษาดังนี้

1. การสระผ ฉีดน้ำลงบนผมจนแน่ใจว่าทั่วเรือนผมแล้ว จากนั้นก็สามารถใช้แชมพูสระผมทั่ว ๆ ไป (บางคนอาจใช้สบู่) ชโลมบนโคนผมอย่างเบามือ ระวังอย่าใช้เล็บเกาหนังศีรษะ และอย่าขยี้ผม แต่ให้ใช้มือค่อย ๆ บีบให้ฟองแชมพูซึมเข้าไปในผมแต่ละช่อเบา ๆ ทำอย่างนี้ให้ทั่วทุกช่อ จากนั้นฉีดน้ำล้างออกให้สะอาด โดยใช้เวลานานหน่อย เพื่อป้องกันเชื้อราอันเกิดจากการตกค้างของแชมพู จากนั้นค่อย ๆ บีบน้ำออกจากผมแต่ละช่อให้มากที่สุด

2. การซับและเป่าผม หลังจากสระผมแล้ว ให้ใช้ผ้าขนหนูแห้งซับผม หรือคลุมผมไว้สักครู่ เพื่อให้ผ้าขนหนูดูดซับความชื้นออกจากเรือนผมให้มากที่สุด อาจจะซับผมซ้ำอีกครั้งด้วยผ้าขนหนูแห้งผืนที่ 2 ก็ได้ จากนั้นให้ใช้ไดร์เป่าผมไปทีละช่อ และต้องเป่าให้แห้งสนิททุกช่อ อย่าให้มีความชื้นอยู่ในเรือนผมเด็ดขาด เพราะหากเป่าไม่แห้ง อาจทำให้ผมอับชื้นและเกิดเชื้อราหรือกลิ่นเหม็นได้ ดังนั้น สาว ๆ จึงต้องแน่ใจว่าผมแห้งสนิทจริง ๆ ก่อนถึงจะนอนหรือออกจากบ้านได้

3. ผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่าง ๆ ควรใช้เป็นแบบสเปรย์ฉีดให้ทั่ว หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ต้องบีบลงบนฝ่ามือก่อน รับรองว่าผมจะมีบริเวณที่มันและแห้งต่างกันแน่นอนค่ะ ดังนั้นควรใช้แบบสเปรย์ฉีดชัวร์กว่าเยอะ

4. การถักผมเมื่อผมแตกฟู หลัง จากทำเดรดล็อคได้ประมาณ 2 สัปดาห์ จะเริ่มพบว่าผมแตกและชี้ฟูออกมาแล้ว ซึ่งปัญหานี้ สาว ๆ เดรดล็อคจำเป็นจะต้องซื้อเข็มถักกลับมา หลังจากไปทำเดรดล็อคเลยล่ะค่ะ เพราะมันแตกและชี้ฟูแน่ ๆ สาว ๆ ก็จะต้องค่อยถักมันเข้าไปรวมกับกลุ่มก้อนของมัน เพื่อเดรดล็อคที่ดูเป็นก้อน ไม่ชี้ฟูจนดูสกปรกจนเกินไป

5. การนอน สาว ๆ สามารถนอนได้ทุกท่วงท่าตามปกติ โดยช้อนผมขึ้นมาบนศีรษะเพื่อไม่ให้มันไปทิ่มเอาหลังหรือไหล่ แล้วเกิดอาการคันระหว่างนอนหลับขึ้นมาซะอย่างนั้น และนอกจากนี้ สิ่งที่สาว ๆ จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ก็คืออาการเจ็บผม ที่จะต้องทนอยู่กับมันให้ได้ในช่วงสัปดาห์แรก และอาการเจ็บจะค่อย ๆ หายไปหลังจากผมงอกขึ้นมาใหม่เรื่อย ๆ ค่ะ

6. การแก้ผม สาว ๆ เดรดล็อคที่ทำเดรดล็อคไปซักพักแล้วเกิดอยากจะแก้ผมขึ้นมา อยากบอกว่า เดรดล็อคจะไม่สามารถแก้กลับมาเป็นผมสภาพก่อนทำได้เลยค่ะ เพราะมันพันกันชี้ฟูและเสียไปตั้งแต่เริ่มทำแล้ว จะบำรุงก็บำรุงยากมาก ส่วนใหญ่ก็มักจะตัดให้ผมสั้นเหมือนผู้ชายไปก่อน แล้วค่อยไว้ให้ยาวภายหลัง ส่วนผมที่ทำเดรดล็อคมานั้นเรียกว่าเสียแล้วเสียเลย ดังนั้นจึงต้องถามตัวเองดูให้แน่ ๆ ก่อน ว่าพร้อมจะเสียผมตัวเองไปเพื่อเดรดล็อคหรือไม่

รู้ อย่างนี้แล้ว สาว ๆ ก็คงต้องใคร่ครวญ คิดแล้วคิดอีกให้รอบคอบก่อนนะคะ เพราะการทำเดรดล็อคนั้นไม่เหมือนการทำสีผม ยืดผม หรือดัดผมอย่างแน่นอน ผลของมันคือผมเสียอย่างถาวรที่ไม่อาจจะกลับมาเป็นสภาพเดิมได้แล้ว แต่สำหรับคนที่มีใจรักจริง ๆ ก็อย่าลืมดูแลรักษาผมกันให้ดี ๆ นะคะ เพื่อเดรดล็อคที่ดูเป็นก้อนสวยงาม ไม่ส่งกลิ่นหมักหมมรบกวนคนรอบข้างเหมือนกับหลาย ๆ คนที่เคยทำกันมาค่ะ




 

Create Date : 01 เมษายน 2554   
Last Update : 1 เมษายน 2554 9:24:41 น.   
Counter : 3201 Pageviews.  

The Twilight Saga : Breaking Dawn Part I



Twilight




The Twilight Saga : Breaking Dawn Part I (มงคลเมเจอร์)


กำหนดฉาย : 18 พฤศจิกายน 2554
แนว : รัก, แอ็คชั่น
นำแสดง : คริสเต็น สจ๊วต, โรเบิร์ต แพททินสัน, เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์
กำกับ : บิล คอนดอน
อำนวยการสร้าง : วิค ก๊อดเฟรย์ (Eclipse, New Moon, Twilight)

รัตติกาลดำเนินสู่จุดตัดสิน การตัดสินครั้งสุดท้ายของหัวใจ สงครามครั้งใหญ่ที่สุดแห่งรัตติกาลกำลังจะอุบัติ

เรื่องย่อ

จากแฟรนไชส์ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2008 ที่ทำรายได้รวมไปกว่า 1,800 ล้านเหรียญทั่วโลก The Twilight Saga: Breaking Dawn คือบทสรุปของมหากาพย์แวมไพร์ ทไวไลท์ ที่จะเปลี่ยนรัตติกาลให้เป็นปรากฏการณ์ครั้งสุดท้าย โดยจะถูกแบ่งเป็นสองภาคคือ The Twilight Saga: Breaking Dawn Part I ที่มีกำหนดฉายในปี 2011 และ The Twilight Saga: Breaking Dawn Part II ในปี 2012

เรื่องราวของความรักที่เป็นอมตะ การต่อสู้ระหว่างกลุ่มแวมไพร์และเผ่าพันธุ์หมาป่า ทุกอย่างถูกตัดสินในสองภาคสุดท้ายของมหากาพย์แวมไพร์ ทไวไลท์ เมื่อชีวิตคู่ของ เบลล่า (คริสเต็น สจ๊วต) และ เอ็ดเวิร์ด (โรเบิร์ต แพททินสัน) ต้องพบกับอุปสรรคสำคัญอย่าง เจคอบ (เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์) ที่ไม่ยอมให้ผู้หญิงที่เขารักถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ ในขณะเดียวกันกลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ ก็กำลังหาเหตุผลกำจัดครอบครัวคัลเลนให้สิ้นซาก

The Twilight Saga : Breaking Dawn Part I เริ่มต้นหลังพิธีแต่งงานของเบลล่าและเอ็ดเวิร์ด เดินทางไปฮันนีมูนที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ทั้งสองมีช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด แต่ด้วยแรงปรารถนาของเบลล่าในการเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ ก็กลายเป็นจุดแตกหักของครอบครัวคัลเลนและฝูงหมาป่าเผ่าควิลยูต ที่เตือนไว้ว่าถ้าเอ็ดเวิร์ด เปลี่ยนเบลล่าเป็นแวมไพร์ สงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์จะต้องอุบัติขึ้น

ไม่นานหลังจากกลับมาเมืองฟอร์คส เบลล่าพบว่าตัวเองงตั้งท้อง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างมนุษย์และแวมไพร์ การกำเนิดของ เรเนสมี ลูกครึ่งมนุษย์-แวมไพร์ ล่วงรู้ไปถึงกลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ ผู้ปกครองเผ่าพันธุ์แวมไพร์ทั้งหมด พวกเขาต้องการที่จะครอบครองเรเนสมี และทำลายครอบครัวคัลเลน ทำให้ทุกคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเตรียมตัวรับมือ โดยขอความช่วยเหลือไปยังกลุ่มแวมไพร์พันธมิตรทั่วโลก เพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย


เกร็ดภาพยนตร์

Breaking Dawn หนังสือเล่มที่ 4 และเป็นเล่มสุดท้ายของวรรณกรรมชุด Twilight ที่เล่าถึงเรื่องของการแต่งงานระหว่างสองเผ่าพันธุ์ การเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ การให้กำเนิดลูกที่เกือบคร่าชีวิตแม่ จุดแตกหักกับกลุ่มแวมไพร์ราชวงค์โวลตูรี่ รวมถึงฝูงหมาป่าแห่งเผ่าควิลยูต โดยถูกวางจำหน่ายในปี 2008 และขายได้ถึง 1.3 ล้านเล่ม ในเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมง ซึ่งก็เป็นการเปิดตัวขายหนังสือในวันแรกที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์

• ผู้กำกับที่มารับหน้าที่กำกับ Breaking Dawn ทั้งสองตอนก็คือ บิล คอนดอน มีผลงานที่การันตีคุณภาพมาโดยตลอด โดยเขาเคยได้รับรางวัลออสการ์จากการเขียนบทเรื่อง Gods and Monsters และกำกับหนังเพลงอย่าง Dreamgirls ที่เข้าชิงถึง 8 รางวัลออสการ์ โดยคอนดอนมีความเชี่ยวชาญในการผลักดันความเข้มข้นออกมาจากเรื่องราว ที่เต็มไปด้วยปมขัดแย้งมากมาย เพื่อให้สมกับเป็นบทสรุปของหนังชุดแห่งทศวรรษ

• ด้วยเรื่องราวในหนังสือ Breaking Dawn มีความยาวถึง 754 หน้า มันจึงถูกแบ่งเป็นสองภาค โดยคำถามของสาวก แวมไพร์ ทไวไลท์ ทั่วโลกก็คือเรื่องราวจะถูกแบ่งตรงไหน โรเบิร์ต แพททินสัน ผู้รับบทเป็นแวมไพร์หนุ่ม เอ็ดเวิร์ด มีคำตอบให้ "พวก เราต้องการให้ผู้ชมเข้าใจความรู้สึกของ เบลล่า ที่ต้องถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ เราจึงไม่ต้องการตัดส่วนไหนออกไปทั้งสิ้น โดยใน Part I จะครอบคลุมพิธีแต่งงาน ฮันนีมูน และการกำเนิดของ เรเนสมี และสิ้นสุดก่อนที่ เบลล่า เริ่มต้นใช้ชีวิตหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ"

คริสเตน สจ๊วต ผู้รับบทเป็น เบลล่า เล่าถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน Breaking Dawn ว่ "เรื่องราวใน Breaking Dawn จะไม่ใช่การช่วงชิงหัวใจ เบลล่าของเอ็ดเวิร์ด หรือ เจคอบ อีกแล้ว เพราะเธอไม่ใช่เบลล่าคนเดิมที่เรารู้จักในสองภาคแรก เพราะเธอมีความมุ่งมั่นในการตัดสินใจตั้งแต่ภาคที่แล้ว จนมาถึงสองภาคสุดท้ายที่จะเป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่และไม่มีทางหันหลังกลับ ได้แล้วของเบลล่า"

• ถ้าใครได้อ่าน Breaking Dawn ก็จะรู้ว่าหนังสือถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ โดยส่วนแรกและส่วนที่สามจะเป็นมุมมองของ เบลล่า ในขณะที่ส่วนที่สองจะถูกเล่าผ่านมุมมองของหมาป่าหนุ่ม โดย เทยเลอร์ เลาท์เนอร์ ผู้รับบทเป็น เจคอบ เผยว่า "พวก เราทำเหมือนในหนังสือ โดยหนังจะหยุดเล่าเรื่องจากมุมมองของ เบลล่า และใช้เวลาเฝ้าติดตาม เจคอบ เมื่อเขาต้องดิ้นรนกับสถานะของตัวเอง เกิดขึ้นเพราะเขารู้สึกเป็นห่วง เบลล่า ที่ต้องรับมือกับการตั้งครรภ์ ในขณะที่เขาก็ไม่สามารถให้อภัยได้เมื่อเธอต้องกลายเป็นแวมไพร์"






Twilight Saga Breaking Dawn

Twilight




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก




 

Create Date : 01 เมษายน 2554   
Last Update : 1 เมษายน 2554 9:23:30 น.   
Counter : 1324 Pageviews.  

7 สิ่งที่ทำให้หญิงเบื่อชาย




1. ต่อมรับรู้อารมณ์ "เสื่อม"
ผู้ชาย ชอบยึดมั่นว่า ตัวเองนั้นเป็นเพศที่ใช้เหตุผล มากกว่าอารมณ์ จึงเห็นว่า การแสดงอารมณ์ของผู้หญิงไม่ว่า จะเป็นอาการน้อยใจ หึง โกรธ คิดมากนั้น เป็นเรื่องไร้สาระ จึงทำตัวเฉยเสีย ไม่สนใจ คิดไปเองว่า เป็นได้ ก็หายเอง ... อ้าว ! คุณคะ ถ้าเค้าไม่รักคุณ เค้าจะน้อยใจ จะหึง จะโกรธคุณเหรอคะ ... ระวังนะคะ ถ้าแฟนสาวของคุณเริ่มมีอาการ เฉยๆ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ยิ้ม รับง่าย ๆ ไม่ว่าคุณจะไปทางไหนล่ะก้อ ขอให้รับทราบได้เลยว่า เจ้าหล่อนหมดรักคุณไปเรียบร้อยแล้วค่ะ

2. ต่อมเสมอต้นเสมอปลาย "วาย"
ตอน จีบใหม่ ๆ เอาใจสารพัด เช้าถึง เย็นถึง จะทำอะไร จะไปไหนเนี่ย "อย่าลืมทานข้าวนะจ๊ะ" ... "อย่านอนดึกนะจ๊ะ" ... จะหันไปทางไหน ตามพันแข้งพันขา เรียกได้ว่า เป็นช่วงทองของคุณผู้หญิงเลยนะคะ เพราะหลังจากที่คุณตกลงปลงใจกับพ่อหนุ่มตัวดีเรียบร้อยแล้ว ขอให้พึงสังวรได้เลยว่า จะไม่ได้รับการปฏิบัติหรือ เอาใจเยี่ยงนี้อีกแล้ว เพราะต่อมความเสมอต้นเสมอปลายของพ่อตัวดีนั้น วาย ไปซะแล้ว

3. เริ่มแสวงหา "งู" มาเป็นสัตว์เลี้ยง
ก็ เข้าใจนะคะว่า อาการเจ้าชู้ กับ ผู้ชายน่ะเป็นของคู่กัน แหม ... อยากให้เราปลง ทีเราหึง ซึ่งเป็นอาการปกติของผู้หญิง ก็มาว่าเราไร้สาระ ... อดไม่ได้หรอกค่ะ ช่วงเดือนแรก ไปไหนมาไหน กินอะไร นั่งมองแต่เรา จนเราเขิลลลล ... แต่นาน ๆ ไปชัก สอดส่ายสายตาไปทั่ว ถ้าไม่เรียกให้รู้สึกตัว ก็มองตามไปนู่น แม่สาวสายเดี่ยวที่เพิ่งเดินสวนกันไป นี่มันอะไรกันจ๊ะ ไหนว่าไม่อยากให้หึง แล้วทำตัวหัวงูทำไม ?

4. ต่อมวิเคระห์เหตุผล ผิดปกติ
ไม่ รู้ไปฝังหัวความเชื่อกันมาจากไหนกันว่า "ผู้ชายชอบใช้เหตุผล ผู้หญิงชอบใช้อารมณ์" ยันกันได้เลย ดิฉันว่า เหตุผลที่พวกผู้ชายเค้าว่า ก็แค่ เหตุผลที่เค้าคิดขึ้นมาเองมากกว่า ยกตัวอย่างง่าย ๆ ผู้หญิงซื้อเสื้อผ้า ก็ว่า ... ไร้สาระ อ้าว !! ที่พวกคุณบ้า กอล์ฟ คอมพิวเตอร์ รถกระป๋อง นั้น มีสาระมาก ๆ ล่ะสิคะ คิดว่าคุณผู้หญิงบางท่าน บางครั้งต้องเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องถามตัวเองว่า เอ๋ ?? นี่ชั้นไร้เหตุผล หรือ เค้าไร้สาระกันแน่นะ ทำไมล่ะคะ ต่างตนต่างมีงานอดิเรกที่ชอบ มีสิ่งที่ทำแล้วสบายใจ การที่คุณจะตีค่าว่า สิ่งที่อีกคนนั้นเป็นสิ่งไร้สาระนั้น ไม่แสดงว่าคุณใจแคบไปหน่อยเหรอคะ ถ้าคุณผู้ชายทั้งหลายคิดว่าตัวเองเป็นเพศที่มีเหตุผลแล้วไซร้ ดิฉันว่าน่าจะลองคิดตริตรอง และเปิดใจกว้างกว่านี้อีกสักนิด .. จะน่ารักมาก ๆ

5. ชอบวางอำนาจ ใจร้อน
สงสัย จะเข้าใจคำว่า "ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง" ผิด ... จึงได้ชอบออกคำสั่ง ผมต้องเป็นผู้นำ สิ่งที่ผมคิดเนี่ย ถูกที่สุดแล้ว !! เอ๋ ?? เข้าใจไรผิดไปเปล่าคะ (O_o) สำนวนข้างต้นเนี่ย มาจากธรรมชาติของช้างที่ว่า เวลาเดิน ช้างจะยกเท้าหลังก่อน แล้วเท้าหน้าจึงก้าว ... ดังนั้นโบราณเค้าหมายความว่า ผู้หญิงน่ะ เป็นผู้นำ เจ้าค่ะ มีอะไรต้องฝังเพศแม่บ้าง เพศหญิงเนี่ย เป็นเพศที่มีความละเอียด รอบคอบ ค่อยคิดค่อยทำ ไม่บ้าเลือด นี่ไงล่ะคะ ผลสำรวจถึงได้ว่า ผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย ก็ผู้ชายน่ะใจร้อน บางครั้งเลยเอาปากไปแหย่เท้า ผู้มีอำนาจ เลยซี้ม่องไปซะก่อนวัยอันควร ผู้หญิงเราบางครั้งก็ระอากับ อาการใจร้อน ยอมไม่ได้ของคุณ ๆ เหมือนกันนะคะ ... ขอบอก

6. ลำเอียง เข้าข้างตัวเอง
คิด ว่าข้าเก่ง ... ข้าแน่ ... ผู้ชายชอบคิดเข้าข้างว่าตัวเอง เก่ง เจ๋ง ... แหม ไม่อยากจะพูดก็ต้องพูด เบื้องหลังความสำเร็จของผู้ชายหลายคนเนี่ย มาจากการมีคู่คิด คู่เคียงที่ดีนะเจ้าคะ แต่ด้วยความเป็นผู้หญิง ก็ไม่อยากจะล้ำหน้า เดี๋ยวจะโดนใบแดงออกจากสนาม ... ก็ได้แต่ เป็นผู้สนับสนุน ปิดทองหลังพระ โดยไม่มีใครรู้ ... จนบางครั้งทำให้พวกหนุ่ม ๆ ลืมตัวไปว่า กว่าจะมีวันนี้ เพราะมีใครคอยช่วยหนุนหลัง คอยเป็นกำลังใจ ข้าได้ดี เพราะข้าเองนี่แหละ อันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง ...

สมัย ที่ บิล คลินตัน ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อครั้งไปเยี่ยมประชาชนที่รัฐๆ หนึ่ง ขณะนั่งในรถและกำลังเดินทางกลับ ก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ยืนโบกมือให้ และภรรยาของเขา ฮิลลารี่ คลินตัน ได้โบกมือตอบ จึงถามไปว่า
บิล : นั่นใคร ?
ฮิลลารี่ : อ๋อ แฟนเก่าชั้นเอง เค้าเป็นเจ้าของฟาร์ม อยู่ที่นี่
บิล : (หัวเราะ) นี่ถ้าคุณตกลงแต่งงานไปกับเค้า ตอนนี้คุณก็คงได้เป็นแค่ เมียเจ้าของฟาร์มล่ะสิ
ฮิลลารี่ : ไม่หรอก ถ้าชั้นแต่งงานกับเค้า ประเทศเราจะมีประธานาธิบดี ที่อดียเคยเป็นเจ้าของฟาร์มต่างหาก
บิล : !!???!!??!!

ว่า กันว่า ผู้นำหลายคนในโลกนี้ ล้วนประสบความสำเร็จได้ เนื่องจากมีผู้หญิงเป็นแรงหนุนที่ดี แต่สงสัยว่าบรรดาคุณผู้หญิงเหล่านี้ จะเห็นว่า บรรดาผู้ชายล้วนหลงตัวเอง และไม่เห็นบุญคุณ สมัยนี้เราจึงเห็น ผู้หญิง หลายคนก้าวขึ้นมามีบทบาทในตำแหน่งผู้นำกันเอง ไม่ว่า จะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือ ผู้นำประเทศก็ตาม

7. ต่อมรัก "เพื่อน" แตก !!
ประการ ที่ 7 นี้เป็นสิ่งที่คุณผู้หญิงทั้งหลายต่างทราบกันดี ว่าผู้ชายของเรานั้น ล้วนรักเพื่อนมากมายขนาดไหน แล้วจะไม่ให้เราเบื่อได้ไงล่ะคะ ก็นัดเราอยู่ดี ๆ พอเพื่อนโทรมา กลับเลื่อนนัดเราซะได้ หรือไม่เวลาเราชวนไปไหน บอกไม่ว่างร่ำไป แต่พอเพื่อนโทรมากริ๊งเดียว ถึงกับแล่นออกไปในทันที ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ขนาดนี้ ทีหลังก็ให้เพื่อนนั่นแหละค่ะ มาพัดมาวี มาเอาอกเอาใจแทนแล้วกัน แหม ... พูดแล้วหงุดหงิดใจ

เอาแค่เบาะ ๆ แค่ 7 ข้อแล้วกันนะคะ เพราะเค้าว่าพูดหญิงน่าเบื่อแค่ 7 ข้อ เราก็เบื่อคุณผู้ชายแค่ 7 ข้อ พอหอมปากหอมคอ อย่าเคืองกันแล้วกันนะ...พ่อคุณ ไหน ๆ คุณก็ว่าพวกเราว่า ขี้บ่น อยู่แล้วนี่นา บ่นแค่นี้ก็อย่าถือเลย ถือว่าเป็นแค่อารมณ์เล็ก ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งแล้วกันจ๊ะ

C : //www.tlcthai.com




 

Create Date : 01 เมษายน 2554   
Last Update : 1 เมษายน 2554 9:09:55 น.   
Counter : 1098 Pageviews.  

6 นิสัยดูแลสุขภาพ... แต่กลับพาให้ป่วย!





เชื่อ ไหมคะว่า กิจวัตรประจำวัน (บางอย่าง) ที่เราทำเพื่อให้สุขภาพร่างกายทั้งเราและลูกแข็งแรงนั้น อาจกลับส่งผลเสียต่อสุขภาพก็เป็นได้ นั่นคือ

1. ออกกำลังกายมากเกิน ร่างกายของเราไม่ต้องการการออกกำลังกายหนัก ๆ ถึง 3-4 วันต่ออาทิตย์ อาทิตย์ละ 30-45 นาทีค่ะ คุณอาจทำโยคะ เดิน ยกน้ำหนักบ้างเล็กน้อยสลับกับการว่ายน้ำ ตีกอล์ฟ และแอโรบิคบ้างก็ได้

2. อาบแดดรับวิตามิน จริงอยู่ร่างกายของเราต้องการวิตามินดี เพื่อช่วยให้กระดูกแข็งแรงและเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย หากคิดจะอาบแดดถ้าเกิน 20 นาทีขึ้นไป ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกครั้ง เพราะไม่อย่างนั้นแทนที่จะได้รับวิตามิน อาจได้รับโรคมะเร็งผิวหนังแทนก็ได้

3. สบู่ ครีมอาบน้ำ กำจัดแบคทีเรีย ใช้บ่อยครั้งแทนที่จะฆ่าแบคทีเรียชนิดแย่ ๆ บางทีมันอาจฆ่าแบคทีเรียชนิดดีที่อาศัยบริเวณผิวหนังของพวกเราออกไปเสียจน หมดสิ้น จะให้ดีใช้สบู่ทั่ว ๆ ไปดีที่สุดค่ะ

4. นอน ๆ ๆ โดยเฉลี่ยพวกเราต้องการการนอนหลับ 8 ชั่วโมงต่อคืน แต่ถ้าคุณนอนน้อยหรือนอนมากกว่า 9 ชั่วโมงขึ้นไป ก็ไม่ดีต่อร่างกาย แถมยังส่งผลให้เราอ้วนหรือกินมากเกินความจำเป็น เกิดอาการสับสน และซึมเศร้าได้อีกด้วย

5. เปิดแอร์เย็น ๆ ตลอดวันคืน ในเครื่องปรับอากาศมีแบคทีเรียและเชื้อโรค รวมถึงฝุ่นผงต่าง ๆ อยู่มากมาย การใช้แอร์ทุกเวลาจึงเป็นการทำลายสุขภาพ ดังนั้น หันมาเปิดหน้าต่าง รับลมเย็น หรือเดินออกไปนั่งเล่นนอกบ้านเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ดีกว่าเยอะค่ะ นอกจากนี้ก็อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดฟิลเตอร์เครื่องปรับอากาศด้วยน้ำอุ่นและ สบู่ พร้อมทั้งตากให้แห้งทุกครั้งก่อนใส่กลับเข้าที่ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัว

6. อาหารออร์แกนิกส์ จำพวกผัก ผลไม้ที่ (มัก) มีราคาสูง ซึ่งคุณมั่นใจนักหนาว่าปลอดภัยนั้น บางครั้งอาจมีสิ่งปนเปื้อน ยาฆ่าแมลง หรือพยาธิ มาทำลายสุขภาพอยู่ก็ได้ ดังนั้นอ่านฉลากข้างอาหารที่คุณซื้อทุกครั้ง แม้จะซื้อจากร้านอาหารเพื่อสุขภาพก็ตามนะคะ

แหล่งที่มา : Momypedia




 

Create Date : 01 เมษายน 2554   
Last Update : 1 เมษายน 2554 9:09:14 น.   
Counter : 894 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]